จำนนรักชายาตัวร้าย - ตอนที่ 142-2 ไม่ใช่มิตร ก็คือศัตรู
“ประมุข พวกเราจะต้องหาทางป้องกันสกุลสุ่ยเอาไว้! ท่านอย่าลืมหายนะที่เผ่าตันเคยได้รับเด็ดขาด!”
หลิวอ้าวกว๋อกล่าวเตือนเช่นนี้ หลิวอวี๋เซิงก็ยิ่งรู้สึกว่าสุ่ยเจ๋อซีเล่นไม่ซื่อ
ปากก็อ้างว่ามาเยี่ยมยืนบุตรสาวที่กำลังตั้งครรภ์ แต่เจตนาจะมายุแหย่ให้คนแตกคอกันต่อหน้าหลิวอ้าวหลานนะสิ
สุ่ยเจ๋อซีรู้ว่าหลิวอ้าวหลานรักใคร่เอ็นดูหลิวติงที่สุด ดงนั้นจึงราดน้ำมันลงบนกองไฟ ใส่ไฟจนกระทั่งหลิวอ้าวหลานหน้ามืดตามั่วบดบังสติ รุดไปที่เมืองเฮ่อเพื่อแก้แค้นให้กับหลิวติง หลังจากนั้นถึงได้เกิดเรื่องราวร้ายๆทั้งหมดนี้ขึ้น
สิ่งที่เขารอคอยนั่นก็คือ สกุลหลิวและประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นต่อสู้กัน! เมื่อเสือสองตัวต่อสู้กันย่อม ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบาดเจ็บล้มตาย
‘สุ่ยเจ๋อซีจิตใจเลวทรามต่ำช้าเกินไปแล้ว!’
‘ใช่ มันต้องเป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน!’
“ท่านลุงสาม ข้าว่าเรื่องนี้พวกเราควรจะกระทำเช่นนี้…” หลังจากที่ไตร่ตรองอยู่ครู่ใหญ่ หลิวอวี๋เซิงและหลิวอ้าวกว๋อก็เริ่มกระซิบกระซาบแผนการกัน
“ดี! ดี! ข้าจะเดินทางไปที่เมืองเฮ่อด้วยตัวเองสักครั้ง!”
หลังจากหลิวอ้าวกว๋อกลับออกไปได้ไม่นาน หญิงผู้หนึ่งก็บุกเข้ามา ขวางหน้าหลิวอวี๋เซิงเอาไว้
“หลิวอวี๋เซิง ลูกชายของเราถูกฆ่าตายทั้งคน ข้าคิดว่าจะแก้แค้นให้กับเขาอย่างไร?”
เผชิญหน้ากับหญิงที่แต่งกายในชุดขาวดวงตาแดงก่ำ หัวใจของหลิวอวี๋เซิงก็ยิ่งเดือดดาลมากขึ้นเป็นเท่าตัว แม้ว่านางจะตั้งใจเกล้าผมแต่งแต่งตัว ใช้แป้งหอมประโคมใบหน้า แต่ก็ยังมิสามารถปกปิดร่องรอยการร้องไห้และหยาดน้ำตาเอาไว้ได้
“เจ้ามาทำไมกัน?” หลิวอวี๋เซิงออกอาการไม่สบอารมณ์
นังชั้นต่ำ!
ร้องไห้ให้ใครดู?
“นี่มันท่าทีอะไรกัน!” เหวินหลานถลึงตาจ้องมองหลิวอวี๋เซิงด้วยสายตาแค้นเคือง
“ท่านโกรธแค้นก็ไปลงกับกับประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นอะไรนั่นเสียสิ! ทำไมท่านไม่ไปฆ่ามันแก้แค้นให้ติงเอ๋อร์? ออกไปข้างนอกท่านเป็นเพียงไอ้คนไร้สามารถคนหนึ่ง แต่อยู่ในบ้านกลับคอยโมโหโกรธาข่มเมียอยู่ร่ำไป ท่านยังเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือเปล่า!”
เหวินหลานไม่ไว้หน้าตน ทำให้หลิวอวี๋เซิงยิ่งโมโหเดือดดาล
หากเหวินหลานมิใช่น้องสาวฝาแฝดของเหวินจู๋ ซึ่งในตอนนั้นเหวินจู๋คือผู้นำแห่งสกุลเหวิน และเขาก็มีเหตุผลบางประการที่ต้องการให้สกุลเหวินสนับสนุน หลิวอวี๋เซิงคงจะหย่ากับผู้หญิงคนนี้ไปตั้งนานแล้ว
เวลานี้ คนที่อยู่ในห้องถอยออกไปจนหมดแล้ว เหลือเพียงหลิวอวี๋เซิงและเหวินหลานเพียงสองคน
พอถูกเหวินหลานตอกย้ำมากเข้า หลิวอวี๋เซิงจึงเดินเข้าไปหานางแล้วบีบปลายคางของเหวินหลาน กล่าวด้วยท่าทางดุร้ายว่า
“ข้าเป็นผู้ชายหรือไม่เจ้าไม่รู้หรอกหรือ? หากว่าข้าไม่ใช่ผู้ชายละก็ เยี่ยนเอ๋อร์และปั๋วเอ๋อร์จะเกิดมาจากไหนกัน? หรือว่า พวกเขาก็คือความอับยศระหว่างเจ้าและไอ้แก่นั่นเช่นกัน?”
“หลิวอวี๋เซิง ท่านรังแกกันเกินไปแล้ว!”
เมื่อได้ยินหลิวอวี๋เซิงเรียกขานหลิวติงด้วยวาจาไม่น่าฟังเช่นนั้น เหวินหลานก็ไฟสุมอกด้วยความเดือดดาล นางเงื้อมือขึ้น ฟาดลงไปที่ใบหน้าของหลิวอวี๋เซิงอย่างแรง
“นังแพศยา เจ้ากล้าตบข้า?!” หลิวอวี๋เซิงลูบใบหน้าของตนที่ขึ้นรอยห้านิ้วอย่างชัดเจน สีหน้าเหยเก
“เห็นทีว่าข้า จะต้องแสดงความเป็นผู้นำออกมาเสียแล้วกระมัง!” กล่าวจบ หลิวอวี๋เซิงก็ลากแขนเหวินหลานเข้ามาใกล้แล้วเริ่มกระชากเสื้อผ้าของนาง
นับตั้งแต่เหวินหลานให้กำเนิดหลิวติง ก็ไม่ให้หลิวอวี๋เซิงแตะต้องตัวนางอีกเลย
ก่อนที่จะเกิดเรื่องพรรค์นั้นระหว่างเหวินหลานกับหลิวอ้าวหลานขึ้น เหวินหลานถือเป็นเมียจอมขี้หึงคนหนึ่ง นางไม่ให้หลิวอวี๋เซิงรับอนุภรรยา บ้านน้อยก็ไม่ให้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสาวใช้ประจำห้องยิ่งไม่มีใหญ่
แต่หลังจากที่เกิดเรื่อง เหวินหลานกลับใจกว้างขึ้นมา
นางไม่เพียงแต่รับอนุภรรยาคนงามให้กับหลิวอวี๋เซิงถึงสิบคน ทั้งยังอ้างว่าตนเองร่างกายไม่สมบูรณ์ปฏิเสธที่จะมีความสัมพันธ์กับหลิวอวี๋เซิง ทั้งยังบอกอีกว่าต่อไปจะให้อนุภรรยาคนงามเป็นผู้ปรนนิบัติเขาแทนนาง
แต่หลิวอวี๋เซิงรู้ดีว่า เหวินหลานหาได้ร่างกายไม่สมบูรณ์ไม่ แต่นางกำลังคบชู้กับหลิวอ้าวหลานแล้วต่างหาก
ดังนั้น หลิวอวี๋เซิงจึงเลือกตอบโต้ด้วยวิธีการเ**้ยมโหดไม่แพ้กัน ด้วยการต้มยาที่จะทำให้นางไม่สามารถมีลูกได้อีกต่อไปส่งไปให้กับเหวินหลาน ทั้งยังย้ำว่า เรื่องน่าอับอายขายหน้าเกิดขึ้นครั้งเดียวก็เพียงพอ ที่เขาจะยอมรับมีเพียงหลิวติงเท่านั้น หากว่ายังมีมารหัวขนแห่งความอัปยศเกิดขึ้นมาอีก เขาจะบีบคอให้มันตายทันที
เมื่อได้ฟังคำพูดที่ฝากไปให้จากคนส่งยาแล้ว เหวินหลานก็หยิบยาชามนั้นขึ้นดื่มลงไป โดยไม่มีลังเล นั่นทำให้หลิวอวี๋เซิงหัวใจสลายโดยสมบูรณ์
ผู้หญิงคนนี้ ใจคอโหดเ**้ยมเหลือเกิน! เสียดายที่เขาสู้อุตส่าห์รักษาเนื้อรักษาตัวให้สะอาดบริสุทธิ์มีเพียงนางเท่านั้น ทั้งยังดีกับนางทุกอย่าง แต่นางกลับตอบแทนเขาเช่นนี้ได้
นับตั้งแต่นั้น หัวใจของหลิวอวี๋เซิงก็ตายลงไป เขาไม่เพียงแต่เอาแต่ขลุกอยู่กับอนุภรรยาคนงามทั้งวันทั้งคืน ทั้งยังพาหญิงข้างนอกเข้ามาในบ้านอีกมากมาย
เดิมทีหลิวอวี๋เซิงยังคิดว่า เขาและนางเป็นสามีภรรยากันมาห้าปี มีลูกด้วยกันถึงสองคน เหวินหลานจะเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อนอยู่บ้าง เขายังเคยคิดแม้กระทั่งว่าวันใดวันหนึ่ง เหวินหลานจะบุกเข้ามาสังหารอนุภรรยาเหล่านั้นของเขาเสีย เพื่อแสดงสิทธิ์ของความเป็นเมียเอกของนาง
แต่ทว่า ทุกสิ่งทุกอย่างกลับเป็นเขาที่คิดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียว!
ตอนนี้หลิวอ้าวหลานตายแล้ว เหวินหลานเสียใจถึงเพียงนี้ ทำให้หลิวอวี๋เซิงสูญสิ้นแล้วซึ่งสติและความยับยั้งชั่งใจ
“เจ้าต้องการรักษาเนื้อรักษาตัวให้บริสุทธิ์ผุดผ่องเพื่อหลิวอ้าวหลาน ไม่ให้ข้าแตะต้องตัวเจ้า แต่ข้าก็จะทำ!”
“ท่านปล่อยข้านะ!” เหวินหลานเมื่อเห็นหลิวอวี๋เซิงกระทำเช่นนี้ ก็พยายามดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย เล็บทั้งสิบนิ้วที่แหลมคมของนางข่วนเข้าที่ใบหน้าของหลิวอวี๋เซิงเป็นแผลเลือดซิบ
ยิ่งนางทำเช่นนี้ หลิวอวี๋เซิงก็ยิ่งคลุ้มคลั่งราวกับวัวป่า
หลิวอวี๋เซิงกวาดพู่กันและแท่นหมึกบนโต๊ะทำงานออกไปให้พ้นทาง จากนั้นค่อยจับเหวินหลานกดลงไปบนโต๊ะ ราวกับชายหนุ่มที่กำลังคลั่งรัก แล้วลงมือรังแกนางอย่างไร้ความปราณี
“หลิวอวี๋เซิง เจ้าปล่อยข้าเดี่ยวนี้นะ! ท่านจะต้องเสียใจ! หลิวติงคือลูกชายของท่าน! เลือดเนื้อเชื้อไขของท่าน!”
เหวินหลานทั้งร้องไห้ทั้งคร่ำครวญ แต่หลิวอวี๋หลานก็ไม่มีท่าทีเชื่อคำพูดของนางแม้แต่น้อย
หลังจากที่เขาฝังตัวตนของตนเองเข้าไปอย่างดุดัน ซึ่งมันเจ็บเสียจนเหวินหลานต้องร้องออกมาเลยทีเดียว
“นึกไม่ถึงว่าเจ้าผ่านการคลอดลูกมาตั้งสามคนแล้ว กลับยังแน่นขนัดราวกับคืนเข้าหอวันแรกอย่างไรอย่างนั้น!”
“สารเลว!” เหวินหลานสะบัดมือจนหลุด แล้วกรีดเข้าที่ใบหน้าของหลิวอวี๋เซิงอีกแผลจนได้เลือด
กากระทำของนางสร้างความโกรธเคืองอย่างที่ให้กับหลิวอวี๋เซิงเป็นอย่างมาก
“นังชั้นต่ำ!”
“เจ้าทำให้ข้าใช้ชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมาน ข้าก็จะทำให้เจ้าเจ็บปวด!”
เมื่อคิดได้ดังนั้น หลิวอวี๋เซิงก็ไม่สนใจอะไรอีกต่อไป เขาไม่รอให้ร่างกายของเหวินหลานปรับสภาพ เริ่มกระทำการลงโทษหญิงไร้หัวใจที่เดินเข้ามาในหัวใจของเขา จากเขาไปอย่างไม่ใยดีและทำร้ายเขาคนนี้ทันที
บทลงโทษในครั้งนี้ดำเนินมาจนกระทั่งถึงช่วงพลบค่ำ
กระทั่งหลิวอวี๋เซิงสวมใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย เหวินหลานยังคงนอนหมดเรี่ยวแรงเนื้อตัวอ่อนปวกเปียกอยู่บนเตียง ผิวพรรณขาวเนียนละเอียดเต็มไปด้วยร่องรอยม่วงช้ำและบาดแผลรอยฟันกัดสีแดงก่ำไปทั่วทั้งร่าง
อารมณ์และความรู้สึกของหลิวอวี๋เซิงที่เก็บกดมานานถึงสิบปี ในที่สุดก็ได้ระเบิดออกมา
ในเวลานั้น เหวินหลานน้ำตานองหน้า ท่าทางของนางราวกับได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจอย่างหนักหน่วงอย่างไรอย่างนั้น แววตาของนางเลื่อนลอย ปากก็เอาแต่พร่ำว่า “หลิวหลาง หลิวติงคือลูกชายของท่าน! คือลูกชายของท่าน!”
หลิวหลาง
เมื่อได้ยินชื่นนี้ หลิวอวี๋เซิงก็เริ่มแสบจมูกขึ้นมา
ตอนนั้นเขาแต่งงานกับเหวินหลาน เขาทั้งรักและปกป้องทะนุนถนอมนางอย่างที่สุด คนทั้งสองอยู่ด้วยกันด้วยความรักใคร่กลมเกลียว เคารพซึ่งกันและกัน มีชีวิตคู่ที่หวานชื่นเป็นช่วงเวลาที่สวยงามที่สุด ในตอนนั้นเขาเรียกขานนางว่า ‘หลานเอ๋อร์’ ส่วนเหวินหลานเรียกเขาว่า ‘หลิวหลาง’
เดิมทีหลิวอวี๋เซิงคิดว่าเขาและนางจะใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขเช่นนี้ไปจนกระทั่งแก่เฒ่า ไหนเลยจะคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
หลิวอ้าวหลาน แก้ตัวให้กับการกระทำของตนเองในวันนั้นว่า ตนเองฝึกวิชาจนธาตุไฟเข้าแทรก …
‘เฮอะ ธาตุไฟเข้าแทรก ควรจะเลือดลมตีกลับจนทำลายชีพจร จนตายอย่างอนาถหรอกมิใช่หรือ?! แล้วเขาไปอยู่บนเตียงของเหวินหลานได้อย่างไรกัน! หรือเพราะว่า ในใจของเขาคิดไม่ซื่อมาตลอดกันแน่?’
จู่ๆเหวินหลานพูดเช่นนี้ออกมา ซึ่งหวิงอวี๋เซิงไม่มีทางเชื่อนางเลยแม้แต่น้อย
ก่อนหน้านี้ทำไมนางไม่พูด? ตอนนี้หลิวอ้าวหลานตายแล้ว นางก็ไม่มีที่พึ่งพิงอีกต่อไป ดังนั้นหลิวติงจึงกลายเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอย่างนั้นสิ?
หลอกลวงใครกัน?
หลิวอวี๋เซิงนั่งยองๆลงที่เบื้องหน้าของเหวินหลาน แล้วยื่นมือออกมาแตะที่แก้มของนางสองสามครั้ง
“เจ้าจงตั้งใจเป็นฮูหยินแห่งสกุลหลิวของเจ้าต่อไป ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น! อย่าทำอะไรให้ข้าต้องขายหน้าอีก มิเช่นนั้น ข้าจะไม่เกรงใจเจ้าอีกต่อไป!”
เมื่อได้ยินคำของเขา ในที่สุดเหวินหลานก็มีอาการตอบสนองขึ้นมาบ้าง
“นี่ท่านจะกักบริเวณข้า? เพราะอะไรท่านถึง…”
“ในเมื่อเจ้าร้ายกับข้าก่อน ข้าก็จะคืนสนองเจ้า ตาต่อตาฟันต่อฟัน!”