จำนนรักชายาตัวร้าย - ตอนที่ 135-4 เจ้าปลาน้อยเอ๋ย เจ้าปลายน้อยเอ๋ย มาติดกับเสียดีๆ!
- Home
- จำนนรักชายาตัวร้าย
- ตอนที่ 135-4 เจ้าปลาน้อยเอ๋ย เจ้าปลายน้อยเอ๋ย มาติดกับเสียดีๆ!
จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 135-4 เจ้าปลาน้อยเอ๋ย เจ้าปลายน้อยเอ๋ย มาติดกับเสียดีๆ!
นางกำลังเข้าสู่ช่วงสาวสะพรั่งที่เปี่ยมด้วยความต้องการทางด้านนี้เป็นอย่างมากพอดิบพอดี ซึ่งแต่ก่อนสุ่ยเจ๋อซีไม่เอาไหนเอาเสียเลย มีในบางครั้งที่เขาเกิดมีความต้องการขึ้นมาบ้าง แต่ก็มักจะไปหาอนุภรรยาคนงามคนอื่นเสียนี่
หลายปีที่ผ่านมาทำให้นานแห้งเ**่ยวจนแทบจะเฉาตายอยู่แล้ว
บัดนี้มีหมอเทวดาอยู่ในจวน ทำให้สุ่ยเจ๋อซีกลายเป็นชายชาตรีเสียที เพื่อความสุขของตัวนางเอง หมี่หลานจึงจะต้องพูดเข้าข้างตี้อู่เฮ่ออี้เอาไว้ก่อน
ซึ่งก็จริงอย่างที่คาด หลังจากที่ได้ฟังยืนยันผลลัพธ์จากบุคคลร่วมเรียงเคียงหมอนแล้ว สุ่ยเจ๋อซีก็ยิ่งรู้สึกว่า ‘เหออี้’ คือบุคคลากรผู้เปี่ยมด้วยความสามารถเหนือคนทั่วไป
ใช้เวลาเพียงไม่นาน ก็เห็นผลลัพธ์ในการรักษาที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้
ต่อให้เป็นตี้อู่เจ๋อในอดีต ก็ยังไม่เก่งกาจเท่านี้เลยด้วยซ้ำ!
“ฮูหยิน เจ้าวางใจเถอะ! เขาถือเป็นกำลังสำคัญของสกุลสุ่ยเรา ข้าจะต้องตอบแทนเขาอย่างดี! เพียงแต่ว่าตอนนี้ เจ้าช่วยทำให้พี่ชื่นใจก่อนจะได้ไหม?”
สุ่ยเจ๋อซียิ้มกว้างพร้อมกับสายตาวิบวับ จากนั้นก็ทาบทับบนร่างของหมี่หลานอีกครั้ง
“นายท่าน คนใจร้าย!” ปากก็บอกว่าใจร้าย แต่ในใจกำลังยิ้มกริ่ม
คนทั้งสองพากันไปเยือนสวรรค์อีกครั้ง จวบจนะกระทั่งถึงยามโฉ่ว ทั้งคู่จึงได้กกกอดกันหลับหลับไป
เช้าวันที่สอง สุ่ยเจ๋อซีท่าทางสดชื่นกระปรี้กระเปร่าหน้าตาอิ่มเอิบเข้ามาหาตี้อู่เฮ่ออี้ เมื่อได้พบหน้าตี้อู่เฮ่ออี้สิ่งแรกที่สุ่ยเจ๋อซีกระทำนั่นก็คือเรียก ‘ท่านหมอเทวดา’ แล้วตวัดชายกระโปรงทำท่าจะคุกเข่าลงเพื่อเป็นการขอบคุณทันที
แต่แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงการเสแสร้งเท่านั้น เขาหาได้ต้องการจะทำจริงไม่
ส่วนตี้อู่เฮ่ออี้แน่นอนว่าย่อมต้องรีบเข้ามาประคองเขาเอาไว้ก่อนที่เข่าของเขาจะถึงพื้น
การที่ ‘เหออี้’ รู้หน้าที่รู้เวล่ำเวลาของตนเอง นั้นทำให้สุ่ยเจ๋อซีพึงพอใจเป็นอย่างมาก
“นายท่านท่าทางสดชื่นดีนะขอรับ!”
ตี้อู่เฮ่ออี้กล่าวยิ้มๆ สุ่ยเจ๋อซีได้ยินดังนั้นก็หูผึ่งทันที
“ต้องขอบคุณท่านหมอเทวดา! วิชาแพทย์ของท่านยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”
ที่สุ่ยเจ๋อซีมาในวันนี้อย่างแรกก็เพื่อต้องการขอบคุณตี้อู่เฮ่ออี้ อย่างที่สองก็เพื่อจะถามถามไถ่ว่าเขาคิดจะทำอย่างไรต่อไป
“นายท่านต้องเดินทางไปที่สกุลหลิว? ไปกลับใช้เวลาครึ่งเดือน? ได้ขอรับ! ขอนายท่านวางใจเดินทางให้สบายเถิด! ข้าอยู่ทางนี้จะเตรียมส่วนผสมของยาเอาไว้ เพื่อที่จะปรุงเป็นยาให้กับนายท่าน! เมื่อนายท่านเดินทางกลับมา ยาก็คงจะปรุงเสร็จเรียบร้อยพอดี! ถึงตอนนั้นนายท่านก็ดื่มยาไปพลางๆก่อน รอจนน้องสาวและน้องเขยของข้ามาถึง! ข้าจะให้น้องสาวของข้าตรวจอาการให้กับท่าน แล้วเราสองพี่น้องก็จะช่วยกันปรึกษาหารือทำการรักษาด้วยกัน!”
ตอนนี้ไม่ว่าตี้อู่เฮ่ออี้จะพูดหรือบอกอะไร สุ่ยเจ๋อซีก็เชื่อถือทุกอย่าง ลูกชายที่เขารอคอยยังต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากตี้อู่เฮ่ออี้นี่นา!
“ดีๆ! ข้าเชื่อฟังท่านทุกอย่าง! ท่านหมอเทวดาเหอ สมุนไพรในห้องยาท่านหยิบใช้ได้เต็มที่!”
สุ่ยเจ๋อซีทุ่มเทเต็มที่ ในเวลาเช่นนี้เขาจะมาตระหนี่ถี่เหนียวอยู่ไม่ได้
“ฮิๆ นายท่าน ยาสมุนไพรที่ต้องใช้เกรงว่าในห้องยาของเราคงจะไม่เหลือแล้ว ให้ข้าขึ้นเขาไปเก็บยาด้วยตนเองดีจะดีกว่า!”
ตี้อู่เฮ่ออี้กล่าว
ไม่มีปัญหา! ว่าแล้วสุ่ยเจ๋อซีก็หยิบป้ายคำสั่งอันหนึ่งส่งให้กับตี้อู่เฮ่ออี้
“ท่านเก็บป้ายคำสั่งนี่เอาไว้ ต่อไปท่านก็จะสามารถเข้าออกสกุลสุ่ยได้ทุกเวลา! หากต้องการคนช่วยเหลือ ให้สุ่ยเจียงจัดการให้! ท่านหมอเทวดาเหอ คิดเสียว่าที่คือบ้านของท่านแล้วกันนะ!”
สิ่งที่ตี้อู่เฮ่ออี้กล่าวมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ ก็เพื่อเจ้าสิ่งนี้นี่เอง
‘ป้ายคำสั่ง’ สามารถเข้าออกสกุลสุ่ยได้อย่างสะดวกโยธิน
หากไม่มีเจ้านี่ เขาคงจะไม่มีทางพาคนออกไปได้อย่างแน่นอน
ว่าแล้วตี้อู่เฮ่ออี้ก็เก็บป้ายคำสั่งใส่ลงกระเป๋าเอาไว้อย่างดิบดี จากนั้นตี้อู่เฮ่ออี้ก็เชื้อเชิญสุ่ยเจ๋อซีเข้าไปในห้องเพื่อฝังเข็มและนวดผ่อนคลายให้กับเขาจนแล้วเสร็จ สุ่ยเจ๋อซีถึงได้กลับออกไปด้วยความพึงพอใจ
ตกบ่าย สุ่ยเจ๋อซีก็เก็บข้าวของแล้วออกเดินทางไปจากสกุลสุ่ยพร้อมกันกับหมี่หลานฮูหยินของเขา
สุ่ยอวิ๋นเอ๋อร์คือลูกสาวแท้ๆของของหมี่หลาน คราวนี้สุ่ยเจ๋อซีใช้การไปเยี่ยมบุตรสาวที่ตั้งครรภ์เป็นข้ออ้างไปที่สกุลหลิว แน่นอนว่าย่อมต้องพาหมี่หลานเดินทางไปด้วยกัน
ซึ่งหมี่หลานยังมีประโยชน์อื่นอีกด้วย
ระหว่างทางคงจะน่าเบื่อหน่ายไม่น้อย จึงต้องหาอะไรสนุกๆทำเสียบ้าง พอดีเลยจะได้ทดสอบประสิทธิภาพจากการรักษาด้วย!
หากว่าสามารถทำให้หมี่หลานตั้งครรภ์ได้ละก็ เขาก็คงจะดีใจมาก!
แน่นอนว่าเรื่องนี้เอาไว้พูดทีหลัง
ส่วนสุ่ยเจียงก็ได้รับคำสั่งจากสุ่ยเจ๋อซีว่าให้ตั้งใจทำตามคำสั่งของตี้อู่เฮ่ออี้ ตี้อู่เฮ่ออี้ให้ทำอะไร เขาจงตระเตรียมตามนั้น
อีกทั้งหลังจากที่สุ่ยเจียงกินยาตามที่ตี้อู๋เฮ่ออี้สั่งให้แล้ว เมื่อเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นก็มีก้อนนิ่วขนาดเท่าถั่วเขียวหลุดออกมาพร้อมกับปัสสาวะทันที ดังนั้นจึงทำให้เขาเคารพเลื่อมใสตี้อู่เฮ่ออี้ทั้งกายและใจ บวกกับมีคำสั่งจากสุ่ยเจ๋อซีเข้ามาอีก สุ่ยเจียงจึงต้องประจบสอพลอหมอคนนี้ให้มากทีเดียว
ดังนั้นทุกอย่างจึงถูกจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อย เหลือก็เพียงแต่รอโอกาสที่เหมาะสมเท่านั้น!
หลังจากที่สุ่ยเจ๋อซีออกจากสกุลสุ่ยไปเป็นวันที่สี่ ซึ่งตี้อู่เฮ่ออี้แน่ใจแล้วเขาไม่ได้อยู่ในถิ่นของสกุลสุ่ยและอยู่ห่างจากเมืองลู่ไปไกลแล้ว เชียนเย่เสวี่ยถึงได้นำกุญแจที่สุ่ยเยว่เอ๋อร์แกะสลักมายังคุกใต้ดิน
แน่นอนว่าต้องทำให้ทหารสองคนที่เฝ้ายามอยุ่ด้านหน้าสลบเสียก่อน เชียนเย่เสวี่ยจึงเข้ามาถึงประตูของคุกใต้ดินได้
สองสามวันนี้เชียนเย่เสวี่ยไม่ได้มาที่นี่เลย นั่นทำให้อวี้ซิงฉงเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย
แต่เขาคือแม่ทัพผู้นำกองกำลังทหารนับพันไปออกทัพจับศึกมานักต่อนัก ดังนั้นจิตใจของเขาจึงทานทนกับสภาวะเคร่งเครียดเช่นนี้ได้ ดังนั้นจึงสงบใจรอข่าวอยู่ที่คุกใต้ดิน
จวบจนกระทั่งเชียนเย่เสวี่ยปรากฏตัว อวี้ซิงฉงถึงได้วางใจ
ปึ่ง!
เสียงประตูกถูกเปิดออก เชียนเย่เสวี่ยโยนกุญแจไม้สาลี่ให้กับอวี้ซิงฉง
“รับเอาไว้เถอะ นี่คือกุญแจที่เยว่เอ๋อร์แกะสลักด้วยตัวเองเพื่อช่วยท่าน! มีคุณค่าทางใจยิ่งนัก!”
ได้ยินเชียนเย่เสวี่ยกล่าวเช่นนั้น อวี้ซิงฉงก็รีบรับเอากุญแจดอกนั้นมาเก็บเอาไว้กับตัวทันที เพราะมันเป็นอย่างที่เชียนเยว่เสวี่ยว่าเอาไว้จริงๆ ที่ว่ามันเป็นของที่เต็มไปด้วยความหมายทางใจ
เขาจะเก็บรักษามันเอาไว้เป็นอย่างดี ตลอดไป!
“แล้วพวกเขาละ?” ขณะที่กำลังจะกลับออกไปจากคุกนั้น เชียนเย่เสวี่ยก็ชี้ไปที่ร่างของทหารสองคนที่นอนสลบอยู่บนพื้น
“ฆ่าทิ้ง!” อวี้ซิงฉงตรงเข้าหักคอของทหารทั้งสองคนเสีย แล้วจัดแจงลากคนหนึ่งเข้าไปไว้ภายในคุกใต้ดินจัดท่าให้ดูราวกับเขากำลังนั่งอยู่ ส่วนอีกคนก็เช่นกัน มองด้วยตาราวกับว่าหทารสองคนกำลังสังสัปหงกอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“อื้ม วิธีนี้ดีเยี่ยมทีเดียว”
เชียนเย่เสวี่ยหัวเราะออกมาแล้วเอ่ยว่า
“เห็นแบบนี้แล้ว ท่านดูคล้ายเหมือกันพี่ชายของเยียนเอ๋อ์จริงๆเลยนะเนี่ย!”
‘เพราะทั้งสองลงมือด้วยความโหดเ**้ยมเหมือนกันไม่มีผิด’
‘นี่มันพี่น้องกันชัดๆนี่นา!’
“พวกเขาจะมาส่งข้าวให้ข้าสามวันครั้ง วันนี้ช่วงเช้าพวกเขามากันแล้ว”
อวี้ซิงฉงกล่าว
ดังนั้น อีกสามวันให้หลังก็มีเวลาเหลือเฟือที่จะให้พวกนางหลบหนี รอจนกระทั่งเชียนเย่เสวี่ยพาอวี้ซิงฉงเข้าไปที่ห้องรับแขก
เมื่ออวี้ซิงฉงได้พบตี้อู่เฮ่ออี้แล้วและคนทั้งสองเปิดเผยฐานะของตนเองเป็นที่เรียบร้อย ครั้นเมื่ออวี้ซิงฉงได้ยินว่าตี้อู่เฮ่ออี้มาจากเผ่าตัน และยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกับอวี้เฟยเยียน เขาก็ไม่รู้สึกแปลกเลยแม้แต่น้อย
“ข้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเยียนเอ๋อร์มิใช่น้องสาวแท้ๆของข้า ท่านปู่บอกกับข้าตั้งแต่แรกแล้ว”
อวี้ซิงฉงเผยรอยยิ้มบนใบหน้าอันหล่อเหลา
“ตอนนี้พวกเจ้าได้มาเจอกัน ก็นับว่าเป็นเรื่องดี! มีคนที่รักเยี่ยนเอ๋อร์เพิ่มมาอีกหนึ่งคนแล้ว!”
อวี้ซิงฉงนิสัยเปิดเผยจริงใจ ทำให้ตี้อู่เฮ่ออี้รู้สึกชื่นชมในตัวเขายิ่งนัก
“ท่านพูดผิดแล้ว ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่มากขึ้นเยอะเลยต่างหาก!” ตี้อู่เฮ่ออี้ยกนิ้วทั้งห้าขึ้นมานับ
“ข้ายังมีพี่ชายอีกห้าคน เมื่อเยียนเอ๋อร์ไปถึงที่เผ่าตันแล้ว นางยังคงเป็นน้องสาวคนสุดท้องอยู่ดังเดิม!”
“ฮ่าๆ เช่นนั้นก็ยอดเยี่ยมไปเลย!” อวี้ซิงฉงรู้สึกดีใจกับอวี้เฟยเยียนด้วยใจจริง
มีพี่ชายแปดคน เยี่ยนเอ๋อร์ เจ้านับว่ามีวาสนาโดยแท้!