จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 176-180
บทที่ 176 : ขโมยยาเม็ดจิตวิญญาณ ? (5)
”ข้าไม่เป็นไร”ไป๋เซียวเช็ดเลือดออกจากมุมปาก “เอายาอายุวัฒนะไปให้เขา เขาเป็นสหายเก่าของข้า”
”ขอรับคุณชายไป๋” หลังจากรับคำแล้ว ชายผู้นั้นก็รีบวิ่งไปที่ด้านข้างของเด็กหนุ่มที่หมดสติ
ครั้นเห็นเช่นนั้นนัยน์ตาของหยูเฟยพลันแดงก่ำด้วยความโกรธ “หยุดนะ ! นั่นคือของ ๆ บ้านสกุลไป๋ ซึ่งหมายความว่ามันเป็นของน้องสาวข้า ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าใช้มันกับคนนอก”
ไป๋เซียวจะมียาอายุวัฒนะได้อย่างไรนี่ต้องเป็นทรัพย์สินที่ถูกขโมยมาจากบ้านสกุลไป๋เป็นแน่ และถึงแม้ว่าไป๋เซียวจะได้รับมาอย่างชอบธรรม ทว่ายาเม็ดนั่นก็นับเป็นของน้องสาวเขาอยู่ดี
แล้วยาดีๆ เช่นนี้ เหตุใดจึงเอามาให้คนนอกเล่า ?
หากเขาจะมอบยาอายุวัฒนะให้กับคนนอกเช่นนั้นก็ควรมอบให้ข้า !
แน่นอนว่าประโยคสุดท้ายนี่แหละคือเหตุผลที่แท้จริงของหยูเฟย
”ท่านพ่อนั่นมันยาอายุวัฒนะนี่ ข้าต้องการมัน !”
บุตรชายของหยูเฟยดึงแขนเสื้อบิดาของตนขณะเดียวกันก็จ้องมองเม็ดยาในมือของผู้อารักขา เขากลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความละโมบ
”ท่านพ่อไป๋เซียวต้องขโมยยาอายุวัฒนะจากบ้านสกุลไป๋มาจำนวนมากเป็นแน่ ข้าต้องการมัน ข้าต้องการมัน !” เด็กหญิงอีกคนหนึ่งกล่าว “ยิ่งไปกว่านั้น คนชั้นต่ำนี่มีสิทธิ์อะไรที่จะได้รับยาเม็ดนี่ ? ควรเอามาให้พวกเราดีกว่า !”
ครั้นได้ยินคำร้องขอจากพี่ชายและน้องสาวคู่นี้ ใบหน้าของหยูเฟยก็อ่อนลง “เอาล่ะ ข้าจะเอายานั่นมาให้พวกเจ้าเอง ไม่ต้องห่วง”
ยาเม็ดเหล่านั้นเป็นของไป๋เซียวเขาย่อมสามารถมอบให้ผู้ใดก็ได้ที่เขาต้องการ
ทว่าผู้อารักขาไม่ใส่ใจหยูเฟยเขาเดินไปข้าง ๆ ชายหนุ่ม จากนั้นก็ป้อนยาอายุวัฒนะใส่ปากของชายหนุ่มผู้หมดสติ
”เจ้ากล้าดียังไง!” หยูเฟยโกรธจัดที่เห็นผู้อารักขายังดื้อด้าน “เจ้าเป็นเพียงสุนัขรับใช้ของบ้านสกุลไป๋ เจ้ากล้าเอาของ ๆ สกุลไป๋ไปให้ผู้อื่น คอยดูเถอะ ข้าจะให้ไป๋เฉิงเซียงสังหารเจ้า และไป๋เซียวเด็กไร้ค่านั่นพร้อมกันซะเลย !”
เนื่องจากผู้อารักขาคอยติดตามไป๋เซียวหยูเฟยจึงสันนิษฐานว่าชายผู้นี้คงทำงานให้กับบ้านสกุลไป๋ ในเมื่อเขาเป็นพี่ชายคนโตของฮูหยินไป๋ เหตุใดชายผู้นี้จึงกล้าเพิกเฉยใส่เขา ?
ครั้นได้ยินถ้อยคำของหยูเฟยใบหน้าของชายคนนั้นก็เย็นชาลงทันที เขาเป็นยอดฝีมือขั้นสูงที่อยู่ในตำแหน่งผู้คุ้มกฎซ้ายของหอบุปผา ไหนเลยจะยอมให้ชายสารเลวคนนี้ กล้าดีมาเรียกเขาว่าสุนัขรับใช้ ? …
“ต่อให้เจ้าบ้านสกุลไป๋มายืนอยู่ต่อหน้าข้าเขาก็ไม่กล้าเอ่ยว่าข้าเป็นสุนัขรับใช้ !” ผู้คุ้มกฎซ้ายหัวเราะเยาะ พร้อมกล่าวเย้ยหยัน
ครั้นได้ยินถ้อยคำดังกล่าวหยูเฟยก็หัวเราะเหยียดหยาม “เจ้าเป็นเพียงผู้คุ้มกันเล็ก ๆ กล้าทำตัวโอหังต่อหน้าข้ากระนั้นรึ ? หากเจ้าเก่งกาจสามารถจริง ไหนเลยจะต้องมาฟังคำสั่งไป๋เซียว ? กะแค่ผู้คุ้มกันกระจอก ๆ เพียงข้าใช้มือข้างเดียวก็สามารถขยี้เจ้าจนตายได้แล้ว !”
แววตาของผู้คุ้มกฏซ้ายเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยคนพวกนี้สมควรตายจริง ๆ เหตุใดทุกคนที่เกี่ยวข้องกับไป๋เฉิงเซียงถึงได้ชอบรนหาที่ตายกันนักนะ ?
”ขออภัยข้าไม่ต้องใช้มือก็จัดการกับเจ้าได้”
ปัง!
ทันทีที่กล่าวจบประโยคก็ราวกับมีกำปั้นยักษ์ชกเข้ากลางลำตัวของหยูเฟย ร่างของเขาลอยละลิ่วเข้าหาฝูงชนทันที
”ผู้ใดผู้ใดทำร้ายข้า ? !” หยูเฟยลุกขึ้นด้วยความโมโห ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
ส่วนชายที่ยืนอยู่เบื้องหน้าไป๋เซียวนั้น
เขาไม่เห็นหยูเฟยอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ
เหตุใดผู้คุ้มกันเล็กๆ จึงทรงพลังได้ถึงเพียงนี้ เหตุใดเขาไม่เข้าร่วมกับราชสำนัก หรือหอบุปผาเล่า มาอยู่กับบ้านสกุลไป๋ด้วยเหตุใด ?
”พี่ใหญ่!” ทันใดนั้นเอง เสียงดังกระหึ่มก็พุ่งทะลุแหวกอากาศมาจากด้านหลัง
ครั้นฝูงชนหันกลับไปมองแหล่งที่มาพวกเขาก็เห็นไป๋เฉิงเซียงและหยูหรงมาพร้อมกับคนของพวกเขา
บทที่ 177 : ขโมยยาเม็ดจิตวิญญาณ ? (6)
“พี่ใหญ่เกิดอะไรขึ้น ?” ครั้นหยูหรงเห็นท่าทางโกรธเคืองของพี่ชาย นางก็รีบเอ่ยถามทันที
”เจ้ายังจะมีหน้ามาถามข้าอีกกระนั้นรึ? !” หยูเฟยตัวสั่นด้วยความโกรธ “ดูลูกชายตัวดีของเจ้าสิ เขาขโมยยาเม็ดจิตวิญญาณของบ้านสกุลไป๋ เพื่อนำไปให้ผู้อื่น ข้าตักเตือนเขาด้วยความหวังดีว่าอย่าทำเช่นนั้น ทว่าเขากลับไม่ฟัง ! ”
หยูหรงนิ่งอึ้งนางรู้สถานการณ์ของครอบครัวเป็นอย่างดี จะมียาเม็ดจิตวิญญาณได้อย่างไร ?
อย่างไรก็ตามนางกวาดตามองไป๋เซียวที่ยืนนิ่งอย่างไร้อารมณ์ นางตัดสินใจยึดคำพูดของพี่ชาย “ไป๋เซียว เป็นเจ้านี่เองที่ขโมยยาเม็ดจิตวิญญาณของบ้านสกุลไป๋ ยังไม่รีบคืนให้เราอีก”
ไป๋เฉิงเซียงเองก็แสดงท่าทีเศร้าสร้อย”เซียวเอ๋อ ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นคนเช่นนี้ เจ้าขโมยยาเม็ดจิตวิญญาณจากครอบครัวของเรา ในขณะที่ยามนี้เราเป็นหนี้ผู้คนจำนวนมาก สาเหตุก็เพราะเราต้องคืนสินสอดทองหมั้นของมารดาเจ้า ! ทว่าตอนนี้เจ้ากลับมอบยานั่นให้คนนอก เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร ? ”
ไม่ว่าไป๋เซียวจะได้ยานั่นมาจากที่ใดหากแต่ไป๋เฉิงเซียงคิดว่า ถึงยาเม็ดจิตวิญญาณนั่นอยู่กับไป๋เซียวก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้ทั้งไป๋จื่อ ทั้งลูกในท้องของหยูหรงต่างก็ต้องการยานั่นมากกว่า !
ในเวลานี้ท้องถนนคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่ต่างเข้ามามุงดูเหตุการณ์
หากมีเพียงหยูหรงด้วยเรื่องราวที่นางเคยสร้างไว้ก่อนหน้านี้ ย่อมมีน้อยคนนักที่จะเชื่อคำนาง
ทว่าตอนนี้แม้แต่ไป๋เฉิงเซียงก็ยังยืนกรานหนักแน่นจะผิดพลาดไปได้อย่างไร ? ในฐานะบิดา ผู้ใดบ้างจะกล่าวให้ร้ายบุตรชายตนเอง
เช่นนั้นสายตาทุกคู่จึงพุ่งไปที่เด็กหนุ่มด้วยความชิงชัง
ครั้นสังเกตเห็นผู้คนชี้นิ้วมาที่ตนไป๋เซียวก็เพียงยิ้มเยาะ “ท่านบอกว่า ข้าขโมยมาจากตระกูลไป๋ เช่นนั้นข้าขอถามหน่อย ยาเม็ดจิตวิญญาณที่หายนั่นเป็นยาประเภทใด ?”
”เอ่อ…” ไป๋เฉิงเซียงนิ่งอึ้ง เขาขมวดคิ้วชั่วครู่ ทว่าในขณะที่เขากำลังจะกล่าวคำ ไป๋เซียวก็กล่าวขัดขึ้นเสียก่อน
“เป็นยาเม็ดจิตวิญญาณขั้นสองใช่หรือไม่?”
ไป๋เซียวยิ้มเยาะ
นัยน์ตาของหยูหรงเปล่งประกายนางรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ใช่แล้ว มันเป็นยาเม็ดจิตวิญญาณขั้นสอง ยาเม็ดเหล่านั้นมีไว้เพื่อช่วยจื่อเอ๋อพัฒนาทักษะยุทธ
“นอกจากยาเม็ดจิตวิญญาณแล้วยังมีอะไรอีก ? หากท่านบอกชื่อยานั่นได้ ข้าก็จะสารภาพว่าเป็นผู้ขโมยมา” ไป๋เซียวยังคงเอ่ยถามต่อด้วยสายตาเย็นชา
หยูหรงตกตะลึงยังมีอย่างอื่นนอกเหนือจากยาเม็ดจิตวิญญาณอีกกระนั้นหรือ ?
ไม่!
เป็นไปไม่ได้!
มิใช่เรื่องง่ายเลยที่ไป๋เซียวจะมียาเม็ดจิตวิญญาณสักเม็ดแล้วนี่เขาจะมีอีกได้อย่างไร ?
หยูเฟยพยายามจะเอ่ยปากหากแต่เขาก็พบว่า มีแรงกดดันบางอย่างทำให้เขากล่าวคำออกมาไม่ได้
หยูหรงไม่เห็นสายตาที่สิ้นหวังของพี่ชายนางยิ้มเยาะขณะกล่าวต่อว่า “นี่เจ้ายังกล้าขโมยยาเม็ดอื่นมาอีกกระนั้นหรือ ? รีบคืนยาเม็ดจิตวิญญาณทั้งหมดมาให้ข้านะ !”
ไป๋เซียวหัวเราะ
สายตาของผู้คนโดยรอบต่างก็มองไปที่หยูหรงด้วยความประหลาดใจ
ทว่าหยูหรงก็ยังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น นางยังคงกล่าวต่อว่า “นับแต่เจ้ายังเล็ก ข้าปฏิบัติต่อเจ้าไม่ต่างกับบุตรชายของตนเอง หากเจ้าต้องการยาเม็ดจิตวิญญาณ เจ้าก็ควรบอกข้าดี ๆ เหตุใดเจ้าต้องขโมยด้วย ? ข้าเองก็มิใช่คนขี้เหนียวสักหน่อย เจ้าควรมอบยาเม็ดทั้งหมดคืนให้ข้า แล้วข้าจะมอบให้เจ้าเม็ดหนึ่ง”
นางเชิดคางขึ้นอย่างภูมิใจขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงกรุณา
ในที่สุดหยูเฟยก็สามารถพูดออกมาได้ เขารีบกระซิบใส่หูน้องสาวของเขาว่า “น้องสาว ยาเม็ดที่ไป๋เซียวครอบครองนั้น หาใช่ยาเม็ดจิตวิญญาณไม่ ทว่าเป็นยาอายุวัฒนะ … ”
บทที่ 178 : ผู้แข็งแกร่งกว่าย่อมชนะ (1)
ใบหน้าของหยูหรงแข็งค้างนัยน์ตาของนางเบิกกว้างด้วยความตกใจ
กระไรนะ?
ในมือของไป๋เซียวหาใช่ยาเม็ดจิตวิญญาณไม่ทว่าเป็นยาอายุวัฒนะกระนั้นรึ ?
เด็กสารเลวนี่วางแผนหลอกข้า!
เพียงไม่นานไป๋เฉิงเซียงก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขาหันไปเผชิญหน้าชายหนุ่ม นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ “ไป๋เซียว เจ้าเป็นคนหลอกลวงเช่นเดียวกับพี่สาวของเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ข้าไม่สนใจหรอกว่ายาเม็ดในมือของเจ้าจะเป็นยาเม็ดจิตวิญญาณหรือยาอายุวัฒนะ ตราบใดที่เจ้ายังเป็นผู้สืบสกุลของบ้านสกุลไป๋ ! เจ้าต้องมอบมันให้แก่ข้า”
ไป๋เซียวมองท่าทีของไป๋เฉิงเซียงเขาเม้มปาก ยามนี้เขารู้สึกอ่อนล้าขึ้นมาทันที
หลายปีที่ผ่านเขาพยายามอดทน เหตุเพราะไม่ต้องการให้ความทุ่มเทของมารดาต้องสูญเปล่า เขาอยากจะยึดบ้านสกุลไป๋ไว้ในกำมือ เพื่อที่ภายหน้าจะได้ให้การสนับสนุนพี่สาว
หากแต่ยามนี้เขาเข้าใจแล้วว่าความไร้ยางอายของคนบ้านสกุลไป๋นั้นมากมายเพียงใด ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปบ้านสกุลไป๋น่าจะถูกทำลาย ก่อนที่จะส่งถึงมือของเขาเสียล่ะมากกว่า !
”ข้า…ไป๋เซียวกำพร้าทั้งบิดาและมารดา ในโลกนี้ข้ามีเพียงพี่สาวของข้าไป๋หยาน และหลานชายของข้าไป๋เสี่ยวเฉินเท่านั้น ท่านมิได้มีความเกี่ยวข้องใดกับข้า จะมาเอายาอายุวัฒนะของข้าได้อย่างไร ?”
”สารเลว!” ใบหน้าของไป๋เฉิงเซียงเขียวด้วยความโกรธ “ไป๋หยานนางเด็กเนรคุณนั่นปลูกฝังความคิดเช่นนี้ในหัวของเจ้าใช่หรือไม่ ? เจ้าเคยเป็นเด็กดีอยู่ในโอวาท จนกระทั่งไป๋หยานกลับมา !”
”ท่านพี่อย่าเพิ่งโมโห ให้ข้าได้คุยกับเซียวเอ๋อดี ๆ ก่อน” ครั้นเห็นผู้คนมากมายเข้ามารวมตัวกันรอบ ๆ นาง อีกทั้งยังหนาแน่นมากขึ้นเรื่อย ๆ นัยน์ตาของหยูหรงพลันวาวโรจน์ นางรีบเดินเข้าไปลูบอกของไป๋เฉิงเซียง จากนั้นก็ก้าวช้า ๆ ออกมายืนหน้าไป๋เซียว
”ไป๋เซียวเจ้าเองก็เป็นผู้สืบสกุลของบ้านสกุลไป๋ อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นคนในครอบครัว เจ้ายังอายุน้อยอาจไม่เท่าทันผู้อื่น เพื่อไม่ให้ผู้อื่นหลอกลวงฉกฉวยสิ่งมีค่านี้ไปจากเจ้า ข้า…ในฐานะมารดาจะช่วยดูแลทรัพย์สินแทนเจ้าเอง”
หากไป๋เซียวมียาอายุวัฒนะจำนวนมากแล้วเขามอบเม็ดยาเหล่านั้นให้ไป๋หยาน เช่นนั้นพวกนางจะทำอย่างไรล่ะ ? ยิ่งตอนนี้จื่อเอ๋อก็ขาดยาที่จะช่วยเยียวยารักษาบาดแผล จะปล่อยให้ไป๋เซียวมอบเม็ดยาให้คนนอกได้อย่างไร ?
“คำกล่าวของฮูหยินไป๋ไม่ผิดเลยในฐานะนายน้อยของบ้านสกุลไป๋ บิดามารดาย่อมมีสิทธิ์ดูแลเงินทองรวมถึงทรัพย์สินของเขา แม้ว่าทั้งคู่จะเคยกระทำผิดต่อไป๋เซียวมาก่อน ทว่าก็มิเกี่ยวกับเรื่องในตอนนี้”
”ไป๋เซียวไม่ใช่น้องชายของไป๋หยานแล้วก่อนหน้านี้ ไป๋หยานโดนเจ้าบ้านไป๋ขับไล่ออกจากตระกูลไป๋ไปแล้ว ทว่าชื่อของไป๋เซียว ยังคงอยู่ในฐานะบุตรชายแห่งบ้านสกุลไป๋ เขาไม่มีสิทธิ์เก็บของมีค่าเหล่านี้ไว้คนเดียว”
เสียงเซ็งแซ่ของฝูงชนดังราวกับหนามแหลมคมเจาะไชเข้าในหัวใจของไป๋เซียวอย่างรุนแรง ทำให้ใบหน้าเย็นชาของไป๋เซียวเพิ่มระดับเป็นเย็นเยียบราวกับชั้นน้ำแข็ง
ตอนนี้เขาปรารถนาอย่างแรงกล้าว่าตนจะไม่ใช่คนในตระกูลไป๋หากเป็นเช่นนั้น เขาคงจะไม่ต้องมาผจญปัญหามากมายเช่นนี้ …
“ต้องการแค่ยาใช่หรือไม่?”
ทันใดนั้นเองไป๋เซียวก็หัวเราะขึ้น เสียงหัวเราะช่างเย็นเยือกเสียจนทำให้หยูหรงหนาวสะท้าน
”เช่นนั้นข้าก็จะทำลายมันให้หมดข้าไม่มีวันมอบยาเม็ดเหล่านั้นให้กับหมาป่าหิวกระหายเช่นพวกเจ้า !”
”เจ้าว่าอะไรนะ!” หยูหรงเบิกตากว้าง “เจ้าถือสิทธิ์ใดมาทำลายของ ๆ ตระกูลไป๋ ?”
”ก็ในเมื่อยาเม็ดเหล่านี้พี่สาวของข้าเป็นผู้มอบให้ข้ายามนี้นางก็มิใช่คนของสกุลไป๋แล้ว เช่นนั้นยาพวกนี้ก็ย่อมไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับตระกูลไป๋ !”
เอาสิ!
เจ้าว่าข้าเป็นบุตรชายของตระกูลไป๋ทว่าพี่สาวของข้านางถูกขับออกจากบ้านสกุลไป๋ไปแล้วมิใช่หรือ ? ในเมื่อเป็นเช่นนี้เจ้ายังจะมีหน้ามาเรียกร้องอะไรอีก ?
”ไป๋หยานงั้นรึ?” หยูหรงหัวเราะคิกคัก “ไป๋หยานเป็นเพียงคณิกาดาวเด่นของหอบุปผา เช่นนั้นนางจะเอายาเม็ดมีค่าเหล่านี้มาจากที่ใด ? เจ้าคงคิดว่าข้าโง่มากกระนั้นสิ ?”
นางโลมต่อให้เป็นนางโลมจากหอบุปผา ก็แล้วอย่างไรเพียงมีเงินผู้ชายนับพันนับหมื่น ก็สามารถหาความสุขกับนางได้
ก็แค่ชนชั้นต่ำ!
***จบบทผู้แข็งแกร่งกว่าย่อมชนะ (1)***
บทที่ 179 : ผู้แข็งแกร่งกว่าย่อมชนะ (2)
แน่นอนว่าทันทีที่ถ้อยคำดังกล่าวกระจายสู่ฝูงชน ผู้คนต่างก็รู้สึกไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน พวกเขาได้แต่ยืนอึ้งกันไปหมด
ไหนอ๋องคังบอกว่าไป๋หยานเป็นผู้หญิงของเขาอีกทั้งเด็กไม่มีพ่อคนนั้นก็ยังเป็นบุตรชายของเขาด้วยมิใช่หรือ ? ก็แล้วเหตุใดบ้านสกุลไป๋กลับบอกข่าวที่น่าตื่นตกใจเช่นนี้ !
”เจ้ากล่าววาจาไร้สาระ!”
ผู้คุ้มกฏซ้ายของหอบุปผาตวาดเขาได้รับมอบหมายให้อารักขาไป๋เซียว ตราบใดที่ไป๋เซียวปลอดภัยเขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ต่อสู้
หากแต่เมื่อมีคนใส่ความนายหญิงของเขาเขาก็กระโดดออกมากล่าวด้วยความโมโห “เจ้าว่าใครเป็นคณิกาดาวเด่น ? พูดให้ชัด ๆ สิ ! ข้าเป็นผู้คุ้มกฏซ้ายของหอบุปผา หากนางเป็นคณิกาดาวเด่น เช่นนั้นข้าจะต้องตามปกป้องคุณชายเซียวด้วยเหตุใด ?
ยามนี้สายตาทุกคู่ต่างก็หันไปจับจ้องผู้คุ้มกฏซ้ายทันที
หยูเฟยตกตะลึงทันทีที่รู้ตัวว่าตนเข้าใจผิดชายคนนั้นมิใช่ผู้คุ้มกันที่ทำงานให้บ้านสกุลไป๋
ทว่าไม่นานเขาก็ยิ้มเยาะ
ผู้คุ้มกฏซ้ายของหอบุปผา
หอบุปผากระนั้นรึ? ท่านเจ้าหอบุปผามีฐานะเทียบเท่าองค์ฮ่องเต้ ผู้คุ้มกฏก็มีฐานะไม่ต่างกับเสนาบดีหรือนายพล
เคยเห็นเสนาบดีหรือนายพลคนใดบ้างคอยติดตามอารักขาเด็กชายของตระกูลโน้นตระกูลนี้?
”เจ้าน่ะหรือผู้คุ้มกฏของหอบุปผา?” หยูหรงหัวเราะเยาะ “เช่นนั้นข้าก็คงเป็นเจ้าของหอบุปผาแล้วล่ะ ! เจ้ามันก็แค่แขกคนหนึ่งของไป๋หยาน เจ้าติดบ่วงความงามของนาง และนั่นเป็นเหตุให้เจ้าออกมาปกป้องน้องชายของนาง ข้าพูดถูกหรือไม่ ? ”
ผู้คุ้มกฏซ้ายตัวแข็งราวอัมพาตเขากระโดดออกมาพร้อมสีหน้าซีดเผือด เขาฟาดฝ่ามือใส่หยูหรงขณะกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “นี่เจ้าคิดจะหาเหาใส่หัวข้ารึไร ? เช่นนั้นข้าก็จะกอดคอเจ้าลงนรกไปพร้อมกัน ! ”
ฝ่ามือนี้เขาอัดพลังทั้งหมดที่มี ส่งผลให้หยูหรงลอยละลิ่วปลิวละล่อง ก่อนจะตกลงมากระแทกเข้ากับแผงลอยข้างถนน
”อ๊าาาาาาาาา!”
หยูหรงกรีดเสียงร้องโหยหวนพร้อมกับกุมหน้าท้องของตนด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลลงมาจากต้นขา สายตาของนางตื่นตกใจด้วยความเสียขวัญ
”ลูก…ลูกของข้า … ”
ไป๋เฉิงเซียงตื่นตกใจเขารีบวิ่งเข้าไปหาภรรยาของตนอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เห็นเลือดไหลออกมาจากร่างของหยูหรง ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นขาวซีด
”หรงเอ๋อ”
”ท่านพี่… ช่วยข้าด้วย … ช่วยลูกของเราด้วย … ”
สีหน้าของหยูหรงซีดเผือดนางกำแขนเสื้อของไป๋เฉิงเซียงแน่น น้ำตาของนางรินไหลเป็นสายราวน้ำพุ
”ต้องไม่เป็นไรหรงเอ๋อ ลูกของเราต้องไม่เป็นไร” หลังจากปลอบโยนภรรยาของเขาหลายต่อหลายคำ เขาก็ส่งสัญญาณให้หยูเฟยที่ยังคงยืนโง่งมอยู่ ให้เข้ามาดูแลน้องสาวของตน ส่วนตัวเขาเองนั้น เขาลุกขึ้นยืนจ้องไป๋เซียว
”เจ้ามียาอายุวัฒนะมิใช่หรือ? ส่งมาให้มารดาของเจ้าเดี๋ยวนี้ !”
ไป๋เซียวยิ้มอย่างเย็นชา”ข้าบอกท่านไปแล้วมิใช่หรือว่า ยาเม็ดเหล่านั้นเป็นของพี่สาวข้า ข้ามิอาจมอบให้ท่านได้”
”เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระใด? มีรึข้าจะไม่รู้ความสามารถของพี่สาวเจ้า ? นางจะมียาพวกนี้ได้เช่นไร ? มอบยาอายุวัฒนะมาไว ๆ นี่มารดาของเจ้านะ ทั้งเด็กในท้องนั่นก็เป็นน้องของเจ้าด้วย !”
ไป๋เฉิงเซียงรู้สึกปวดร้าวใจไป๋เซียวพูดราวกับว่าตนเองไม่มีคุณสมบัติพอที่จะใช้ยาพวกนั้น ก็แล้วเหตุใดไป๋เซียวถึงเห็นคนนอกสำคัญกว่าคนในครอบครัว ยิ่งไปกว่านั่น หยูหรงเองก็กำลังท้อง เด็กในท้องเป็นลูกของเขา ย่อมต้องเป็นน้องของไป๋เซียวด้วย !
คิดได้เช่นนั้นไป๋เฉิงเซียงก็ไม่สนใจสิ่งใดอีก เขาพุ่งตัวเข้าหาไป๋เซียวหมายจะชิงยาอายุวัฒนะนั่น
หากแต่ก่อนที่มือของเขาจะทันได้แตะต้องไป๋เซียวนั้นเขาก็ถูกมือของใครบางคนหยุดไว้
”วันนี้ข้าได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ ” ผู้คุ้มกฏซ้ายหัวเราะ “ได้เห็นผู้หญิงที่ยอมนอนกับผู้ชายไม่รู้หัวนอนปลายเท้า เพียงเพื่อจะได้บุตรชายสักคน ! หากมิใช่เป็นเพราะนายหญิงของข้าสั่งให้พวกเราปกป้องคุณชายเซียว ไหนเลยพวกเราจะรู้ว่าเจ้ากำลังทำเรื่องชั่วช้าใดกับสามีตนเอง ?”
***จบบทผู้แข็งแกร่งกว่าย่อมชนะ (2)***
บทที่ 180 : ผู้แข็งแกร่งกว่าย่อมชนะ (3)
หยูหรงผู้ซึ่งนอนกึ่งเป็นกึ่งตายอยู่บนพื้นถึงกับขวัญผวาขึ้นมาทันทีที่ได้ยินถ้อยคำดังกล่าว นัยน์ตาของนางเบิกโพลง
ไม่เป็นไปไม่ได้เรื่องของนางจะมีคนรู้เห็นได้อย่างไร ในเมื่อเป็นความลับสุดยอดถึงเพียงนั้น ?
“คุณชายไป๋”ผู้คุ้มกฏซ้ายหันมามองไป๋เซียว พลางกล่าวว่า “ผู้คุ้มกฏขวากลับไปรายงานพี่สาวของท่านแล้ว มิช้านางคงจะมาถึงที่นี่ท่านตรองดูเถิดว่าจะจัดการกับคนพวกนี้เช่นไร ส่วนข้าจะรับมือกับชายคนนี้ก่อน…”
ผู้คุ้มกฏซ้ายมิได้ลดน้ำเสียงลงเลยเขาปล่อยให้เสียงนั้นลอยเข้าหูของไป๋เฉิงเซียง นั่นยิ่งทำให้ไป๋เฉิงเซียงโกรธแค้นอย่างที่สุด
”เรื่องในบ้านสกุลไป๋ไม่เกี่ยวข้องกับแขกของสำนักนางโลม ! ทั้งไป๋เซียว ทั้งไป๋หยานต่างก็อกตัญญูต่อบิดามารดา พวกเขาสมควรถูกฟ้าดินลงทัณฑ์”
ถ้อยคำนี้ยืนยันคำกล่าวหาของหยูหรงเมื่อครู่ได้เป็นอย่างดี
นัยน์ตาของไป๋เซียวหม่นหมองลงชั่วขณะภายในอกของเขาปั่นป่วน เขากำหมัดแน่น
หากเป็นเพียงคำพูดของหยูหรงคนอื่น ๆ อาจจะไม่เชื่อ ทว่านี่เป็นคำพูดของไป๋เฉิงเซียงผู้ซึ่งเป็นบิดาแท้ ๆ ของเขา
ไป๋เซียวอยากถามเหลือเกินว่าเขาและพี่สาวเป็นบุตรของชายผู้นี้จริงกระนั้นหรือหรือเป็นได้ว่าพวกเขาถูกเก็บมาจากข้างถนน ?
”ไป๋เซียวที่เจ้าไม่พูดไม่จานี่หมายความว่าไง ? ข้าบอกให้เจ้าส่งยาทั้งหมดมาเดี๋ยวนี้ !”
เมื่อเห็นไป๋เซียวเงียบไป๋เฉิงเซียงก็เข้าใจว่าเด็กหนุ่มสำนึกผิด เขาจึงพุ่งตัวเข้าหาหมายจะฉกฉวยเม็ดยามีค่าในมือของไป๋เซียวอีกครั้ง
ครั้นเห็นเช่นนั้นไป๋เซียวก็รีบก้าวถอยหลังสองสามก้าว “ท่านมิใช่บิดาของข้าแล้ว แต่นี้ไปข้ามิใช่คนของตระกูลไป๋ ท่านจะทำตามแต่ใจเช่นเคยมิได้”
ประโยคนี้ยืนยันการตัดสินใจของไป๋เซียวแล้ว
ไม่ว่าไป๋เฉิงเซียงจะเป็นหรือตายก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาอีกต่อไป
*****
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองบนท้องถนนที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน ร่างร้อนแรงกำลังพุ่งทะยานผ่านฝูงชนด้วยความเร็วสูงพร้อมสายลมกรรโชกราวพายุ สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนที่เดินผ่านไปมาโดยรอบ
ด้วยเหตุที่ไป๋หยานกำลังเร่งรีบมากนางจึงไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีคนขวางอยู่เบื้องหน้า ส่วนคนผู้นั้นก็กำลังเดินงุ่มง่าม เลยไม่ทันเห็นไป๋หยานเช่นกัน ทั้งสองจึงชนกัน
จังหวะนั้นไป๋หยานหยุดชะงัก นางเลิกคิ้วเล็กน้อยขณะพยายามทรงตัวให้มั่นคง ครั้นทรงตัวได้มั่นคงแล้วนางก็มองสำรวจชายตรงหน้าที่นางชน
ชายคนนี้มีอายุประมาณสี่สิบปีสวมอาภรณ์หรูหรา บุคลิกภาพของเขาแลดูไม่ธรรมดาเลย ใบหน้าหล่อเหลาทว่าดูซีด ๆ กระทั่งริมฝีปากก็ยังซีดขาว ทั้งยังสั่นระริก
”ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” ไป๋หยานคิดว่านี่เป็นความผิดของนางที่รีบเร่งจนเกินไป กระทั่งทำให้ชนเข้ากับชายตรงหน้า นางจึงมีท่าทางสำนึกผิด พร้อมกับรีบกล่าวคำขอโทษ “ข้ามีเรื่องเร่งด่วนต้องรีบจัดการ หากพบกันคราหน้า ข้าจะขอขมาท่านอย่างเป็นทางการอีกครั้ง”
”ข้าไม่เป็นไร”
ชายผู้นั้นยิ้มเล็กน้อยรอยยิ้มของเขาแลดูอ่อนแรง เขาไม่มีทีท่าว่าจะโกรธไป๋หยานที่ชนเขาแม้แต่น้อย
ครั้นเขาเงยหน้าขึ้นมองนางสีหน้าของเขาพลันแข็งค้าง นัยน์ตาของเขาจับจ้องมองไป๋หยานนิ่ง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจทั้งยังตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
เหมือนมาก! เหมือนจริง ๆ !
ในโลกนี้จะมีคนที่คล้ายกันถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?
ทว่าก่อนที่ชายผู้นั้นจะหลุดจากภวังค์หญิงสาวก็หายตัวไปเสียแล้ว ทั้งยังไม่หันกลับมามองเขาอีกเลยแม้แต่น้อย
”นายน้อย”
ชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามาช่วยพยุงร่างชายวัยกลางคนผู้อ่อนแอซึ่งยามนี้กำลังขมวดคิ้วอยู่
ชายวัยกลางคนคว้าแขนของชายชราแน่นน้ำเสียงของเขาสั่น ๆ “หญิงสาวผู้นั้นเหมือนนางมากเหลือเกิน ! เจ้าคิดว่านางจะกลับมาหรือไม่ ? หากเป็นนาง ? เหตุใดนางถึงจำข้าไม่ได้ ?”
***จบบทผู้แข็งแกร่งกว่าย่อมชนะ (3)***