จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 226-230
บทที่ 226 : ข้าเป็นอาหญิงของเจ้า
”เด็กคนนั้นไงแม่นางตี้ !” ทันทีที่เห็นเด็กน้อยนัยน์ตาของไป๋จื่อก็สว่างวาบ นางชี้ไปที่ไป๋เสี่ยวเฉิน ขณะกล่าวว่า “เขาเป็นเด็กไม่มีพ่อลูกของไป๋หยาน เป็นหมากตัวหนึ่งที่ไป๋หยานใช้ควบคุมอ๋องคัง !”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นหันกลับไปมองตามนิ้วที่ไป๋จื่อชี้พลันสายตาของนางก็หยุดลงตรงใบหน้าที่น่ารัก และไร้เดียงสาของไป๋เสี่ยวเฉิน
ใบหน้าของนางเปลี่ยนจากความประหลาดใจในตอนต้นมาเป็นตกใจ และที่สุดก็กลับกลายเป็นความปิติยินดี นางพุ่งตัวเข้าหาไป๋เสี่ยวเฉินรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ
ไป๋จื่อไม่ทันเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของตี้เสี่ยวอวิ๋นนางก็รีบผลุนผลันไปที่ไป๋เสี่ยวเฉินทันที ริมฝีปากของนางยกโค้งอย่างชั่วร้าย
ไป๋หยาน…ไป๋เสี่ยวเฉิน… ในเมื่อเจ้าไม่ให้ข้าได้ดี ข้าก็จะไม่ให้เจ้าได้ในสิ่งที่เจ้าต้องการเช่นกัน !
ตอนนี้นางได้เปิดเผยแผนการของสองแม่ลูกต่อหน้าน้องสาวของอ๋องคังแล้วด้วยวิธีนี้ ไป๋หยานก็จะไม่สามารถแต่งงานกับอ๋องคังได้
พี่สาวฉู่พวกเขาจะมาถึงเมื่อไหร่ ?
ไป๋เสี่ยวเฉินไม่มีความสุขเลย เขาคิดถึงท่านอาจารย์ตา รวมถึงบิดาบุญธรรมของเขา
“ข้าเขียนจดหมายถึงพี่ชายของข้าแล้วหากเขารู้ว่าบิดาของเจ้าปรากฏตัว เขาจะต้องรีบมาอย่างแน่นอน” แววตาของฉู่อีอี้ทอประกาย หากพี่ชายของนางมาถึง ไป๋หยานจะไม่ถูกฉกตัวไปเป็นแน่
ไป๋เสี่ยวเฉินลังเลหากพ่อบุญธรรมของเขามา จะต่อสู้กับป๊ะป๋าวายร้ายของเขาหรือไม่นะ ?
แล้วเขาจะช่วยผู้ใดดี?
เพียงชั่วประเดี๋ยวในขณะที่เด็กน้อยกำลังยืนหน้ายุ่งอยู่ ร่างหนึ่งก็พุ่งเข้าหาเขาราวกับพายุ
หลังพายุสงบเขาก็เห็นหญิงสาวผมยุ่ง ๆ พุ่งตัวเข้ามาอุ้มเขา จากนั้นก็จูบแก้มเขา
ไป๋เสี่ยวเฉินทั้งสับสนทั้งหวาดกลัว
นัยน์ตาโตๆ ของเขาเบิกกว้าง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เข้าใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
”เจ้าทำอะไรน่ะ?” ฉู่อีอี้ขนหัวตั้ง นางรีบอุ้มไป๋เสี่ยวเฉินกลับ และจ้องหญิงสาวอีกคนด้วยความโกรธ “เจ้าเป็นใคร มาจากที่ใด กล้าดีอย่างไรมารังแกเสี่ยวเฉินของข้า ?”
หากเป็นก่อนหน้านี้ถูกฉู่อีอี้ปฏิบัติกับนางเช่นนี้ ตี้เสี่ยวอวิ๋นจะต้องลงมือต่อสู้กับฉู่อีอี้ด้วยความโกรธแค้นเป็นแน่
ทว่าตอนนี้สายตาของนางกลับจับจ้องอยู่ที่ไป๋เสี่ยวเฉิน อีกทั้งนัยน์ตาที่สวยงามของนางก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
”ชื่อของเจ้าก็คือเสี่ยวเฉินเหรอ ข้าเรียกเจ้าเช่นนั้นได้ใช่หรือไม่ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตาด้วยความประหลาดใจเขามองฉู่อีอี้อย่างงง ๆ เด็กน้อยไม่รู้จะทำตัวอย่างไร เพราะเขาเพิ่งเคยเจอสถานการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก !
ในขณะที่ฉู่อีอี้กำลังจะแสดงอาการโกรธแววตาของหญิงสาวที่จับจ้องเด็กน้อยในอ้อมแขนของนางก็แปรเปลี่ยนเป็นน่าสงสาร
”เฉินเอ๋อเจ้าไม่รู้จักข้าจริง ๆ เหรอ ?”
ยามนี้ไป๋เสี่ยวเฉินสับสนเต็มที่แล้ว
นี่เขาควรรู้จักนางหรือไม่นะ?
”ท่านน้า…”สีหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินแลดูยุ่งเล็กน้อย “ท่านจำคนผิดรึเปล่า ข้าไม่รู้จักท่านเลย … ”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นรู้สึกเศร้าใจจนอยากจะร้องไห้เพื่อที่จะได้พบกับหลานชายที่น่ารักของนาง กว่าจะตกลงกับท่านราชครูได้ กว่าผนึกแดนอสูรจะอ่อนกำลังลง
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นนางต้องทนทุกข์ทรมานมากมายเพียงใดตลอดหนทางที่ผ่านมา ? นางต้องเสี่ยงภัยเพียงใด ?
ทว่าที่สุดแล้วเขากลับไม่รู้จักนาง!
ครั้นเห็นน้ำตาที่เอ่อล้นดวงตาของตี้เสี่ยวอวิ๋นหัวใจของไป๋เสี่ยวเฉินพลันอ่อนยวบ “บางทีเราอาจเคยพบกันมาก่อน บางทีอาจเป็นเพราะเฉินเอ๋อความจำไม่ดีเลยลืมท่านไป น้าสาวช่วยเตือนความจำเฉินเอ๋อสักคำสองคำจะได้หรือไม่ ?
ตี้เสี่ยวอวิ๋นร้องไห้น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาทันทีนางป้ายเช็ดน้ำตา ขณะเอ่ยออกมาว่า
”เฉินเอ๋อข้าเป็นอาหญิงของเจ้า เจ้าลืมข้าได้อย่างไร ?”
คำๆ นี้ไม่ต่างกับสายฟ้าฟาดใส่ไป๋เสี่ยวเฉินตรง ๆ
ว่าแต่เขาจะลืมนางได้อย่างไร? ก็นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบนาง !
บทที่ 227 : ตี้เสี่ยวอวิ๋นเจอหลานเสี่ยวหยุน (1)
ผู้ที่งงงันยิ่งไปกว่าไป๋เสี่ยวเฉินก็คือฉู่อีอี้
นาง… กำลังถูกทำให้ขายหน้าใช่หรือไม่ ?
ครั้นนึกได้เช่นนั้นนางก็โมโห ใบหน้าที่งดงามของนางเปลี่ยนเป็นสีแดง “เจ้าพูดเรื่องอะไร ? เสี่ยวเฉินไม่ใช่หลานชายของเจ้า เขาเป็นหลานชายของข้าได้เท่านั้น เสี่ยวเฉิน ไม่ต้องเรียกข้าว่าพี่สาวแล้ว ต่อไปเรียกข้าว่าอาหญิงแทน”
ประโยคสุดท้ายนี้แน่นอนว่านางพูดกับไป๋เสี่ยวเฉิน จากนั้นนางก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองตี้เสี่ยวอวิ๋นด้วยสายตาหาเรื่อง
ใบหน้าของตี้เสี่ยวอวิ๋นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว”นี่ พี่ชายของข้าไปมีน้องสาวอีกคนตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”
ถึงตอนนี้ใบหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินเริ่มแดงเล็กน้อย เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “พี่สาวฉู่เป็นน้องสาวของพ่อบุญธรรมของข้า ไม่ใช่ป๊ะป๋าวายร้ายของข้า”
“ป๊ะป๋าวายร้ายชื่อนี้เหมาะสำหรับเขาอย่างยิ่ง” ตี้เสี่ยวอวิ๋นปัดมือฉู่อีอี้ออก นางหยิกแก้มไป๋เสี่ยวเฉินด้วยใบหน้าเปี่ยมความสุข ” ใบหน้าของเจ้าเหมือนกับพี่ชายของข้าตอนเขายังเด็กราวกับพิมพ์เดียว แต่เพราะเจ้าเป็นหลานชายของข้า เจ้าเลยมีไหวพริบ และมีมารยาทดีกว่าพี่ชายของข้า”
นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กที่ฉลาดอ่อนโยน และน่ารักคนนี้จะเป็นบุตรชายของพี่ชายที่น่ารังเกียจของนาง
ครั้นฉู่อีอี้เห็นเด็กสาวเพิกเฉยใส่นางซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง นางดึงไป๋เสี่ยวเฉินไปไว้ข้างหลัง จากนั้นก็เดินหน้าไปสองสามก้าว
”จะทำอะไร?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นจ้องมองฉู่อีอี้ หากแต่นางก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าโกรธเคือง “คืนหลานชายที่รักของข้ามานะ !”
“ข้าไม่ให้เจ้าจะทำอะไรได้ ?” ฉู่อีอี้กล่าวฮึ่มฮั่ม พลางเชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจ
หากดูแต่ภาพลักษณ์ภายนอกฉู่อีอี้กับตี้เสี่ยวอวิ๋นนั้นแตกต่างกัน
ฉู่อีอี้เป็นหญิงสาวที่สวยมีเสน่ห์ส่วนตี้เสี่ยวอวิ๋นแลดูน่ารักและงดงาม ทว่านิสัยของคนทั้งสองนั้นกลับคล้ายคลึงกันอย่างน่าประหลาดใจ พวกนางต่างก็เป็นคนที่ใครจะมากระตุ้นอารมณ์มิได้
เช่นนั้นเมื่อเห็นว่าฉู่อีอี้กำลังจะแย่งหลานของนางไป ใบหน้าของตี้เสี่ยวอวิ๋นก็เปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยว
”เจ้าอยากจะสู้กับข้าใช่หรือไม่? ได้เลย บอกมาเจ้าจะใช้อาวุธหรือมือเปล่า ? องค์หญิงคนนี้จะให้เจ้าลงมือก่อนสามครั้ง !”
ขณะนี้กลิ่นอายของหญิงสาวทั้งสองร้อนแรงขึ้นมันแผ่กระจายออกจากร่างของพวกนางอย่างรวดเร็ว กระทั่งทำให้บรรดาผู้คนโดยรอบกระจายตัวออกเป็นวงกว้าง
ไป๋เสี่ยวเฉินรู้สึกกังวลมากเขามองฉู่อีอี้ที ตี้เสี่ยวอวิ๋นที ไม่รู้ว่าจะอยู่ข้างฝ่ายไหนดี
ครั้นเห็นว่าพวกนางเริ่มลงมือไป๋เสี่ยวเฉินก็ร้องไห้ออกมา
การร้องไห้ของไป๋เสี่ยวเฉินช่วยสงบอารมณ์ที่รุนแรงของเด็กสาวทั้งสองพวกนางทั้งคู่ต่างก็เดินเข้าไปหาไป๋เสี่ยวเฉินพร้อมกัน
”เฮ้ไยเจ้าต้องผลักข้าด้วย !”
ชั่วขณะนั้นตี้เสี่ยวอวิ๋นก็ยื่นมือออกมาผลักฉู่อีอี้ กระทั่งฉู่อีอี้แทบกระเด็น
ตี้เสี่ยวอวิ๋นจ้องหน้า”ก็เขาเป็นหลานชายของข้า ข้าจะปลอบเขาเอง”
”เขาเป็นหลานชายของเจ้าตั้งแต่เมื่อไรกัน?” ฉู่อีอี้ตอบโต้ “เจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าไป๋หยานยังไม่ยอมรับพี่ชายของเจ้า ? ในทางตรงข้าม พี่ชายของข้าอยู่เคียงข้างนางมานานหลายปีย่อมมีความหวังมากกว่าอ๋องคัง”
นัยน์ตาของตี้เสี่ยวอวิ๋นเบิกกว้าง
จริงหรือนี่? พี่ชายของข้าไร้ประโยชน์ถึงเพียงนั้นเลยหรือ ? ถึงกับพ่ายแพ้ให้คนอื่นได้กระนั้นรึ ?
”ข้าไม่สนใจว่าพี่ชายของข้าจะเป็นเช่นไร? หากแต่ข้าเป็นอาหญิงแท้ ๆ ของเขา ความสัมพันธ์ทางสายเลือดไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้” ตี้เสี่ยวอวิ๋นเลิกคิ้วอย่างภาคภูมิใจ
ไม่ว่าพี่ชายของนางจะใช้ได้หรือไม่ได้ก็ตาม? อย่างไรเสียเฉินเอ๋อก็เป็นหลานชายของนาง และไป๋หยานก็เป็นพี่สะใภ้ของนาง นางย่อมมีความหวังมากกว่าพี่ชายของนาง
”ข้าคิดว่าหากไป๋หยานแต่งงานกับพี่ชายของข้าน่าจะดีกว่า เฉินเอ๋อชอบเงินมาก แล้วในวันหน้าทุกอย่างในตระกูลของข้าก็จะเป็นของพวกเขา !”
บทที่ 228 : ตี้เสี่ยวอวิ๋นเจอหลานเสี่ยวหยุน (2)
ครั้นเห็นหญิงสาวทั้งสองยังตกลงกันไม่ได้สักทีไป๋เสี่ยวเฉินก็เศร้าใจมาก
พวกนางไม่เห็นเขาร้องไห้หรอกหรือ? ไยถึงไม่มาปลอบใจเขาก่อน ?
”เฉินเอ๋อ”ทันทีที่ตี้เสี่ยวอวิ๋นได้ยินว่าไป๋เสี่ยวเฉินชอบเงิน นัยน์ตาของนางก็เป็นประกายขึ้นทันที นางปลดถุงเก็บของที่เอวของนางออก และวางลงในมือของไป๋เสี่ยวเฉิน “ทั้งหมดนี่เป็นสมบัติของตระกูลเรา แม้ว่าจะไม่ใช่เครื่องประดับทองหรือเงิน แต่หากเจ้านำไปขาย เชื่อว่าเจ้าจะได้รับเงินมากมายอย่างแน่นอน ตอนนี้ข้าให้เจ้าเป็นของรับขวัญวันแรกพบ”
ฉู่อีอี้ตาโตนางปลดถุงใส่ของของตนเองออกแล้วยัดลงในมือของไป๋เสี่ยวเฉินโดยไม่ลังเล
”นี่ของข้าข้าก็ให้เจ้าเช่นกัน”
ไป๋เสี่ยวเฉินสับสนอีกครั้งเขามองถุงเก็บของสองใบในมือตน โดยไม่รู้จะทำเช่นไร ?
”เจ้าคิดเทียบข้างั้นรึ?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นหัวเราะ นางผิวปาก ทันใดนั้นเองแสงสีขาวก็พาดผ่านข้ามขอบฟ้าพุ่งลงบนพื้นดิน
ปัง!
ครั้นพวกเขาหันกลับไปมองก็เห็นหงส์ขาวตกอยู่บนพื้น ขนขาว ๆ เปล่งประกายล้อแสงตะวัน มันแลดูงดงามมาก งดงามเสียจนผู้คนไม่อาจละสายตาได้
”หงส์ขาวนี่ข้าจับมาได้ระหว่างทาง ข้าคิดว่าเฉินเอ๋อยังไม่มีพาหนะ เช่นนั้นก็ให้หงส์ขาวนี่เป็นพาหนะของเจ้าแล้วกัน !” ตี้เสี่ยวอวิ๋นลูบหัวหงส์ขาว “แม้ว่าหงส์ขาวจะอยู่ระดับต่ำสุดในวงศ์หงส์ ทว่าข้าไม่พบหงส์อื่น ๆ ที่มีระดับสูงกว่านี้แถวนี้เลย เช่นนั้น เอาไว้ข้าจะเปลี่ยนตัวใหม่ให้เจ้าในภายหลังหากข้ามีโอกาส”
ให้หงส์ขาว? เป็นพาหนะ ?
ครั้นมองใบหน้าที่งดงามและน่ารักของหญิงสาวผู้ให้ ฝูงชนที่มุงอยู่โดยรอบเหล่านั้นต่างก็ตกตะลึง
แม้ว่าหงส์ขาวจะต่ำที่สุดในหมู่หงส์หากแต่มันก็เป็นเชื้อสายวงศ์หงส์ที่สูงส่ง นางจะส่งมันไปเป็นพาหนะได้อย่างไร ทั้งยังต้องการที่จะหามาเปลี่ยนให้เด็กน้อยในภายหลังอีก
ฉู่อีอี้ตกใจนางสามารถมอบสมบัติของตระกูลนางให้ไป๋เสี่ยวเฉินได้ แต่นางไม่สามารถทำให้สัตว์อสูรเชื่องได้ อย่าว่าแต่หงส์ขาวเลย ฝึกนกนางก็ยังไม่สามารถทำได้
”อาหญิงพี่สาวฉู่ หม่ามี้ของข้าสอนข้าว่า ลูกผู้ชายรักเงินได้ แต่ต้องรู้วิธีที่จะได้มันมา ถึงแม้ว่าเฉินเอ๋อจะรักเงิน แต่เฉินเอ๋อก็รับของที่พวกท่านให้ไม่ได้”
ไป๋เสี่ยวเฉินมองถุงเก็บของสองถุงด้วยสายตาไม่เต็มใจเขายื่นคืนใส่มือฉู่อีอี้และตี้เสี่ยวอวิ๋น
ครั้นเห็นใบหน้าที่ผิดหวังของตี้เสี่ยวอวิ๋นไป๋เสี่ยวเฉินก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวต่อว่า “แต่เฉินเอ๋อ ก็ไม่ปฏิเสธของรับขวัญวันแรกพบที่ได้รับจากอาหญิง เฉินเอ๋อแค่ไม่อยากได้ของประจำตระกูล เพียงขอรับหงส์ขาวนั่นแทน”
แท้จริงแล้วหากเขาต้องการหงส์ขาว มารดาของเขาก็สามารถจับมันมาให้ได้ ทว่าเขาก็ทนไม่ได้ที่จะปฏิเสธตี้เสี่ยวอวิ๋น นั่นเป็นสาเหตุที่เขายอมรับหงส์ขาว
ตี้เสี่ยวอวิ๋นยิ้มนางไม่ลืมมองเยาะฉู่อีอี้ ขณะที่ฉู่อีอี้เองก็มองกลับอย่างเย่อหยิ่ง และดุดัน
ทว่านางเพียงจ้องมองตี้เสี่ยวอวิ๋นด้วยสายตาเช่นนั้นหากแต่เมื่อนางหันกลับไปที่ไป๋เสี่ยวเฉินแววตาของนางก็แลดูเว้าวอนน่าสงสาร
“พี่สาวฉู่”ไป๋เสี่ยวเฉินกล่าวพร้อมรอยยิ้มไร้เดียงสาบนใบหน้า “เฉินเอ๋อยังชอบพี่สาวฉู่กับพ่อบุญธรรมเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าเฉินเอ๋อจะคืนของขวัญของท่าน บทที่ 228 : ตี้เสี่ยวอวิ๋นเจอหลานเสี่ยวหยุน (2)
ครั้นเห็นหญิงสาวทั้งสองยังตกลงกันไม่ได้สักทีไป๋เสี่ยวเฉินก็เศร้าใจมาก
พวกนางไม่เห็นเขาร้องไห้หรอกหรือ? ไยถึงไม่มาปลอบใจเขาก่อน ?
”เฉินเอ๋อ”ทันทีที่ตี้เสี่ยวอวิ๋นได้ยินว่าไป๋เสี่ยวเฉินชอบเงิน นัยน์ตาของนางก็เป็นประกายขึ้นทันที นางปลดถุงเก็บของที่เอวของนางออก และวางลงในมือของไป๋เสี่ยวเฉิน “ทั้งหมดนี่เป็นสมบัติของตระกูลเรา แม้ว่าจะไม่ใช่เครื่องประดับทองหรือเงิน แต่หากเจ้านำไปขาย เชื่อว่าเจ้าจะได้รับเงินมากมายอย่างแน่นอน ตอนนี้ข้าให้เจ้าเป็นของรับขวัญวันแรกพบ”
ฉู่อีอี้ตาโตนางปลดถุงใส่ของของตนเองออกแล้วยัดลงในมือของไป๋เสี่ยวเฉินโดยไม่ลังเล
”นี่ของข้าข้าก็ให้เจ้าเช่นกัน”
ไป๋เสี่ยวเฉินสับสนอีกครั้งเขามองถุงเก็บของสองใบในมือตน โดยไม่รู้จะทำเช่นไร ?
”เจ้าคิดเทียบข้างั้นรึ?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นหัวเราะ นางผิวปาก ทันใดนั้นเองแสงสีขาวก็พาดผ่านข้ามขอบฟ้าพุ่งลงบนพื้นดิน
ปัง!
ครั้นพวกเขาหันกลับไปมองก็เห็นหงส์ขาวตกอยู่บนพื้น ขนขาว ๆ เปล่งประกายล้อแสงตะวัน มันแลดูงดงามมาก งดงามเสียจนผู้คนไม่อาจละสายตาได้
”หงส์ขาวนี่ข้าจับมาได้ระหว่างทาง ข้าคิดว่าเฉินเอ๋อยังไม่มีพาหนะ เช่นนั้นก็ให้หงส์ขาวนี่เป็นพาหนะของเจ้าแล้วกัน !” ตี้เสี่ยวอวิ๋นลูบหัวหงส์ขาว “แม้ว่าหงส์ขาวจะอยู่ระดับต่ำสุดในวงศ์หงส์ ทว่าข้าไม่พบหงส์อื่น ๆ ที่มีระดับสูงกว่านี้แถวนี้เลย เช่นนั้น เอาไว้ข้าจะเปลี่ยนตัวใหม่ให้เจ้าในภายหลังหากข้ามีโอกาส”
ให้หงส์ขาว? เป็นพาหนะ ?
ครั้นมองใบหน้าที่งดงามและน่ารักของหญิงสาวผู้ให้ ฝูงชนที่มุงอยู่โดยรอบเหล่านั้นต่างก็ตกตะลึง
แม้ว่าหงส์ขาวจะต่ำที่สุดในหมู่หงส์หากแต่มันก็เป็นเชื้อสายวงศ์หงส์ที่สูงส่ง นางจะส่งมันไปเป็นพาหนะได้อย่างไร ทั้งยังต้องการที่จะหามาเปลี่ยนให้เด็กน้อยในภายหลังอีก
ฉู่อีอี้ตกใจนางสามารถมอบสมบัติของตระกูลนางให้ไป๋เสี่ยวเฉินได้ แต่นางไม่สามารถทำให้สัตว์อสูรเชื่องได้ อย่าว่าแต่หงส์ขาวเลย ฝึกนกนางก็ยังไม่สามารถทำได้
”อาหญิงพี่สาวฉู่ หม่ามี้ของข้าสอนข้าว่า ลูกผู้ชายรักเงินได้ แต่ต้องรู้วิธีที่จะได้มันมา ถึงแม้ว่าเฉินเอ๋อจะรักเงิน แต่เฉินเอ๋อก็รับของที่พวกท่านให้ไม่ได้”
ไป๋เสี่ยวเฉินมองถุงเก็บของสองถุงด้วยสายตาไม่เต็มใจเขายื่นคืนใส่มือฉู่อีอี้และตี้เสี่ยวอวิ๋น
ครั้นเห็นใบหน้าที่ผิดหวังของตี้เสี่ยวอวิ๋นไป๋เสี่ยวเฉินก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวต่อว่า “แต่เฉินเอ๋อ ก็ไม่ปฏิเสธของรับขวัญวันแรกพบที่ได้รับจากอาหญิง เฉินเอ๋อแค่ไม่อยากได้ของประจำตระกูล เพียงขอรับหงส์ขาวนั่นแทน”
แท้จริงแล้วหากเขาต้องการหงส์ขาว มารดาของเขาก็สามารถจับมันมาให้ได้ ทว่าเขาก็ทนไม่ได้ที่จะปฏิเสธตี้เสี่ยวอวิ๋น นั่นเป็นสาเหตุที่เขายอมรับหงส์ขาว
ตี้เสี่ยวอวิ๋นยิ้มนางไม่ลืมมองเยาะฉู่อีอี้ ขณะที่ฉู่อีอี้เองก็มองกลับอย่างเย่อหยิ่ง และดุดัน
ทว่านางเพียงจ้องมองตี้เสี่ยวอวิ๋นด้วยสายตาเช่นนั้นหากแต่เมื่อนางหันกลับไปที่ไป๋เสี่ยวเฉินแววตาของนางก็แลดูเว้าวอนน่าสงสาร
“พี่สาวฉู่”ไป๋เสี่ยวเฉินกล่าวพร้อมรอยยิ้มไร้เดียงสาบนใบหน้า “เฉินเอ๋อยังชอบพี่สาวฉู่กับพ่อบุญธรรมเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าเฉินเอ๋อจะคืนของขวัญของท่าน แต่ไม่ว่าหม่ามี้ของเฉินเอ๋อจะเลือกใคร สุดท้ายแล้วท่านก็เป็นญาติสนิทของเฉินเอ๋อเสมอ”
ช่างเป็นเด็กที่คิดดีมีเหตุผลจริงๆ
ฝูงชนที่อยู่โดยรอบอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
ประการแรกลูกผู้ชายแม้จะรักเงินก็ต้องทำให้ถูกต้อง นั่นทำให้คนเหล่านั้นรู้ได้ว่า ไป๋เสี่ยวเฉินได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี แล้วเขายังไม่ลืมที่จะปลอบโยนคนอื่นอีก เด็กคนนี้ฉลาดมากจริง ๆ ไม่รู้ว่าเหตุใดคนบางคนถึงใจร้ายพอที่จะทำร้ายเขาได้
บางคนถอนหายใจในใจหากแต่บางคนก็พูดออกมาโต้ง ๆ
“ไป๋หยานอบรมบุตรชายของนางได้ดีมากโดยที่นางไม่ต้องป่าวประกาศเหมือนกับบ้านสกุลไป๋ นอกจากนี้ตระกูลไป๋ยังเกือบจะขายเด็กฉลาดเช่นนี้ แต่ครั้นเด็กน้อยปฏิเสธก็คิดจะจุดไฟเผาเขาซะอีก”
บทที่ 229 : ตี้เสี่ยวอวิ๋นเจอหลานเสี่ยวหยุน (3)
ตี้เสี่ยวอวิ๋นที่ต้องการจะทะเลาะกับฉู่อีอี้พลันเปลี่ยนอาการเป็นดุดันทันทีที่ได้ยินเสียงสนทนาจากฝูงชน
”อะไรนะขายหลานชายของข้า? อีกทั้งยังวางเพลิงเขา ?
ตัวตนที่แท้จริงของหลานนางนั้นสูงส่งเพียงใด? เขาเป็นถึงองค์ชายแห่งดินแดนอสูรนะ ? ผู้ใดกล้าขายเขา ?
ทันทีที่พูดถึงเรื่องนี้ฉู่อีอี้ก็กัดฟันกล่าวว่า “ยิ่งไปกว่านั้น คนเหล่านั้น ยังเคยขายไป๋หยานไปเป็นอนุชายคนหนึ่งเพื่อแลกกับยาเม็ดระดับสาม หากมิใช่เพราะไป๋หยานหนีได้ทัน ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะเสี่ยวเฉินจะได้เกิดหรือไม่ ?”
”มีเรื่องเช่นนี้ด้วยกระนั้นหรือ?”
พี่สะใภ้ของนางคือภรรยาของพี่ใหญ่ของนางผู้ยิ่งใหญ่แห่งดินแดนอสูรผู้ใดกล้าทำเรื่องเลวร้ายเช่นนั้นกับนาง ? ไม่ให้เกียรติดินแดนอสูรของเราเลยกระนั้นหรือ ?
อย่างไรก็ตามยามนี้ด้วยความโมโห ตี้เสี่ยวอวิ๋นลืมไปว่าไม่มีผู้ใดล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของไป๋หยานและไป๋เสี่ยวเฉิน เช่นนั้นพวกเขาจะไม่ให้เกียรติดินแดนอสูรของนางได้อย่างไร ?
”แน่นอน! บ้านสกุลไป๋นั่นน่ารังเกียจมากจริง ๆ ! ในครานั้นพี่สะใภ้ของข้าต้องพาเสี่ยวเฉินเดินทางเร่ร่อนไปทั่วตามลำพัง ไม่รู้ว่านางต้องได้รับความทุกข์ทรมานมากเพียงใด ครั้งที่พ่อบุญธรรมของเสี่ยวเฉินพาแม่ลูกคู่นี้กลับมา ร่างกายของไป๋หยานเสียหายยับเยิน”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นถูกตามใจตั้งแต่เด็กทั้งไม่เคยได้รับความลำบากใด ๆ เลย เมื่อนางนึกถึงภาพความทุกข์ยากในคืนวันที่ผ่านมาของไป๋หยาน และไป๋เสี่ยวเฉิน นางก็คัดจมูกราวกับกำลังจะร้องไห้
ต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดนี้มาจากคนที่ทำร้ายพวกเขา!
“ประเดี๋ยวนะเจ้าพูดว่ากระไรนะ ? ไยชื่อตระกูลนี้จึงฟังคุ้นหูจังเลย” ตี้เสี่ยวอวิ๋นขมวดคิ้วด้วยความสับสน
ฉู่อีอี้ทำสายตาเหยียดหยาม”แม่เสี่ยวเฉินแซ่ไป๋”
”ไม่…ไม่น่าเป็นไปได้!” ตี้เสี่ยวอวิ๋นนึกไม่ออก แต่แล้วเมื่อนางเห็นไป๋จื่อยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางฝูงชน นางก็นึกขึ้นได้ทันที “นั่นไง นางมารร้ายนั่น เมื่อครู่นี้นางพยายามหลอกข้า !”
หญิงสารเลวนี่ไม่เพียงแต่บอกว่ารู้จักพี่ชายของนางเท่านั้น ทว่ายังใส่ร้ายพี่สะใภ้ และหลานชายของนางให้นางฟังอีก นี่คงคิดว่านางเป็นคนงี่เง่ามากสินะ ?
ฉู่อีอี้มองตามสายตาของตี้เสี่ยวอวิ๋นทันใดนั้นนางก็เห็นไป๋จื่อยืนงงงวยอยู่ท่ามกลางฝูงชน นัยน์ตาของพวกนางเต็มไปด้วยความโกรธ
”นางชั่วนี่ยังกล้าออกมาเสนอหน้าภายนอกอีกหรือ? ไป๋หยานถูกนางรังแกตั้งแต่อยู่ที่บ้านสกุลไป๋เลยนะ !”
ว่ากันว่าต่อให้เกลียดชังกันเพียงใด หากมีศัตรูคนเดียวกันแล้ว เราก็จะแบ่งปันความเกลียดชังร่วมกันได้
ยามนี้ฉู่อีอี้และตี้เสี่ยวอวิ๋นก็เป็นเช่นนั้น!
ยามนี้ไป๋จื่อยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนนัยน์ตาของนางมีแต่ความงงงัน นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดเรื่องจึงกลับกลายเป็นเช่นนี้ ?
แม่นางตี้ควรจะฉีกร่างเด็กนอกคอกนั่นด้วยมือของนางมิใช่รึ? เหตุใดจึงกลับกลายเป็นว่านางจำเขาได้ล่ะ ?
เป็นเพราะไป๋จื่อนึกอะไรไม่ออกทำให้นางพลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการหลบหนี
ครั้นนางกลับมารู้สึกตัวนางก็ต้องการที่จะหนี นางเห็นตี้เสี่ยวอวิ๋น และฉู่อีอี้อี้ก้าวเข้ามาหานางอย่างดุดันด้วยท่าทางคุกคาม ทำให้นางต้องกลืนน้ำลายหนัก ๆ
”แม่นางตี้เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เขาไม่ได้เป็นบุตรชายของอ๋องคัง”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นเตะไป๋จื่อล้มลงกับพื้นจากนั้นก็กระทืบอย่างแรง
”เจ้าคิดว่าข้าโง่เง่ามากนักหรือ? ถึงจะจำหลานชายของตัวเองไม่ได้น่ะ”
ตลกสิ้นดี!
ไม่ว่าตี้เสี่ยวอวิ๋นจะโง่เง่าสักเพียงใดนางก็จำหลานชายของนางได้ !
”ข้า… ”
ไป๋จื่อเพียงอยากจะอธิบายสักคำสองคำฉู่อีอี้ก็เข้ามาเตะที่กระดูกสันหลังของนาง จนนางต้องกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
”อีอี้กำลังทำอะไรอยู่น่ะ ?”
ทันใดนั้นเองน้ำเสียงที่คุ้นเคยก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่ง
ฉู่อีอี้หันกลับไปมองนางเห็นหลานเสี่ยวหยุนเดินออกมาจากกลุ่มฝูงชน พร้อมด้วยสุนัขจิ้งจอกสีแดงในอ้อมแขน
บทที่ 230 : ตี้เสี่ยวอวิ๋นเจอหลานเสี่ยวหยุน (4)
บางทีอาจเป็นเพราะนางอยากโชว์สัตว์อสูรตัวใหม่ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางจึงแดงก่ำเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ครั้นนางเห็นไป๋จื่อกองอยู่กับพื้น นัยน์ตาของนางก็วาวโรจน์
”เจ้ากำลังทุบตีไป๋จื่อหรอกหรือ? เช่นนั้นข้าขอร่วมด้วยจะได้หรือไม่ ?” นางถูมืออย่างตื่นเต้น นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความหวัง
ตี้เสี่ยวอวิ๋นกำลังงงหญิงสาวผู้นี้มาจากที่ใดอีก ?
ฉู่อีอี้กวาดตามองตี้เสี่ยวอวิ๋นแม้ว่านางจะไม่ชอบหญิงสาวที่ต้องการจะพาเสี่ยวเฉินไปจากนาง แต่นางก็อธิบายว่า “นางคือลูกพี่ลูกน้องของไป๋หยาน”
ลูกพี่ลูกน้องของพี่สะใภ้? ก็เป็นคนกันเองใช่หรือไม่ ?
นัยน์ตาของตี้เสี่ยวอวิ๋นสว่างไสวนางจับมือของหลานเสี่ยวหยุนอย่างกระตือรือร้น “ลูกพี่ลูกน้อง เชิญเข้าร่วมการทุบตีครั้งนี้ จัดการนางตามใจชอบได้เลย”
ไป๋จื่อแทบกระอักเลือดอะไรที่บอกว่าเชิญตามใจชอบ นี่ตี้เสี่ยวอวิ๋นคิดว่านางเป็นตัวอะไร ?
หากเปรียบเทียบกันแล้วหลานเสี่ยวหยุนกลับตกใจในความกระตือรือร้นของตี้เสี่ยวอวิ๋นมากกว่า นี่นางกลายเป็นลูกพี่ลูกน้องของหญิงผู้นี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
เหตุใดนางจึงไม่รู้?
”พวกเจ้าพอได้แล้ว! ข้า … ”
ไป๋จื่อยังกล่าวไม่ทันจบฝ่าเท้าก็เหยียบลงบนใบหน้าของนาง ยุติถ้อยคำที่เหลือของนาง
”ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าพูด?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นฮึดฮัด “ข้ายังมิได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย เจ้ายังกล้าพูดอีกกระนั้นรึ ? หรือเจ้ากลัวว่าข้าจะลืมเจ้า ?”
ฉู่อีอี้รู้สึกดีมากที่ได้เห็นตี้เสี่ยวอวิ๋นลงมือเช่นนั้นนัยน์ตาของนางเผยรอยยิ้มที่น่ากลัว “ไป๋จื่อ เจ้าก็มีวันนี้ด้วย ! แต่ข้ายังตีเจ้าไม่พอเลย เช่นนั้นมาสนุกกันต่อนะ !
”อึ๊ก!”
ไป๋จื่อร้องไห้สะอึกสะอื้นทว่าไร้สุ้มเสียงนัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา และความสิ้นหวัง หัวใจของนางถูกความเสียใจกัดเซาะ
พลังการต่อสู้ของหญิงสาวทั้งสามมิได้ต่ำต้อยเลยไป๋จื่อไม่สามารถแม้แต่จะร้องไห้ ทำได้เพียงรองรับการเตะของพวกนางนิ่ง ๆ กระทั่งซี่โครงหัก
”เจ้ายังกล้าหลอกข้าทำราวกับว่าข้าโง่อีกไหมฮะ !” สิ่งที่ตี้เสี่ยวอวิ๋นเกลียดที่สุดก็คือการถูกหลอก
ครั้งที่นางอยู่ในดินแดนอสูรนางถูกหลอกอยู่บ่อยครั้ง โชคดีที่ยามนั้นพี่ชายของนาง และท่านราชครูคอยดูแลนาง พวกเขาไม่ปล่อยให้นางต้องเสียหายมากจนเกินไป
”ท่านอาหญิง”ไป๋เสี่ยวเฉินเดินไปที่ด้านข้างของตี้เสี่ยวอวิ๋น พร้อมกับดึงแขนเสื้อของนาง “เกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ ? ท่านรู้จักไป๋จื่อได้อย่างไร ?”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นอ้าปากพลางเล่าว่าเกิดสิ่งใดบ้างเมื่อครู่ หลังจากนั้นนางก็ขยับเท้าของนางเตะร่างของไป๋จื่อต่อ
ไป๋เสี่ยวเฉินเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจนางเป็นน้องสาวของป๊ะป๋าวายร้ายจริง ๆ ใช่หรือไม่ ? ใช่แน่นะ ?
จิ้งจอกต้องฉลาดแกมโกงอีกทั้งร้ายกาจเหตุใดอาหญิงของเขาจึงโง่ถึงเพียงนี้ได้ ?
”เฉินเอ๋อนี่อาหญิงของเจ้าเหรอ ?” หลานเสี่ยวหยุนกระพริบตาจ้องมองตี้เสี่ยวอวิ๋นด้วยความใคร่รู้
นางสวยจริงๆ ทว่าด้วยบุคลิกของนาง ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่า นางจะเป็นน้องสาวของอ๋องคัง !
“แน่นอนข้าเป็นอาหญิงของเสี่ยวเฉิน !” ตี้เสี่ยวอวิ๋นเท้าสะเอว “มันเป็นเรื่องจริง ข้าเดินทางรอนแรมมาก็เพื่อพบพี่สะใภ้และหลานชายของข้า”
หลานเสี่ยวหยุนนิ่งงัน”เช่นนั้นเจ้าไม่ไปพบพี่ชายของเจ้าก่อนกระนั้นหรือ ?”
”เอ่อ…” ตี้เสี่ยวอวิ๋นมีสีหน้ายุ่ง นางคิด ก่อนจะตอบอย่างตรงไปตรงมา “หากบังเอิญพบเขาก็ดี แต่ไม่พบก็ได้ มิใช่เรื่องสำคัญสักหน่อย”
ไป๋เสี่ยวเฉินสับสนอีกครั้งตกลงพี่น้องคู่นี้ผิดปกติหรือเปล่า ?
คราก่อนป๊ะป๋าวายร้ายจะโยงอาหญิงแล้วตีนางตอนนี้อาหญิงบอกว่าไม่ได้พบป๊ะป๋ามานานหลายปี เมื่อนางมาที่นี่ กลับบอกว่า หากบังเอิญพบเขาก็ดี แต่ไม่พบก็ได้ มิใช่เรื่องสำคัญ เช่นนี้ไม่ผิดปกติไปหน่อยหรือ ?