จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 191-195
บทที่ 191 : เจ้าหุบเขาเพลงพิณ (1)
”รั่วเอ๋อ…”หนานกงอี้ ถอนหายใจ พลางกอดชายาของเขาอย่างปวดร้าวใจ “เจ้าไม่พอใจที่ข้าไม่ให้ยาอายุวัฒนะแก่เจ้าหรือไม่ ?”
ไป๋รั่วหลบตาลงพลางกล่าวว่า“พระองค์เป็นทั้งสามีเป็นทั้งสวรรค์ของหม่อมฉัน เพื่อให้พระองค์สุขสบายแล้ว ต่อให้รั่วเอ๋อต้องแลกด้วยชีวิตก็พร้อมยอมทำ แค่ยาเม็ดระดับสี่นั่นจะมีค่าอะไรกัน ?”
ครั้นได้ยินถ้อยคำจรรโลงใจของชายาหนานกงอี้ก็ยิ่งสำนึก “รั่วเอ๋อ ข้า…หนานกงอี้ช่างโชคดีจริง ๆ ที่มีชายางามพร้อมเช่นเจ้า เจ้ามั่นใจได้เลยว่า ตลอดชั่วชีวิตนี้ข้าจะอยู่กับเจ้า”
”สวามี”ไป๋รั่วกุมมือหนานกงอี้แน่น “ในเมื่อพี่สาวของหม่อมฉันมิใช่คนไร้ประโยชน์อีกต่อไปแล้ว เช่นนั้นเหตุใดพระองค์ไม่แต่งนางมาเป็นชายารองเล่าเพคะ ?”
หัวใจของหนานกงอี้เต้นไม่เป็นจังหวะเขาจ้องมองไป๋รั่วผู้ซึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียง “เจ้าอยากให้ไป๋หยานมาเป็นชายารองของข้าจริงกระนั้นหรือ ?”
หากไป๋หยานมาเป็นผู้หญิงของเขาได้จริงนั่นหมายความว่าหอบุปผาย่อมจะตกอยู่ในมือของเขาเช่นกัน
มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะปฏิเสธสิ่งดีๆ เช่นนี้ได้ !
”สวามีตราบใดที่พระองค์ต้องการ รั่วเอ๋อก็ยินดี”
ขนตาของไป๋รั่วสั่นไหวเล็กน้อยหยาดน้ำตาคลอหน่วย น้ำเสียงของนางช่างน่าสงสารยิ่งนัก หากเป็นก่อนหน้านี้หนานกงอี้จะต้องสาบานว่าไม่มีวันรับไป๋หยานเข้าตำหนักอย่างเด็ดขาด
ทว่าตอนนี้ใบหน้าที่หล่อเหลาราวภาพวาดของหนานกงอี้กลับปรากฏความลังเล
”รั่วเอ๋ออ๋องคังนั้นแข็งแกร่งมาก แม้กระทั่งเสด็จพ่อของข้าก็ยังกลัวเขา ข้าเกรงว่าไม่เป็นการง่ายนัก หากจะแย่งไป๋หยานมาจากเขา”
ไป๋รั่วเห็นหนานกงอี้สนใจไป๋หยานจริงๆ นางก็รู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย แต่ในเมื่อนางกล่าวออกไปแล้วย่อมไม่อาจกลับคืนคำ
”สวามีหม่อมฉันได้ยินมาว่า หุบเขาเพลงพิณ กำลังตามหาใครบางคน … และคนผู้นั้นก็คืออ๋องคัง !”
นางกัดริมฝีปากพลางเอ่ยออกมาเบาๆ
”หุบเขาเพลงพิณ?” หนานกงอี้ขมวดคิ้ว
รั่วเอ๋อไปเกี่ยวข้องกับหุบเขาเพลงพิณได้อย่างไร?
ครั้นเห็นแววตาสงสัยของหนานกงอี้ไป๋รั่วก็รีบเอ่ยอธิบายด้วยเสียงนุ่ม ๆ ว่า “สวามี หม่อมฉันได้พบกับคนจากหุบเขาเพลงพิณโดยบังเอิญ พวกเขาไม่รู้จักตัวตนของอ๋องคัง นั่นคือสาเหตุที่พวกเขามาไถ่ถามหม่อมฉันเพื่อขอข้อมูล…หากแต่เป็นเพราะหม่อมฉันต้องการให้น้องสาวของหม่อมฉัน ไป๋จื่อ ได้แต่งงานกับอ๋องคัง เช่นนั้นหม่อมฉันจึงไม่บอกตัวตนของอ๋องคังแก่พวกเขา”
แววตาของเขาหนานกงอี้เปลี่ยนเป็นขุ่นเคือง”เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ใดกำลังตามหาอ๋องคัง ?”
”เจ้าหุบเขาเพลงพิณ!” แววตาของไป๋รั่วเปล่งประกาย “สวามี หากพระองค์ส่งจดหมายไปยังหุบเขาเพลงพิณ เพื่อแจ้งให้พวกเขาทราบเกี่ยวกับอ๋องคัง เมื่อถึงเวลานั้น หม่อมฉันแน่ใจว่าไป๋หยานคงยากที่จะสามารถเป็นชายาของอ๋องคังได้”
หนานกงอี้มองไป๋รั่วเงียบๆ “ถึงแม้ว่าหุบเขาเพลงพิณนั้นจะแข็งแกร่ง ทว่าก็แข็งแกร่งกว่าหอบุปผาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น วิธีนี้ใช้ไม่ได้ผลหรอก”
”สวามี”ไป๋รั่วพยายามยันตนเองขึ้นพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน “พระองค์ลืมไปแล้วหรือว่าทันทีที่ไป๋หยานรู้ว่าเราคบกัน นางปฏิบัติกับหม่อมฉันเช่นไร ? หากนางรู้ว่าเจ้าหุบเขาเพลงพิณสนใจอ๋องคัง ด้วยนิสัยของพี่สาวหม่อมฉัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นางจะต้อง ต่อสู้แย่งชิงอ๋องคังเป็นแน่”
แท้ที่จริงสิ่งที่ไป๋หยานกระทำกับไป๋รั่วในครานั้น หนานกงอี้ล้วนได้รับฟังมาจากไป๋รั่วแต่เพียงฝ่ายเดียว และเขาก็เลือกที่จะเชื่อนาง เขาคิดเสมอว่าเมื่อครั้งที่อยู่บ้านสกุลไป๋ ไป๋หยานเป็นผู้รังแกไป๋รั่ว
หลังจากคิดอยู่เพียงครู่หนานกงอี้ก็เข้าใจความนัยที่ไป๋รั่วกล่าวมา “อ้อ ! เจ้าต้องการให้อ๋องคังกับไป๋หยานผิดใจกัน และแยกทางกันใช่หรือไม่ ?”
***จบบทเจ้าหุบเขาเพลงพิณ (1)***
บทที่ 192 : เจ้าหุบเขาเพลงพิณ (2)
อ๋องคังก็เป็นเพียงบุรุษคนหนึ่งเขาอาจจะเพิกเฉยต่อสตรีในอาณาจักรหลิวฮั่วได้ เพราะสาว ๆ ที่นี่ต่างไม่มีค่าพอ
ทว่าเจ้าหุบเขาเพลงพิณนั้นต่างกันว่ากันว่าเจ้าหุบเขาเพลงพิณ มู่ชิงเกอ นั้นเป็นสตรีที่ทั้งสวยทั้งมากความสามารถ หากเจอกับสตรีงามพร้อมเช่นนั้น คงไม่มีผู้ใดกล้าเฉยเมยใส่
เมื่อถึงเวลานั้นไป๋หยานจะต้องน้ำตาตก หากต้องแข่งขันกับมู่ชิงเกอ อ๋องคังย่อมสนใจสตรีเช่นมู่ชิงเกออย่างแน่นอน และเขาย่อมต้องทิ้งไป๋หยาน !
“ข้ายอมให้ไป๋หยานมาเป็นชายาอีกคนของข้าก็ได้…”หนานกงอี้กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “หากแต่ข้าไม่อนุญาตให้ลูกสารเลวของนางเข้ามาในตำหนักของข้าเป็นแน่ !”
ไป๋รั่วยิ้มเป็นรอยยิ้มที่มิอาจหยั่งรู้ “สวามี พระองค์วางใจได้ พี่สาวของหม่อมฉัน นางเป็นคนฉลาด นางย่อมจะรู้ว่าสิ่งใดดีที่สุดสำหรับนาง แม้อ๋องคังอาจจะแข็งแกร่ง แม้นางจะมีหอบุปผาอยู่ในกำมือ ทว่าทั้งหมดทั้งมวลล้วนไม่อาจเทียบกับบุตรชายของเราได้”
“ในวันที่หลินเอ๋อถือกำเนิดเหล่าสรรพสัตว์ในโลกนี้ต่างน้อมนมัสการเขา เขาเป็นคนพิเศษ แม้แต่อ๋องคังเองในกาลข้างหน้าก็ต้องโดนเขาเหยียบย่ำเป็นแน่ !” ไป๋รั่วแหงนเงยหน้าน้อย ๆ นัยน์ตาของนางยังเปล่งประกายอ่อนโยน
สีหน้าของหนานกงอี้ดูดีขึ้นอีก“หากนางฉลาดจริง เหตุใดนางจึงปฏิเสธที่จะเป็นสนมของข้า ทว่ากลับเลือกอ๋องคังแทนเล่า ?”
ต่อให้อ๋องคังมีพลังมากเพียงใด? ทว่าสุดท้ายโลกใบนี้ก็จะเป็นของบุตรชายข้า ! เมื่อวันนั้นมาถึงข้าจะไม่ให้เขาได้มีที่ยืนเลยทีเดียว
“สวามี”ไป๋รั่วหัวเราะเบา ๆ “นั่นเป็นเพราะ ก่อนหน้านี้พระองค์ไม่รักนาง นางย่อมเลือกอ๋องคัง หากพระองค์แสร้งทำเป็นว่าชอบนาง หม่อมฉันแน่ใจว่านางจะต้องโผเข้าสู่อ้อมแขนของพระองค์ในทันที ”
“ไป๋หยานฉลาดมากจริงๆ หากแต่ความยโสโอหังของนางก็ทำให้ข้ารักนางไม่ลง”
อย่างดีที่สุดเขาก็เพียงปรารถนาจะชื่นชมเรือนร่างงดงามของนางเท่านั้น เขาไม่มีทางรักนางได้เป็นแน่
ไป๋รั่วถอนหายใจออกมาช้าๆ ด้วยความโล่งอก นางเกรงว่าหากหนานกงอี้ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของไป๋หยาน เขาจะตกหลุมรักไป๋หยานอย่างถอนตัวไม่ขึ้น เช่นนั้นนางจึงจงใจกล่าววาจาเช่นนั้น
นางอยู่กับหนานกงอี้มานานนางย่อมรู้ดีว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงประเภทใด ! หากทำให้เขาเข้าใจว่าไป๋หยานหยิ่งยโสทระนงตน แน่นอนว่าเขาไม่มีวันที่จะรักไป๋หยานได้ตลอดชั่วชีวิต
“รั่วเอ๋อเจ้าควรพักผ่อนก่อนดีกว่า ไว้ข้าจัดการเรื่องนี้เอง” หนานกงอี้ปลอบประโลมไป๋รั่ว “ข้าให้สัญญากับเจ้า วันใดที่ข้าได้ไป๋หยานมาเป็นชายารอง วันนั้นข้าจะยกหอบุปผาให้เจ้าเป็นผู้จัดการ ”
ไป๋รั่วลดระดับสายตาลงเพื่อซ่อนเร้นความยินดีในแววตา นางกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “สวามี โลกของหม่อมฉันก็คือพระองค์ ไม่ว่าจะหอบุปผา หรือสิ่งใดก็ตามแต่หม่อมฉันไม่สนใจเลย”
ในโลกนี้สิ่งใดจะยอดเยี่ยมไปกว่าการที่สตรีแสดงความรักโดยการบอกว่าไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่นางต้องการ นอกจากคำบอกรักจากเขา
หนานกงอี้จับมือชายาของเขาแน่นด้วยความประทับใจ“รั่วเอ๋อ สิ่งใดที่ข้าได้ลั่นวาจาออกไปแล้ว ย่อมไม่คืนคำ เจ้ารอวันที่จะได้เป็นนายหญิงของหอบุปผาเถิด !”
“แต่หากพี่สาวของหม่อมฉันไม่ยินยอมล่ะ…”ไป๋รั่วกัดริมฝีปากอย่างสิ้นหวัง
หนานกงอี้หัวเราะ“ในโลกนี้ สามีเป็นใหญ่เสมอ ในเมื่อนางเป็นชายาของข้าแล้ว ข้าเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ”
หลังจากจบคำหนานกงอี้ก็ปล่อยมือไป๋รั่ว เขาช่วยปัดผมที่รุ่ยร่ายลงมาละหน้าผากให้นาง
“ข้าจะไปเตรียมจดหมายส่งถึงหุบเขาเพลงพิณอีกไม่นานเราก็จะได้อยู่ร่วมกัน ข้า,เจ้ารวมถึงพี่สาวของเจ้า ฮ่า ๆ ๆ ๆ !”
หนานกงอี้ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะหอบุปาจะตกอยู่ในกำมือเขา หรือเป็นเพราะเขาจะได้ครอบครองสตรีที่งดงามเช่นไป๋หยานกันแน่ จึงทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นเช่นนี้ เขาหัวเราะร่า พร้อมกับเดินตรงไปที่ประตู
บทที่ 193 : หาใช่บุตรสาวของนางไม่
ไป๋รั่วมองตามหลังสามีของนางที่กำลังเดินจากไปนางกำหมัดแน่นกระทั่งเล็บจิกฝ่ามือ
”ไป๋หยานตักตวงความสุขของเจ้าไปก่อนเถอะ หลังจากที่ข้าได้หอบุปผามาจากเจ้าแล้ว ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ !”
นางมิได้ใจดีมากพอที่จะแบ่งปันสามีกับศัตรูหรอกนะ
*****
ณโรงเตี๊ยมหลงเฝิง
ชายวัยกลางคนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงผิวของเขาซีดขาว เขากำลังไอแค่ก ๆ ไม่หยุด
กระทั่งประตูเปิดออกชายชราเดินผ่านประตูเข้ามา เขายกมือขึ้นป้องหมัดแสดงอาการคารวะ
”นายน้อยข้าได้ตรวจสอบตามคำสั่งของท่านเรียบร้อยแล้ว”
”โอ้?” ชายวัยกลางคนเลิกคิ้ว “สตรีผู้นั้นมีภูมิหลังเช่นใด ?”
ผู้เฒ่ามองชายวัยกลางคนก่อนจะกล่าวว่า”มารดาของนาง ก็คือ หลานเยี่ย บุตรสาวของบ้านสกุลหลาน บิดาของนางเป็นเจ้าบ้านคนปัจจุบันของสกุลไป๋ ทว่าเมื่อไม่นานมานี้นางเพิ่งถูกขับออกจากสกุลไป๋”
ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วอย่างสงสัย”เจ้าแน่ใจหรือว่า มารดาของนางเป็นหญิงจากบ้านสกุลหลาน นางมิได้เป็นบุตรบุญธรรมแน่นะ”
”นายน้อยนี่เป็นเรื่องจริง ข้าคิดว่าหญิงสาวผู้นั้นเพียงคล้ายกับคุณหนูของเรา แท้จริงแล้วพวกนางอาจไม่เกี่ยวข้องกันก็เป็นได้… ”
ชายสูงอายุอดมิได้ที่จะถอนหายใจเขาเองก็สงสัยเช่นกันว่า เหตุใดหญิงสาวทั้งสองจึงมีลักษณะคล้ายกันยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวผู้นั้นมิได้เป็นบุตรสาวของคุณหนูของพวกเขา
ชายวัยกลางคนไออย่างแรงราวกับปอดของเขาจะทะลุออกมาด้วย
ผ่านไปนานกว่าเขาจะหยุดไอ เขาเอ่ยถามต่อ “เจ้ารู้หรือไม่ว่านางพักอยู่ที่ใด ?”
”นายน้อยนี่ท่านคิดจะ … ” ผู้อาวุโสมองชายวัยกลางคนอย่างประหลาดใจ เขาขมวดคิ้วขณะเอ่ยคำ
ชายวัยกลางคนยิ้มอย่างขมขื่น”ช่วยไม่ได้ นับแต่ข้าเห็นเด็กสาวคนนั้น ใบหน้าของนางก็ติดค้างในใจของข้า ต่อให้นางไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับน้องสาวของข้า ข้าก็ยังอยากที่จะพบนาง”
ผู้สูงอายุเงียบไปชั่วครู่”นายน้อย ฐานะที่แท้จริงของท่านนั้นไม่อาจเปิดเผย หากมีผู้ใดรู้เรื่องนี้ … ”
”ไม่เป็นไรข้าเพียงแค่จะพบนางสักครั้งเท่านั้น ไม่อันตรายอะไรหรอก” ชายวัยกลางคนใช้มือยันตนเองขึ้นจากเตียง เขาพยายามจะลุกขึ้น “นำทางข้าไป”
ชายชรายิ้มอย่างสิ้นหวัง“ขอรับ นายน้อย เชิญท่านมากับข้า”
ว่ากันตามเหตุผลเขาควรจะเขียนจดหมายแจ้งนายท่านเกี่ยวกับสถานการณ์ยามนี้ นับแต่คุณหนูหายตัวไป นายท่านก็ราวกับคนใกล้บ้า หลายปีที่ผ่านมานายท่านเอาแต่ส่งคนออกค้นหานางไม่หยุดหย่อน
หากนายท่านรู้ว่ามีใครบางคนละม้ายคล้ายคลึงกับคุณหนูแล้วล่ะก็แน่นอนว่านายท่านจะต้องออกจากสำนักเวชโอสถเพื่อมาที่นี่ทันที และเมื่อถึงเวลานั้น เรื่องก็จะยิ่งยุ่งยากขึ้นอีก
”แค่กๆๆๆ”
ชายวัยกลางคนไอออกมาอีก
ครั้นชายชราเห็นเช่นนั้นเขาก็อยากจะเข้าไปช่วย ทว่าชายวัยกลางคนกลับยกมือขึ้นห้ามเขาไว้
”ข้าไม่ได้ป่วยจนเดินไม่ไหวเจ้าไม่ต้องช่วยข้า นางจะเห็นได้ว่าข้าอาการไม่ดี … ” ชายวัยกลางคนยิ้ม ก่อนจะเดินไปที่ประตูช้า ๆ
ทุกๆ สองก้าว เขาก็จะไอหนึ่งครั้ง ร่างกายที่อ่อนแอของนายน้อย ทำให้ชายชราใจหายใจคว่ำ
หากแต่ชายชราก็รู้ดีว่านิสัยของนายน้อยนั้นดื้อรั้นเพียงไรหากนายน้อยได้ตัดสินใจทำสิ่งใดแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่ยนใจได้
ชายชรารู้จักที่พำนักของไป๋หยานแล้วที่นั่นตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่พักของเขานัก ทว่าทั้งคู่กลับต้องใช้เวลาถึงครึ่งชั่วยาม (หนึ่งชั่วโมง)กว่าจะเดินไปถึง
ช่วงเวลานั้นภายนอกคฤหาสน์โบราณ ชายวัยกลางคนหยุดเดิน ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเผยรอยยิ้ม เขาค่อย ๆ เดินเข้าไปหายามหน้าประตูทั้งสองคน
”พวกเจ้าต้องการอะไร?” ครั้นยามเฝ้าประตูทั้งสองเห็นชายแปลกหน้า พวกเขาก็ตะคอกถาม
ชายชราเห็นยามทั้งสองขวางทางนายของเขาเขาก็รู้สึกโมโห หากแต่ชายวัยกลางคนกลับยกมือขึ้นห้ามมิให้เขาลงมือ
”ข้ามาพบไป๋หยาน”
บทที่ 194 : รักษาท่าน (1)
ภายใต้ร่มเงาของต้นดอกท้อที่กำลังบานสะพรั่ง
ไป๋หยานนั่งอยู่ในศาลาในมือของนางถือหนังสือ อาภรณ์สีแดงของนางแผ่สยายราวกับพรมแดง ขาของนางวางเหนือม้านั่ง คิ้วของนางเลิกขึ้นเล็กน้อย ขณะที่รอยยิ้มของนางงดงามราวกับดอกท้อเบ่งบาน
ขณะนั้นเองยามก็เข้ามาด้วยอาการเร่งรีบ ครั้นเห็นนายหญิงของเขานั่งอยู่ในศาลา เขาก็รีบสาวเท้าก้าวเข้าหา พลางแสดงความเคารพ “นายหญิง มีคนมาขอพบท่าน”
ไป๋หยานปิดหนังสือลงนางเงยหน้าขึ้นมองยามรักษาการณ์ที่เข้ามารายงานอย่างสงบ “ผู้ใดกัน ?”
”เขาบอกว่าเขาชื่อ ไป๋จั่นเผิง”
ไป๋จั่นเผิง?
ไป๋หยานไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้เลยเช่นนั้นนางจึงขมวดคิ้ว “ให้เขาเข้ามา”
”ขอรับนายหญิง”
ยามรับคำสั่งก่อนจะถอยกลับไป
เวลาต่อมาเขาก็กลับมาพร้อมด้วยชายอีกสองคน
ครั้นไป๋หยานเห็นร่างผอมบางในอาภรณ์สีขาวสะอาดตานัยน์ตาของนางพลันฉายประกายประหลาดใจ “เป็นท่านนั่นเอง ?”
”แม่นางไป๋หยานข้าหวังว่าเจ้าคงจะไม่รังเกียจที่ข้ามาเยี่ยมในวันนี้”
ไป๋จั่นเผิงยิ้มใบหน้าของเขาแลดูซีด ๆ ร่างกายของเขาแลดูอ่อนแอราวกับสายป่านที่กำลังจะขาดลอย
ไป๋หยานลุกขึ้นอย่างแช่มช้านางเลิกคิ้วขึ้นพลางเอ่ยถามว่า “ข้าเคยบังเอิญชนท่าน ข้าเองก็อยากขออภัยต่อท่านในเหตุการณ์ครั้งนั้น ทว่า … ท่านรู้ที่อยู่ของข้าได้อย่างไร ?”
”แม่หนูเจ้าเข้าใจข้าผิดแล้วข้ามิได้มาที่นี่เพื่อคำขอโทษ” ไป๋จั่นเผิงไอแค่ก ๆ ทว่าก็ยังยิ้ม “ที่ข้ามาในวันนี้ เพียงเพราะข้าประทับใจในตัวเจ้า นั่นเป็นเหตุที่ข้ามาเยี่ยมเจ้า”
หากเป็นชายอื่นพูดประโยคดังกล่าวไป๋หยานต้องคิดว่าเขาเป็นพวกเจ้าชู้ไก่แจ้
แต่ครั้นเป็นไป๋จั่นเผิงพูดนางกลับไม่คิดเช่นนั้นเลย
เป็นความรู้สึกที่แปลกมากซึ่งนางเองก็บอกไม่ถูกว่าเพราะอะไร
”ร่างกายของท่าน…”ไป๋หยานเหลือบมองไป๋จั่นเผิง พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าเขาจะป่วยหนักมานานหลายปีแล้ว
ไป๋จั่นเผิงยิ้ม”ร่างกายของข้าหนักหนาเกินเยียวยาแล้ว ที่ข้าเดินทางออกจากบ้านก็เพราะเวลาของข้าเหลือน้อยเต็มทีแล้ว ข้าต้องการตามหาน้องสาวที่พลัดพรากจากกันไปนาน ทันทีที่ข้าได้พบเจ้า แม่นางไป๋ ข้าก็รู้สึกราวกับว่านางกลับมาหาข้าอีกครั้ง… ”
ถ้อยคำดังกล่าวทำให้หัวใจของไป๋หยานหวั่นไหว“น้องสาวของท่านอายุเท่าไหร่ ? แล้วนางหายตัวไปได้อย่างไร ?”
”นางน่าจะอายุใกล้สี่สิบแล้วหากแต่ข้าไม่รู้ว่านางหายตัวไปได้อย่างไร ? เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว นางออกจากบ้าน นับแต่นั้นก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย”
อายุเกือบสี่สิบปีแล้ว? นั่นหมายความว่านางไม่ได้หายไปตั้งแต่แบเบาะ
ไป๋หยานรู้สึกผิดหวังที่นางไม่อาจเป็นน้องสาวของชายผู้นี้ได้
”สุขภาพของท่านมีปัญหาหนักมากหากท่านไม่รังเกียจ สะดวกให้ข้าดูอาการหน่อยมั้ย ?” นางคลายคิ้วพลางเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา
”นายน้อย… ” ชายชราที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตกใจ เขาพยายามจะห้ามไป๋จั่นเผิง ทว่านายน้อยของเขากลับส่ายศีรษะ
”ไม่มีอะไรไม่สะดวกสาวน้อย เจ้าเป็นหมอปรุงยากระนั้นหรือ ?”
”จะว่าเช่นนั้นก็ได้”
ไป๋หยานไม่ปฏิเสธนางก้าวไปยืนหน้าไป๋จั่นเผิง จากนั้นก็ปล่อยกระแสพลังแทรกซึมเข้าร่างของเขาเพื่อตรวจอาการ
ร่างของไป๋จั่นเผิงสั่นสะท้านก่อนจะนิ่งไม่ไหวติง ทว่าริมฝีปากยังยิ้มพรายราวกับใบไม้ผลิชะโลมใจผู้คน
ขณะเดียวกันชายชราก็กำลังยืนเหงื่อแตกด้วยความกังวลใจ
ยามนี้หากไป๋หยานต้องการสังหารนายน้อย นายน้อยก็คงมิอาจต้านทาน แม้แต่ตัวเขาก็มิอาจช่วยอะไรได้ด้วย
โชคดีหลังจากผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ไป๋หยานก็ถอนพลังกลับคืน ใบหน้าของนางเคร่งขรึม ขณะเอ่ยถามว่า “ท่านเคยได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อสิบปีที่แล้วใช่หรือไม่ ?”
***จบบทรักษาท่าน (1)***
บทที่ 195 : รักษาท่าน (2)
ไป๋จั่นเผิงพยักหน้า”ใช่ เมื่อสิบปีก่อนข้าเคยได้รับบาดเจ็บสาหัส”
“ถ้าเช่นนั้นเมื่อสิบปีก่อน จะต้องมีหมอปรุงยาผู้หนึ่งให้ยาเม็ดอายุวัฒนะแก่ท่าน แม้ว่าหมอปรุงยาจะช่วยชีวิตท่านไว้ได้ หากแต่ผู้ที่ทำร้ายท่านจนได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น ได้ทิ้งพลังฉีไว้ในร่างของท่าน สิบปีที่ผ่านมานี้ พลังฉีของคนผู้นั้นได้ทำลายอวัยวะภายในตันทั้ง 5 และอวัยวะภายในกลวงทั้ง 6*** ทำให้ร่างกายของท่านเสื่อมถอยลงทุกขณะ”
***ทฤษฏีอวัยวะตัน-อวัยวะกลวง(脏腑学说)
ตามทฤษฎีแพทย์จีนแบ่งอวัยวะออกเป็น2 พวกคือ
อวัยวะตันทั้ง 5(五 脏)ได้แก่ ตับ (肝) หัวใจ (心) ม้าม (脾) ปอด (肺) ไต ( 肾) อวัยวะตันทั้งห้า ทำหน้าที่สร้างและเก็บสารจำเป็น แต่ไม่ทำหน้าที่กำจัด สะสม สารจำเป็นของชีวิตและควบคุมการไหลเวียนของพลังลมปราณและเลือด นอกจากนี้ยัง นับรวมถุงหุ้มหัวใจ(心包)ด้วยเป็นอวัยวะตันอีกชนิดหนึ่ง
อวัยวะกลวงทั้ง 6 (六 腑)ได้แก่ ถุงน้ำดี (胆) ลำไส้เล็ก (小肠) กระเพาะอาหาร (胃) ลำไส้ใหญ่ (大肠) กระเพาะปัสสาวะ (膀胱) และซานเจียว (三焦) อวัยวะกลวงทั้งหก ทำหน้าที่เกียวกับการย่อย ดูดซึมและขับถ่าย
ไป๋จั่นเผิงตกตะลึงเขากล่าวพร้อยรอยยิ้มขมขื่น “ที่เจ้ากล่าวมาล้วนถูกต้องทุกสิ่ง แต่หากเจ้าทำลายพลังฉีในร่างของข้า เส้นลมปราณของข้าก็จะถูกทำลายตามไปด้วย เมื่อถึงเวลานั้น ข้าก็จะไม่ต่างจากขยะไร้ค่า หากเป็นเช่นนั้นข้าขอตายอย่างมีศักดิ์ศรีเสียยังจะดีกว่า”
”ผู้ใดบอกท่านกันล่ะว่าหากทำลายพลังฉีนั่น จะต้องทำลายเส้นลมปราณด้วย ?”
ไป๋หยานยิ้มกว้างนางหันไปมองเสือขาวที่กำลังนอนอาบแดดอยู่บนพื้นไม่ไกลกันนัก “เสี่ยวมี่ ข้ามีงานให้เจ้าทำ”
เสี่ยวมี่กระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของไป๋หยานพร้อมกับกวาดตามองไป๋จั่นเผิงด้วยความรังเกียจ
มนุษย์คนนี้หน้าตาดูไม่ได้เอาเสียเลยนายหญิงยังจะให้ข้าดูดพลังฉีจากเขาอีกหรือ ข้าไม่เอาด้วยหรอก !
”หมูตงพัว2 จาน” ไป๋หยานกัดฟันพูด
**หมูตงพัว/ตงปอ/ตงพอ หรือตงพัวโร่ว เป็นอาหารหางโจวซึ่งทำจากหมูเคี่ยวกับน้ำซีอิ๊วปรุงรส
เสือน้อยสะบัดหน้าปฏิเสธข้าจะไม่ขายศักดิ์ศรีของข้า เพียงเพื่อหมูตงพัวแค่ 2 จานหรอก
”เพิ่มหมูหันอีกหนึ่งตัว”ไป๋หยานกล่าวต่อ
เสี่ยวมี่นัยน์ตาลุกวาวเอ่อ… ข้าขอคิดดูก่อนนะ
”ข้าจะทำอาหารให้เจ้ากินด้วยตนเองเป็นเวลาหนึ่งเดือน!” ไป๋หยานยื่นคำขาด
ดวงตาของเสี่ยวมี่ทอประกายระยิบระยับมันยกอุ้งมือน้อย ๆ ที่น่ารักของมันแปะมือของไป๋หยาน
ตกลง!
ศักดิ์ศรีเฮอะ! ไร้สาระสิ้นดี อาหารตรงหน้าสิของจริง !
นอกจากนี้ข้าไม่จำเป็นต้องกินอาหารห่วยๆ ตลอดหนึ่งเดือน นับเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ไม่เลวเลยทีเดียว !
ไป๋หยานหันกลับมาทางไป๋จั่นเผิง”เชิญท่านไปกับเสี่ยวมี่ มันจะช่วยดูดพลังฉีจากร่างของท่าน”
เรื่องนี้ทำให้ไป๋จั่นเผิงและชายชราประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
ในสำนักเวชโอสถมีหมอปรุงยามากมายนับไม่ถ้วน ทว่าก็ไม่อาจช่วยอะไรเขาได้ ยามนี้หญิงสาวผู้นี้กลับสามารถแก้ปัญหานี้ได้โดยอาศัยการเจรจาต่อรองเพียงไม่กี่คำ ?
”แม่นางไป๋…”ไป๋จั่นเผิงยิ้มอย่างขมขื่น “พลังฉี่นี้อยู่ในร่างของข้ามานานกว่าสิบปี และสิบปีที่ผ่านมานี้ ร่างของข้าก็ถูกทำลายอย่างรุนแรง หากพลังฉีนั่นถูกทำลาย ชีวิตของข้ายังจะอยู่ได้อีกกี่ปีกันเล่า”
ไป๋หยานเลิกคิ้วพร้อมกล่าวว่า“ไม่ต้องเป็นกังวล ในเมื่อข้าบอกว่าจะช่วยรักษาท่าน ข้าย่อมมีวิธีฟื้นคืนร่างกายให้แก่ท่าน หากท่านเชื่อใจข้า ก็ตามมันไป”
”นายน้อย!”
ชายชราร้อนรนเขารู้ว่า หากให้นายน้อยเลือก นายน้อยย่อมจะเชื่อใจหญิงสาวที่ไม่รู้ที่มาที่ไปผู้นี้
”นายน้อยปลอดภัยไว้ก่อนย่อมดีกว่าเสียใจภายหลัง”
ไป๋จั่นเผิงเหลียวกลับไปจ้องตาชายชรา”เวลาของข้าเหลืออีกไม่มากแล้ว เช่นนั้นเหตุใดถึงไม่เชื่อนางสักครั้งเล่า ?”
จากนั้นเขาก็หันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับเสี่ยวมี่พลางกล่าวว่า“นำทางไป”
“เมี้ยว”
เสี่ยวมี่ร้องทว่าสายตายังเต็มไปด้วยความขยะแขยง
แต่ก่อนที่เสี่ยวมี่จะจากไปไป๋หยานก็ขยิบตาให้มัน พลันเสี่ยวมี่ก็ขยิบตาตอบ เพื่อแสดงว่ามันเข้าใจ
”นายน้อย!”
ชายชราต้องการจะติดตามนายน้อยของเขาทว่าไป๋หยานกลับเข้าขวางทางไว้ ก่อนที่เขาจะทันย่างก้าว
”หากเจ้าต้องการจะช่วยเขาก็อย่าตามไป”
”เจ้า… ” แววตาของผู้เฒ่าเต็มไปด้วยความโกรธ “หากนายน้อยเป็นอะไรไป เราจะไม่มีวันปล่อยเจ้า !”
ไป๋หยานไม่สนใจชายชราผู้ซึ่งกำลังโกรธเกรี้ยวนางหันหลังเดินกลับ สะบัดแขนเสื้อก่อนจะนั่งลง นางหันไปทางผู้คุ้มกัน พลางเอ่ยถามว่า “ลูกชายของข้ากลับมาหรือยัง ?”
”นายน้อยบอกว่าจะออกไปเล่นกับเพื่อนๆ ข้าเชื่อว่านายน้อยคงจะยังไม่กลับจนกว่าจะค่ำ”
***จบบทรักษาท่าน (2)***