จำนนรักชายาตัวร้าย - ตอนที่ 148-1 ผลลัพธ์ที่อยู่เหนือความคาดหมาย
การกระทำและคำพูดของสุ่ยเจ๋อซีทำให้ผู้คนรู้สึกรังเกียจขยะแขยงยิ่งนัก
ดวงตาอันงดงามของอวี้เฟยเยียนฉาบแววเย็นชา นางหยิบขลุ่ยขึ้นมาเตรียมเป่าอีกครั้ง
สุ่ยเจ๋อซีที่กำลังด่าทอนางอย่างรุนแรง เมื่อได้ยินเสียงขลุ่ย ฉับพลันร่างกายก็แข็งทื่อขึ้นมา
เขาระลึกได้อย่างชัดเจนแล้วว่า นี่คือเรื่องจริงมิใช่ความฝัน ความเจ็บปวดแสนสาหัสบนร่างกายเริ่มลามจากแขนทั้งสองข้างไปทั่วร่าง
สุ่ยเจ๋อซีเบิ่งตากว้าง จ้องมองผิวหนังบริเวณทรวงอกของตนที่บวมขึ้นมาทีละจุดด้วยสายตาหวาดกลัว สะเก็ดแผลบนตัวค่อยๆกระเพื่อมขึ้นลงค่อยหยุบหยับตามแต่ที่กองทัพนอนกินเนื้อใต้ผิวหนังเคลื่อนไหว และทุกที่ๆหนอนเหล่านั้นเคลื่อนที่ผ่านไปมันจะนำมาซึ่งความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสที่มิอาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
“ข้อร้องเจ้าละ ปล่อยข้าไปเถอะ! เจ้าต้องการอะไร ข้าจะให้เจ้าทุกอย่าง!”
เมื่อครู่สุ่ยเจ๋อซียังคิดที่จะฆ่าอวี้เฟยเยียนให้ตายอยู่เลย แต่ทว่าตอนนี้ เขาพึงระลึกได้แล้วว่าสถานการณ์ของตนเองในตอนนี้เป็นอย่างไร
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงจะต้องตายอยู่ที่นี่เป็นแน่ คงจะไม่มีโอกาสได้ไปเสพสุขชื่อเสียงลาภยศเงินทองอย่างที่ตนเองวาดฝันเอาไว้อีกแล้ว
‘เขายังไม่อยากตาย!’
‘และยังตายไม่ได้!’
“ขอร้องเจ้าละ เมตตาข้าสักครั้ง!” แขนทั้งสองข้างของเขาถูกหนอนกัดกินจนสิ้นเรี่ยวแรง เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกเพียงชั้นเดียวเท่านั้นที่ยังห่อหุ้มกระดูกเอาไว้
หากว่าอวี้เฟยเยียนไม่ยอมเลิกราละก็ ร่างกายของเขาจะต้องถูกกัดกินจนหมดสิ้น จนสุดท้ายเหลือเพียงโครงกระดูกที่เอาไว้ค้ำยันร่างกายเท่านั้นเป็นแน่
แม้ว่าสุ่ยเจ๋อซีจะอยากฆ่าอวี้เฟยเยียนมากเพียงใดก็ตาม แต่ตอนนี้ ผู้ที่รู้เท่าทันเหตุการณ์เท่านั้นจึงถือเป็นยอดคน
เขาจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ถึงจะมีโอกาสได้กลับมาแก้แค้นอวี้เฟยเยียน
“เยว่เอ๋อร์ เจ้าช่วยขอร้องแทนพ่อที!”
“แม้ว่าข้าจะไม่ใช่พ่อบังเกิดเกล้าของเจ้า แต่ข้า…จะชั่วดีอย่างไรข้าก็เลี้ยงดูเจ้ามาเป็นอย่างดี ให้เจ้าอยู่อย่างสุขสบายทุกอย่างมาตั้งหลายปี เจ้าคงจะไม่เห็นข้าจะตายแล้วไม่ช่วยใช่หรือไม่!”
สุ่ยเจ๋อซีน้ำตานองหน้า มองแล้วแลดูน่าสงสารยิ่งนัก
หากอวี้เฟยเยียนมิได้ท่องยุทธภพจนเห็นอะไรมามากแล้วละก็ คงจะถูกเขาหลอกจนสำเร็จเป็นแน่
แต่ทว่า เมื่อมาถึงยังเมืองอู๋โยว มากกว่านี้นางก็เคยพบเคยเห็นมาจนเคยชิน ยิ่งมิต้องเอ่ยถึงการกระทำที่ต่ำช้าน่าละอายของสกุลสุ่ยที่ยิ่งไม่น่าให้อภัยเข้าไปใหญ่
สุ่ยเจ๋อซีขอร้องอยู่เป็นนานก็ไม่ว่าอวี้เฟยเยียนจะมีท่าทีเห็นใจแต่อย่างใด จนสุดท้ายเขาจึงมั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายหมายเอาชีวิตตนให้จงได้แน่แล้ว
หากเปลี่ยนเป็นอวี้เฟยเยียนตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับเขาละก็ น้ำมือของเขาจะยิ่งเ**้ยมโหดกว่านี้เป็นแน่
ในเมื่อสุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดี เช่นนั้นก็…
ร่างกายของสุ่ยเจ๋อซีพองขึ้นเรื่อยๆอย่างรวดเร็วราวกับลูกโป่งก็ไม่ปาน
“แย่แล้ว เขาจะระเบิดตัวเอง!”
ทุกคนที่อยู่เบื้องล่างแสดงอาการร้อนรนขึ้นทันที เพราะอวี้เฟยเยียนยังถูกกักอยู่ภายในกำแพงแก้ว หากว่าสุ่ยเจ๋อซีระเบิดตัวเองขึ้นมา ด้วยระยะที่ใกล้เพียงนั้น อวี้เฟยเยียนจะต้องร่างกายแหลกเหลวจนไม่เหลือแม้แต่ศพเป็นแน่
“บรรพชนเฒ่า——” เสิ่นถูเลี่ยเพียงแค่เอ่ยปาก แต่เสิ่นถูปั๋วอี้กลับทะยานขึ้นไปเสียแล้ว ยากนักที่จะได้เจอศิษย์ที่ถูกใจ ทั้งอีกฝ่ายยังมีความเกี่ยวข้องกับคนผู้นั้นอีกด้วย แล้วเขาจนทนมองดูอวี้เฟยเยียนตายไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร
“สายไปแล้ว! ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็จะลากเจ้าไปตายกับข้าด้วย นังคนชั้นต่ำ!”
เมื่อเห็นว่าเสิ่นถูปั๋วอี้กำลังจะเข้ามาช่วยเหลืออวี้เฟยเยียน สุ่ยเจ๋อซีจึงบังคับให้กำแพงแก้วหมุนเคว้งหลีกหนีขึ้นไปกลางเวหาอย่างรวดเร็ว
“ตายเสียเถอะ”
สุ่ยเจ๋อซีคำรามอย่างชั่วร้าย ทันใดนั้นร่างของเขาก็ระเบิดจนจนร่างแหลกเป็นชิ้นๆ ความร้อนระอุและแรงปะทะมหาศาลแผ่กระจายออกไป เสิ่นถูปั๋วอี้จึงต้องรีบสร้างกำแพงแก้วเพื่อปกป้องตนเองและคนหนุ่มสาวที่เหลือไม่ให้ได้รับอันตราย
“น้องพี่!”
“ฮูหยิน!”
กลุ่มคนที่อยู่บนพื้นเบื้องล่างต่างพากันตะโกนร้องเรียก เสียงนั้นดังก้องออกไปไกลแสนไกล
“เยียนเอ๋อร์——” อวี้ซิงฉงดวงตาแดงก่ำ เสียงที่เปล่งออกมาเศร้าสร้อยยิ่งนัก
อวี้ซิงฉงเห็นกำแพงแก้วสีน้ำเงินระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆต่อหน้าต่อตา หมอกฝุ่นควันสีเลือดที่ลอยอยู่ในอากาศ ล้วนแต่เป็นเลือดของน้องสาวของเขาทั้งสิ้น!
“อ๋าว——บรู๋ว——” หานจื่อหอนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
“แม่นางน้อย!”
“เจ้าอย่าเป็นอะไรนะ!”
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงตรง แสงของดวงอาทิตย์กำลังร้อนแรงจนแสบตา
หมอกสีแดงเข้าค่อยๆจางหายไป ทั่วทิศทางว่างเปล่า ที่บนพื้นเกิดเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งกำจายออกไปจนทั่ว
สีหน้าของแต่ละคนเศร้าสลด
หมดแล้ว ตายแล้ว…
เสิ่นถูเลี่ยยืนตัวแข็งทื่อ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเองแลยว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้านี้คือความจริง
‘สาวน้อยผู้ร่าเริงแจ่มใสเปี่ยมด้วยความสามารถเป็นเลิศ…ต้องมาจบชีวิตลงเช่นนี้?’
‘ไม่ เป็นไปไม่ได้!’
“พระชายา——” มือที่ถือพัดหยกของหลิวเซิ้งกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน เขาไม่ได้คุ้มครองอวี้เฟยเยียนให้ดี เขาบกพร่องในหน้าที่
“อ๋าว——บรู๋ว——” ในขณะที่ทุกคนกำลังโศกเศร้าเสียใจอยู่นั้น หานจื่อก็พุ่งตัวลงไปในหลุมลึกนั้น
“แม่นางน้อย เจ้าอยู่ในนี้หรือเปล่า?!” หานจื่อพยายามใช้เท้าของมันขุดดินลงไปอย่างสุดชีวิต ไม่รู้ว่าเพราะอะไร มันถึงได้มีความรู้สึกว่าแม่นางน้อยจะไม่มาตายเช่นนี้
“อ๋าว——บรู๋ว——”
“แม่นางน้อย ตอบรับข้าสักคำ! ต่อไปข้าจะเชื่อฟังแม่นางน้อยทุกอย่าง ขอเพียงเจ้าไม่เป็นไร!”
“แม่นางน้อย! กรงเล็บอันแหลมคมของหานจื่อขุดลึกลงเรื่อยๆ จนฝุ่นตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ เสวี่ยเยี่ยนเมื่อเห็นหานจื่อกระทำเช่นนั้นก็น้ำตาไหลพราก
หานจื่อคือสัตว์เลี้ยงแสนรักของซย่าโหวฉิงเทียน แม้ว่ามันจะหยอกล้อเล่นกับทุกคน แต่คนที่มันสนิทสนมรักใคร่พึ่งพามากที่สุดก็คืออวี้เฟยเยียน
“หานจื่อ——” เสวี่ยเยี่ยนเดินเข้าไปที่เบื้องหน้าของหานจื่อ แล้วลูบหัวมัน
“ฮูหยิน…” เสวี่ยมิอาจแข็งใจเอ่ยความจริงที่ว่าอวี้เฟยเยียนได้จากโลกนี้ไปแล้วออกมาได้
การระเบิดตัวเองของเทพอาวุโส นอกเสียจากว่าอวี้เฟยเยียนอยู่ในระดับขั้นที่สูงกว่าเทพอาวุโส มิฉะนั้นนางจะต้องตายอย่างแน่นอน ยิ่งมิต้องเอ่ยถึงว่าเมื่อครู่อวี้เฟยเยียนที่เป็นเพียงปราชญ์อาวุโสติดอยู่ในกำแพงแก้วของสุ่ยเจ๋อซีนั้นด้วย เห็นทีว่านางจะเคราะห์ร้ายมากกว่าดี
แม้เสวี่ยเยี่ยนจะไม่พูดออกมา แต่หานจื่อก็เข้าใจในความหมายว่านางหมายความว่าอย่างไร
“แต่ว่า มันยังไม่ยอม”
“แม่นางน้อย เจ้าจะต้องยังมีชีวิตอยู่ ใช่หรือไม่!” หานจื่อแยกเขี้ยว กรงเล็บของมันยังคงขุดต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมที่ให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์
แม้ว่าดวงอาทิตย์ยามต้นฤดูร้อนจะไม่ร้อนแรงเมากเท่าไรนัก แต่ดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงวันก็ยังคงแผดเผามนุษย์ได้อยู่ดี
เมื่อเห็นว่าหานจื่อไม่ยอมแพ้ ตี้อู่เฮ่ออี้จึงกระโดดลงไปในหลุมกระทำในสิ่งเดียวกันกับหานจื่อ
หากไม่นับว่าอวี้เฟยเยียนคือลูกพี่ลูกน้องที่มีศักดิ์เป็นน้องสาว มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับเขาและโดยส่วนตัวตี้อู่เฮ่ออี้ก็รู้สึกชื่นชมนางเป็นอย่างมากอยู่แล้ว ละก็ ลำพังเพียงแค่ความผูกพันและมิตรภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างนางกับเชียนเย่เสวี่ยละก็ หากวันใดวันหนึ่ง เขาได้พบกับเชียนเย่เสวี่ยอีกครั้ง เขาจะอธิบายกับนางว่าอย่างไร?
‘น้องพี่ เจ้าจะต้องไม่เป็นไร’
เมื่อมีตี้อู่เฮ่ออี้มาร่วมด้วย อวี้ซิงฉงและเสิ่นถูเลี่ยจึงกระโดดลงไปร่วมขุดเช่นกัน ส่วนคนอื่นๆค่อยทยอยตามมาทีหลัง
“เฮ้อ——” เสิ่นถูปั๋วอี้มองดูการกระทำของกลุ่มคนหนุ่มสาวเบื้องหน้านี้แล้ว จู่ๆความสลดหดหู่ก็พรั่งพรูขึ้นมาในหัวใจ
‘มองภายนอกมิอาจรู้ได้เลยนะนี่ว่าแม่หนูน้อยผู้นั้นจะมีอิทธิพลกับทุกมากถึงเพียงนี้!’
ในขณะที่ทุกคนกำลังช่วยกันขุดหลุมอย่างบ้าคลั่งนั่นเอง จู่ๆแผ่นดินก็สั่นสะเทือนขึ้นมา จนกระทั่งหลุมที่ทุกคนยืนอยู่โคลงเคลงอย่างหนัก