จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 155-160
บทที่ 156 : ข้าบอกว่าข้าจะรอเจ้า (1)
”พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”
องครักษ์ระงับความตกใจก่อนจะก้มศีรษะคำนับรับคำสั่งด้วยความนอบน้อม
ในเมื่อบ้านสกุลไป๋ยั่วยุท่านอ๋องจุดจบที่รออยู่ก็มีเพียงความตายเท่านั้น
ณลานบ้านคฤหาสน์โบราณ
ร่างในอาภรณ์สีแดงนอนเอกเขนกอย่างเกียจคร้านกระโปรงของนางแผ่บานราวดอกกุหลาบ
เดิมทีไป๋หยานเอนหลังลงกับต้นท้อก่อนจะผลอยหลับไปกระทั่งนางรับรู้ถึงน้ำหนักกดทับลงมา จากนั้นร่างนุ่ม ๆ ก็ซุกเข้ามาในอ้อมแขนของนาง
ร่างเล็กๆ นั้นนุ่มนิ่ม ทั้งยังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยมาแตะจมูก ทำให้ไป๋หยานต้องลืมตาขึ้นมอง
”หม่ามี้”ไป๋เสี่ยวเฉินเรียก พลางยิ้มอย่างสดใส มือของเขาโอบรอบลำคอของนาง นัยน์ตากลมโตระยิบระยับด้วยความอยากรู้อยากเห็น “หม่ามี้คิดอะไรอยู่ ?”
”แม่กำลังคิดถึงท่านอาจารย์”
ในโลกนี้นอกเหนือจากไป๋เซียว และคนตระกูลหลานแล้ว อาจารย์นับเป็นคนใกล้ชิดนางที่สุด
ทั้งยังเป็นคนที่นางมีปฏิสัมพันธ์ด้วยมากที่สุดนับจากนางมาถึงโลกแห่งนี้
”แล้วหม่ามี้ไม่คิดถึงพ่อบุญธรรมบ้างเลยเหรอ?” ไป๋เสี่ยวเฉินทำปากจู๋ ใบหน้าของเขาแลดูไม่มีความสุขอย่างมาก
เขาคิดถึงพ่อบุญธรรมมากทว่าเหตุใดท่านแม่ของเขาถึงไม่คิดถึงบ้างเลย ?
ไป๋หยานยิ้มพร้อมกับกอดไป๋เสี่ยวเฉินแน่น”แม่ก็คิดถึงพ่อบุญธรรมของเจ้าเช่นกัน หากแต่แม่ติดค้างเขามากเหลือเกิน ชั่วชีวิตนี้แม่คงไม่สามารถตอบแทนเขาได้หมด …”
บุคลิกของฉู่อี้เฟิงนั้นเฉยเมยทั้งยังเป็นคนแปลก ๆ ทว่าเพื่อนางแล้ว เขากลับยอมทำทุกอย่าง
ที่น่าเศร้าก็คือไป๋หยานไม่เคยมีความรักฉันชู้สาวให้กับฉู่อี้เฟิงเลย…
ขณะที่ไป๋เสี่ยวเฉินต้องการจะกล่าวต่ออีกสักคำสองคำเกี่ยวกับฉู่อี้เฟิงเสียงฝีเท้าอันรีบเร่งก็ดังมาจากด้านนอก
ทันทีที่ไป๋หยานเห็นฮัวหลัวซึ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ นางก็ยกยิ้มให้ “ฮัวหลัว, อีอี้ กลับมาแล้วหรือ ?”
”นายหญิง”ฮัวหลัวรีบเข้ามาหาไป๋หยาน นางยิ้มพลางกล่าว “เมื่อครู่ลูกน้องของข้าได้เห็นประกาศติดที่ประตูเมือง”
”ประกาศแจ้งเรื่องใด”ไป๋หยานเลิกคิ้วพร้อมกับเอ่ยถาม
”อ๋องคังออกคำสั่งว่าหากไป๋เฉิงเซียงต้องการช่วยชีวิตไป๋จื่อ เขาจะต้องคืนสินสอดทั้งหมดของหลานเยี่ยมารดาของท่าน”
ครั้นกล่าวจบฮัวหลัวก็ลอบมองไป๋หยานอย่างพินิจพิจารณา ราวกับจะจับตาดูว่านายหญิงของนางจะมีสีหน้าเช่นไร
ทว่าใบหน้าของไป๋หยานยังคงนิ่งเฉยไร้ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนัยน์ตาดำขลับของนางแลดูสงบมาก “ข้ารู้แล้ว…”
”เอ่อ… ”
ฮัวหลัวมองไป๋หยานด้วยความประหลาดใจอ๋องคังเรียกสินสอดหลานเยี่ยคืนก็เพื่อนาง ทว่านางแค่เพียงรับรู้เท่านั้นหรือ ?
”ฮัวหลัวเจ้าออกไปก่อน หากอีอี้กลับมา เจ้าค่อยเข้ามารายงานข้า”
“รับทราบนายหญิง”
ครั้นเห็นไป๋หยานไม่มีท่าทีใดๆ ฮัวหลัวก็ไม่กล่าวคำใดอีก นางถอยจากไป
ครั้นฮัวหลัวจากไปแล้วไป๋หยานก็กุมมือเล็ก ๆ ของบุตรชายแน่น นัยน์ตาของนางแลดูซับซ้อน “เฉินเอ๋อ เหตุใดบิดาของเจ้าถึงทำเพื่อข้ามากมายเช่นนี้ ?”
”เฉินเอ๋อไม่รู้…”
ไป๋เสี่ยวเฉินเอนตัวพิงร่างของมารดาพร้อมกับออดอ้อนดวงตาเล็ก ๆ ส่องประกายแวววาวราวกับประกายดาวที่ระยิบระยับบนท้องฟ้ายามราตรี
”หม่ามี้เฉินเอ๋อว่าจอมวายร้ายนั่นน่ารังเกียจมาก … ”
ไป๋หยานยิ้มน้อยๆ
หากตี้คังต้องการแก้แค้นเรื่องเมื่อหกปีก่อนจริงด้วยความแข็งแกร่งของเขา เขาคงจะลงมือจัดการนางเสียนานแล้ว
อย่างไรก็ตาม…
เหตุที่ตี้คังปฏิบัติต่อนางเป็นพิเศษนั้นเพียงเพราะเขาไม่รังเกียจนาง ทั้งนางยังให้กำเนิดบุตรของเขา
ทว่าเขาไม่ได้รักนาง
แต่เหตุใดหัวใจของนางจึงหวั่นไหวถึงเพียงนี้…?
”หม่ามี้…ไม่มีความสุขงั้นหรือ?” ครั้นไป๋เสี่ยวเฉินรู้ว่าอารมณ์ของไป๋หยานเปลี่ยนไป เด็กน้อยก็เงยหน้าขึ้น พร้อมกับยื่นจมูกเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ถูแก้มของไป๋หยาน “หากการมีป๊ะป๋าทำให้หม่ามี้ไม่มีความสุข เฉินเอ๋อก็ไม่ต้องการป๊ะป๋าแล้ว ขอเพียงเฉินเอ๋อมีหม่ามี้ก็พอ”
บทที่ 157 : ข้าบอกว่าข้าจะรอเจ้า (2)
”และ…”สีหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินแลดูมั่นอกมั่นใจมาก ขณะกล่าวว่า “เมื่อเฉินเอ๋อโตขึ้น เฉินเอ๋อจะปกป้องหม่ามี้เอง”
ไป๋หยานตกอยู่ในความสับสนยามนี้ผู้ที่นางไม่ต้องการพบมากที่สุด จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าต่อตานาง นางหรี่ตาลงทันที
”ป๊ะป๋าจอมวายร้าย”
ไป๋เสี่ยวเฉินมองตามสายตาของไป๋หยานก็เห็นร่างของตี้คังเขาไม่ได้ต่อต้านตี้คังเช่นที่ผ่านมา ทว่ากลับรีบลุกขึ้นยืนต้อนรับด้วยทีท่าร่าเริง
ป๊ะป๋าจอมวายร้ายงั้นรึ?
สีหน้าของตี้คังแลดูเคร่งขรึม“ผู้ใดสอนให้เจ้าเรียกพ่อเช่นนี้ ?”
“ก็ท่านรังแกหม่ามี้ท่านก็ต้องเป็นจอมวายร้าย”
ตี้คังมองร่างเล็กๆ กลม ๆ ที่มีทีท่าโกรธขึ้ง ก่อนจะอุ้มเด็กน้อยออกจากอ้อมแขนของไป๋หยาน
ที่พ่อรังแกแม่ของเจ้าก็เพื่อมอบน้องสาวให้แก่เจ้าไง”
น้องสาวรึ?
นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินสว่างไสวขึ้นมาทันที“น่ารักเหมือนน้องสาวตัวน้อยของหวังเสี่ยวผางเพื่อนบ้านถัดไปของข้ามั้ย ?”
”น่ารักยิ่งกว่านั้นอีก”
ตี้คังยกยิ้มเขารู้จุดอ่อนของเด็กน้อยแล้ว บางทีเขาต้องเริ่มจากจุดนี้ล่ะ
”งั้นข้าต้องการน้องสาวสองคน”
”เอาล่ะอย่าว่าแต่สองคนเลย สิบคนก็ยังได้”
สิบคน?
สีหน้าของไป๋หยานเข้มขึ้นเรื่อยๆ นี่เขาคิดว่านางเป็นสัตว์อสูรหรือไร ? ถึงได้มีลูกเป็นสิบ !
“ตอนนี้เจ้าออกไปเล่นข้างนอกก่อนนะพ่อกับแม่ของเจ้าจะได้ช่วยกันทำน้องสาว”
ถ้อยคำนี้ของตี้คังทำให้ไป๋เสี่ยวเฉินสับสนเล็กน้อยเขามองไป๋หยานที ตี้คังที ก่อนจะขมวดคิ้ว “ท่านต้องไม่รังแกหม่ามี้ของข้า รวมถึงห้ามกัดหม่ามี้ของข้าด้วย หม่ามี้ข้าเจ็บ”
“เอาล่ะป๊ะป๋าสัญญาว่าจะไม่ทำให้หม่ามี้ของเจ้าเจ็บ”
”ท่านสัญญากับข้าแล้วห้ามกลับคำ หากท่านทำหม่ามี้ข้าเจ็บ เฉินเอ๋อจะไม่ปล่อยท่านแน่ !” ดวงตาสุนัขจิ้งจอกของไป๋เสี่ยวเฉิน เปล่งประกายแสงสีแดงวาบ ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส
ตี้คังไม่ได้โกรธทั้งยังกลับยกมือขึ้นแตะศีรษะของไป๋เสี่ยวเฉิน พลางยกยิ้มอย่างภูมิใจ
”สมกับเป็นสายเลือดของข้าตัวเล็กเพียงแค่นี้ ก็มีหน่วยก้านของราชาแล้ว เมื่อเติบใหญ่ขึ้น บนโลกนี้เจ้าจะเป็นรองก็เพียงข้าเท่านั้น”
ไป๋เสี่ยวเฉินเชิดคางอย่างภาคภูมิใจขณะกล่าวว่า“ข้าจะต้องเหนือกว่าท่าน เพราะในวันหน้าข้าจะต้องปกป้องหม่ามี้ ปกป้องน้องสาวของข้า”
”ข้าจะรอวันนั้น”
ตี้คังรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับความทะเยอทะยานของบุตรชายหาไม่แล้ว ในวันหน้าเขาจะรับภาระอันหนักหน่วงในฐานะองค์ชายของอาณาจักรอสูรได้อย่างไร ?
ไป๋หยานมองตี้คังอย่างงุนงงที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าความหลงตัวเองของบุตรชายนางนั้นได้มาจากไหน
ลูกก็ย่อมเหมือนพ่อ!
”หม่ามี้เฉินเอ๋อจะไปเล่นกับหวังเสี่ยวผางที่บ้านข้าง ๆ ก่อนนะ อย่าลืมทำน้องสาวให้เฉินเอ๋อนะ”
ไป๋เสี่ยวเฉินหอมแก้มไป๋หยานนั่นทำให้สีหน้าของตี้คังแลดูเข้มขึ้นทันที
หากไป๋เสี่ยวเฉินไม่รีบวิ่งหนีจากไปอย่างรวดเร็วแล้วล่ะก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาอาจจะโยนเด็กชายออกไปแทน
หลังจากร่างของไป๋เสี่ยวเฉินลับตาไปแล้วไป๋หยานก็หันมามองตี้คังพร้อมกับเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “นี่ท่านคิดว่าที่นี่เป็นบ้านของท่านหรือไร ? คิดจะไปก็ไป คิดจะมาก็มา ?”
”เป็นความคิดที่ดี”ตี้คังกล่าวพร้อมกับยิ้ม “อีกไม่นาน ข้าจะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่”
”อ๋องคัง!”
”ข้าส่งไป๋จื่อไปที่หอบุปผา”
”…..”
ไป๋หยานตาค้างเขาส่งไป๋จื่อไปที่หอบุปผากระนั้นรึ ?
“หอบุปผาเป็นของเจ้าเช่นนั้นเจ้าจะจัดการกับนางอย่างไรก็สุดแท้แต่เจ้าเถอะ !” ตี้คังก้าวไปข้างหน้าอีกสองก้าว ก่อนจะโน้มตัวเข้าหาหญิงสาว “นี่คือของขวัญจากข้า เจ้าชอบหรือไม่ ?”
ยิ่งเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขาใกล้ๆ เช่นนี้ หัวใจของไป๋หยานก็ยิ่งเต้นระส่ำระส่าย “ข้าขอบใจท่านสำหรับทุกสิ่งที่ท่านทำ หากแต่ความรู้สึกของข้ามิอาจบังคับได้…” นางเบี่ยงศีรษะเพื่อหลบเลี่ยงนัยน์ตาคู่นั้น
”ข้าบอกแล้วว่าข้าจะรอเจ้า”
บทที่ 158 : ไป๋เสี่ยวเฉินจอมเจ้าเล่ห์
ข้าบอกว่าข้าจะรอเจ้า…
ไป๋หยานหลุบตาลงเพื่อปกปิดความปั่นป่วนในใจ “ทว่าข้าไม่ชอบท่าน”
”ไม่เป็นปัญหาไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็ต้องตกหลุมรักข้า”
น้ำเสียงเย่อหยิ่งอีกทั้งยโสโอหังทำให้ไป๋หยานเกลียดจับใจกระทั่งอยากจะชกหน้าเขา
นางเคยเห็นคนหลงตัวเองมาก็มากทว่าไม่เคยเห็นผู้ใดหลงตัวเองมากถึงระดับนี้ เขามั่นใจได้อย่างไรว่าข้าจะต้องตกหลุมรักเขา ?
ขณะเดียวกันนั้นเองไม่ไกลจากตำหนักอ๋องคังนัก ศีรษะเล็ก ๆ ก็โผล่ออกมาจากตรอก
”นายน้อยท่านแน่ใจหรือว่าจะทำอย่างนี้จริง ๆ ?” หัวใจของเสี่ยวมี่สั่นไหวไม่หยุด “ข้าขอถอนตัวได้มั้ย … ?”
”ไม่ได้!”
ไป๋เสี่ยวเฉินตบหัวเสี่ยวมี่”เจ้าลืมไปแล้วหรือไรว่า จอมวายร้ายนั่นรังแกหม่ามี้ยังไง ?”
ถึงตอนนี้เสี่ยวมี่อยากจะร้องไห้จริงๆ แต่จอมวายร้ายนั่นเป็นบิดาของท่านนะ ยิ่งไปกว่านั้นท่านยังอนุญาตให้เขาทำน้องสาวกับมารดาของท่านด้วยนะ !
ชัดเจนว่าไป๋เสี่ยวเฉินเดาความคิดในใจของเสี่ยวมี่ได้ เขาเชิดคางพลางกล่าวว่า “ตอนนั้น ข้าก็เพียงแค่หาข้ออ้าง หาไม่แล้ว ข้าจะออกจากคฤหาสน์ได้อย่างไร ?”
”แล้ว…”ไป๋เสี่ยวเฉินเงียบไปครู่หนึ่ง “เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่อาจเอาชนะจอมวายร้ายนั่นได้ แต่ข้าก็ไม่ยอมให้เขาทำร้ายหม่ามี้ของข้า ดังนั้นข้าจึงต้องทำเรื่องเสี่ยง ๆ เช่นนี้”
”ท่านไม่คิดบ้างเหรอว่าเขาก็ไม่ได้น่ารังเกียจอะไรนักหนา … ” เสี่ยวมี่น้ำตาร่วง
นายน้อยเป็นบุตรชายของตี้คังเช่นนั้นไม่ว่าจะเกิดขึ้น นายน้อยย่อมรอดตัวแน่ ๆ แต่เสี่ยวมี่ไม่ใช่ ฮือ !
ไป๋เสี่ยวเฉินรู้สึกหวั่นไหว”ข้าก็ไม่ได้เกลียดเขานักหรอก แต่เขาชอบรังแกหม่ามี้ของข้า ข้าเพียงอยากได้น้องสาว แต่หากข้าต้องเลือกระหว่างน้องสาวกับหม่ามี้ ข้าก็เลือกหม่ามี้”
อย่างไรก็ตามผู้ใดที่รังแกหม่ามี้ของเขาล้วนแล้วแต่เป็นคนเลวทุกคน
”แต่…”
เสี่ยวมี่อยากจะพูดมากกว่านี้ทว่าไป๋เสี่ยวเฉินปิดปากของเสี่ยวมี่อย่างรวดเร็ว
”เลิกพูดเราจะเริ่มกันแล้ว”
เขาลอบออกมาจากตรอกจากนั้นก็เดินตรงเข้าไปในตำหนักอย่างช้า ๆ
ทว่าเพราะไป๋เสี่ยวเฉินเอาแต่ใส่ใจสภาพแวดล้อมรอบข้างจนดูเหมือนจะลืมมองไปข้างหน้า เขาจึงบังเอิญชนเข้ากับใครคนหนึ่ง
เด็กน้อยเซถอยหลังสองสามก้าวส่วนคนที่เขาชนนั้นล้มก้นจ้ำเบ้าอยู่กับพื้น
”เจ้า… ” เด็กสาวที่ล้มลงกับพื้นอยากจะตะโกนใส่หน้าคนที่ชนนาง ทว่าทันทีที่นางเห็นไป๋เสี่ยวเฉินกับใบหน้าเล็ก ๆ ที่อ่อนเยาว์อมชมพู เด็กสาวก็ตวาดออกมาด้วยความโกรธ “เป็นเจ้านี่เอง !”
ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตาด้วยความสับสนก่อนจะเอ่ยถามว่า “อาม่า ท่านรู้จักข้าด้วยเหรอ ?”
”เจ้าเรียกผู้ใดอาม่า?” หญิงสาวลุกขึ้นจากพื้น พร้อมกับตะโกนด้วยความโมโห “ข้าเป็นถึงองค์หญิง ทั้งยังมิได้สมรส เปรียบดั่งดอกไม้แรกแย้ม เจ้ากล้าเรียกข้าว่าอาม่าได้อย่างไร ?
”
องค์หญิง…
ไป๋เสี่ยวเฉินกลอกตานางเป็นองค์หญิงแห่งอาณาจักรหลิวฮั่วนี่หรือ ?
”ไสหัวไปซะ!” องค์หญิงหกกล่าวอย่างดุดัน
นางไม่เคยคาดคิดว่าจะได้พบกับลูกของไป๋หยานที่นี่ช่างโชคร้ายเสียจริง ๆ
ครั้นหวนคิดถึงเรื่องวันนั้นในตำหนักในนางซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ นางเห็นอ๋องคังดูแลเด็กน้อยคนนี้ นางหมั่นไส้เป็นอย่างมาก
คนอย่างอ๋องคังผู้ซึ่งสามารถตัดแขนตัดขาผู้อื่นได้ง่ายๆ แม้แต่องค์หญิงหกก็ยังหวาดกลัวจับใจ กระทั่งไม่กล้ามาหาอ๋องคังเป็นเวลานาน
ความรักที่นางไม่เคยได้รับเหตุใดไป๋หยานถึงได้ไป ? หญิงผู้นั้นดีกว่านางตรงไหน ?
”อาม่าเฉินเอ๋อไสหัวไม่เป็น ท่านทำให้เฉินเอ๋อดูก่อนได้มั้ย ?”
แก้มของไป๋เสี่ยวเฉินอมชมพูนัยน์ตาที่เขาจ้องมององค์หญิงหกแลดูไร้เดียงสา แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดคิดว่าเขาเสแสร้ง
”หุบปาก!”
ครั้นได้ยินเด็กน้อยเรียกตนเองว่า”อาม่า” องค์หญิงหกก็หน้าเขียว “หากเจ้ากล้าเรียกข้าว่า อาม่าอีกคำ ข้าจะให้คนฉีกปากเจ้า ! ”
บทที่ 159 : โยนบาป (1)
“เสี่ยวมี่”ไป๋เสี่ยวเฉินลูบหัวเสือน้อย นัยน์ตากลมโตของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา “หม่ามี้เคยบอกแล้วไงว่า อย่าคุยกะอาม่าวัยหมดประจำเดือน ? ผู้หญิงพวกนี้มักจะขี้หงุดหงิดอารมณ์เสีย แต่ข้าดันไม่เชื่อ”
องค์หญิงไม่เข้าใจความหมายของคำว่าวัยหมดประจำเดือนแต่นางเข้าใจคำว่า อาม่า อย่างแจ่มแจ้ง
เด็กบ้านี่มาเรียกนางว่าอาม่า ได้ไงหา ?
”พวกเจ้ามัวทำอะไรอยู่?” องค์หญิงหกคำรามพร้อมกับกระทืบเท้าเร่า ๆ “รีบมาจับเด็กสารเลวนี่ให้ข้าสิ !”
องครักษ์ต่างหันมองหน้ากันด้วยความลังเลไม่มีผู้ใดกล้าที่จะก้าวเท้าออกมา
เพราะเรื่องที่เด็กน้อยนี่เป็นบุตรชายของอ๋องคังทั้งอ๋องคังยังปกป้องเด็กน้อยโดยไม่ไว้หน้าฮ่องเต้ตอนอยู่ในวังหลวง ก็เป็นที่รู้กันดี
แล้วผู้ใดจะกล้าแตะต้องเขาเล่า?
”องค์หญิง”หนึ่งในองครักษ์กล่าวขึ้นช้า ๆ อย่างลังเล “เป็นที่รู้กันดีว่าเด็กผู้นี้คือบุตรชายของท่านอ๋องคัง หากเราลงมือทำอะไรลงไป แล้วอ๋องคังรู้เรื่อง บางที … ”
”เจ้ากล้าดียังไง? !” องค์หญิงตบหน้าองครักษ์ ใบหน้างดงามของนางพลันบิดเบี้ยว “อย่าลืมสิว่านายของเจ้าเป็นใคร ! หากมัวแต่กลัวอ๋องคังกระทั่งไม่กล้าทำอะไร ข้าจะเป็นผู้ลงมือเอง ดูสิว่าเด็กเดรัจฉานนี่จะยังกล้าอวดดีกับข้าอีกหรือไม่ ? ”
หากเป็นก่อนหน้านี้องค์หญิงหกคงจะไม่กล้าต่อต้านตี้คัง
ทว่าตอนนี้หัวใจของนางเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาทำให้นางขาดเหตุผล นางทำทุกอย่างด้วยอารมณ์โกรธ
หากมีใครได้เห็นดวงตาคู่นั้นของนางพวกเขาอาจเข้าใจผิดว่าไป๋เสี่ยวเฉินไปฆ่าล้างโครตนางจนเกลี้ยง
”ข้าเองก็สงสัยว่าบุตรชายของไป๋หยานจะดีสักเพียงใดกลับกลายเป็นว่าเขาเป็นเพียงเด็กเหลือขอที่ไม่รู้จักมารยาท ! ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่า เหตุใดอ๋องคังถึงยอมรับเด็กไม่มีสกุลรุนชาตินี่เป็นบุตรชายของเขา !”
ไป๋เสี่ยวเฉินเบ้ปากไม่แปลกใจเลยที่หญิงผู้นี้เกลียดขี้หน้าเขาตั้งแต่แรกพบ เพราะป๊ะป๋าจอมวายร้ายนี่เองที่เป็นต้นเหตุ
“นี่อาม่าอยากแต่งงานกับป๊ะป๋าข้างั้นรึ?” ไป๋เสี่ยวเฉินหัวเราะคิกคัก “งั้นข้าก็ผิดเองที่เรียกท่านว่าอาม่า ท่านอยากให้ข้าเรียกเจ้แทนมั้ยล่ะ ?”
”เจ้า… ”
องค์หญิงผงะนางมองรอยยิ้มของไป๋เสี่ยวเฉินที่แลดูไร้เดียงสาน่ารัก แต่เหตุใดนางจึงกลับเห็นรอยยิ้มนั้นช่างเลวร้ายราวกับรอยยิ้มของปีศาจน้อย
ครั้นนางรู้สึกตัวไป๋เสี่ยวเฉินก็ได้เข้ามายืนอยู่เบื้องหน้าองค์หญิงหกแล้ว ไป๋เสี่ยวเฉินยืดมือออกไปผลักองค์หญิงหกถอยหลังไปสองสามก้าว
”อ๊ะ!”
องค์หญิงหกถูกไป๋เสี่ยวเฉินผลักกระทั่งเกือบจะล้มลงนางกรีดร้อง ก่อนจะพุ่งเข้าหาไป๋เสี่ยวเฉินอย่างบ้าคลั่ง
”ข้าจะฆ่าเจ้าเด็กเดรัจฉานนี่ !”
ทว่าขณะที่องค์หญิงกำลังจะแตะตัวไป๋เสี่ยวเฉินนั้นเด็กน้อยก็เบี่ยงตัวหลบไปทางด้านข้าง เพื่อหลบเลี่ยงมือขององค์หญิง ส่งผลให้องค์หญิงสะดุดหน้าคะมำ
เรือนผมขององค์หญิงหกยุ่งเหยิงไปหมดและด้วยเรือนผมที่ยุ่งเหยิง พร้อมด้วยนัยน์ตาโกรธเกรี้ยวแดงก่ำราวกับสัตว์ป่า ทำให้ภาพลักษณ์ของนางตอนนี้เหมือนหญิงวิกลจริตไปแล้วจริง ๆ
บ้าที่สุด!
ทักษะการต่อสู้ระดับนางยังจัดการกับเด็กเหลือขอคนนี้ไม่ได้?
ไม่!
ไม่มีทาง
ข้าจะต้องให้บทเรียนแก่เด็กนี่หาไม่แล้วข้าคงไม่มีหน้าไปพบผู้ใดอีก !
”เกิดอะไรขึ้นผู้ใดทำเสียงเอะอะครึกโครมด้านนอก”
พลันเสียงแหลมๆ ก็ดังขึ้นทันที
กลุ่มทหารจำนวนหนึ่งกรูออกมาจากตำหนักอ๋องคังเพื่อตรวจสอบ หัวหน้าองครักษ์เห็นองค์หญิงหกผู้ซึ่งกำลังคลั่งกับทั้งไป๋เสี่ยวเฉินผู้ไร้เดียงสา เขาก็ตะลังงัน
”ท่านอ๋องน้อย…องค์หญิงหกพวกท่านมาทำอะไรกันที่นี่ ?”
อ๋องคังยอมรับฐานะของไป๋เสี่ยวเฉินแล้วแม้ว่าเรื่องนี้จะยังไม่ได้หยดเลือดพิสูจน์ก็ตามที อีกทั้งดูเหมือนอ๋องคังเองก็ไม่คิดจะหยดเลือดด้วย เช่นนั้นย่อมถือว่าเรื่องนี้เป็นความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
บทที่ 160 : โยนบาป (2)
เช่นนั้นย่อมไม่ผิดที่พวกเขาจะเรียกเด็กคนนี้ว่า“ท่านอ๋องน้อย”
”เจ้าทำข้าหกล้ม!” องค์หญิงนัยน์ตาแดงก่ำ นางใช้ความเร็วสูงสุดแล้วเมื่อครู่ ทว่าเหตุใดเด็กเดรัจฉานนี่ถึงยังหลบได้ ?
”องค์หญิง…เด็กก็ยังเป็นเด็ก”
ใบหน้าของเหล่าองครักษ์ต่างก็ยุ่งยากใจท่านอ๋องคังมีคำสั่ง ทุกคนในตำหนักอ๋องคังนี่ต้องให้การเคารพนับถือว่าที่พระชายา และท่านอ๋องน้อย
แล้วองค์หญิงหกมาสั่งให้พวกเขาลงมือกับท่านอ๋องน้อยแบบนี้หากอ๋องคังรู้ผู้ใดจะแบกรับไหว ?
”ข้าไม่สนใจ! พวกเจ้ากล้าขัดใจข้ากระนั้นรึ ?” องค์หญิงเตะทหารนายหนึ่ง “เร็วเข้าสิ อย่าลืมนะว่า เสด็จพ่อของข้ามอบหมายให้พวกเจ้ามาดูแลอ๋องคัง ที่สุดแล้วเสด็จพ่อของข้าต่างหากที่เป็นเจ้านายที่แท้จริงของพวกเจ้า !”
ทหารที่โดนเตะหน้าเสียยิ่งได้ยินถ้อยคำขององค์หญิง เขาก็ยิ่งหน้าซีด “องค์หญิง ท่านไม่ควรมีรับสั่งเช่นนั้น ในเมื่อฮ่องเต้ทรงมอบหมายให้พวกเราเป็นคนของอ๋องคังแล้ว เราก็ต้องเป็นคนของอ๋องคัง ยามนี้ พวกเราต้องปกป้องท่านอ๋องน้อย”
”เช่นนั้นข้าลงมือเอง !”
องค์หญิงหกกัดฟันนางหยิบแส้ออกมาจากเอวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ฟาดแส้ใส่ไป๋เสี่ยวเฉิน
ในขณะที่แส้เกือบจะถึงตัวไป๋เสี่ยวเฉินนั้นเด็กน้อยก็ยกมือขึ้นเกาคอ ศีรษะของเขาเอียงเล็กน้อยทำให้รอดพ้นจากเส้นทางแส้อย่างหวุดหวิด
ครั้งแรกเรียกได้ว่าบังเอิญทว่าครานี้ล่ะ ?
ยังจะบังเอิญอีกกระนั้นหรือ?
ครั้นทหารจากตำหนักอ๋องคังเห็นการกระทำขององค์หญิงหกพวกเขาก็เหงื่อแตก หากท่านอ๋องน้อยโชคร้ายหลบไม่ทันแล้วละก็ มีหวังหน้าแตกยับอย่างแน่นอน
หากท่านอ๋องคังกลับมาแล้วรู้เรื่องนี้เข้าไม่เพียงแต่ท่านอ๋องจะเล่นงานองค์หญิงหก ทว่าพวกเขาก็ต้องตายตกตามไปด้วยอย่างแน่นอน
”องค์หญิงหกขออภัยด้วย !”
หัวหน้าองครักษ์ขยิบตาส่งสัญญาณให้เพื่อนของเขาจากนั้นทหารในกลุ่มก็เข้ามาห้อมล้อมองค์หญิงหกอย่างรวดเร็ว
”น้าทหาร”
ในขณะที่ทหารกำลังจะเข้าจู่โจมนั้นน้ำเสียงที่นุ่มนวลและสดใสก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
บรรดาองครักษ์ต่างนิ่งงันพวกเขาหันกลับมามองไป๋เสี่ยวเฉินผู้ซึ่งกำลังอุ้มแมวน้อยสีขาวในอ้อมแขน หัวหน้าองครักษ์โค้งคำนับ พร้อมกับเอ่ยถามอย่างสุภาพว่า “ท่านอ๋องน้อยต้องการให้พวกเราทำเช่นไร ?”
“อาม่าคนนี้คงอายุน้อยเลยไม่รู้ดีชั่วเฉินเอ๋อไม่อยากถือสานาง ปล่อยนางไปเถอะ”
ยามนี้กลุ่มคนจำนวนมากได้มารวมตัวกันด้านหน้าตำหนักอ๋องคังต่างได้ยินถ้อยคำของไป๋เสี่ยวเฉิน พลันสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจก็จ้องมองไปที่องค์หญิงหก
อายุยังน้อยอะไรกัน?
เด็กที่โดนรังแกนั่นเพิ่งอายุห้าขวบเองมั้งส่วนอีกฝ่าย คือองค์หญิงหกนั่นโตเป็นสาวแล้ว !
แต่เด็กน้อยกลับใจคอกว้างขวางขณะที่องค์หญิงหกนั่นคิดแต่จะรังแกคน ทั้งขู่จะฆ่า ๆ
“รับทราบท่านอ๋องน้อย”
ครั้นได้ยินคำสั่งจากไป๋เสี่ยวเฉินพวกทหารก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ว่ากันตามตรง พวกเขาก็ไม่อยากปะทะองค์หญิง ทว่าเพื่อป้องกัน ไม่ให้อ๋องคังโกรธ พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินหน้า
แต่เมื่อนี่เป็นคำสั่งของท่านอ๋องน้อยแม้ว่าองค์หญิงหกจะรอดมือไปได้ อ๋องคังก็ตำหนิพวกเขาไม่ได้
”พวกเจ้าคอยดู!”
องค์หญิงหกจัดทรงผมที่กระเซอะกระเซิงของนางอย่างรวดเร็วพร้อมกับจ้องมองไป๋เสี่ยวเฉินอย่างดุดัน ก่อนจะแหวกทางฝูงชนจากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากเวลาผ่านไปเพียงครู่ฝูงชนต่างก็แยกย้ายกระจัดกระจาย บรรดาทหารจากตำหนักอ๋องคังต้องการที่จะคุ้มกันไป๋เสี่ยวเฉิน ทว่าเด็กน้อยกลับขับไล่พวกเขา
ล้อเล่นน่ะ
เขาจะลงมือได้อย่างไรหากมีทหารพวกนี้ตามติดตลอดเวลา ?
”นายน้อยบอกข้าหน่อยเถิดว่า ท่านวางแผนชั่วอะไรอีก ?”
หลังจากที่ทุกคนจากไปแล้วเสี่ยวมี่ก็เลียอุ้งเท้าพร้อมกับเอ่ยถามเรียบ ๆ
หากไม่ได้วางแผนจะทำอะไรองค์หญิงแล้วด้วยนิสัยของนายน้อย ย่อมไม่มีทางที่เขาจะปล่อยนางไปง่าย ๆ เป็นแน่
“เสี่ยวมี่ดูนี่สิ ข้าได้ของสิ่งนี้มาจากอาม่าใจร้ายนั่น”