จำนนรักชายาตัวร้าย - ตอนที่ 93-4
จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 93-4 คนรักที่ชิดใกล้ เขาที่แสนทึ่ม
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่หมอเทวดาฮั่วจึงยอมรับความจริงนี้ได้ ถึงแม้ว่าที่จริงแล้วเขาแอบสนับสนุนอวี้เฟยเยียนและเหลียนจิ่นมากกว่า
อย่างไรเสียเหลียนจิ่นก็เป็นชายที่ทั้งสง่างามอ่อนโยน เป็นหลักพึ่งพิงให้แก่หญิงสาวไปได้ตลอดชีวิต
รอบกายซย่าโหวฉิงเทียนมีรัศมีการเข่นฆ่าที่รุนแรง
แต่ทว่านี่เป็นสิ่งที่อวี้เฟยเยียนเลือกเอง เขาก็เคารพการตัดสินใจของนาง ไม่แน่นะว่า พวกเขาทั้งสองที่มีความแตกต่างมากมายเพียงนี้ อาจจะเติมเต็มช่วยเหลือซึ่งกันและกันจนกลายเป็นผนึกรวมเข้าหากัน สุดท้ายกลายเป็นคู่รักขั้นเทพก็เป็นได้!
ซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนได้รับคำอวยพรมากมาย สุดท้ายหมอเทวดาฮั่วก็ตบไหล่ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวว่า
“เจ้าหนุ่ม เจ้าโชคดีจริงๆ น่าเสียดาย ข้าอายุมากแล้ว มิเช่นนั้นละก็…”
หมอเทวดาฮั่วจ้องมองไปที่อวี้เฟยเยียน แววตาแสนเสียดาย
หากเมื่อครั้งที่เขาอายุสิบห้าปี แล้วได้พบกับหญิงสาวที่รสมือเยี่ยมถึงเพียงนี้ละก็ เขาจะต้องแย่งกลับบ้านมาเป็นเมียให้จงได้ เช่นนั้นแล้วก็จะได้ลิ้มรสอาหารรสเลิศทุกวัน จะมีความสุขมากขนาดไหนเชียว!
เวลาไม่คอยท่าจริงๆ!
ซย่าโหวฉิงเทียนพอจะคาดเดาความหมายของหมอเทวดาฮั่วออก จึงจับคอเสื้อหมอเทวดาฮั่วขึ้นมาแล้วเหวี่ยงเขาจนกระเด็นออกไป
“อ๊ากก! แม่นางน้อยอวี้ เขารังแกข้า!”
หมอเทวดาฮั่วถูกเหวี่ยงกลิ้งลุ่นๆ ออกไปไกล สุดท้ายกลายเป็นอะไรสักอย่างทั้งดำและสกปรกแล้วหายไปจากสายตาของทุกคน
เยี่ยม!
ใช้สายตาประมาณการดู เซวียเฉียงก็คิดว่าหมอเทวดาฮั่วคงจะกระเด็นออกไปนอกเมืองแล้วกระมัง
ซย่าโหวฉิงเทียนแน่จริงๆ!
เสร็จสิ้นจากอาหารรสเลิศ ขณะที่กำลังบอกลาเหลียนจิ่น มั่วซางและเซวียเฉียงนั้น ซย่าโหวฉิงเทียนก็เรียกเหลียนจิ่นเอาไว้
หารู้ไม่ เขายังมิทันเอ่ยปากเหลียนจิ่นก็แจ้งคำตอบกับเขาทันทีว่า
“ข้ารู้ว่าท่านต้องการจะถามอะไร คำตอบคือข้าก็ไม่รู้เช่นกัน! ข้าพยากรณ์ไม่ได้!”
แม้แต่เจ้าไม้เท้าเทพก็พยากรณ์ไม่เห็นอย่างนั้นหรือ…
ซย่าโหวฉิงเทียนกัดริมฝีปากแน่น ท่าทางผิดหวัง
เห็นดังนั้นเหลียนจิ่นก็ก้าวเดินไปเบื้องหน้า กล่าวเตือนสติเขาว่า
“ทะนุถนอมสิ่งตรงหน้า มีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน หากท่านต้องจะรั้งนางเอาไว้จริง มีอยู่วิธีหนึ่งท่านจะลองดูก็ได้!”
“วิธีอะไร”
ได้ยินดังนั้นดวงตาหงส์ที่กำลังหรี่ลงของซย่าโหวฉิงเทียนก็เปี่ยมไปด้วยความหวัง
“กลายเป็นเทพ! กลายเป็นผู้ครอบครองโลกใบนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างท่านจะเป็นผู้ลิขิต บางทีอาจจะมีทางเป็นไปได้”
ซย่าโหวฉิงเทียนไม่สนใจประโยคหลังของเหลียนจิ่นที่ว่า ‘อาจจะมีความเป็นไปได้’ ไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าสุดท้ายมันจะสำเร็จหรือไม่ เขาก็จะต้องลองฟันฝ่าเพื่อเป้าหมายนี้ดู
กลายเป็นเทพ!
เป็นผู้กำหนดทุกสิ่งทุกอย่าง!
ถึงตอนนั้นเขาจะต้องรู้วิธีการเป็นแน่!
ซย่าโหวฉิงเทียนกำหนัดแน่น แววตาแน่วแน่
เมื่อเดินไปถึงที่ประตู เหลียนจิ่นได้หันกลับไปมองใบหน้าที่ดึงดื้อของชายชุดสีม่วงอีกครั้ง
ขอโทษด้วย!
มีเพียงวิธีนี้จึงจะกระตุ้นให้ท่านรีบกล้าแข็งขึ้น
หวังว่าท่านจะไม่ลืมคำสาบานที่ท่านให้ไว้!
หนทางที่จะสำเร็จเป็นเทพยากลำบากยิ่งนัก มันยาวไกลไร้จุดสิ้นสุด
แต่ทว่าให้ความหวังแก่ท่าน ท่านถึงจะมีความเชื่อ จึงจะมีเป้าหมายที่จะพยายามฟันฝ่าไปให้ได้ โปรดอย่าตำหนิที่ข้าหลอกใช้ท่านเลย!
หากท่านต้องการจะอยู่เคียงข้างนางตลอดไป
ทว่ากลับไม่มีความสามารถที่จะปกป้องนางได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เพียรพยายามมาก่อนหน้านี้ก็จะกลายเป็นสิ่งว่างเปล่า ไม่มีประโยชน์ใดๆ
หากท่านรักนางจริง ท่านจะต้องดำรงอยู่อย่างแข็งแกร่งที่สุด!
เมื่อมีคำบอกกล่าวจากเหลียนจิ่น เมฆดำที่วนเวียนก่อกวนอยู่ในใจซย่าโหวฉิงเทียนก็มลายหายไป รอยยิ้มบนใบหน้าเขาก็เพิ่มขึ้นมา จุดมุ่งหมายเขาก็ชัดเจนยิ่งขึ้น สติสัมปชัญญะเขาหนักแน่นมากขึ้น
หลังจากจุมพิตบอกลาอวี้เฟยเยียนแล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนก็มิได้หวานแหววกับนางอีกแต่อย่างใด เขากลับรีบตรงกลับจวนหลินเจียงอ๋องทันที
คืนนั้น เขาก็เริ่มมุ่งมานะฝึกวิชาอย่างเข้มข้น
เมื่อเห็นว่านายท่านเพียรพยายามเอาเป็นเอาตายเช่นนี้ ชิงหงและเสวี่ยเยี่ยนก็รู้สึกกดดันขึ้นมาทันที
ซย่าโหวฉิงเทียนมุ่งมั่นฝึกวิชาไม่ลดละอย่างไม่คิดชีวิต พวกเขาเองก็ไม่อาจย่อหย่อนได้! มิเช่นนั้นอาจไม่ถูกใจนายท่านแล้วเป็นเฉกเช่นหลิวเซิ่งถูกทิ้งเอาไว้ที่เมืองอู๋โยว
คิดได้ดังนั้นชิงหงและเสวี่ยเยี่ยนก็สบสายตากัน แล้วต่างพากันฝึกวิชาอย่างหนักหน่วงเช่นกัน
หลังจากที่ฝ่าบาททรงรู้ว่าปรมาจารย์คืออวี้เฟยเยียน ทั้งยังเป็นว่าที่สะใภ้ของตนแน่นอนแล้ว ฝ่าบาทก็ทรงกินอิ่มบรรทมสบาย พระทัยสงบสุขเป็นอันมาก บวกกับได้รับสาสน์จากอวี้จิงเหลยที่ส่งมาจากซีเย่ว์ยิ่งทำให้ซย่าโหวจวินอวี่สุขใจเป็นเท่าทวีคูณ
ความสุขสงบเช่นนี้ดำเนินไปไม่กี่วัน แคว้นฉินจื้อก็มาทิ้งระเบิดลูกใหญ่เข้าให้อีกแล้ว
“เหลวไหลทั้งเพ! พวกมันกำลังทำเป็นยโสโอหัง!”
ซย่าโหวจวินอวี่เชิดหน้าขึ้น ด่ากราดเนื้อความในจดหมาย
ที่แท้แล้วเป็นสาสน์จากฉินจื้อที่จู่ๆ ก็ออกมาประกาศว่าปรมาจารย์คือคนของแคว้นฉินจื้อ ซึ่งเป็นข่าวที่ต้องประกาศแก่สาธารณชนให้รับรู้
เชียนลั่วเฉิงยังบอกอีกว่า ปรมาจารย์คนนี้ยังเป็นถึงราชาโอสถ ซึ่งเก่งกาจกว่าอวี้หลัวช่าที่เป็นจักรพรรดิโอสถเสียอีก!
“เชียนลั่วเฉิงไอ้คนโกหก มันจะต้องกำลังเล่นลิ้นอะไรเป็นแน่! ปรมาจารย์ ปรมาจารย์หนึ่งเดียวในตอนนี้คือคนของต้าโจว แล้วมันไปเอาปรมาจารย์มาจากที่ไหนกันอีก! ฝันไปเถอะ!”
เมื่อกล่าวถึงเชียนลั่วเฉิง ซย่าโหวฉิงเทียนก็อารมณ์ขึ้น
ขอเพียงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฉินจื้อ เขาก็จะพาลไม่สบอารมณ์ไปเสียทุกอย่าง
ซย่าโหวฉิงเทียนกลับมีท่าทีสงบนิ่งเมื่อได้ยินเรื่องนี้ หลังจากได้ฟังรายงานจากสายของต้าโจวที่แฝงตัวอยู่ที่ฉินจื้อแล้ว เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เชียนลั่วเฉิงกระทำเช่นนี้ เพื่ออะไรกันนะ
ในรายงานเขียนเอาไว้อย่างชัดเจน จอมเทวาเยี่ยหงแสดงแสนยานุภาพของตนเองในวังหลวง ทำให้แคว้นฉินจื้อที่เดิมที เนื่องด้วยสูญเสียจอมเทวาทำให้แคว้นที่ระส่ำระสาย กลับกลายเป็นมั่นคงขึ้นมา
จู่ๆ เชียนลั่วเฉิงก็ประกาศข่าวนี้ออกมา
เพราะต้องการโจมตีต้าโจวโดยไม่ทันได้ตัว ให้สั่นสะเทือนเลือนลั่นทั่วแผ่นดินอย่างนั้นหรือ
เยี่ยหง เยี่ยหง…
เป็นสตรี
ซย่าโหวฉิงเทียนก้มหน้าครุ่นคิด
คนผู้นี้มีอยู่จริง และก็เป็นปรมาจารย์จริงๆ เสียด้วย
แต่ว่า ในระยะนี้มีเพียงอวี้เฟยเยียนที่สำเร็จขั้นเป็นปรมาจารย์นี่นา นอกเสียจากว่า คนผู้นี้จะไม่ใช่คนของแผ่นดินหลัวอวี่
นางจะต้องมาจากอู๋โยวเป็นแน่!
แผ่นดินใหญ่ของเรามีกฎว่า คนจากแผ่นดินอู๋โยวไม่มีสิทธิก้าวก่ายราชกิจของแผ่นดินหลัวอวี่ แต่จู่ๆ ก็มีเยี่ยหงโผล่ขึ้นมา ดูแล้วจะต้องมีแผนร้ายซุกซ่อนอยู่ภายในเป็นแน่
ทว่าเรื่องที่ทำให้ซย่าโหวจวินอวี่และซย่าโหวฉิงเทียนรู้สึกไม่ชอบมาพากลกลับเป็นอีกเรื่อง
นั่นก็คือ ที่หอคืนชีพ อวี้เฟยเยียนได้รับ ‘สาสน์ท้ารบ’ จากเยี่ยหง
ในสาสน์เชิญอวี้เฟยเยียนไปที่ฉินจื้อ เพื่อประลองวิชาแพทย์กับเยี่ยหงซึ่งเป็นราชาโอสถ
“ใต้เท้าเยี่ยหงของเรากล่าวไว้ หากว่าใต้เท้าอวี้ไม่กล้าไปก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียใต้เท้าอวี้อายุยังน้อย ไม่เคยเปิดโลกทัศน์ ขี้ขลาดหวาดกลัวบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ยอมรับว่าพ่ายแพ้ก็พอ!”
ทูตที่เยี่ยหงส่งมาเป็นชายที่หน้าตาน่าเกลียดร่างกายซูบซีดคนหนึ่ง
ได้ยินดังนั้นไม่ว่าจะเป็นแพทย์หรือคนป่วยที่เข้ามารับการรักษาต่างก็โมโหโกรธาทั้งสิ้น
“หุบปาก ใครให้เจ้าลบหลู่ใต้เท้าอวี้!”
“ไสหัวไป มิเช่นนั้นจะอัดเจ้าให้ตาย!”
เห็นสถานการณ์เช่นนั้น แต่ชายผอมแห้งก็ยังไม่ยอมล่าถอย
“ใต้เท้าอวี้ ท่านยังไม่ตอบกลับเลย ว่าท่านจะรบ หรือจะยอมแพ้กัน”
คงจะเป็นเพราะมีเยี่ยหงให้ท้าย ชายผู้นี้ถึงได้ปากกล้าจองหองยิ่งนัก คงจะมิเห็นใครอยู่ในสายตาเลยกระมัง
“เยี่ยหงช่างหน้าไม่อาย ระดับขั้นของตนรึสูงกว่าใต้เท้าอวี้ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นการแข่งขันที่ไม่ยุติธรรม ยังมีหน้ามาบอกว่าสมเหตุสมผลทุกประการ นี่มันใช้อำนาจรังแกคนอื่นต่างหาก!”
“จริงด้วย ได้ยินว่าเยี่ยหงเป็นสาวแก่วัยกลางคนแล้ว แต่ใต้เท้าอวี้เพิ่งจะอายุสิบห้าปีเท่านั้น รอให้ใต้เท้าอวี้อายุเท่านางก่อนเถอะ จะต้องเก่งกาจกว่านางเป็นแน่!”
“ใต้เท้าอวี้ พวกเราสนับสนุนท่าน!”
เสียงสนับสนุนดังมาจากรอบทิศทาง อวี้เฟยเยียนจึงยิ้มออกมาเป็นเชิงให้ทุกคนอยู่ในความสงบ
เยี่ยหง
ราชาโอสถ
ได้ยินว่านางคือปรมาจารย์แห่งฉินจื้อ หึ เรื่องทั้งหมดนี่มันบังเอิญเกินไป!
“กลับไปบอกนายของเจ้าว่า ให้นางล้างคอให้สะอาดแล้วรอข้าอยู่ที่ฉินจื้อ!”
หมอเทวดาฮั่วไม่เข้าใจความหมายของอวี้เฟยเยียน จึงรีบกล่าวถามขึ้น
“แม่นางน้อยอวี้ เหตุใดต้องล้างคอด้วยหรือ”
“ล้างให้สะอาดรอข้าไปบั่นนะสิ!”
อารมณ์ขันของอวี้เฟยเยียน เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้ดี ความกังวลใจกลัดกลุ้มที่เดิมทีวนเวียนอยู่ในใจของทุกคนเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของอวี้เฟยเยียนก็สูญสลายไปในทันที
“ใต้เท้าอวี้เป็นคนดีที่สุด!”
“ท่านจะต้องมีวิธีกำจัดเยี่ยหง ยัยแก่นั่นอย่างแน่นอน!”
ชายผู้นั้นคิดไม่ถึงว่าอวี้เฟยเยียนจะกล้ารับปากจริงๆ
“หึ! ไม่รู้จักเจียมตัว!”
เป็นแค่จักรพรรดิโอสถ ยังริอ่านกล้าจะมาแข่งกับราชันจักรพรรดิโอสถ
“จริงสิ ข้ามาที่นี่ยังมีอีกข่าวมาแจ้งกับใต้เท้าอวี้ด้วย”
พูดแค่นั้น ชายผู้นั้นก็ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
“รู้มาว่าใต้เท้ามีความสัมพันธ์อันดีกับเยี่ยนอ๋องของเรา ดังนั้นใต้เท้าเยี่ยให้ข้ามาแจ้งกับท่านว่าเยี่ยนอ๋อง…ตายแล้ว”
เชียนเยี่ยเสวี่ยตายแล้ว
ได้ยินข่าวนี้ อวี้เฟยเยียนก็ผลุนผลันมายืนที่เบื้องหน้าของชายผู้นั้นอย่างรวดเร็วราวกับสายลม นางยื่นมือออกไปบีบคอหอยเขาไว้แน่น
“ไหนเจ้าลองพูดประโยคเมื่อครู่อีกครั้งสิ!”
คอหอยเจ็บปวดเป็นอย่างมาก จนชายผู้นั้นรีบละล่ำละลักกล่าวซ้ำว่า
“เยี่ยนอ๋องลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท ถูกใต้เท้าเยี่ยหงสังหารจนตาย นำศพไปทิ้งที่แม่น้ำชางหลวน ศพหายไปไร้ร่องรอย เสียชีวิตไปแล้ว!”
กร๊อบ!
อวี้เฟยเยียนออกแรงบีบอย่างแรง จนกระดูกคอชายผู้นั้นแหลกคามือ ร่างเขาอ่อนปวกเปียกร่วงลงที่พื้น
เป็นไปไม่ได้!
เชียนเยี่ยเสวี่ยมักจะบอกว่าตนเองเป็นแมวเก้าชีวิต แล้วจะตายได้อย่างไร!
ช่าช่า เจ้ารอข้ากลับมา!
ช่าช่า หากข้าเป็นชายล่ะก็จะต้องติดตามเจ้าตลอดชีวิต !
ช่าช่า รอให้ข้าจัดการเรื่องทางนี้ให้เสร็จเรียบร้อย เราพี่น้องจะไปท่องยุทธภพด้วยกัน !
เสียงเชียนเยี่ยเสวี่ยดังก้องขึ้นข้างหูอวี้เฟยเยียน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจของเชียนเยี่ยเสวี่ย ชุดสีแดงเพลิงของนาง รวมถึงคนที่เป็นดั่งดอกเหมยสีแดงสดท่ามกลางหิมะขาวโพลน ยืนหยัดตั้งตระหง่าน
คนอย่างเชียนเยี่ยเสวี่ย จะตายได้อย่างไรกัน!
หมอเทวดาฮั่วก็สนิทสนมกับเชียนเยี่ยเสวี่ยไม่น้อย ได้ยินข่าวนี้ เขาถึงกับตกตะลึง
“แม่นางน้อยอวี้ ที่เขาพูดมาจริงหรือ”
หมอเทวดาฮั่วเอ่ยออกมาแผ่วเบา เสียงเขาสั่นเทา เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยเป็นหญิง เด็กที่น่าสงสาร…
“ไม่จริง!”
อวี้เฟยเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“นอกเสียจากข้าจะได้เห็นศพนางด้วยตัวเอง มิเช่นนั้นข้าไม่มีวันเชื่อเรื่องนี้โดยเด็ดขาด!”
ในขณะเดียวกัน ที่ใกล้ๆ ละแวกแม่น้ำชางหลวน แคว้นฉินจื้อ ทหารกำลังออกลาดตระเวนยามค่ำคืน เพื่อตามหาร่างเชียนเยี่ยเสวี่ย
“จะต้องตามหาซากศพของมันให้ได้ อยู่ต้องพบคน ตายต้องพบศพ มิเช่นนั้นข้าไม่วางใจ!”
เชียนลั่วเฉิงสั่งการจากท้องพระโรงเสียงเ**้ยม