จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 146-150
บทที่ 146 : ฉู่อีอี้ (2)
ครั้นกล่าวจบไป๋หยานก็พุ่งตัวออกทางหน้าต่าง ทิ้งเสี่ยวมี่ให้มองตามหลังร่างในอาภรณ์สีแดง กระทั่งหายไปจากสายตา
นอกประตูเมืองในป่าเขียวขจี ร่างในอาภรณ์สีแดงราวเลือดยืนอยู่ท่ามกลางป่าไผ่ แลดูโดดเด่นแปลกแยกจากสภาพแวดล้อมโดยรอบ
ในป่าลึกเช่นนี้มักเป็นที่ซ่อนตัวของเหล่าฆาตกร …
ทันใดนั้นเองแสงแวววับราวคมดาบก็พุ่งออกมาจากด้านหลัง หญิงสาวชุดแดงที่ยืนอยู่บนต้นไม้ไม่รีรอ นางหมุนตัวกลับอย่างรวดเร็ว มือของนางรวบรวมขุมพลัง ทันทีที่นางซัดฝ่ามือออกไป ใบไม้ที่ร่วงหล่นอยู่โดยรอบ ก็ปลิวขึ้นจากพื้นตามแรงลม ก่อนจะลอยว่อนในอากาศ
”อ๊า!”
ไป๋หยานได้ยินเพียงเสียงอุทานจากนั้นหญิงสาวที่ถูกโจมตีก็เซถลาไปข้างหลัง ครั้นเห็นร่างของเด็กสาวกำลังจะร่วงลงพื้น นางก็รีบกระโดดเข้าไปคว้าเอวของหญิงสาวผู้นั้นไว้ ประคองร่างของหญิงสาวให้ยืนได้อย่างมั่นคง
เพียงพริบตากลุ่มคนในชุดขาวก็กระโดดลงมา โอบล้อมไป๋หยานไว้ตรงกลาง
ทว่า…
ในขณะที่พวกเขากำลังจะก้าวออกไปให้ความช่วยเหลือเด็กสาวพวกเขาก็เห็นสาวในชุดแดงเลิกคิ้ว พร้อมกับใช้นิ้วอันเรียวงามของนางลูบไล้แก้มของเด็กสาว พลางยกยิ้ม เอ่ยถามว่า …
”บอกมาสิว่าเหตุใดเจ้าถึงลอบโจมตีข้า”
กลุ่มองครักษ์ในชุดขาวตกตะลึงที่องค์หญิงน้อยของพวกเขา…กำลังถูกลวนลาม !
เอ่อ…โดยสตรีด้วยกัน?
ครั้นหวนคิดถึงนิสัยขององค์หญิงน้อยของพวกเขาสายตาเย็นชาของเหล่าองครักษ์ก็แปรเปลี่ยนเป็นเห็นอกเห็นใจทันที
สตรีผู้นี้คงไม่รู้จักองค์หญิงน้อยจึงกล้าหยอกล้อนางโดยไม่กลัวนางโกรธเช่นนี้ !
บรรดาองครักษ์ต่างก็รอคำสั่งจากองค์หญิงน้อยพวกเขารอที่จะพุ่งเข้าไปจัดการหญิงสาว ทว่าภาพที่ได้เห็นถัดมากลับทำให้ทุกคนตื่นตะลึง …
“เกลียดจริงๆ !” เด็กสาวกระทืบเท้าพลางกล่าวอย่างเขิน ๆ “ข้าต้องการทดสอบความสามารถในการสะกดรอยของข้าว่าพัฒนาไปไกลเพียงใด ?”
”โอ้! แล้วผลเป็นยังไงล่ะ ?”
”ก็… ความสามารถของข้าไม่ได้ก้าวหน้าขึ้นเลย แต่เจ้า ! เจ้ากลับยิ่งดึงดูดใจผู้คนมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ถึงตอนนี้เจ้าสามารถล่อลวงทั้งชายและหญิง” เด็กสาวยิ้มพร้อมกับโอบเอวของไป๋หยาน นางเงยใบหน้าจิ้มลิ้ม ขึ้นมองไป๋หยาน พร้อมด้วยประกายตาสว่างไสว “ข้าจะเลิกช่วยพี่ชายแล้ว เจ้ายอมรับข้าแทนนะ”
ไป๋หยานมีสีหน้าดำคล้ำ”ข้าขอปฏิเสธ”
“หากเจ้าไม่ยอมรับข้าเช่นนั้นข้าก็จะไปหาลูกชายของเจ้าแทน โอ้ ! ใช่แล้ว เจ้าบอกให้ข้ามารับเฉินเอ๋อมิใช่หรือ ? แล้วเฉินเอ๋อล่ะ ?” นางกวาดสายตามองโดยรอบ ทว่าก็ไม่เห็นเด็กน้อยหน้ากลมผิวอมชมพูเลย นางพลันรู้สึกไม่สบายใจ
ก็ไป๋หยานนัดให้นางมาพบกันที่ป่าแห่งนี้เพื่อมอบเฉินเอ๋อให้ แล้วไหนล่ะเฉินเอ๋อ ?
คงมิใช่ว่า…
ไป๋หยานยืนยันเรื่องที่หญิงสาวสงสัย“ฉู่อีอี้ เจ้าเดาได้ถูกต้อง เฉินเอ๋อถูกบิดาของเขาพบตัวแล้ว เขาคงจะต้องอยู่ที่นี่อีกสักพัก”
“อะไรนะ?” ฉู่อีอี้ผละออกจากอ้อมแขนของไป๋หยานด้วยความโมโห “ผู้ใด ? ผู้ใดคือพ่อสารเลวของเฉินเอ๋อ ? เขากล้าดียังไงจึงตัดหน้าพาคนของฉู่อีอี้ไป ! ไป๋หยาน เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะกลับไปหากำลังเสริม !”
อย่างที่ผู้คนกล่าวขานหากเอาชนะไม่ได้ก็ต้องหนี ไป๋หยานเคยบอกนางแล้วว่า บิดาของเฉินเอ๋อนั้นทรงพลังมาก ในเมื่อเขาหาตัวเฉินเอ๋อพบแล้ว ทางออกที่ดีที่สุดก็คือการหนีไปตั้งหลักก่อน !
ครานี้ไป๋หยานกลับต้องตะลึงงันแทนตอนแรกที่พบเด็กสาว นางแสดงความองอาจกล้าหาญถึงเพียงนั้น ไป๋หยานจึงคิดว่าเพื่อนางกับลูกแล้ว ฉู่อีอี้จะต้องไปสู้กับอ๋องคัง ทว่าเด็กสาวกับคิดหนีเสียนี่ !
“แท้จริงแล้วตี้คังไม่ได้พยายามพรากลูกจากอกข้า เขาเพียงอยากรู้จักบุตรชายของตนเองเท่านั้น”
แน่นอนเมื่อได้ยินว่าไม่จำเป็นต้องต่อสู้กันแล้ว ฉู่อีอี้ก็หยุดชะงัก นางหันมาหัวเราะคิกคักพร้อมกับกล่าว
”แท้ที่จริงท่านผู้เฒ่าทั้งสามคิดถึงเจ้ากับเฉินเอ๋อเป็นอย่างมาก เช่นนั้นข้าจึงจะกลับไปรับพวกเขามาที่นี่”
”ทว่าตอนนี้ข้าเหนื่อยเหลือเกินแล้วอยากกลับที่พักของเจ้าเพื่อพักผ่อน อีกทั้งอยากจะพบไอ้พวกบ้านสกุลไป๋นั่นด้วย”
บทที่ 147 : อยากตายก็เข้ามา (1)
องครักษ์ได้แต่มองตากันไปมาด้วยความเห็นอกเห็นใจบ้านสกุลไป๋ ที่องค์หญิงน้อยกล่าวถึง
ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตามหากองค์หญิงน้อยให้ความสนใจแล้วล่ะก็ พวกเขาเหล่านั้นต้องตกอยู่ในความทุกข์ทรมานอย่างไม่ต้องสงสัย
“องค์หญิงน้อยท่านผู้อาวุโสกำชับมาว่า ท่านสามารถอยู่ที่นี่ได้เพียงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้นจากนั้นก็ให้รีบกลับ” หนึ่งในองครักษ์ลังเลชั่วขณะ ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยท่าทางสุขุม
แต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะองค์หญิงน้อยผู้นี้ต้องสร้างปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน หากไม่รีบพานางกลับ อาณาจักรหลิวฮั่วต้องยุ่งเหยิงระส่ำระสายเพราะนางเป็นแน่
ฉู่อีอี้ยกยิ้มนางยังคงคล้องแขนไป๋หยานขณะกล่าว “พวกเจ้ากลับไปเรียนท่านผู้อาวุโสด้วยว่า ข้าจะอยู่ที่นี่กับไป๋หยานสักพัก ห้ามพวกเขาบ่นอะไรอีก”
ไป๋หยาน?
องครักษ์ต่างก็นิ่งอึ้ง
นามนี้อาจฟังไม่คุ้นหูนักทว่าจากถ้อยคำขององค์หญิง ดูเหมือนว่าตัวตนของไป๋หยานจะไม่ธรรมดา….
ประเดี๋ยวนะ!
ทันใดนั้นเององครักษ์บางคนดูเหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ร่างของพวกเขาแข็งทื่อชั่วขณะ
”องค์หญิงน้อยแม่นางไป๋หยาน ผู้นี้ก็คือ … ”
ก่อนที่องครักษ์จะทันกล่าวจบฉู่อีอี้ก็หันกลับมามองพวกเขาด้วยแววตาดุร้าย “หากเจ้ากล้าเปิดเผยเรื่องของไป๋หยานแล้วล่ะก็ อย่าได้ตำหนิว่าข้าไม่เตือนพวกเจ้า ผู้อาวุโสต้องฆ่าเจ้าแน่ ! ”
“เฮือก…!”
องครักษ์สูดลมหายใจเข้าด้วยความหวาดกลัวและตกใจ
”องค์หญิงน้อย… นางก็คือสตรีผู้ซึ่งอาศัยอยู่บนเกาะศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ กระนั้นหรือ ?”
ว่ากันว่าเมื่อห้าปีก่อน ผู้อาวุโสได้รับลูกศิษย์อัจฉริยะคนหนึ่ง ศิษย์ผู้นั้นไม่เพียงแต่เป็นคนที่มีพรสวรรค์ด้านการปรุงยาระดับเหนือธรรมชาติ ที่แม้แต่ผู้อาวุโสเหล่านั้นก็ยังด้อยกว่า
ยิ่งไปกว่านั้นยังว่ากันว่า ท่านประมุขแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ชื่นชอบสตรีผู้นั้นมาก นอกจากเขาจะยอมรับนางแล้ว เพื่อมิให้นางถูกผู้อื่นรบกวน เขายังห้ามมิให้ผู้ใดย่างกรายเข้าเกาะศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย
และตอนนี้หญิงสาวอัจฉริยะที่ลือเลื่องทั่วดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นก็ปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าพวกเขาแล้ว !
องครักษ์ต่างก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมากหากองค์หญิงน้อยไม่กล่าวเตือนพวกเขาก่อน พวกเขาคงจะอวดอ้างไปทั่วดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทันทีที่กลับไปถึงแล้ว
”ไปกันเถอะ”
ไป๋หยานจูงมือฉู่อีอี้ออกจากป่าเดินมุ่งหน้าไปทางประตูเมือง
ระหว่างทางฉู่อีอี้รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะนางเคยสงสัยว่าโลกภายนอกดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นจะเป็นเช่นไรบ้าง นัยน์ตาของนางเปล่งประกายระยิบระยับด้วยความตื่นตาตื่นใจ
”อีอี้ข้าจะส่งเจ้าไปที่คฤหาสน์โบราณก่อน เจ้าอย่าสร้างปัญหาล่ะ” ไป๋หยานรู้นิสัยของหญิงสาวดีจึงมิลืมที่จะกล่าวเตือนนาง
ถึงไป๋เสี่ยวเฉินจะชอบสร้างปัญหาหากแต่ก็ต่อเมื่อมีผู้ใดไปยั่วยุเขาก่อน ทว่าฉู่อีอี้ไม่ใช่ นางไม่สนใจว่าจะมีผู้ใดจะยั่วยุนางก่อนหรือไม่ หากนางไม่ชอบใจ นางก็พร้อมจะทำสงครามกับทุกคน
”ข้ารู้น่า”
ฉู่อีอี้ทำปากจู๋ใบหน้าน่าเอ็นดูของนางแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้เก็บถ้อยคำของไป๋หยานมาใส่ใจแต่อย่างใด
ไป๋หยานรู้สึกปวดหัวนางไม่รู้ว่าคิดถูกหรือผิดที่ทิ้งเด็กสาวคนนี้ไว้เพียงลำพัง
”เอาล่ะถึงแล้ว”
ครั้นมาถึงคฤหาสน์โบราณในขณะที่ไป๋หยานกำลังจะพาฉู่อีอี้เข้าไปด้านใน
น้ำเสียงแสดงออกถึงความประหลาดใจอย่างชัดเจนพลันดังขึ้นกระทั่งไป๋หยานยังต้องชะงัก
”ไป๋หยานเหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่ได้”
ไป๋หยานเอียงศีรษะกลับไปมองนางเผชิญหน้ากับชายวัยกลางคนที่อยู่หน้าประตู พลางเอ่ยถามด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ท่านมีปัญหาใดกระนั้นรึ ?”
ไป๋เฉิงเซียงค่อนข้างละอายใจ”ข้ามาที่นี่เพื่อพบคนของหอบุปผา ทว่าเหตุใดเจ้าถึงเข้าไปข้างในได้ ?”
ไป๋เฉิงเซียงอยากจะกล่าวมากกว่านี้หากแต่ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ นัยน์ตาของเขาฉายแววตกตะลึง
หรือไป๋หยานมีความเกี่ยวข้องกับหอบุปผา?
เช่นนั้นเขาอาจใช้นางเป็นสะพานเชื่อมต่อหอบุปผาได้ !
บทที่ 148 : อยากตายก็เข้ามา (2)
เพียงปราดเดียวไป๋หยานก็มองความคิดของไป๋เฉิงเซียงได้อย่างทะลุปรุโปร่งรอยยิ้มเยาะปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของนาง “ข้าว่า ท่านคงใช้ข้าเป็นสะพานสร้างความสัมพันธ์กับหอบุปผาไม่ได้หรอก เพราะตัวตนของข้าในหอบุปผานั้นธรรมดามาก ๆ อีอี้ ไปกันเถอะ”
”ช้าก่อน!” ครั้นเห็นไป๋หยานกำลังจะจากไป ไป๋เฉิงเซียงก็รีบเรียกนางไว้ พลางกล่าวว่า “หยานเอ๋อ พ่อรู้ว่า ที่ผ่านมาพ่อทำผิดกับเจ้าไว้มาก เจ้าจะอภัยให้พ่อได้หรือไม่ ?”
ไป๋หยานมองชายวัยกลางคนผู้ซึ่งยืนอยู่หน้าประตูด้วยสายตาสงบ ราวกับกำลังมองคนแปลกหน้า
”ข้าเข้าใจแล้วทว่าอย่ามาพบข้าอีกหากไม่มีธุระใด”
”ข้า…” สีหน้าของไป๋เฉิงเซียงแลดูกระวนกระวายเล็กน้อย “ข้ามีบางเรื่องอยากขอเจ้า ! หยานเอ๋อ จื่อเอ๋ออย่างไรเสียก็เป็นน้องของเจ้า ยามนี้ตี้คังรักเจ้ามาก เจ้าช่วยขอร้องให้เขาปล่อยตัวจื่อเอ๋อจะได้หรือไม่ ?”
ไป๋หยานยิ้มรอยยิ้มของนางงดงามอย่างยิ่ง ทว่าแววตาของนางกลับเต็มไปด้วยความเย็นชา
น้องสาวกระนั้นรึ? น้องสาวที่คิดถึงข้ายามที่นางต้องการความช่วยเหลือ ทว่าเวลาข้าหิวโหย นางเคยให้ข้าวข้าสักชามหรือไม่ ?”
”ข้ายังจำสิ่งที่หยูหรงเคยกล่าวกับข้าได้ในตอนนั้น นางบอกว่าข้าไม่เคยให้การช่วยเหลือ หรือให้การสนับสนุนบ้านสกุลไป๋เลย เช่นนั้นเหตุใดข้าจึงต้องมากินมาดื่มอยู่ในบ้านสกุลไป๋ ? อาหารแต่ละมื้อเอาไปเลี้ยงสุนัขเสียยังดีกว่า !”
”เช่นนั้นเซียวเอ๋อกับข้าจึงได้กินข้าวแค่วันละครึ่งชามจำได้ว่าครั้งหนึ่งข้าหิวมาก ข้าจึงคิดจะไปแจ้งท่าน แต่ดูสิท่านทำเช่นไรกับข้า ? ท่านตะโกนไล่ทุบตีข้าออกจากห้องตำรา !”
ถึงตอนนี้…ชายผู้นี้ยังกล้าพูดถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวกับนางอีกกระนั้นรึ? จะมีอะไรดีเท่านี้อีก ?
ไป๋เฉิงเซียงนิ่งอึ้งเขารู้สึกผิด “หยานเอ๋อ พ่อ เสียใจ แต่จื่อเอ๋อยังไร้เดียวสา เจ้าปล่อยนางไปเถอะ”
”ในเมื่อท่านก็รู้ว่าท่านทำผิดกับข้าเช่นนั้นเหตุใดท่านยังขอให้ข้าอ้อนวอนอ๋องคังเพื่อท่านอีกล่ะ ท่านก็รู้ว่าการแอบอ้างเป็นคนในราชสกุลนั้นโทษถึงประหารชีวิต การที่อ๋องคังไม่ประหารนาง ก็นับว่ามีเมตตาแล้ว ตอนนี้นางก็เพียงแค่ต้องอดทนรับความทรมาน อีกไม่นานนางก็ถูกปล่อยตัวเอง”
”หยานเอ๋อ”แววตาของไป๋เฉิงเซียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “จื่อเอ๋อ จะทนความเจ็บปวดเช่นนั้นได้อย่างไร ในเมื่อนางยังเด็กมากทั้งยังถูกประคบประหงมมาตลอด หากเจ้าเอ่ยปาก อ๋องคังย่อมจะทำตามที่เจ้าขอเป็นแน่”
”ถึงแม้ว่าข้ากับหยูหรงจะเคยทำผิดต่อเจ้าหากแต่จื่อเอ๋อก็เป็นน้องสาวของเจ้า นางยังไร้เดียงสา … ข้าหวังว่าเจ้าจะยกโทษให้นาง”
บุตรสาวของเขาอ่อนเยาว์จะทนทุกข์ทรมานเช่นนั้นได้เยี่ยงไร? อย่างไรเสียเขาก็ต้องช่วยนางให้ได้
ริมฝีปากของไป๋หยานยกโค้งนางยิ้มเยาะ “แล้วเกี่ยวอะไรกับข้าเล่า ?”
นอกจากนี้นางมาที่นี่ก็เพื่อล้มล้างตระกูลไป๋ ! เมื่อนางทำการสำเร็จ ก็ถึงเวลาที่บ้านสกุลไป๋ต้องตาย !
”ไป๋หยานเจ้า … ”
”ไปซะ!”
คำว่า”ไปซะ” ดังก้องกังวานในหัวใจของไป๋เฉิงเซียง กระทั่งหัวใจของเขาสั่นสะท้าน เขาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่งดงามเป็นเอกลักษณ์นั่นอย่างไม่เชื่อหู ทั้งเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
”นางบอกให้เจ้าไปซะเจ้าไม่ได้ยินกระนั้นหรือ ?” ฉู่อีอี้ลดสายตาลงมองไป๋เฉิงเซียงอย่างเหยียดหยัน “ข้าไม่เคยเห็นบิดาเฮงซวยเช่นนี้มาก่อนเลย ! เลิกเป็นบุตรสาวของเขาเถอะ ไป๋หยาน อย่างไรเสียท่านพ่อของข้าก็ชอบเจ้ามาก เจ้าก็มาเป็นบุตรสาวของพ่อข้าแทนก็แล้วกัน !”
กล่าวถึงเรื่องนี้แล้วฉู่อีอี้ก็รู้สึกผิด
นางเป็นบุตรสาวแท้ๆ ของบิดา ทว่าบิดาของนางมักจะชื่นชมไป๋หยานมากกว่า ทั้งยังบอกอีกว่าจะไม่มอบเกาะศักดิ์สิทธิ์ให้นาง แต่จะให้ไป๋หยานดูแลแทน…
อย่างไรก็ตามเพราะเป็นไป๋หยาน นางก็เลยไม่อิจฉา
ไป๋เฉิงเซียงไม่พอใจถ้อยคำหยาบคายของไป๋หยานแล้วตอนนี้เขายังได้ยินถ้อยคำของฉู่อีอี้อีก สีหน้าของเขาแลดูเคร่งขรึมขึ้นทันที “แล้วเจ้าเป็นใคร ? ข้าพูดกับบุตรสาวของข้า เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย ? ”
บทที่ 149 : อยากตายก็เข้ามา (3)
ร่างอ้อนแอ้นของฉู่อีอี้สั่นเทา
นางเป็นถึงองค์หญิงน้อยของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตลอดเวลาเคยแต่ได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพนบนอบสูงสุด นางเคยแต่กลั่นแกล้งรังแกผู้อื่น ไม่เคยมีผู้ใดกล้าลบหลู่นางเช่นนี้มาก่อนเลย !
ไป๋เฉิงเซียงคนนี้…กล้าถามว่านางเป็นใครกระนั้นรึ?
”พวกเจ้ายังอยู่หรือไม่หากยังอยู่จับชายคนนี้มาให้ข้า !”
ทันทีที่ฉู่อีอี้ออกคำสั่งองครักษ์จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ก็กระโดดออกมาจากที่ซ่อนอย่างเงียบเชียบ
สีหน้าของพวกเขาค่อนข้างละอายแก่ใจถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าองค์หญิงน้อยอยู่กับไป๋หยานย่อมจะไม่ได้รับอันตรายใด ๆ
ทว่าหากองค์หญิงน้อยไม่กลับดินแดนศักดิ์สิทธิ์พวกเขาก็ไม่กล้ากลับเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงลอบตามมาเงียบ ๆ
หากแต่ไม่คาดคิดว่าองค์หญิงน้อยจะรู้ตัวอย่างรวดเร็ว…
”เจ้า… ”
นัยน์ตาของไป๋เฉิงเซียงเต็มไปด้วยความโกรธในขณะที่เขากำลังจะตวาดออกมานั้น เขาก็เห็นชายชุดขาวสองคนก้าวออกมาอย่างรวดเร็ว ชายทั้งสองเข้าขนาบข้างเขา จากนั้นก็จับยึดแขนทั้งซ้ายและขวาของเขาแน่น
หลังจากองครักษ์ทั้งสองจับตัวไป๋เฉิงเซียงไว้ได้ไป๋เฉิงเซียงก็อยากจะใช้กำลังดิ้นรนให้หลุดพ้น ทว่าดูเหมือนพละกำลังของเขาจะถูกผนึก กระทั่งเขาไม่อาจกระดิกตัวได้
”ไป๋หยานหากข้าสั่งสอนบิดาของเจ้า เจ้าคงไม่โกรธข้าใช่หรือไม่ ?” ฉู่อีอี้กระพริบตาพร้อมกับเอ่ยถามอย่างโหดเหี้ยม
ไป๋หยานเลิกคิ้ว”ข้าไม่ว่ากระไร เพียงอย่าให้ถึงตายก็พอ”
ในเมื่อฉู่อีอี้ตั้งใจใช้องครักษ์ลงมือแทนก็ดีเช่นนั้นข้าจะได้นั่งดูเฉย ๆ สบาย ๆ
“ดี!” ฉู่อีอี้ตบมืออย่างยินดีพร้อมกับพยักหน้าให้องครักษ์ “เจ้า…ตบหน้าเขา !”
“ขอรับ”
องค์หญิง?
ไป๋เฉิงเซียงเบิ่งตากว้างด้วยความตกใจหญิงสาวนางนี้เป็นองค์หญิงของอาณาจักรใดกัน ?
เมื่อครู่เขาไม่ทันได้ใส่ใจผู้ใดจะคิดว่าเขาต้องมาปะทะกับองค์หญิงต่างแคว้นเล่า ?
เพี้ยะ!
องครักษ์ก้าวไปข้างหน้าจากนั้นก็ตบหน้าของไป๋เฉิงเซียงอย่างไม่รีรอครั้นหยุดตบ มุมปากของไป๋เฉิงเซียงก็ปรากฏรอยเลือด นัยน์ตาของเขายิ่งโกรธเกรี้ยว
เขาไม่ได้โกรธฉู่อีอี้ทว่าผู้ที่เขาโกรธกลับเป็นไป๋หยาน
ก่อนหน้านี้เขาอาจเคยทำผิดต่อบุตรสาวผู้นี้มากมายทว่าการที่นางกล้านั่งดูผู้อื่นตบหน้าบิดาตนเองนี่ ! นางเป็นบุตรสาวประเภทใดกัน ? ข้าควรรัดคอนางให้ตายเสียตั้งแต่แรกเกิด !
“ไป๋หยานอย่างไรเสียข้าก็เป็นบิดาของเจ้า เจ้าปล่อยให้ผู้อื่นตบตีข้า สวรรค์ต้องไม่ละเว้นเจ้า !” ไป๋เฉิงเซียงกล่าวด้วยความแค้นเคือง
ต่อให้ผู้อาวุโสทำผิดเช่นไรก็ไม่ควรแก้แค้น ! คนเช่นไป๋หยาน นางต้องไม่ได้ตายดีอย่างแน่นอน !
”ยิ่งไปกว่านั้นจื่อเอ๋อชอบอ๋องคัง การที่นางชอบอ๋องคังผิดที่ใด ? ในฐานะพี่สาว เจ้าควรเสียสละให้นาง !”
เพี้ยะเพี้ยะ เพี้ยะ !
ครั้นองครักษ์เห็นว่าไป๋เฉิงเซียงยังอ้าปากพล่ามไม่หยุดเขาก็เกรงว่าไป๋เฉิงเซียงอาจทำให้องค์หญิงน้อยมีโมโหมากขึ้น เลยระดมตบทั้งซ้ายทั้งขวารัว ๆ กระทั่งไป๋เฉิงเซียงกล่าวคำใดไม่ออกอีกต่อไป
”ถอยไป!”
สีหน้าของไป๋หยานเย็นชาขณะออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
องครักษ์นิ่งงันก่อนจะหลีกทางให้นาง ไป๋หยานก้าวเข้าไปหาไป๋เฉิงเซียง
ทันใดนั้นเองนางก็ยกเท้าขึ้นถีบหน้าอกของไป๋เฉิงเซียงดังปัง ส่งผลให้เขาลอยละลิ่วอย่างหมดสภาพไปไกลกว่าสิบจ้าง (สิบเมตร) ก่อนจะตกลงท่ามกลางฝูงชน
”ปิดประตู”
ในขณะที่องครักษ์ชุดขาวยังคงยืนตะลึงน้ำเสียงอันเฉยเมยของไป๋หยานก็ดังลอยเข้าหูของพวกเขา
พวกเขารีบกระแทกประตูปิดทันทีโดยไม่คิดอะไรอีก….
ฉู่อีอี้ตกใจกับการกระทำของไป๋หยานหากแต่ไม่นานนางก็มีปฏิกิริยาตอบกลับ นางหันมายิ้มหน้าเป็นให้กับไป๋หยาน
“ไป๋หยานท่าเตะของเจ้าเท่ห์สุด ๆ ไปเลยเจ้ารู้หรือไม่ข้าเพิ่งพบว่า ข้าหลงใหลในตัวเจ้า เรียกว่าหลงเสน่ห์ของเจ้าก็ได้”
บทที่ 150 : อ่อนโยนโดยพลัน (1)
ทันใดนั้นเองสายลมแรงก็พัดกระทบแก้มของฉู่อีอี้กระทั่งนางหวาดกลัว นางหน้าซีดพร้อมกับเซถอยหลังไปสองสามก้าว หลังจากยืดตัวตรงอย่างมั่นคงได้ นางก็ตวาด “นั่นผู้ใด !”
อึดใจถัดมาเด็กสาวก็ต้องตกตะลึง
บุรุษเจ้าเสน่ห์ที่ปรากฏกายต่อหน้าต่อตานางเรียกได้ว่าหล่อร้าย
เส้นผมของเขามีสีเงินแวววาวดั่งปีศาจอาภรณ์สีม่วงก็เต็มไปด้วยจิตวิญญาณชั่วร้าย
วินาทีนั้นเป็นใครเห็นก็ต้องตะลึง ยากจะอธิบายความหล่อเหลาซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชายผู้นี้ได้
แน่นอนว่าฉู่อีอี้เองก็ยังงุนงง นางคิดเสมอว่าพี่ชายของนางเป็นบุรุษรูปงามที่สุดในโลก แต่บุรุษที่อยู่เบื้องหน้านางผู้นี้ช่างหล่อเหลาอย่างยากจะหาผู้ใดเทียบ เทียบกับพี่ชายนางแล้วนับว่าไม่ด้อยกว่ากันเลย
“ปล่อยนางนะ!” ครั้นเห็นมือของชายหนุ่มยื่นออกมาโอบเอวไป๋หยาน นางก็ไม่พอใจ นางกัดฟันเอ่ยถ้อยคำเหล่านั้น
ตี้คังย่นคิ้ว
ครั้นเห็นท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปของตี้คังแววตาของไป๋หยานก็เปลี่ยนไป “อีอี้ เป็นน้องสาวของข้า”
น้องสาว?
ตี้คังมองไป๋หยานอย่างสงสัยทว่าเพราะคำพูดของนาง ทำให้กลิ่นอายสังหารของเขากระจายหายไป เขากุมมือไป๋หยานอย่างแผ่วเบาพลางกล่าวว่า
”ข้าไม่เห็นเคยรู้เลยว่าเจ้ามีน้องสาวอีกคน”
ฉู่อีอี้กระทืบเท้าอย่างหัวเสียนางอยากจะกล่าวบางอย่าง หากแต่ไป๋หยานใช้สายตาปรามนางไว้
”คนผู้นี้ก็คืออ๋องคัง”ไป๋หยานอธิบาย
กระไรนะ?
ฉู่อีอี้เบิกตากว้างบุรุษเย่อหยิ่งผู้ซึ่งกำลังหากำไรกับไป๋หยานผู้นี้ก็คือบิดาแท้ ๆ ของเฉินเอ๋อกระนั้นหรือ ?
เขาคือชายผู้ที่ไป๋หยานบอกว่าแข็งแกร่งทรงพลังคนนั้นน่ะหรือ?
ได้ยินเช่นนั้นฉู่อีอี้ซึ่งกะจะระรานต่อ พลันชะงัก นางค่อย ๆ หดคอ ก้าวหลบไปข้างหลังสองก้าวโดยไม่รู้ตัว …
พี่ใหญ่มิใช่ว่าน้องสาวไม่อยากจะช่วยท่านนะ ทว่าศัตรูของพี่แข็งแกร่งทรงพลังเกินจะช่วยจริง ๆ !
“ไป๋หยาน”ตี้คังไม่สนใจมองฉู่อีอี้อีกต่อไป เขาเม้มใบหูไป๋หยาน
“เรามาคุยกันเถอะ?”
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ออกแรงแต่อย่างใดทว่าความรู้สึกอุ่น ๆ จากลิ้นที่สัมผัสใบหูนั้นก็มากเกินพอที่จะทำให้นางตื่นตัว
ไป๋หยานรีบสลัดตนเองออกจากพันธการของเขาโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยนางส่งหมัดตรงเข้าหาใบหน้าที่หล่อเหลานั้นอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่มือของนางกำลังจะถึงใบหน้าของเขามือใหญ่ ๆ ของตี้คังก็กุมกำปั้นของนางแน่น
”เจ้าไม่ชอบมือเล็กๆ ที่สวยงามของเจ้าแล้วกระนั้นหรือ ?” นิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มลูบไล้หลังมือของไป๋หยาน นัยน์ตาเรียวคมหรี่ลงเล็กน้อย ประกายอันตรายพุ่งออกมาจากก้นบึ้งของแววตา “หากเจ้าไม่ต้องการ ข้าก็จะตัดมันทิ้งซะ”
ไป๋หยานหน้าง้ำ”นอกจากตัดแขนตัดขาของข้าแล้ว ท่านทำสิ่งใดได้อีกบ้าง ?”
ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้นางอีกสองก้าว”นั่นก็ขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจะให้ข้าทำหรือไม่… ? ”
ใบหน้าของไป๋หยานแลดูท้อแท้นับแต่วันที่นางได้พบบุรุษผู้นี้ นางก็พบว่าเขาสามารถกล่าวถ้อยคำที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ได้เสมอไม่ว่าจะในโอกาสใด
”อีอี้”นางถลึงตาใส่ตี้คัง ก่อนจะหันกลับไปมองฉู่อีอี้ “เจ้าไปพักผ่อนก่อนก็แล้วกัน ที่นี่มีห้องว่างหลายห้อง เจ้าเลือกได้ตามใจชอบเลย”
ฉู่อีอี้พยักหน้าหงึกๆ ใบหน้าของนางยังซีดอยู่เล็กน้อย หลังจากไป๋หยานลากตัวตี้คังออกไปแล้ว นางจึงเริ่มรู้สึกตัว…
”องค์หญิงน้อย”
องครักษ์ในชุดขาวเข้ามาห้อมล้อมนางพร้อมกับมองฉู่อีอี้ด้วยสายตาห่วงใย
ฉู่อีอี้หน้ายุ่ง”ชายผู้นั้นแข็งแกร่งมาก ข้ามิสามารถช่วยอะไรไป๋หยานได้เลย”
”และ…”นางกัดริมฝีปาก “เขารังแกไป๋หยานต่อหน้าต่อตาพวกเราได้ เช่นนี้ไป๋หยานกับเฉินเอ๋อต้องเจอแต่เรื่องทุกข์ใจมากเป็นแน่ ”
ชายผู้นี้เอะอะก็ตัดมือตัดเท้าไร้ซึ่งเมตตา ไม่ใจดี ไม่อ่อนโยนทนุถนอมแตกต่างกับพี่ชายของข้าลิบลับ พี่ชายของข้าเชื่อฟังสองแม่ลูกนั่นจะตาย ทั้งยังยอมทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อแม่ลูกคู่นั้นได้