จำนนรักชายาตัวร้าย - ตอนที่ 137-1 จากตาย
จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 137-1 จากตาย
“เจ้าตัวน้อยจอมขี้ขลาด!”
มองดูอวี้เฟยเยียนที่หลบหลีกเขาไปเสียจนไกลลิบแล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนก็ส่ายหน้าเบาๆ
‘หรือว่าแมวน้อยไม่ชอบฝึกร่วม?’
แต่ทุกครั้ง เรือนร่างของนางก็จะแดงระเรื่อราวกับดอกไม้สีแดงสดกำลังบานสะพรั่งก็อย่างไรอย่างนั้นทีเดียวนี่นา ยังมีดวงตาที่สุกใสคู่นั้น และเสียงขอร้องอ้อนวอนที่แสนจะนุ่มนวลนั่นอีก มันล้วนแต่บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่านางชื่นชอบการฝึกร่วมของเขาและนางนี่นา!
‘ผู้หญิงนี่ช่างขัดแย้งในตัวเองจริงๆ!’
แต่ก็เพราะความซับซ้อนที่สามารถเปลี่ยนแปลงพลิกแพงได้มากมายนี่แหละ ทำให้คนมองนางไม่ออก ทำให้นางน่าค้นหา ทำให้เขาอยากจะเข้าไปค้นหาตัวตนของที่แตกต่างกันของนางไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย!
ซย่าโหวฉิงเทียนรีบเร่งตามอวี้เฟยเยียนไปอย่างรวดเร็ว
“แมวน้อย พี่รักเจ้า! และรักการฝึกร่วมกับเจ้าด้วย!”
‘ฝึกร่วมกับผีนะสิ——’
ดวงตาสุกใสกลมโตของอวี้เฟยเยียนทั้งเขินอายทั้งขุ่นเคือง หมอนี่ผีดิบดูดเลือดที่จ้องแต่จะเอาเปรียบนางตลอดเวลา เจ้าสัตว์ร้าย!
‘คนร้ายกาจ!’
อวี้เฟยเยียนขี้เกียจจะสนใจซย่าโหวฉิงเทียนอีกต่อไป สิ่งที่นางต้องการมากที่สุดในตอนนี้นั่นก็คือ รีบไปพบกับตี้อู่เฮ่ออี้และเชียนเยเสวี่ยให้เร็วที่สุด
นี่เป็นครั้งแรกที่นางจะได้พบหน้าอวี้ซิงฉง!
พี่ชายของนางในยุคนี้กับพี่ชายของนางในยุคปัจจุบัน หากเทียบกันแล้วไม่รู้ว่าจะมีอะไรที่เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
อวี้เฟยเยียนและซย่าโหวฉิงเทียนกำลังรีบร้อนเดินทางไป
ส่วนอีกด้าน สุ่ยเจียงก็นำกำลังจักรพรรดิอาวุโสอีกสามคนรีบเร่งเดินทางตามจับสุ่ยเยว่เอ๋อร์เช่นกัน
เรื่องที่เกิดขึ้นที่จวนทั้งหมด สุ่ยเจียงได้เขียนพิราบสื่อสารไปแจ้งให้กับสุ่ยเจ๋อซีได้รู้ทุกอย่างโดยไม่มีหมกเม็ด เกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ขึ้น เขาจะต้องรายงานให้นายท่านได้รับรู้
ตอนที่เขาออกมาจากจวนนั้น ได้สั่งให้คนลงกลอนเรือนสุ่ยเยว่เอาไว้ แล้วป่าวประกาศออกไปภายนอกว่า สุ่ยเยว่เอ๋อร์และสุ่ยจูเอ๋อร์ล้มป่วย จึงจำเป็นต้องกักบริเวณเพื่อรักษาตัวสักระยะ เพราะนอกเสียจากเหตุผลนี้ สุ่ยเจียงก็คิดหาข้ออ้างอื่นใดไม่ออกอีกแล้ว
เพื่อที่จะตามหาพวกของสุ่ยเยว่เอ๋อร์ได้รวดเร็วขึ้น สุ่ยเจียงจึงตั้งใจพาสุนัขดมกลิ่นที่สกุลสุ่ยเลี้ยงเอาไว้มาด้วย
สุนัขดมกลิ่น ชื่อก็บอกเอาไว้อย่างชัดเจนว่า เชี่ยวชาญการดมกลิ่นติดตามตัว
หลังจากที่ดมกลิ่นเสื้อผ้าของสุ่ยเยว่เอ๋อร์ ตี้ฮู่เฮ่ออี้และเชียนเย่เสวี่ยแล้ว เจ้าสุนัขดมกลิ่นก็พุ่งตัวออกไปทันที พวกของสุ่ยเจียงจึงรีบตามออกไปติดๆ
จะสามารถตามตัวสุ่ยเยว่เอ๋อร์กลับมาได้หรือไม่ ก็ต้องพึ่งเจ้าสุนัขดมกลิ่นตัวนี้แล้ว
สุนัขดมกลิ่นออกจากเมืองลู่ มุ่งหน้าทางทิศตะวันออก
สุ่ยเจียงและจักรพรรดิอาวุโสรวมทั้งหมดสี่คนขี้ม้าห้อตะบึงติดตามสุนัขดมกลิ่นไป
มีเจ้าตัวนี้อยู่ พวกเขาไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
แต่ทว่า สิ่งที่สุ่ยเจียงนึกไม่ถึงนั่นก็คือ ตี้อู่เฮ่ออี้ได้ปรุงยาชนิดหนึ่งขึ้นมาเป็นพิเศษและให้ทุกคนพกติดตัวเอาไว้ เพื่อป้องกันการติดตามตัวจากการดมกลิ่นอีกด้วย
ดังนั้นหลังจากที่ติดตามมากว่าสามร้อยลี้ สุนัขดมกลิ่นก็ไม่พบกลิ่นของคนทั้งสี่อีกเลย นั่นทำเอาสุ่ยเจียงแทบคลั่ง
ตอนนี้คนที่สุ่ยเจียงโกรธแค้นมากที่สุดคือตี้อู่เฮ่ออี้! หมอหนุ่มคนนี้มองภายนอกน่าตาใสซื่อไม่มีพิษสงอะไร แต่แท้ที่จริงแล้วกลับซุกซ่อนความเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายเอาไว้มากมาย
อีกทั้งเขาก็ยังมักที่จะแสร้งทำตัวเป็นคนธรรมมดาไม่มีลับลมคมนัยอะไร ทำให้สุ่ยเจียงไม่ทันระมัดระวังตัว สุดท้ายถูกตี้อู่เฮ่ออี้หลอกใช้วามไว้ใจตลบหลังเข้าให้อย่างแรง
สำหรับสุ่ยเจียงเขาถือว่า ตี้อู่เฮ่ออี้ทรยศหักตนเอง ไม่อาจไว้ชีวิตได้
ตอนนี้พวกเขาใช้อะไรบางอย่างปกปิดกลิ่นประจำตัวของตนเอง ที่แม้กระทั่งสุนัขดมกลิ่นยังตามหาตัวพวกเขาทั้งสี่ไม่พบ
‘เขาจะยอมแพ้แค่นี้หรือไร?’
‘สุ่ยเจียงไม่มีทางยอม!’
หากว่าไม่สามารถติดตามสุ่ยเยว่เอ๋อร์กลับมาได้ละก็ สุ่ยเจียงนึกภาพออกเลยว่าสุ่ยเจ๋อซีจะลงโทษตนเองอย่างไรบ้าง
ดังนั้น เขาจะต้องตามพวกเขากลับมาให้จงได้!
ไม่เพียงแต่สุ่ยเยว่เอ๋อร์เท่านั้น อีกสามคนที่เหลือก็ต้องตามตัวกลับมา แล้วมอบให้สุ่ยเจ๋อซีเป็นผู้จัดการลงโทษ!
“ตอนนี้พวกเราจะทำอย่าไรดี?”
จักรพรรดิอาวุโสที่ติดตามอยู่ข้างกายสุ่ยเจียงเอ่ยถาม
“ให้ข้าคิดสักครู่!”
สุ่ยเจียงครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดทางที่ติดตามพวกเขามา จึงพบเข้ากับข้อมูลที่สำคัญ จุดหมายปลายทางของคนพวกนี้คืออดีตเขตของสกุลหนานกง!
แม้สุ่ยเจียงจะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดพวกเขาถึงต้องไปที่สกุลหนานกง แต่หากเดินทางต่อไปตามเส้นทางนี้ ก็จะมุ่งหน้าสู่เมืองเฮ่อ!
“พวกเราไปสกุลหนานกง!”
สุ่ยเจียงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ตอนนี้เขาไม่มีเวลาสนใจอะไรมากอีกแล้ว เขาจะต้องจับตัวคนไอ้คนบังอาจทั้งสี่คนกลับมารับโทษให้ได้ก่อนที่นายท่านจะกลับมา
สุ่ยเจียงและจักรพรรดิอาวุโสทั้งสามคนมีพละกำลังที่แข็งแกร่งอยู่มาก ทุกวันพวกเขาใช้เวลานั่งสมาธิแค่เพียงหนึ่งชั่วยาม ก็สามารถฟื้นคืนพละกำลังที่ร่อยหรอลงไปจากอาการเหน็ดเหนื่อยกลับมาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงรีบเร่งเดินทางทั้งวันทั้งคืนเพื่อไปจับกุม ‘นักโทษ’ ที่หลบหนีออกไปได้อย่างสบายๆ
ตรงกันข้ามกับอีกฝ่าย ตี้อู่เฮ่ออี้วรยุทธ์อ่อนด้อย การเดินทางข้ามวันข้ามคืนทำให้เขาร่างกายทรุดโทรมอย่างหนัก ส่วนสุ่ยเยว่เอ๋อร์และเชียนเย่เสวี่ยที่เป็นเพียงปรมาจารย์ขั้นปลายเท่านั้น จึงยังต้องพักผ่อนในตอนกลางคืน ดังนั้น พวกเขาจึงเริ่มเดินทางช้าลงเรื่อยๆ
สุดท้าย สุ่ยเจียงก็ติดตามพวกของตี้อู่เฮ่ออี้ได้ทัน ที่บริเวณริมแม่น้ำฮาซือถูนั่นเอง
เวลาเที่ยงตรง ขณะที่ทุกคนกำลังตระเตรียมการเพื่อข้ามแม่น้ำฮาซือถูอยู่นั้น เนื่องด้วยจำนวนคนมากดังนั้นกว่าที่ทุกคนจะพร้อมที่จะข้ามแม่น้ำ พวกของสุ่ยเจียงก็ติดตามมาทันเสียแล้ว
การมาถึงของสุ่ยเจียงและจักรพรรดิอาวุโสทั้งสี่ เป็นที่สนอกสนใจของผู้คนเป็นอย่างมาก
จักรพรรดิอาวุโสตั้งสี่คน!
สถานการณ์เริ่มคุกกรุ่น
อีกทั้งพวกเขายังแขวนป้ายประจำตระกูลสุ่ยเอาไว้ที่เอว น่าเกรงขามเป็นยิ่งนัก ในตอนนั้นจึงมีผู้คนต่างก็หลีกทางให้กับพวกของสุ่ยเจียงเป็นแถวๆ
“สุ่ยเจียงตามมาแล้ว!”
เมื่อสุ่ยเยว่เอ๋อร์มองเห็นสุ่ยเจียง นางก็ถึงกับตัวขัดเกร็ง ท่าทางตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้อวี้ซิงฉงยังบอกกับทุกคนอยู่เลยว่า รอให้ข้ามแม่น้ำฮาซือถูไปได้ก็จะเข้าสู่เขตของสกุลหนานกง พวกเขาทั้งสี่ก็จะถือว่าปลอดภัย
นึกไม่ถึงว่ายังไม่ทันที่ข้ามแม่น้ำไปได้ อีกฝ่ายก็ไล่ตามมาจนทันเสียแล้ว
“ไม่ต้องกลัวไป! พวกเขาจำพวกเราไม่ได้หรอก!”
อวี้ซิงฉงกุมมือสุ่ยเยว่เอ๋อร์พร้อมกับกล่าวปลอบใจ
ตอนนี้อวี้ซิงฉงและสุ่ยเยว่เอ๋อร์ได้แปลงโฉมเป็นคู่สามีภรรยาวัยกลางคน ส่วนตี้อู่เฮ่ออี้และเชียนเย่เสวี่ยก็ได้แปลงโฉมเช่นกัน โดยคนหนึ่งกลายเป็นหญิงชรา อีกคนกลายเป็นคุณชายเจ้าสำราญ
“เด็กดี เจ้าลองดมที ดูสิว่าพวกเขาอยู่ที่นี่หรือไม่!”
สุ่ยเจียงลูบหัวของเจ้าสุนัขดมกลิ่นเบาๆ แล้ววปล่อยมันออกไป
เจ้าสุนัขดมกลิ่นตัวนั้นเดินเข้าไปปะปนกับฝูงชน ดมหากลิ่นไปตลอดทาง
สุ่ยเจียงเห็นว่ากลุ่มคนที่กำลังจะข้ามฝากที่มีจำนวนประมาณสี่สิบกว่าคน เขาจึงไล่มองสำรวจตรวจตราดูทีละคน
อะไรบางอย่างกำลังบอกเขาว่า คนทั้งสี่คนซุกซ่อนตัวอยู่ที่นี่ หากว่าปล่อยให้พวกเขาข้ามแม่น้ำฮาซือถูเข้าสู่เขตของสกุลหนานกงได้ละก็ งานต่อจากนี้จะต้องยากขึ้นอย่างแน่นอน
เพราะบัดนี้ผู้ที่ครอบครองเขตแดนนั้นมิใช่สกุลหนานกงอีกต่อไป หากแต่เป็นประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นที่จู่ๆก็โผล่ขึ้นมาคนนั้น
หากยังไม่รู้แน่ชัดถึงนิสัยใจคอของประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นดีแล้ว กลับบู่มบ่ามบุกเข้าไปยังเขตแดนของเขา อาจทำให้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นก็เป็นได้
แม้แต่หนานกงซีรั่วอีกฝ่ายยังสังหารได้ จึงมิต้องพูดถึงสุ่ยเจียงที่เป็นเพียงจักรพรรดิอาวุโสตัวเล็กๆเลย