จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 111-116
บทที่ 111 : บ้านสกุลไป๋รนหาที่ตาย
ฝูงชนต่างถอนหายใจด้วยความเศร้า
ช่างเป็นเด็กที่น่ารักน่าชังอะไรเช่นนี้ชาวบ้านบางคนถึงกับอดเป็นห่วงเด็กน้อยไม่ได้ ! ต่อให้มารดาของเขาทำสิ่งใดผิดไป ทว่าอย่างไรเสียเด็กก็คือผู้บริสุทธิ์
โดยเฉพาะคำเรียกขานที่ว่า‘ท่านน้า ท่านลุง และท่านป้า’ นั้น ช่างอ่อนหวานไพเราะ สะเทือนหัวใจพวกเขายิ่งนัก ผู้ใดจะทนเห็นเด็กน้อยต้องได้รับอันตรายได้
“นอกจากนี้…”ไป๋เสี่ยวเฉินยิ้มอย่างซุกซน “เฉินเอ๋อไม่กลัวนางหรอก เพราะเฉินเอ๋อมีป๊ะป๋า กับหม่ามี้คอยสนับสนุนอยู่”
ชั่วอึดใจนั้นฝูงชนที่รู้สึกเศร้าอยู่เมื่อครู่ก็มีปฏิกิริยาทันที
จริงสิ! ตี้คังประกาศต่อสาธารณชนแล้วว่า ไป๋หยานเป็นผู้หญิงของเขา หากเป็นเช่นนั้น ย่อมแสดงว่าเด็กน้อยผู้นี้ก็อาจเป็นโอรสของเขาใช่หรือไม่ ?
หากหยูฮูหยินผู้เฒ่าคิดจะทำอันตรายโอรสของอ๋องคังนางก็คงต้องกินดีหมีหัวใจเสือมาเป็นแน่
อย่างไรก็ตามขณะที่ผู้คนต่างมองเด็กน้อยด้วยสายตาเอ็นดู หยูฮูหยินผู้เฒ่ากลับไม่สนใจสิ่งใด นางรู้ดีว่าไป๋รั่ววางยาไป๋หยาน อีกทั้งไป๋รั่วยังเตรียมผู้ชายเพื่อให้ไป๋หยานได้ปลดปล่อยฤทธิ์ยาแล้ว เช่นนั้นอ๋องคังจะเป็นบิดาของเด็กสกปรกนี่ได้อย่างไร ?
”พวกเจ้าพาเขากลับไปพร้อมกับเรา !” นางตะโกนสั่งอย่างไม่ลังเล
ไป๋เสี่ยวเฉินไม่แม้แต่จะมองยายเฒ่าไร้ยางอายเขายังคงกล่าวกับฝูงชนต่อไปว่า “ท่านน้า ท่านลุง ท่านป้า อีกไม่ช้าหม่ามี้ที่รักของข้าคงจะมาตามหาข้า โปรดแจ้งแก่นางด้วยว่า ข้าจะอยู่ที่บ้านสกุลไป๋สักหนึ่งคืนแล้วจึงจะกลับในเช้าวันพรุ่งนี้”
เขาไม่มีแผนที่จะพักในบ้านสกุลไป๋นานนักเพราะคงไม่เป็นการดี หากคนเหล่านั้นเกิดตายด้วยเหตุที่เขาเล่นหนักเกินไป
หลังจากทิ้งคำวอนนี้ไว้ให้ผู้ยืนมุงแล้วไป๋เซียวก็เดินจูงมือไป๋เสี่ยวเฉินไปตามเส้นทางมุ่งสู่บ้านสกุลไป๋
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเสี่ยวมี่นั่งนิ่งอยู่บนไหล่ของไป๋เซียวเงียบๆ ดวงตาเสือน้อยมองไปที่ยายเฒ่าด้วยความสงสาร เพราะเขาเองก็คาดเดาไม่ได้ว่าคนพวกนี้จะโดนเล่นงานหนักเพียงใด
มันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดยายแม่มดแก่นี่ถึงคิดอะไรเช่นนี้ออกมาได้ ? รึว่าชีวิตของนางเรียบง่ายสุขสบายจนเกินไป จึงอยากเชื้อเชิญพ่อทูนหัวน้อยคนนี้เข้าบ้าน ?
*****
ครั้นไป๋หยานมาถึงที่เกิดเหตุไป๋เสี่ยวเฉินก็จากไปแล้ว นางหรี่ตาลงเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำบอกกล่าวของคนรอบข้าง
“คุณหนูไป๋บุตรชายของเจ้าถูกหยูฮูหยินผู้เฒ่าพาตัวไปแล้ว เจ้าควรรีบพาเขากลับมา หาไม่แล้วเขาอาจจะโดนรังแกได้”
คนในฝูงชนผู้หนึ่งกล่าวขึ้นอย่างใจดี
ไป๋หยานยิ้มเอ่ยตอบเบา ๆ ว่า “ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณ”
หากบุตรชายของนางไม่เต็มใจย่อมไม่มีผู้ใดบังคับเขาได้นางคิดว่า เด็กน้อยคงเบื่อหน่ายการเที่ยวเล่นในเมืองหลิวฮั่วนี่แล้ว เช่นนั้น เลยไปหาเรื่องสนุกที่บ้านสกุลไป๋ !
หากเขาอยากสนุกก็ควรให้เขาสนุกให้พอว่ามั้ย ?
อีกอย่างบ้านสกุลไป๋เป็นผู้พาตัวเฉินเอ๋อไปเองหากเกิดอะไรขึ้นจะโทษผู้ใด
ได้ ?
หยุดไฟไม่ให้มีควันไม่ได้ฉันใดก็หยุดข่าวลือไม่ได้ฉันนั้น ในที่สุดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ก็ล่วงรู้ไปถึงหูของตี้คัง
ครั้นเขาได้ยินว่าหยูฮูหยินผู้เฒ่าดูถูกบุตรชายของเขาเรียกลูกของเขาว่าเป็นลูกนอกคอก ใบหน้าของตี้คังก็บึ้งตึงขึ้นทันที “ออกคำสั่งไปยังกรมราชทัณฑ์ให้เพิ่มบทลงโทษไป๋จื่อ และหากพวกเขาถามถึงเหตุผล…ก็ให้บอกไปว่า เป็นเพราะบ้านสกุลไป๋พูดในสิ่งที่ไม่สมควรพูด”
”พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”
ทหารองครักษ์กล่าวอย่างนอบน้อม”แล้วเด็กน้อยคนนั้น … ”
ทหารยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดนายของเขาจึงปฏิบัติต่อบุตรชายของไป๋หยานเป็นพิเศษ เพียงเพื่อเอาใจหญิงผู้นั้นงั้นหรือ ?
”พวกเขาอยากพาจิ้งจอกเข้าบ้านเองก็ช่วยไม่ได้ !”
พาจิ้งจอกเข้าบ้าน? ท่านอ๋องหมายถึงอะไร ?
”ข้าไม่กังวลเรื่องเฉินเอ๋ออย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้รับอันตรายใด ๆ แน่”
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมให้ผู้ใดมารังแกบุตรชายของเขา …
”พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์ป้องมือก่อนจะถอยออกไป
เมื่ออยู่เพียงลำพังอีกครั้งตี้คังก็มองไปที่ทะเลสาบเบื้องหน้าด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทว่าริมฝีปากของเขากลับยกโค้งปรากฏรอยยิ้มที่น่ากลัว
“บ้านสกุลไป๋…”
พวกเจ้ารนหาที่ตาย!
***จบบทบ้านสกุลไป๋รนหาที่ตาย***
บทที่ 112 : เด็กเหลือขอ
ณบ้านสกุลไป๋
ไป๋เสี่ยวเฉินอุ้มเสี่ยวมี่เดินตามหลังสาวใช้เข้าไปอย่างเงียบๆ
ในที่สุดพวกนางก็เดินมาหยุดหน้าห้องเก็บฟืนจากนั้นสาวใช้ก็ชี้นิ้วไปที่ห้องเก็บฟืน
”คืนนี้เจ้านอนที่นี่ !”
ห้องเก็บฟืน
เนื่องจากไม่ไว้วางใจไป๋เซียวจึงเดินตามไป๋เสี่ยวเฉินมาครั้นไป๋เซียวเห็นสาวใช้ชี้ไปที่ห้องเก็บฟืน ใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที
”เฉินเอ๋อไม่ได้เป็นเพียงบุตรชายของพี่สาวข้า ทว่าเขายังเป็นหลานชายของข้าด้วย ! ” ริมฝีปากของไป๋เซียวยกโค้ง รอยยิ้มของเขาเหยียดหยัน “ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าจัดห้องเก็บฟืนให้เขาพัก ?”
สาวใช้กัดริมฝีปากก่อนตอบคำ“ฮูหยินผู้เฒ่า เจ้าค่ะ”
”ฮูหยินผู้เฒ่างั้นหรือ?” ไป๋เซียวหัวเราะอย่างเย็นชา “นางเป็นใครกัน ? ก็แค่คนนอกมีสิทธิ์อะไรมาออกคำสั่งในบ้านสกุลไป๋ ?”
ภายใต้กระแสกดดันจากไป๋เซียวสาวใช้ไม่กล้ากล่าวคำใดอีก เพราะแม้ฮูหยินผู้เฒ่าจะเป็นคนนอก ทว่าบ่าวรับใช้ที่นี่มีผู้ใดบ้างที่กล้าไม่เชื่อฟังนาง ?
”นายน้อยโปรดเมตตา หากนายท่านกลับมา…”
”ออกไป!” ไป๋เซียวคำราม
”กลับไปบอกนางว่าข้าจะหาที่พักให้หลานชายของข้าเอง ข้าไม่ต้องการให้คนนอกมาจัดการเรื่องของเรา”
หลังจากสั่งความจบไป๋เซียวก็ไม่มองสาวใช้อีก เขาก้มลงอุ้มเจ้าซาลาเปาน้อยที่อยู่เบื้องหน้า จากนั้นก็หันกลับไปยังทางออก
”เฉินเอ๋อคืนนี้เจ้านอนกับน้า พรุ่งนี้เช้า น้าจะส่งเจ้ากลับบ้านท่านแม่ของเจ้า”
”มีห้องข้างๆ ห้องท่านน้าอีกมั้ย ?” ไป๋เสี่ยวเฉินกล่าวนัยน์ตาเป็นประกาย เด็กน้อยยิ้มอย่างไร้เดียงสาขณะกล่าวต่อว่า”เฉินเอ๋อ นอนที่ห้องข้าง ๆ นั่นก็ได้ ! คืนนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามท่านน้าออกมาจากห้องเด็ดขาด ให้คิดเสียว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น”
ไป๋เซียวนิ่งคิดเขามองลึกเข้าไปในดวงตาดำขลับราวกับนิลของเด็กน้อย พร้อมกับครุ่นคิด หัวใจของเขาสั่นไหว “ก็ได้ น้าจะทำตามที่เจ้าบอก”
เด็กน้อยคนนี้ไม่เหมือนเด็กอายุห้าขวบเลยบางครั้งเขาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ยิ่งกว่าผู้ใหญ่บางคนเสียอีก
“เสี่ยวมี่เราไปกันเถอะ”
ไป๋เสี่ยวเฉินยิ้มอย่างน่ารักนัยน์ตาเปล่งประกายสดใส ยิ่งดูยิ่งคล้ายกับดวงตาของตี้คัง ทั้งคู่ต่างก็มีดวงตาฉลาดแกมโกงเช่นเดียวกับนัยน์ตาของสุนัขจิ้งจอก
*****
ช่วงเวลานั้นเองณ ห้องด้านตะวันออกของบ้านสกุลไป๋ หยูหรงสะบัดกายลุกขึ้นจากที่นั่ง “ท่านแม่ ท่านพาเด็กนั่นมาที่นี่ได้อย่างไร ?”
ไป๋หยานไม่ได้แท้ง…อีกทั้งยังให้กำเนิดเด็กเหลือขอที่ไม่รู้จักเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ต่อไปในวันหน้าเด็กคนนี้จะเป็นเช่นไร ?
”ก่อนหน้านี้ข้าขายไป๋หยานไม่ได้ มาวันนี้ข้าจะขายบุตรชายของนางแทน !”
นัยน์ตาของหยูฮูหยินแลดูเย็นชาเมื่อนางหวนคิดถึง เรื่องราวเมื่อหกปีก่อน เป็นเพราะไป๋หยานทำให้นางต้องเสียยาเม็ดจิตวิญญาณ ยิ่งคิดหัวใจของนางก็ยิ่งเจ็บปวด
หยูหรงรู้สึกประหลาดใจกับคำกล่าวของมารดา”ท่านแม่ ที่ตอนนั้นเราสามารถขายไป๋หยานได้ ก็ด้วยเหตุที่เฉิงเซียงไม่อยู่บ้าน เพราะต่อให้สามีของข้าเข้าข้างเราเพียงใดก็ตาม เขาก็ไม่มีวันขายเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง เช่นนั้นย่อมเป็นการยากที่ท่านจะขายเด็กนั่นได้ ”
แท้ที่จริงตอนที่หลานเยี่ยยังมีชีวิตอยู่ ไป๋เฉิงเซียงก็ดีกับไป๋หยานมาก
ถึงแม้หยูหรงจะก้าวเข้ามาเป็นแม่เลี้ยงนางไป๋เฉิงเซียงก็ไม่เคยทำให้ไป๋หยานเจ็บปวด
น่าเศร้า…
เพียงเพื่อต้องการบีบไป๋หยานทั้งแม่ทั้งลูกสาวของหยูหรงต่างก็พยายามเป่าหูไป๋เฉิงเซียง พวกนางต่างช่วยกันให้ร้ายไป๋หยาน ส่วนไป๋หยานเองก็อ่อนแอ กระทั่งไม่อาจต่อต้านกลอุบายของแม่ลูกพวกนี้ได้ นั่นทำให้ไป๋เฉิงเซียงยิ่งผิดหวังในตัวบุตรสาวคนโตมากขึ้นเรื่อย ๆ
ครั้นผิดหวังมากเข้าสุดท้ายก็หมดความรู้สึกกับนาง …
แต่การหมดสิ้นความรู้สึกกับบุตรสาวคนโตก็มิได้หมายความว่า เขาจะยอมขายบุตรสาวตนเอง เพื่อแลกกับยาเม็ดจิตวิญญาณเม็ดเดียวหรอก เว้นแต่จะได้รับผลประโยชน์ที่มากเพียงพอ บางทีเขาก็อาจจะยินยอม
***จบบทเด็กเหลือขอ***
บทที่ 113 : มาม่าฉู่
”เด็กโง่!” หญิงชราตวาดด้วยความโมโห “ไป๋เฉิงเซียง ต้องการที่จะประจบหอบุปผา หากสามารถใช้ไป๋เสี่ยวเฉินเชื่อมสัมพันธ์กับหอบุปผาได้ เจ้าคิดว่าเขาจะตำหนิเจ้าหลังจากที่เราจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยงั้นรึ ? ตอนนี้อย่างเพิ่งกังวลเรื่องไป๋เฉิงเซียง เจ้าควรรีบเกลี้ยกล่อมเด็กน้อย จากนั้นก็พาเขาไปที่หอบุปผาก่อนจะดีกว่า”
”หากเกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จ…”แววตาของหญิงชราเปล่งแสงอำมหิต “เราก็ต้องใช้กำลัง”
”ใช้กำลัง?” หยูหรงย่นคิ้วเล็กน้อย “หากแต่เรายังไม่รู้เลยว่า หอบุปผาจะรับเด็กคนนี้หรือไม่ ? ข้าว่าเราวาดภาพเหมือนแล้วส่งไปที่หอบุปผาก่อนจะดีกว่า หากที่นั่นชอบใจ เราก็ค่อยให้คนของหอบุปผามารับตัวเด็กไป”
ด้วยวิธีนี้พวกนางก็ไม่ต้องลงมือทำอะไรเลย ไป๋หยานก็ไม่สามารถเอาผิดพวกนางได้ด้วย
ไป๋หยานอาจมีความสามารถพอที่จะไปหอบุปผาเพื่อตามหาบุตรชาย
หากแต่นางจะกล้าพอไหมล่ะ?
”ด้วยรูปลักษณ์ของเด็กผู้นี้หอบุปผาจะต้องชอบใจอย่างแน่นอน”
ยิ่งไปกว่านั้นเด็กผู้นี้ก็ยังเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลไป๋ หากนางคิดจะขายเขา พวกนั้นก็ย่อมต้องรับไว้ !
”ท่านแม่”หยูหรงยิ้ม “ข้าบังเอิญพบใครคนหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ลองเดาสิว่านางเป็นใคร”
จากนั้นหยูหรงก็กล่าวต่อว่า”นางเป็นคนของหอบุปผา แม้ว่าหญิงผู้นั้นจะเป็นแค่แม่เล้าคนหนึ่งของที่นั่น หากแต่ก็เพียงพอที่เราจะใช้เป็นสะพานสร้างสายสัมพันธ์ เพื่อให้ได้ในสิ่งที่เราต้องการ ข้าตั้งใจว่าจะไปหานางก่อน หากนางเห็นด้วยพวกเราก็ค่อยลงมือ”
แท้จริงเหตุที่นางกล้าทำเช่นนี้
ก็เป็นเพราะหอบุปผาจะไม่เปิดเผยตัวตนแท้จริงของลูกค้านางจึงไม่กังวลว่าไป๋หยานจะรู้เรื่องนี้
ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้ไป๋หยานรู้ความจริง ทว่าด้วยความแข็งแกร่งของนางเมื่อเทียบกับบ้านสกุลไป๋แล้ว นางจะทำอะไรได้ ?
นัยน์ตาของหยูฮูหยินพลันสว่างไสวขึ้น”เช่นนั้นเจ้าจงรีบไปหานางเถิด ! หากเรื่องนี้เสร็จเรียบร้อย ข้ามั่นใจว่าไป๋เฉิงเซียงสามีของเจ้าจะต้องขอบคุณเจ้าเป็นแน่ !”
ใช้บุตรชายของไป๋หยานเพื่อเชื่อมสายสัมพันธ์กับหอบุปผา ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ !
หยูหรงไม่กล่าวคำใดอีกนางรีบปลอมตัวจากนั้นก็ออกไปนอกบ้านทันที
เมื่อไม่นานมานี้นางเต้นแร้งเต้นกาแก้ผ้าต่อหน้าสาธารณชน เรื่องดังกล่าวกระจายเป็นวงกว้างรู้กันทั่วทั้งเมือง ทำให้ทุกวันนี้เมื่อนางต้องออกนอกบ้าน นางจึงจำต้องปกปิดหน้าตา เพราะเกรงว่าผู้คนจะจำนางได้
*****
ด้านฝั่งตะวันตกของเมืองหลิวฮั่วนี้เป็นย่านบันเทิงเริงรมย์ สาวงามแก้มแดงหลายต่อหลายคนกำลังโบกผ้าเช็ดหน้าเรียกแขก
และที่ถนนฝั่งตะวันตกนี้มีสถานที่สำคัญไม่เหมือนกับที่อื่น ๆ นั่นก็คือหอบุปผา
โดยปกติหอคณิกาต่างๆ มักจะรับแต่แขกที่เป็นชายหนุ่ม มีเพียงหอบุปผาเท่านั้นที่ให้บริการทั้งชายและหญิง
ถึงกระนั้นเมื่อเทียบกับบุรุษแล้ว สตรีของอาณาจักรนี้ก็ทระนงและรักใน
เกียรติของตนมากกว่า โดยปกติแล้วจึงมักไม่มีสตรีเข้ามาในพื้นที่นี้
เช่นนั้นเมื่อได้เห็นหยูหรงเดินเข้ามาในห้องรับรองแขก ทุกคนที่นี่จึงประหลาดใจเป็นอย่างมาก
”เอ่อฮูหยิน ท่านมาที่นี่เพื่อหาความสำราญใช่หรือไม่ ?” สาวงามนางหนึ่งเดินส่ายสะโพกโยกไหวไปมาราวผีเสื้อ นางโปรยยิ้มงดงามราวกับดอกไม้ทักทายหยูหรง “หอบุปผาของเรามีทุกสิ่งให้เลือกสรร ที่พิเศษไปกว่านั้น ไม่กี่วันที่ผ่านมามีเด็กสาวผู้หนึ่งเพิ่งมาถึง ทุกคนที่เคยลองใช้บริการ ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่านางให้บริการได้อย่างยอดเยี่ยม ข้าขอทราบความสนใจของท่าน ไม่ทราบว่าท่านนิยมชายหรือหญิง ? หรือท่านต้องการลองทั้งสองแบบในเวลาเดียวกัน ? ”
หยูหรงขมวดคิ้วความรังเกียจขยะแขยงแสดงออกผ่านแววตาของนาง นางลดเสียงลงขณะกล่าวว่า “มาม่าฉู่ นี่ข้าเอง ข้ามาขอความช่วยเหลือจากเจ้า”
มาม่าฉู่มองสตรีที่คลุมหน้าคลุมตาเบื้องหน้าอย่างประหลาดใจ“เป็นท่านเองหรือ ?”
”เราเข้าไปสนทนากันข้างในจะดีหรือไม่?”
เสียงของหยูหรงเบามากนางกวาดตามองโดยรอบอย่างระมัดระวัง
นัยน์ตาของมาม่าฉู่เปล่งประกายนางยิ้ม รอยยิ้มของนางเปี่ยมเสน่ห์ “ได้สิ ตามข้ามา”
ครั้นได้ยินเช่นนั้นหยูหรงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นี่อาจจะเป็นโอกาสของนางที่จะได้เสนอหน้าใกล้ชิดผู้อาวุโสที่ดูแลหอบุปผา
***จบบทมาม่าฉู่***
บทที่ 114 : ข้าเป็นยายของเขา
ภายในห้องส่วนตัวมีกลิ่นหอมโชยออกมาปะทะจมูก
ทว่าหยูหรงกลับรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากเมื่อได้กลิ่นนี้นางรีบกล่าวอย่างไม่อ้อมค้อมว่า “ข้ามีเด็กคนหนึ่งในกำมือ เขาดูดีมาก มากกว่าเทวดาน้อย ๆ บนสวรรค์เสียอีก ข้าอยากจะขายเขาให้แก่หอบุปผาของเจ้า”
มาม่าฉู่เลิกคิ้วเล็กน้อย
ตระกูลไป๋มีหลานชายเพียงคนเดียวอีกทั้งยังเป็นพระนัดดาองค์โตของฮ่องเต้มิใช่หรือ ? นี่นางกล้าขายองค์ชายเชียวหรือ ?
”ฮูหยินไป๋…เท่าที่ข้ารู้มาหลานชายเพียงคนเดียวของท่าน ก็คือองค์ชายซึ่งเป็นพระโอรสขององค์รัชทายาท…หนานกงอี้ นี่ท่านคิดจะขายหลานชายของท่านให้หอบุปผาของเราจริงกระนั้นหรือ ?”
“ไม่ใช่”หยูหรงรีบส่ายศีรษะปฏิเสธ “ข้ายังมีหลานชายอีกคน เขาเป็นบุตรชายของไป๋หยาน ทั้งข้ายังมีภาพของเขาด้วย ท่านลองชมดู”
หลังจากกล่าวจบนางก็รีบนำม้วนภาพวาดออกมาทันทีนางคลี่ม้วนภาพวาดจากนั้นก็วางลงตรงหน้ามาม่าฉู่
ครั้นเห็นภาพวาดที่วางเบื้องหน้าของนางแล้วมาม่าฉู่ก็ยิ้ม ทว่านัยน์ตาของนางกลับส่องประกายเย็นชา
”ฮูหยินไป๋ข้าได้ยินมาว่ามารดาของไป๋หยานก็คือหลานเยี่ย หากเป็นเช่นนั้นท่านก็ไม่นับว่าเป็นยายของเด็กคนนี้ ท่านมีสิทธิ์ตัดสินใจเกี่ยวกับชีวิตของเด็กคนนี้กระนั้นหรือ ?”
หยูหรงนี่ช่างกล้าจริงๆ ! นางกล้าขาย กระทั่งบุตรชายของนายหญิงเชียวหรือ ?
แล้วขายใครไม่ขาย? นางยังมาขายให้กับหอบุปผาอีก ?
”มาม่าฉู่เจ้ายังไม่รู้อะไร ?” หยูหรงยิ้มอย่างมั่นใจ “มารดาของไป๋หยานเสียชีวิตตั้งแต่ยังสาว จากนั้นข้าก็ทำหน้าที่แทนมารดาของนาง มาตอนนี้ข้าเพียงต้องการขายหลานชายของข้าเท่านั้น นับเป็นเรื่องปกติ ท่านก็เห็นรูปลักษณ์ของเด็กคนนั้นแล้ว เด็กน่ารักแบบนี้ตลอดหมื่นลี้หาได้เพียงหนึ่งเท่านั้น และหากท่านยังไม่พอใจ ท่านจะเอาไป๋หยานไปด้วยก็ได้ ทว่าข้ามีเงื่อนไขเพียงข้อเดียว !
ข้าอยากพบท่านเจ้าหอบุปผา! หรือไม่ก็พบผู้คุ้มกฏอาวุโสของหอบุปผาก็ได้ !
”ฮูหยินไป๋หอบุปผาของเรามีกฏข้อนึง หากผู้ใดต้องการขายตัวจะต้องเข้ามาด้วยตนเอง อีกทั้งต้องยอมรับเงื่อนไขของเราด้วย หาไม่แล้วเราก็ไม่อาจยอมรับคนผู้นั้น” มาม่าฉู่ลุกขึ้นยืนอย่างแช่มช้า “เช่นนั้นท่านควรกลับไปได้แล้ว ข้ามิอาจฝ่าฝืนกฎเพื่อท่านได้”
“มาม่าฉู่!”
หยูหรงลุกขึ้นจากที่นั่งทันทีท่าทางของนางกระวนกระวาย “เด็กคนนี้ดื้อรั้นมาก จะมีก็เพียงหอบุปผาของท่านเท่านั้นที่สามารถจัดการเขาได้ ….”
”เด็กๆ ส่งแขก !”
หลังจากหยูหรงกล่าวจบประโยคมาม่าฉู่ก็ไม่สนใจหยูหรงอีก นางเดินออกจากหอบุปผาทันที
ครั้นออกมาพ้นหอบุปผาแล้วมาม่าฉู่ก็เหลียวมองด้านหลัง เมื่อไม่เห็นว่ามีผู้ใดติดตาม นางก็รีบเดินจ้ำอ้าวไปที่คฤหาสน์โบราณ
โชคดีของมาม่าฉู่ทันทีที่นางเดินไปถึงคฤหาสน์โบราณ นางก็เกือบจะชนเข้ากับฮัวหลัวผู้ซึ่งกำลังเดินออกจากประตูพอดี เมื่อประคองตัวยืนได้มั่นคงแล้ว นางก็ป้องมือแสดงความเคารพ “คารวะ ท่านหัวหน้า”
ครั้นเห็นมาม่าฉู่เดินเข้ามาขวางทางอย่างเร่งรีบคิ้วของฮัวหลัวก็ขมวดเป็นปม “เจ้ามาหาข้างั้นหรือ ?”
”ท่านหัวหน้าเมื่อครู่หยูหรงมาพบข้า นางนำภาพวาดของนายน้อยมาด้วย”
ชั่วอึดใจนั้นเองใบหน้าของฮัวหลัวก็เย็นชาลงทันที“แล้ว”
“นางขอพบท่านอีกทั้งจะขายนายน้อยให้กับหอบุปผาของเรา”
“ขายไป๋เสี่ยวเฉินให้หอบุปผาเนี่ยนะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ฮัวหลัวก็หัวเราะออกมา
เสียงหัวเราะของนางเต็มไปด้วยอาการเยาะหยันจากนั้นริมฝีปากของนางก็ยกโค้งขึ้น ปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยัน
“ด้วยความเฉลียวฉลาดของนายน้อยบ้านสกุลไป๋ไม่อาจเท่าทันความคิดของนายน้อยหรอก ! เจ้าพยายามใกล้ชิดหยูหรงเข้าไว้ ! หากมีสิ่งใดคืบหน้าก็ให้รีบรายงานข้าทันที !”
มาม่าฉู่นิ่งอึ้งนางเริ่มบ่น “หัวหน้า เมื่อไหร่ภารกิจนี้ของข้าจะสิ้นสุดเสียที หากข้าต้องติดต่อกับหญิงที่น่ารังเกียจผู้นั้นทุกวัน ไม่ช้าก็เร็วข้าคงต้องเป็นบ้าตาย !
นับแต่วันที่นางพยายามใกล้ชิดหยูหรงหญิงน่าขยะแขยงผู้นั้นก็แสดงเจตนาชัดแจ้งว่าจะใช้นางเป็นสะพานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสกุลไป๋กับหอบุปผา กระทั่งมาม่าฉู่พยายามหาข้อแก้ตัว นางอ้างว่า ฐานะของนางนั้นต่ำต้อยเกินไป ต่ำเกินกว่าที่จะได้รับความไว้วางใจให้พบท่านเจ้าหอบุปผา หากแต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดยั้งการเซ้าซี้ของหญิงผู้นั้นได้….
***จบบทข้าเป็นยายของเขา***
บทที่ 115 : วางเพลิง (1)
”ไว้นายหญิงทำลายตระกูลไป๋ราบคาบแล้วเจ้าก็สามารถพักผ่อนได้”
ทำลายตระกูลไป๋งั้นหรือ?
มาม่าฉู่ขมวดคิ้วอีกเมื่อไหร่กันล่ะ ?
มาม่าฉู่รู้นิสัยฮัวหลัวดีเมื่อฮัวหลัวลั่นวาจาไปแล้ว ย่อมเป็นการยากที่จะทำให้นางเปลี่ยนใจ เช่นนั้นมาม่าฉู่ก็จำต้องเข้าหาสตรีที่น่ารังเกียจนั่นต่อไป
“หากเป็นเช่นนั้นข้าก็ต้องขอตัว…”
*****
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองหลังจากหยูหรงได้เข้าพบมาม่าฉู่แล้ว นางก็กลับบ้านสกุลไป๋ด้วยความกังวลใจ
นางกัดริมฝีปากนัยน์ตาเปล่งประกายอำมหิต นางรีบเดินไปที่ลานบ้านตะวันออก
ภายในห้อง…
ขณะที่ไป๋เสี่ยวเฉินกำลังหยอกล้อเสี่ยวมี่ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดัง ๆ ภายนอกประตูห้อง
“นางมาแล้วเสี่ยวมี่… ”
ทันทีที่สิ้นเสียงของไป๋เสี่ยวเฉินประตูก็ถูกผลักเปิดออก จากนั้นหยูหรงก็เดินเข้ามา อาภรณ์ที่นางสวมใส่แลดูหรูหรางดงาม นางฉีกยิ้ม “เจ้าคือเฉินเอ๋อใช่หรือไม่ ? ข้าเป็นยายของเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ ?”
“จริงเหรอ?” ไป๋เสี่ยวเฉินลุกขึ้นจากพื้น นัยน์ตากลมโตไร้เดียงสาของเขาเปล่งประกายเจ้าเล่ห์ “เฉินเอ๋อยังมียายอีกคนงั้นเหรอ ?”
ครั้นเห็นทีท่าไร้เดียงสาของเจ้าซาลาเปาน้อยหยูหรงก็มองด้วยสายตาหยามเหยียด
ก็แค่เด็กธรรมดาๆ ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเหตุใดท่านแม่จึงได้โกรธหนักถึงเพียงนั้น ?
“จริงสิ”นางแสร้งหัวเราะเบา ๆ “หลายปีก่อน ตอนที่มารดาของเจ้ายังอยู่ที่นี่ นางเป็นบุตรสาวที่ยายรักมากที่สุด ทว่าเนื่องจากนางอกตัญญู ทั้งยังกระทำเรื่องผิดศีลธรรม ที่ผ่านมายายจึงต้องช้ำใจเพราะนาง”
รอยยิ้มของไป๋เสี่ยวเฉินกว้างขึ้นแลดูไร้เดียงสามากยิ่งขึ้น”แต่ที่ท่านแม่ของข้าบอกกับข้า ก็คือท่านยายของข้าตายไปนานแล้ว ยามนี้เหลือเพียงนางแม่มดแก่ ๆ อาศัยอยู่ในบ้านสกุลไป๋ ข้าว่าท่านน่าจะเป็นนางแม่มดแก่นั่นแหละมากกว่า ?”
ถึงตอนนี้รอยยิ้มปั้นแต่งบนใบหน้าของหยูหรงพลันเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ นางโกรธจนอยากตบเจ้าเด็กนรกคนนี้ให้ตายเสียเหลือเกิน
อย่างไรก็ตามครั้นนึกถึงจุดประสงค์ที่นางมาที่นี่ได้ หยูหรงก็พยายามข่มความโกรธที่คุกรุ่นในใจ นางกล่าวพร้อมด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ “เจ้าคงจะจำผิดแล้ว ที่มารดาของเจ้าบอกเจ้า คือข้าเป็นยายของเจ้า ส่วนคนที่ตายไปนั่นต่างหากคือแม่มดที่ชอบล่อลวงผู้ชาย !”
แม้ว่าหลานเยี่ยจะตายไปหลายปีแล้วทว่าความเกลียดชังที่หยูหรงมีต่อหลานเยี่ยก็ยังคงเต็มเปี่ยมเฉกเช่นเดิม เพราะหากไม่มีหลานเยี่ยนางก็คงไม่ต้องเป็นอนุมาตั้งนานหลายปีหรอก
”แล้วท่านมาที่นี่เอาขนมถั่วเคลือบน้ำตาลมาให้เฉินเอ๋อกินบ้างมั้ย ?” ไป๋เสี่ยวเฉินเงยหน้าขึ้นมองด้วยนัยน์ตาฉ่ำวาว เขากล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลระรื่นหู
ก็แค่เด็กคนหนึ่ง!
หยูหรงยิ้มหยันจากนั้นนางก็หยิบขนมถั่วเคลือบน้ำตาลออกมาจากกระเป๋าของนางเต็มกำมือ
”เฉินเอ๋อ…ขนมถั่วเคลือบน้ำตาลพวกนี้เป็นขนมขบเคี้ยวที่พี่น้องของเจ้าต่างก็ชื่นชอบเป็นอย่างมาก…”
ก่อนที่นางจะทันกล่าวจบไป๋เสี่ยวเฉินก็คว้าขนมถั่วเคลือบน้ำตาลเม็ดหนึ่งเข้าปาก แทบจะทันทีทันใดเด็กน้อยก็ถ่มถั่วเคลือบน้ำตาลเม็ดนั้นออกมา เขาไม่แม้แต่จะเคี้ยวสักคำ
”ข้าไม่เคยกินขนมถั่วเคลือบน้ำตาลที่รสชาติห่วยแบบนี้มาก่อนเลยท่านกล้าเอาขนมห่วย ๆ เช่นนี้มาให้ข้า ! ท่านแม่ของข้าพูดถูกต้องแล้ว ท่านนี่แหละนางแม่มดแก่ !”
ใบหน้าของหยูหรงเปลี่ยนสีประเดี๋ยวดำประเดี๋ยวขาวนางกัดริมฝีปากอย่างดุดัน ! “สมกับที่เป็นบุตรชายของไป๋หยาน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ท่านแม่ของข้าจะโกรธเจ้าแทบตาย ข้าจะส่งเจ้าไปที่หอบุปผาจากนั้นคนของหอบุปผาก็จะสั่งสอนเจ้าเอง !
เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าก็จะได้ลิ้มรสชาติตายเสียดีกว่าอยู่ !
ครั้นหยูหรงเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงไป๋เสี่ยวเฉินก็ขี้เกียจเสแสร้ง “นี่เจ้าต้องการขายข้าให้กับหอบุปผางั้นรึ ? เจ้าเอาอะไรมาคิด ?”
เสี่ยวมี่เลียอุ้งเท้าขณะพยักหน้าเห็นด้วย เพราะเขาก็สงสัยเช่นกันว่าหญิงผู้นี้เอาอะไรมาคิด ? จะขายนายน้อยให้หอบุปผาเนี่ยนะ ?
ขายนายน้อยของเขาให้กับหอบุปผาสมองของนางต้องผิดปกติไปแล้วแน่ ๆ !
***จบบทวางเพลิง (1)***