จำนนรักชายาตัวร้าย - ตอนที่ 136-4 สุ่ยจูเอ๋อร์ เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือไร?
จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 136-4 สุ่ยจูเอ๋อร์ เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือไร?
ยังไม่ทันที่จะมีคนตอบคำถามของเขา ก็มีเสียง ปูดๆๆ ดังขึ้นอีกระลอก ในตอนนั้นเองสุ่ยเจียงจึงเพิ่งจะพบว่า ที่มาของกลิ่นเหม็นนั้นมาจากสุ่ยจูเอ๋อร์ที่อยู่บนเตียงนั่นเอง
‘สวรรค์!’
‘นี่คุณหนูสามอุจจาระรดกางเกงตัวเอง?’
‘นางรู้ไหมว่าตนเองกำลังทำเรื่องอับอายขายหน้าอยู่!’
คนที่อยู่ในห้องเกือบจะถูกกลิ่นไข่เน่าจากอุจจาระมอมจนแทบอยากจะอาเจียนออกมา แต่เมื่อพวกเขาเห็นสีหน้าเคร่งเครียดหนักใจของสุ่ยเจียงเข้า ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมา แต่ละคนเอาแต่กลั้นหายใจสุดฤทธิ์ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงอะไรออกมาทั้งสิ้น
ในขณะที่ต้นเรื่องอย่างสุ่ยจูเอ๋อร์ ราวกับไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังก่อเรื่องที่น่าขยะแขยงน่าสะอิดสะเอียดมากเพียงไหน นางยังคงตั้งหน้าตั้งตายัดของเข้าปากต่อไปเรื่อยๆ
‘กินไปพลาง ถ่ายไปพลาง?’
‘เข้าข้างบน ออกข้างล่าง?’
เมื่อเห็นภาพนั้น ในที่สุดสุ่ยเจียงก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาพุ่งตัวออกมาไปอาเจียนอย่างหนักที่ด้านนอกโดยที่มือคว้าราวจับเอาไว้
‘นี่มันเรื่องอะไรกัน? คุณหนูสามโดนคุณไสย?’
สุ่ยเจียงไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยว่าสุ่ยจูเอ๋อร์จะกลายเป็นเช่นนี้ แม้ว่าสุ่ยเจียงจะผ่านโลกมามากมาย แต่ ‘โลก’ ที่เห็นตรงหน้านี้ ข้าเพิ่งจะเคยได้พบเห็นเป็นครั้งแรก
หลังจากที่อาเจียนจนดีขึ้นมากแล้ว สุ่ยเจียงก็สั่งลงกลอนเรือนสุ่ยเยว่เอาไว้
สุ่ยจูเอ๋อร์ในสภาพนี้จะให้คนนอกเห็นไม่ได้ มิฉะนั้นชื่อเสียงของคุณหนูสกุลสุ่ยคงต้องเสียหายป่นปี้ไม่เหลือเป็นแน่!
อีกอย่าง เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกับสุ่ยจูเอ๋อร์ มันน่าสงสัยยิ่งนัก
ในเวลาเพียงแค่วันเดียว สุ่ยเยว่เอ๋อร์ ตี้อู่เฮ่ออี้ เชียนเย่เสวี่ยก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย สุ่ยจูเอ๋อร์กลายเป็นเช่นนี้ เบื้องหลังจะต้องมีความลับอะไรซุกซ่อนอยู่เป็นแน่?!
เมื่อคิดได้ดังนั้น ดวงตาของสุ่ยเจียงก็วาวโรจน์
“ทหาร รีบไปที่คุกใต้ดิน! เร็ว!”
สาเหตุที่สุ่ยเยว่เอ๋อร์ถูกกักบริเวณ นั่นก็เป็นเพราะว่านางไปหลงรักคนที่ไม่ควรรัก
สุ่ยเยว่เอ๋อร์หายออกไปจากบ้าน เป็นไปไม่ได้ที่นางจะแอบหลบหนีไปเพียงคนเดียว นอกเสียจากว่า…
หัวใจของสุ่ยเจียงเต้นระส่ำไม่สงบ จนกระทั่งได้คำตอบ เมื่อเห็นทหารสองคนที่เฝ้าคุกใต้ดินตายและอวี้ซิงฉงหายไป
“บัดซบ! “
สุ่ยเจียงกำหมัดต่อยกับกำแพง
ในที่สุดเขาก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนถึงบัดนี้
สุ่ยเยว่เอ๋อร์ อวี้ซิงฉง หมอเหออี้ และ เชียนเย่เสวี่ย พวกเขาเป็นพวกเดียวกัน!
แม้ว่าสุ่ยเจียงจะไม่รู้ว่าสุ่ยเยว่เอ๋อร์รู้จักกับตี้อู่เฮ่ออี้และเชียนเย่เสวี่ยได้อย่างไร แต่มีสิ่งหนึ่งที่สุ่ยเจียงแน่ใจ นั่นก็คือ ตี้อู่เฮ่ออี้และเชียนเย่เสวี่ยมาที่นี่ก็เพื่อช่วยเหลือสุ่ยเยว่เอ๋อร์และอวี้ซิงฉงหลบหนี!
‘น่าโมโหที่สุด!’
‘ที่เขาถูกพวกมันปั่นหัวจนมึนงงไปหมด!’
สุ่ยเจียงในตอนนี้ไม่เห็นแก่บุญคุณที่ตี้อู่เฮ่ออี้ช่วยรักษาอาการป่วยให้เขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ในใจของเขาเต็มไปด้วยความคลั่งแค้น คนที่ออกไปจากจวนเมื่อวานนี้ไม่ใช่สุ่ยจูเอ๋อร์ แต่เป็นคุณหนูรองสุ่ยเยว่เอ๋อร์ต่างหาก
ส่วนชายหน้าตาอัปลักษณ์ที่อยู่ข้างหลัง จะต้องเป็นอวี้ซิงฉงอย่างแน่นอน!
‘ดีนี่!’
‘พวกมันทั้งสี่คนวางแผนเอาไว้อย่างรัดกุมสมบูรณ์แบบโดยไม่มีจุดบกพร่อง!’
‘สารเลว!’
สุ่ยเจียงในตอนนี้เจ็บแค้นตี้อู่เฮ่ออี้อย่างที่สุด เขารึหลงคิดว่าหมอผู้นั้นเป็นคนดี แต่อีกฝ่ายกลับหลอกใช้ความไว้เนื้อเชื่อใจของเขา แทงข้างหลังเขาอย่างเจ็บแสบที่สุด
“ทหาร ดูแลคุณหนูสามให้ดี! เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ห้ามใครแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด!”
สุ่ยเจียงลุกยืนขึ้น สีหน้าเ**้ยมเกรียม
ตาเหลือบมองไปที่สุ่ยจูเอ๋อร์ที่เนื้อตัวเลอะเปรอะเปื้อนสิ่งปฏิกูลตั้งแต่หัวจรดเท้า กำลังตั้งหน้าตั้งตากินของตรงหน้า วูบหนึ่งในแววตาของสุ่ยเจียงก็ฉายแววสะอิดสะเอียนขึ้นมา
แต่ไม่ว่าสุ่ยเจียงจะรู้สึกสะอิดสะเอียดกับภาพที่เห็นตรงหน้ามากเพียงใด ก็ยังคงสั่งการให้หมอที่เชิญมาดูแลสุ่ยจูเอ๋อร์ให้ดี
สุ่ยเยว่เอ๋อร์หลบหนีไป สุ่ยจูเอ๋อร์ก็มาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้อีก สุ่ยเจียงสามารถนึกภาพออกได้เลยว่า สุ่ยเจ๋อซีหลับมาจะอาละวาดเพียงใด
สุ่ยเจ๋อซีเลี้ยงดูบุตรสาวมาตั้งหลายปี ก็เพื่อต้องการใช้ประโยชน์จากบุตรสาวเพื่อดึงตระกูลใหญ่ต่างๆมาเป็นพวก
ใครจะคาดคิดว่า ฉับพลันจะต้องสูญเสียลูกสาวไปถึงสองคนภายในเวลาเดียวกัน
เขาจะต้องตามจับสุ่ยเยว่เอ๋อร์กลับมาให้ได้ก่อนที่สุ่ยเจ๋อซีจะกลับมา มิเช่นนั้นหัวของเขาจะต้องย้ายที่อย่างแน่นอน
กลับออกจากเรือนสุ่ยเยว่ สุ่ยเจียงก็ตามจักรพรรดิอาวุโสสามคนออกไปตามหาพวกเขาพร้อมกับตนเอง
ในสายตาของสุ่ยเจียง รับมือกับพวกของตี้อู่เฮ่ออี้ที่วรยุทธ์อ่อนด้อยเช่นนั้น พวกเขาไปกันสี่คนก็เหลือเฟือแล้ว เรื่องในวันนี้มิอาจทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ส่วนหนึ่งเพราะสุ่ยเยว่เอ๋อร์หนีตามอวี้ซิงฉงไป! อีกทั้งเรื่องที่สุ่ยจูเอ๋อร์กลายสภาพเป็นเช่นนี้ยิ่งมิอาจให้คนภายนอกล่วงรู้ได้ใหญ่!
ดังนั้น สุ่ยเจียงจึงตั้งใจติดตามพวกเขาไปอย่างลับๆ
สุ่ยเจียงสั่งการอีกเล็กน้อย จากนั้นจึงพากันกับจักรพรรดิอาวุโสอีกสามคนตามไปลากคอพวกตี้อู่เฮ่ออี้ทันที
ในเวลาเดียวกัน ตี้อู่เฮ่ออี้ก็ได้ส่งข่าวผ่านพิราบสื่อสารไปให้กับซย่าโหวฉิงเทียนอีกครั้ง โดยเขียนเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาเข้าใจได้ง่ายๆ ทั้งยังเขียนถึงอวี้ซิงฉงและสุ่ยเยว่เอ๋อร์อีกด้วย
เมื่อได้รับจดหมาย อวี้เฟยเยียนแทบไม่เชื่อสายตา
“พี่ใหญ่! พี่เฮ่ออี้และเสวี่ยตามหาพี่ใหญ่จนเจอ! ดีจริงๆเลย!”
ด้วยความทรงจำจากอวี้เฟยเยียนคนก่อน อวี้เฟยเยียนรู้ดีว่าพี่ชายคนโตของนาง อวี้ซิงฉงดีกับนางเป็นอย่างมาก เพราะอวี้จิงเหลยและอวี้เชียนเสวี่ยมีภารกิจมากมาย ดังนั้นคนที่อยู่เป็นเพื่อนกับอวี้เฟยเยียนมากกว่าก็คือพี่ชายคนโตคนนี้นั่นเอง
อวี้เฟยเยียนดีใจ ซย่าโหวฉิงเทียนก็ดีใจเช่นกัน
ซย่าโหวฉิงเทียนเอื้อมมือไปยี้หัวของอวี้เฟยเยียนอย่างแสนรัก แล้วดึงนางเข้ามาในอ้อมอก
“นึกไม่ถึงว่าอวี้ซิงฉงจะมาที่เมืองอู๋โยวนี่เช่นกัน ทั้งยังหาพี่สะใภ้ให้กับเจ้าอีกคนหนึ่งด้วย!” ซย่าโหวฉิงเทียนเคยพบกับอวี้ซิงฉงมาก่อน อวี้ซิงฉงถือเป็นลูกหลานสกุลอวี้อย่างแท้จริงคนหนึ่ง
ตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์ นิสัยดื้อรั้น หัวแข็ง แต่นับเป็นคนที่ไม่เลวคนหนึ่ง
“นั่นนะสิ! ในตอนแรกเสวี่ยอยากจะเป็นพี่สะใภ้ของข้า ใครจะคาดคิดว่านางจะจับพลัดจับผลูไปเป็นพี่สะสะใภ้ของพี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับข้าแทน แล้วพี่สะใภ้ใหญ่ของข้าก็กลับกลายเป็นสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองอู๋โยวเชียว!”
อวี้เฟยเยียนกล่าวพร้อมกับมองหน้าซย่าโหวฉิงเทียนท่าทางมีความสุข
“ได้พบกับพี่ใหญ่ที่นี่ ดีจริงๆเลย!”
“แมวน้อย——”
ซย่าโหวฉิงเทียนกัดเบาๆที่ใบหูของอวี้เฟยเยียน
“ในสายตาของพี่ เจ้าต่างหากที่สวยที่สุด!”
ซย่าโหวฉิงเทียนไม่สนใจสาวงามอันดับหนึ่งอะไรนั่นแม้แต่น้อย แมวน้อยของเขางดงามที่สุด ดีที่สุด!
“จริงนะ?” อวี้เฟยเยียนเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตสุกใสของนางวูบหนึ่งฉาบเอาไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์
“ข้าสวยตรงไหน?”
อวี้เฟยเยียนกำลังอารมณ์ดีมากทีเดียว ก่อนหน้านี้นางเอาแต่คอยเป็นห่วงตี้อู่เฮ่ออี้และเชียนเย่เสวี่ยมาตลอด
นึกไม่ถึงว่าพวกเขาปลอดภัยสบายดี ทั้งยังตามหาอวี้ซิงฉงจนพบ สำหรับอวี้เฟยเยียนแล้วเรื่องนี้นับเป็นข่าวที่ดีมากจริงๆ!
“เจ้าสวยทุกตรง!” น้ำเสียงของซย่าโหวฉิงเทียนเริ่มแหบพร่า
“เมื่อสวมใส่เสื้อผ้าก็สวย เปลื้องออก ก็ยิ่งสวย!”
“จิ้งจอกลามก——”
อวี้เฟยเยียนได้ยินดังนั้น แก้มทั้งสองข้างก็แดงระเรื่อ
“ทำไมข้ารู้สึกว่าหน้าของท่านยิ่งหนาขึ้นเรื่อยๆ คำพูดก็ยิ่งลามกมากขึ้นเรื่อยๆนะ?”
“พี่ยังมีลามกกว่านี้อีกนะ!” ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวจบก็ขยับเข้ามาแนบชิดกับอวี้เฟยเยียน
“เจ้าอยากจะลองดูไหม?”
“ไม่! ไม่เอาดีกว่า!” เหลือบมองไปที่รอบกายเป็นป่าลึกรกชัดว่างเปล่า อวี้เฟยเยียนก็ส่ายหน้าเป็นพัลวัน
จะมาทำศึกรักที่แสนเร่าร้อนในป่ารึกห่างไกลเช่นนี้ มันช่างไม่เหมาะสมกับเวลาสถานที่เอาเสียเลย!
ก่อนหน้านี้เพราะรีบร้อนเดินทาง เมื่อตกกลางคืน นางและเขาก็จะขี่ม้า อวี้เฟยเยียนจึงสามารถนอนหลับในอ้อมอกของซย่าโหวฉิงเทียนได้ สุดท้ายการรีบเร่งเดินทางหลับกายเป็นการ ‘การขย่มม้าศึกในสนามรัก’ ที่น่าละอายขายหน้าแทนนะสิ
ซย่าโหวฉิงเทียนไม่เคยลิ้มลองท่วงท่าเช่นนี้มาก่อน แต่อวี้เฟยเยียนยังไม่โอกาสจะได้คัดค้าน ก็ถูกเขามัดมือชกให้ลงสนามรักเสียแล้ว
ค่ำคืนนั้นดวงจันทร์สุกใส เป็นครั้งแรกที่อวี้เฟยเยียนได้รู้ว่า เรื่องบนเตียงซย่าโหวฉิงเทียนก็มีทักษะที่ยอดเยี่ยม เรื่องขี้ม้าเขาก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน เมื่อคนทั้งสองหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ยิ่งเป็นสิ่งวิเศษไร้เทียมทานอย่างที่สุด
ยิ่งหวนนึกถึงอวี้เฟยเยียนก็รู้สึกเขินอายจนอยากจะเอาหน้ามุดหนี ขุดหลุมฝังตนเองไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด ไม่อยากเห็นดวงตาดวงตาพริ้มพราววิบวับของชายตรงหน้านี้อีกต่อไป
“ไม่อยากจริงๆหรือ?”
ดวงตาของซย่าโหวฉิงเทียนมีดวงไฟกำลังแผดเผาและมันแวววาวสื่อความอะไรบางอย่าง ซึ่งเพียงแค่มองดูอวี้เฟยเยียนก็เข้าใจความหมายในทันที
สัตว์มันกินพืชมิใช่หรือ?
แล้วเหตุใดตอนนี้ซย่าโหวฉิงเทียนถึงกลายเป็นสัตว์ป่ากินเนื้อเต็มตัวไปเสียแล้ว!
“ไม่ต้องการ! ท่านทำไปคนเดียวเถอะ!”
อวี้เฟยเยียนรีบมุดร่างออกจากอ้อมอกของเขา กระโดดไปยังม้าของตัวเองแล้วตวัดแซ่ในมือ ม้าก็วิ่งห้อตะบึงออกไปทันที