จำนนรักชายาตัวร้าย - ตอนที่ 80-4 ข้าวสาร ข้าวสุก หุงอย่างไร
สำหรับคนที่มาหาเรื่องถึงที่ ซย่าโหวฉิงเทียนไม่เคยใจอ่อน
เห็นมือข้างหนึ่งของเขาหิ้วพวงปลาอยู่ ส่วนอีกมือหนึ่งทำหน้าที่เฉกเช่นเคียว ฉับพลันซย่าโหวฉิงเทียนก็เผชิญหน้ากับจอมยุทธ์คนแรก
กร๊อบแกร๊บ
เขาตรงเข้าบิดคอฝ่ายตรงข้ามจนขาด
“น่าหวาดกลัวยิ่งนัก!”
เมื่อเห็นขั้นวีรชนถูกฆ่าตายต่อหน้า ขั้นราชันอีกคนหนึ่งก็ตกใจจนแทบจะฉี่รดกางเกงทีเดียว
นี่มันวิชาอะไรกัน!
เหตุใดถึงได้ร้ายกาจเพียงนี้!
ไม่รอให้เขาหนีพ้น ซย่าโหวฉิงเทียนเดินขึ้นมาด้านหน้า ใช้มือบีบคอเขา
“ช่วย…”
คำว่าชีวิต ยังมิทันได้เอ่ยออกมา คนผู้นั้นก็ได้ยินเสียงกระดูกคอของตนเองหักอย่างชัดเจน ชัดเจนเป็นอย่างมาก ความตายที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง!
เพียงแค่พริบตาเดียว ยอดฝีมือทั้งหมดก็ถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาผู้รักษาเมืองหลิว
จอมยุทธ์…
ผู้รักษาเมืองหลิวแข้งขาเขาอ่อน ทรุดคุกเข่าลงที่พื้น
เวลานี้เขาถึงได้เชื่อสนิทในคำพูดของเม่ยเหนียง คนผู้นี้เจตนาเพียงแค่หาขอปลา เขามาหาปลาเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นเอง
“จอมยุทธ์ไว้ชีวิตด้วย! ท่านต้องการอะไรข้าจะให้ทุกอย่าง! ข้ามีเงิน ข้ามีเงินทองมากมาย!”
หลังจากที่จูเต๋อหมินตายไป ผู้รักษาเมืองหลิวก็รับช่วงต่อดูแลทรัพย์สินทั้งหมดของจูเต๋อหมิน โดยปริยายกลายเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองกุยอวี๋ทั้งยังเป็นขุนนางที่มีอำนาจสูงสุดของเมืองอีกด้วย
แต่ทว่า เขายังมิได้เสพสุขสิ่งเหล่านั้น ก็มาล่วงเกินซย่าโหวฉิงเทียนเสียก่อน
“ลูกผู้ชาย! ใต้เท้า…”
เมื่อเห็นว่าซย่าโหวฉิงเทียนไม่นำพาแต่อย่างใด ยังคงย่างสามขุมเข้าไปหาทีละก้าว ผู้รักษาเมืองหลิวก็ตกใจเสียแทบเสียสติจนอุจจาระราด ณ ตรงนั้น
“น่ารังเกียจที่สุด!”
เมื่อได้กลิ่นเหม็นโฉ่ลอยมา ในที่สุดซย่าโหวฉิงเทียนก็หยุดชะงัก
เมื่อเห็นว่าชายชุดม่วงไม่ก้าวเข้ามาใกล้ตนเองอีก ผู้รักษาเมืองหลิวก็ค่อยๆ ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
จวบจนเขามองเห็นใบหน้าของซย่าโหวฉิงเทียนชัดเจน เห็นจุดแดงที่หว่างคิ้ว เห็นใบหน้าที่หล่อเหลา สง่างาม ทั้งยังมีชุดสีม่วงสดนั่นอีก…ลวดลายดอกยวนเหว่ยที่กำลังบาน เมื่อผู้รักษาเมืองหลิวเห็นใบหน้าซย่าโหวฉิงเทียนอย่างชัดเจนก็ถึงกับอยากตายขึ้นมาทันที
“แม่ช่วยด้วย!”
วันนี้มันเป็นวันอะไรกันนะ!
เขาถึงได้ไปหาเรื่องหลินเจียงอ๋องเข้า!
หลินเจียงอ๋องมายังเมืองกุยอวี๋ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เหตุใดเขาถึงไม่ได้รับข่าวคราวเลย
หากรู้แต่แรกว่าอีกฝ่ายคือหลินเจียงอ๋องล่ะก็ อย่าว่าแต่ปลาเลย ต่อให้เป็นผู้หญิงเขา ก็จะใส่พานส่งมอบให้ในทันที มันจะไม่เกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้นอย่างเด็ดขาด!
“ท่านอ๋องไว้ชีวิตด้วย! ขอท่านอ๋องโปรดอภัย! ผู้น้อยสมควรตาย! ผู้น้อยสมควรตาย! …”
ผู้รักษาเมืองหลิวไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขาหมอบคลานบนพื้นอ้อนวอนร้องขอชีวิตอย่างไร้ซึ่งศักดิ์ศรี
เมื่อเห็นผู้รักษาเมืองหลิวคลานเข้ามาจับชายเสื้อของตนเอง ซย่าโหวฉิงเทียนก็ดีดก้อนหินในมือออกไป หินก้อนนั้นพุ่งกระแทกบริเวณหว่างคิ้วเขาอย่างจัง
เลือดสดๆ ไหลออกมา
ผู้รักษาเมืองหลิวล้มลงบนพื้น ตาลอยมองฟ้าร่างกายแข็งทื่อ
ช่างน่ารังเกียจเสียจริงๆ!
ซย่าโหวฉิงเทียนยกปลาในมือขึ้นมาดมเล็กน้อย รู้สึกว่ากลิ่นอันเหม็นเน่าของผู้รักษาเมืองหลิวเมื่อครู่ติดมาด้วย เขาจึงทิ้งปลาในมือลงพื้นทันที แล้วเดินไปที่สระน้ำเพื่อจับมาใหม่อีกหลายตัว แล้วจากไป
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้าทำให้เม่ยเหนียงตกตะลึงตาค้าง
ท่านอ๋อง
ชายคนเมื่อครู่เป็นถึงท่านอ๋องเชียวหรือ!
ไม่น่าเล่า ตอนที่สังหารผู้รักษาเมืองหลิวเขาไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย!
ยังมีอีกเรื่อง เหตุใดเขาถึงได้เก่งกาจปานนั้นกัน
แม้แต่วีรชนยังมิใช่คู่มือของเขา!
หากว่าผู้คนเมืองกุยอวี๋รู้ว่าผู้รักษาเมืองหลิวตายแล้ว จะต้องร้องรำทำเพลงจุดประทัดด้วยความยินดีเป็นแน่
ท่านอ๋องคือวีรบุรุษช่วยกำจัดภัยให้กับราษฎร!
เมื่อผู้รักษาเมืองหลิวตาย จวนเจ้าเมืองทั้งจวนก็อลหม่านวุ่นวายขึ้นทันที เม่ยเหนียงรีบเก็บเสื้อผ้าข้าวของพร้อมกับเงินทองของมีค่า แล้วอาศัยช่วงชุลมุนนั้นหลบหนีไป
ขณะเดียวกันในห้องรับแขกสำคัญที่ห่างจากสระน้ำไม่ไกล คนหนุ่มคนหนึ่งกำลังจ้องมองเหล่าคนรับใช้ที่กับสับสนอลหม่านที่ด้านนอกผ่านบานหน้าต่าง
“จากที่เจ้าว่ามา พวกที่ไป นอกจากเจ้าแล้ว คนอื่นๆ ล้วนถูกจับกุมแล้วหรือ แผนการในครั้งนี้ล้มเหลวอย่างนั้นสินะ”
“ใช่ครับ ประมุข! มีข้าน้อยเพียงคนเดียวที่หนีรอดออกมาได้!” ศิษย์ของสำนักหมื่นพิษคนหนึ่งกำลังรายงานเรื่องราวโดยที่เขายืนอยู่ด้านหลังของคนหนุ่มคนนั้น
“ทูตซ้ายและทูตขวาเกรงว่าจะประสบเหตุร้าย!”
“อวี้หลัวช่าคนนี้เก่งกาจจริงๆขอรับ!”
“ประมุข…”
ศิษย์ผู้นั้นลังเลเล็กน้อย แล้วชี้ไปยังสระน้ำ
“เจ้าของชุดสีม่วงเมื่อครู่ก็คือคนที่ช่วยเหลืออวี้หลัวช่าในงานประลอง พวกเขาเป็นพวกเดียวกัน!”
“ข้ารู้จักคนผู้นั้น เขาคือหลินเจียงอ๋องแห่งแคว้นต้าโจว ซย่าโหวฉิงเทียน”
คนหนุ่มผู้นั้นน้ำเสียงแผ่วเบา
“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่า ซย่าโหวฉิงเทียนจะเก่งกาจถึงเพียงนี้ ข้ามองเขาต่ำเกินไป!”
“ประมุข เช่นนั้นเราควรทำเช่นไรดีขอรับ”
ไม่นาน ศิษย์ของสำนักหมื่นพิษก็ตั้งสติได้ เขาก้าวมายืนข้างคนหนุ่มผู้นั้น ราวกับว่าเขาได้ฟื้นกำลังกลับมาอีกครั้ง
“กลับสำนักสำนักหมื่นพิษ”
“ประมุข มิได้โดยเด็ดขาด! หากว่าพวกอวี้หลัวช่ามาที่สำนัก จะทำเช่นไร ประมุขควรหาที่เพื่อหลบสักพักนะขอรับ!”
“ไม่…“
คนหนุ่มผู้นั้นปฏิเสธคำแนะนำของอีกฝ่ายทันที
“นางจะต้องมาที่สำนักพิษอย่างแน่นอน! นั่นเป็นสิ่งที่มิอาจหลบเลี่ยงได้ แต่ว่า หากว่าข้าไม่กลับไป แล้วจะเจออวี้หลัวช่าได้อย่างไร! ข้าสนใจตัวนางไม่น้อย!”
นางเป็นสาวน้อยแบบไหนกันแน่
แน่นอนว่าต้องพบด้วยตัวเองจึงจะรู้ได้!
อวี้เฟยเยียนที่กำลังนอนหลับอุตุมิรู้เลยว่าตนเองกำลังถูกบ่นคิดถึงอยู่ นางหลับสนิทอย่างสบายอารมณ์
ด้านนอกห้อง
ทุกคนต่างก็กำลังง่วนอยู่กับการตระเตรียมงานวันเกิดให้กับนาง ภายในห้อง ใครบางคนกำลังย่องไปที่เตียงนาง
“แมวน้อย แมวน้อย”
ซย่าโหวฉิงเทียนเรียกนางเสียงแผ่วเบา แต่ด้วยอวี้เฟยเยียนง่วงงุนเกินไป จึงได้แต่ขยับปากมุมมิบ ขยับไปมาแล้วก็หลับต่อ
เห็นอวี้เฟยเยียนนอนอย่างไร้เดียงสาเช่นนั้น ซย่าโหวฉิงเทียนก็ยื่นมือออกไปหยิกแก้มนางอย่างแผ่วเบา
“ต่อไปต้องเรียกว่าเจ้าหมูน้อยแล้วล่ะ!”
ซย่าโหวฉิงเทียนอุ้มร่างของนางไว้ในอ้อมแขน แล้วกระโดดทะยานออกไป
“ซย่าโหวฉิงเทียน นี่ท่านจะทำอะไร”
อวี้เฟยเยียนตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ
“เจ้านอนเถอะ! อีกเดี๋ยวข้าจะย่างปลาให้เจ้ากินนะ!”
“อื้อ!”
อวี้เฟยเยียนหลับไปอีกครั้ง จนกระทั่งนางตื่นขึ้นเพราะถูกกลิ่นหอมหวนของปลาย่างที่ลอยมา จนความหิวโหยปลุกให้ตื่น
“หอมจัง!”
อวี้เฟยเยียนนึกไม่ถึงว่าสถานที่ที่ซย่าโหวฉิงเทียนเลือกจะเป็นบนยอดเขา จากตรงนี้ สามารถมองเห็นหอราชาโอสถได้ทั้งหมด
ซย่าโหวฉิงเทียนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการย่างปลา ส่วนฮันจื่อก็นอนราบอยู่ข้างกายอวี้เฟยเยียน ตาทั้งสองของฮันจื่อมองจ้องปลาเขม็ง น้ำลายหยดลงพื้นทีละหยด
เมื่อเห็นว่าอวี้เฟยเยียนตื่นแล้ว ฮันจื่อก็แกว่งหางไปมาแรงๆ
แม่นางน้อย วันนี้ข้าอาศัยบารมีแม่นาง จึงมีลาภปากกินปลาย่างฝีมือเจ้านายด้วย!
“ฮันจื่อ เจ้าอาบน้ำหรือยัง”
อวี้เฟยเยียนที่ยังไม่ตื่นดี ลูบขนฮันจื่อเบาๆ แล้วก็ตบไปที่ก้นมันพลางกล่าว
“รีบไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้ บนตัวมีแต่ฝุ่น!”
ขอรับ! รับคำสั่ง!
ฮันจื่อเชื่อฟังคำสั่งของอวี้เฟยเยียนด้วยความนอบน้อม
เมื่อฮันจื่ออกไปแล้ว อวี้เฟยเยียนก็ลุกยืนขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาซย่าโหวฉิงเทียน
“ใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย!”
อวี้เฟยเยียนกล่าวพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ
“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่า เป็นถึงท่านอ๋องผู้สูงส่งท่านก็ย่างปลาเป็นกับเขาด้วย!”
“นับถือข้าละสิ!”
ซย่าโหวฉิงเทียนแอบได้ใจ
“เมื่อก่อนตอนอยู่แคว้นแคว้นฉินจื้อ พี่ก็มักจะลงน้ำจับปลามาย่างกินอยู่บ่อยๆ ดังนั้นฝีมือพี่นับว่าไม่เลว!”
เมื่อได้ยินซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวถึงชีวิตขณะที่อยู่แคว้นแคว้นฉินจื้อ อวี้เฟยเยียนก็กระจ่างแจ้งขึ้นมาในทันที
ตอนนั้นแคว้นต้าโจวเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ซย่าโหวฉิงเทียนต้องไปเป็นตัวประกัน ช่วงชีวิตเหล่านั้นคงไม่ง่าย มิฉะนั้น เป็นถึงอ๋องจะต้องไปจับปลาเอง ย่างปลาเองได้อย่างไรกัน!