จำนนรักชายาตัวร้าย - ตอนที่ 91-1
จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 91-1 ซย่าโหวฉิงเทียน ท่านก็มีหัวใจที่อ่อนโยนดวงหนึ่ง
เสียงหมัวมัว ดึงหลิวเปยที่กำลังคลุ้มคลั่งให้กลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง
เมื่อมองเห็นซย่าโหวเสวี่ยร่างเปลือยเปล่านอนจมกองเลือดอยู่ ความร้อนรนและหวาดกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อนเข้าเกาะกุมหัวใจของหลิวเปยทันที
“องค์หญิง องค์หญิง ทรงเป็นอย่างไรบ้าง”
หลิวเปยล้มลุกคลุกคลานขึ้นไปบนเตียง แล้วยื่นมือไปอุดบาดแผลซย่าโหวเสวี่ย
ดาบนี้ของเขาจ้วงแทงเข้าไปลึกและชักออกมาอย่างรวดเร็ว ดังนั้นที่บริเวณท้องซย่าโหวเสวี่ยจึงเกิดบาดแผลถูกแทงเป็นรูใหญ่ เลือดไหลรินออกมาราวกับน้ำ
“ราชบุตรเขย ข้าเจ็บเหลือเกิน!”
ซย่าโหวเสวี่ยไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ความตายรู้สึกเช่นนี้นี่เอง พลังและอุณหภูมิร่างกายทั้งหมดที่มี ค่อยๆ ไหลออกจากร่างผ่านทางบาดแผล
นางหวาดกลัวเหลือเกิน!
นางยังไม่อยากตาย!
“ขอประทานอภัยองค์หญิง ข้าโกรธจนควบคุมตนเองไม่อยู่ เป็นเพราะข้ารักองค์หญิงมากถึงได้กระทำเช่นนี้ลงไป องค์หญิงทรงให้อภัยหม่อมฉันด้วย หม่อมฉันมิได้ตั้งใจ!”
เมื่อเห็นว่าซย่าโหวเสวี่ยยังพูดจาได้ หลิวเปยจึงคลายความตระหนกไปได้บางส่วน
ในเวลาเช่นนี้ ซย่าโหวเสวี่ยจะตายไม่ได้โดยเด็ดขาด!
หลิวเปยปากก็พร่ำขอโทษ มือก็ดึงผ้าแพรออกมาทำแผลให้กับซย่าโหวเสวี่ยไปด้วย
ดาบเมื่อครู่ที่จ้วงแทงเข้ามา ทำให้ใจซย่าโหวเสวี่ยเศร้าใจอย่างที่สุด
ทว่ามาตอนนี้เมื่อเห็นอาการตื่นตระหนก การที่เขาร้อนรนพยายามจะช่วยชีวิต คำขอโทษของเขา ทำให้ซย่าโหวเสวี่ยหมดเหตุผลจะไปกล่าวโทษเขา ตรงกันข้ามนางกลับเป็นฝ่ายปลอบโยนเขาเสียเอง
“ราชบุตรเขย ท่านไม่ต้องกลัว ทางด้านเสด็จพ่อ ข้าจะช่วยพูดให้เอง!”
มีคำสัญญานี้ของซย่าโหวเสวี่ย หลิวเปยก็ยิ่งเสียใจ เขาจึงให้คำสัตย์สาบานต่อหน้านาง
“ราชบุตรเขย ข้าเวียนหัวเหลือเกิน เจ้ารีบไปตามหมอมาช่วยข้าเร็ว!”
ใบหน้าซย่าโหวเสวี่ยซีดขาว หลิวเปยเองก็รู้ดีว่าการกระทำในวันนี้ของตนเองนั้นมุทะลุเกินไป
ไม่เพียงแต่กำลังครุ่นคิดว่าคำพูดของหมัวมัวมีความจริงอยู่กี่ส่วน อย่างน้อยที่สุดในตอนนี้เขาอยู่บนแผ่นดินของต้าโจว เขากระทำเช่นนี้กับซย่าโหวเสวี่ย คงยากที่จะหลีกหนีจากความตายไปได้
ไม่มีอะไรน่ากลัวกว่าความตายอีกแล้ว!
เพื่อที่จะมีชีวิตรอดต่อไปได้ หลิวเปยมิต้องการศักดิ์ศรีใดๆ อีกต่อไป
ต่อให้ต้องได้ชื่อว่าถูกสวมเขา ตอนนี้เขาก็ยินยอมทุกอย่าง!
“ได้ๆ !”
หลิวเปยไม่คิดอะไรมากมายอีกต่อไปแล้ว สิ่งเดียวที่เขาต้องทำตอนนี้คือเอาใจซย่าโหวเสวี่ยให้มาก
เสียงตะโกนของหมัวมัวดังเสียขนาดนั้น ไม่แน่นะว่าตอนนี้องครักษ์ที่ดูแลจวนองค์หญิงคงแห่กันมาแล้ว เขายังต้องพึ่งพาซย่าโหวเสวี่ยจัดการคนพวกนั้น!
หมอประจำตัวของหลิวเปยพักอยู่อีกเรือนหนึ่ง ซึ่งห่างไกลจากที่นี่มากนัก
เขาเกรงว่าซย่าโหวเสวี่ยจะรอไม่ถึงหมอมา ไปค้นหาอยู่นานจนในที่สุดก็หยิบยาเม็ดหนึ่งออกมา
“องค์หญิง ข้าจะไปเชิญหมอมา องค์หญิงทรงอดทนไว้ก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ! องค์หญิงเสวยยาเม็ดนี้เข้าไปก่อน นี่เป็นยาอายุวัฒนะที่เสด็จแม่มอบให้หม่อมฉัน เมื่อพบเจอกับเหตุการณ์คับขัน กินยาอายุวัฒนะหนึ่งเม็ด สามารถรักษาชีวิตได้หนึ่งชีวิต”
มาถึงขั้นนี้แล้ว หลิวเปยจึงไม่กล้าหมกเม็ดเอาไว้คนเดียวอีกต่อไป
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นยาล้ำค่าที่ฮองเฮาแห่งซีเย่ว์มอบให้กับเขาซึ่งเป็นบุตรชายโดยเฉพาะก็ตาม แต่หลิวเปยก็กำลังจะใช้มันเพื่อรักษาชีวิตของซย่าโหวเสวี่ยเอาไว้
“ได้ ได้ผลจริงหรือ”
ซย่าโหวเสวี่ยนอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง
“ได้ผลแน่นอน!’
หลิวเปยรีบรินน้ำมา แล้วเดินไปที่เตียง
“คุ้มกันองค์หญิง!”
เสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งดังแว่วมาจากด้านนอก
ได้ยินประโยคนั้น หลิวเปยถึงกับมือสั่นระริก ยาอายุวัฒนะร่วงลงที่พื้น เขาลนลานลงจากเตียงค้นหาอยู่นานกว่าจะหามันจนเจอ
“องค์หญิง พระองค์จะต้องทรงช่วยหม่อมฉันนะ!”
หลิวเปยหวาดกลัวจนแทบจะร้องไห้ออกมา
“ราชบุตรเขย ข้าต้องช่วยท่านแน่!”
ซย่าโหวเสวี่ยก็กลัวตายเช่นกัน ได้ยินหลิวเปยกล่าวถึงประสิทธิภาพยาเสียยกใหญ่เมื่อครู่ ครั้นเมื่อหลิวเปยป้อนยาเข้าปาก ซย่าโหวเสวี่ยก็รีบกลืนยานั้นลงไปทันที
“เพล้ง…”
ในตอนนั้นเองที่ประตูถูกคนถีบออกอย่างแรง หมัวมัวพาองค์รักหญิงหลายคนบุกเข้ามา
ซย่าโหวเสวี่ยแต่งงานออกเรือนในครั้งนี้ ซย่าโหวจวินอวี่จัดองครักษ์หญิงให้ถึงสามสิบคนแก่นาง ซึ่งได้ใช้งานในครั้งนี้พอดิบพอดี
“บังอาจ!”
บ่าวไพร่พวกนี้บุกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้หลิวเปยโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก
แต่ยังไม่ทันที่หลิวเปยจะได้วางมาดองค์ชาย หมัวมัวก็ร้องขึ้นมาว่า
“องค์หญิง ทรงเป็นอะไรไปเพคะ องค์หญิง ทรงฟื้นสิเพคะ!”
เสียงนั้นทำให้หลิวเปยงงงวยเป็นอย่างมาก
จนกระทั่งหลิวเปยหันหลังกลับมามอง ก็เห็นซย่าโหวเสวี่ยเบิ่งตากว้างจ้องมองมาที่ตนเอง เลือดออกเจ็ดทวาร ภาพตรงหน้านั้นเขย่าขวัญหลิวเปยจนตกใจลนลานล้มลงที่พื้น
“หลิวเปย เจ้าเจตนาจ้วงแทงองค์หญิงจนสิ้นพระชมน์ น้ำมือเ**้ยมโหด เจ้ามันเลวทรามเกินไปแล้ว!”
“ไม่ ไม่ใช่ข้า!”
ถูกหมัวมัวชี้หน้ากล่าวโทษเช่นนี้ หลิวเปยถึงไปต่อไม่ถูก
ยานี่เป็นยาอายุวัฒนะที่เสด็จแม่มอบให้เขาแท้ๆ แล้วจะเป็นยาพิษไปได้อย่างไรกัน
แต่ยาเม็ดนั้น เขาเป็นคนป้อนให้กับซย่าโหวเสวี่ยด้วยตัวเอง มีคนมากมายเป็นพยาน เขาจะอธิบายอย่างไร เขายังอธิบายได้อีกหรือ!
“องค์หญิงที่น่าสงสาร พระองค์ตกหลุมรักหมาป่าร้ายในคราบมนุษย์พรรค์นี้ได้อย่างไรกัน!”
หมัวมัวตะโกนร้องไห้แล้ววิ่งเข้าไปหาร่างของซย่าโหวเสวี่ย ร่ำไห้ออกมายกใหญ่
“แต่งงานด้วยความยินดี เหตุใดผลลัพธ์จึงเป็นเช่นนี้ องค์หญิงเสวี่ย โชคชะตาท่านช่างรันทดยิ่งนัก!”
เหล่าองครักษ์หญิง เมื่อเห็นองค์หญิงต้องสิ้นพระชนม์อย่างน่าอนาถ ต่างพากันร้องไห้ด้วยความเสียใจ ไม่นานทั่วทั้งห้องก็มีเสียงร่ำไห้ของหญิงสาวดังระงม
ไม่หนีตอนนี้ จะหนีเมื่อไหร่กัน!
เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังมุ่งความสนใจไปที่ซย่าโหวเสวี่ย หลิวเปยก็แอบย่องไปอีกด้าน
สองสามวันก่อน เขาได้สำรวจจวนองค์หญิงเป็นครั้งสุดท้าย จึงพบเข้ากับทางลับนี้โดยบังเอิญ
ในวันนั้นหลิวเปยยังเดินเล่นจนสุดทางรอบหนึ่งเต็มๆ ทางลับนี่เป็นทางเปิดทะลุไปเชื่อมกับนอกเมือง ในตอนนั้นเขายังคิดเลยว่า ทางลับนี้เหมาะสำหรับหนีรอดเอาชีวิตที่ไม่น้อยเลย
คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะต้องใช้ทางลับนี้หนีรอดเอาชีวิตจริงๆ
อาศัยช่วงเวลาที่ทุกคนยังเผลอไผล หลิวเปยจึงหลบไปซ่อนตัวในทางลับ
เมื่อร้องไห้จนพอใจแล้ว หมัวมัวจึงได้พบว่านักโทษฆ่าคนตายหลบหนีไปเสียแล้ว จึงออกคำสั่งให้คนออกตามหาในทันที ทั้งยังให้คนเข้าวังไปกราบทูลเรื่องนี้ให้ฝ่าบาททรงทราบ
ห้องหอในค่ำคืนแสนหวาน กลายเป็นคดีนองเลือดไปได้
คณะทูตแห่งซีเย่ว์ถูกจับกุมกลางดึกขณะที่กำลังนอนหลับฝันดี แต่ละคนตระหนกตกใจกันยกใหญ่ ไม่อยากจะเชื่อความจริงที่เกิดขึ้นนี้เลย
เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันมงคลองค์หญิง ดังนั้นจึงมิได้มีเวรยามขององครักษ์ที่แน่นหนา
ทูตของซีเย่ว์บางคนที่เป็นวรยุทธ์ขั้นสูงจึงไม่ยินยอมให้จับกุมแต่โดยดี หลังจากต่อสู้จนองครักษ์จวนองค์หญิงตายไปสิบกว่าคนแล้ว ก็อาศัยความมืดยามราตรีหลบหนีไป
ในวังหลวง ยากนักที่ซย่าโหวจวินอวี่จะอารมณ์ดีแล้วพักค้างคืนอยู่ที่ตำหนักของหลิวฮองเฮา
สองสามีภรรยาอายุอานามมากแล้ว จึงไม่ได้ทำอะไรอื่นใด ซย่าโหวจวินอวี่เพียงแค่พูดคุยเป็นเพื่อนหลิวฮองเฮาเท่านั้น
พวกเขาเริ่มคุยกันตั้งแต่ซย่าโหวเสวี่ยเกิดมา ย้อนรำลึกไปถึงอดีตที่แสนสวยงามหอมหวานจนถึงตอนสุดท้าย ทำให้หลิวฮองเฮารู้สึกว่าการพูดคุยอย่างสนิทสนมในครั้งนี้ ทำให้หัวใจนางและฝ่าบาทใกล้ชิดกันมากขึ้นอีกขั้น
ใครจะคาดคิด หลังจากที่พวกเขาดับเทียนเข้านอนไม่นาน เสียงเซี่ยงจิ้นก็ดังขึ้น
“ฝ่าบาท ฝาบาท เกิดเรื่องแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
น้ำเสียงเซี่ยงจิ้นร้อนรน ทั้งยังเจือไว้ด้วยอาการลนลานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ที่ผ่านมาต่อให้เกิดเรื่องเร่งด่วนอย่างไร เซี่ยงจิ้นก็ยังสามารถรักษากฎเกณฑ์องครักษ์ฝ่ายในเอาไว้ได้ ไม่เคยโวยวายเสียงดังเช่นนี้มาก่อน
เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันแต่งงานของซย่าโหวเสวี่ย คืนนี้ซย่าโหวจวินอวี่จึงเหน็ดเหนื่อยเป็นพิเศษ
เซี่ยงจิ้นร้องเรียกอยู่หลายครั้ง แต่ซย่าโหวจวินอวี่ที่หลับลึกก็ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมา
กลับเป็นหลิวฮองเฮา ที่รู้สึกว่าการเปิดใจพูดคุยกับซย่าโหวจวินอวี่ในค่ำคืนนี้ซึ่งทำให้ความเข้าใจผิดระหว่างนางและฮ่องเต้คลี่คลายลง ทำเอานางดีใจจนนอนไม่หลับ
หลิวฮองเฮาเมื่อได้ยินเสียงของเซี่ยงจิ้น นางจึงค่อยๆ ลงจากเตียงอย่างระมัดระวัง นางคว้าเสื้อคลุมมาคลุมร่างแล้วย่องเดินออกไปด้วยฝีเท้าอันแผ่วเบา ทั้งยังเปิดประตูออกไปอย่างเบามือ
“เซี่ยงจิ้น เกิดเรื่องอะไรขึ้น เจ้าตื่นตระหนกอะไรกัน!”
เห็นสีหน้าร้อนรนจนแทบจะควบคุมไม่อยู่ของเซี่ยงจิ้น หลิวฮองเฮาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
สำหรับคนโปรดข้างกายของฝ่าบาทคนนี้ หลิวฮองเฮาไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไหร่นัก!