จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 241-245
บทที่ 241 : เริ่มคุ้นเคยกับพฤติกรรมเช่นนี้แล้ว (1)
ฉู่อีอี้คิดขึ้นมาได้“ข้าจำได้ว่า หนานกงหลินเกิดวันเดียวกับเสี่ยวเฉิน อีกทั้งเสี่ยวเฉินก็มีความสามารถในการควบคุมสัตว์อสูรหลากหลายชนิดได้มาตั้งแต่เด็ก หรือแท้จริงแล้วหนานกงหลินขโมยความสามารถของเสี่ยวเฉินไปแอบอ้าง ?”
หากเป็นเช่นนั้นก็ใช้ไม่ได้เลย
“พี่สะใภ้ข้าจะไม่ยอมให้อภัยพวกสารเลวนั่นเด็ดขาด ข้าขอใช้เกียรติของราชวงศ์สัตว์อสูรเป็นประกัน”
ในวันที่พี่ชายนางถือกำเนิดก็มีปรากฏการณ์ที่สรรพสัตว์นับหมื่นกระทำเช่นเดียวกันนี้ ดังนั้นเมื่อเหล่าสรรพสัตว์รับรู้ถึงการกำเนิดของหลานชายนาง แล้วมาแสดงความเคารพก็ย่อมเป็นเรื่องสมเหตุสมผล
หนานกงหลินสำคัญอะไร? เขาก็เป็นเพียงคนธรรมดา ๆ เหตุใดสัตว์อสูรในแดนอสูรของนางจึงต้องนมัสการ
ตี้เสี่ยวอวิ๋นยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหหากครอบครัวของหนานกงอี้อยู่ตรงหน้านาง นางคงอดไม่ได้ที่จะบีบคอพวกเขา !
“เสี่ยวอวิ๋นข้ามีเรื่องหนึ่งที่ไม่เข้าใจ” ฉู่อีอี้เอ่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว “การถือกำเนิดของเสี่ยวเฉิน เกี่ยวอะไรกับราชวงศ์สัตว์อสูร แล้วเจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ?
“ข้าต้องรู้แน่นอนเพราะว่า เสี่ยวเฉิน คือ…”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นกำลังจะอ้าปากอธิบายทว่าจู่ ๆ ก็มีมือ ๆ หนึ่งเอื้อมมาปิดปากนางไว้
“อู้อี้…”นางยังพยายามจะพูด หากแต่ก็ไม่สามารถดิ้นหลุดจากมือนั่นได้ นางจึงทำได้เพียงกรอกตาไปมา ขณะมองไปที่ไป๋หยาน
ไป๋หยานมองตี้เสี่ยวอวิ๋นด้วยสายตาเย็นชา “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น”
นัยน์ตาของตี้เสี่ยวอวิ๋นเบิกกว้างด้วยความสงสัยนางไม่เข้าใจความหมายของไป๋หยาน
“เจ้าไม่ควรพูดอะไรเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของเฉินเอ๋อ”ไป๋หยานก้มลงกระซิบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
ครั้นได้ยินแล้วตี้เสี่ยวอวิ๋นก็พยักหน้า
ไป๋หยานจึงคลายมือออก
แม้แต่ไป๋เซียวเองก็ยังไม่เคยรู้ตัวตนที่แท้จริงของเฉินเอ๋อเลยมิใช่เพราะนางไม่เชื่อใจเขา ทว่าเรื่องพวกนี้อาจนำปัญหาใหญ่มาให้พวกนางได้
“ไป๋หยานเจ้ากำลังปิดบังอะไรข้าอยู่ ?” ฉู่อีอี้เอ่ยปากถามอย่างเศร้า ๆ พร้อมกับเม้มปาก
“อีอี้มีบางเรื่องที่ในตอนนี้ข้ายังบอกเจ้าไม่ได้” ไป๋หยานยิ้มเจื่อน ๆ
ครั้นไป๋หยานเงยหน้าขึ้นนางก็เห็นหนุ่มน้อยในชุดขาวราวหิมะผู้หนึ่งเดินเข้ามา เขาค่อย ๆ ก้าวย่างเข้ามาอย่างช้า ๆ แลดูนุ่มนวล นางจึงกล่าวทักว่า “เซียวเอ๋อ กลับมาแล้วเหรอ ? เด็กหนุ่มที่เจ้าช่วยไว้คนนั้นเป็นยังไงบ้าง ?”
หลายวันก่อนไป๋เซียวได้ช่วยชีวิตเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เป็นเหตุให้เขาต้องเอายาเม็ดที่ไป๋หยานให้ออกมา และยาเม็ดนั่นก็ดึงดูดพวกเสือหิวหมาป่าโหยเหล่านั้น
ไป๋เซียวเล่าให้พี่สาวฟังว่าครั้งที่ไป๋หยานหายตัวไปโดยไม่ร่ำลานั้น เขาก็ออกตามหานาง กระทั่งเกือบตายเพราะอุบัติเหตุ หากไม่ได้เพื่อนคนนี้ช่วยไว้ เขาคงไม่อาจรอดชีวิตกลับมาพบนางแล้ว
“พี่ใหญ่ตอนนี้เขาหายดีแล้ว” ใบหน้าที่เฉยชาของไป๋เซียวเริ่มมีรอยยิ้ม เขาหันไปทางตี้เสี่ยวอวิ๋น “แม่นางคนนี้คือ…”
เขารู้จักฉู่อีอี้แล้วทว่าตี้เสี่ยวอวิ๋นยังเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขา จึงทำให้เขาต้องเอ่ยปากถาม
“น้องสาวของอ๋องคัง”ไป๋หยานยิ้ม
ตี้เสี่ยวอวิ๋นขยับปากเอ่ยว่า“ข้าหวังว่า ท่านจะแนะนำว่า ข้าเป็นอาหญิงของเสี่ยวเฉินมากกว่า”
อาหญิงของเฉินเอ๋องั้นรึ?
นัยน์ตาของไป๋เซียวเต็มไปด้วยความประหลาดใจทว่าก็เพียงชั่วขณะ เขายิ้มพลางกล่าวว่า “ข้าชื่อไป๋เซียว ไป๋หยานเป็นพี่สาวของข้า”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นยิ้มนางก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมกับยื่นมือขึ้นตบบ่าของไป๋เซียวเบาๆ “เซียวเอ๋อ เจ้าคือน้องชายของพี่สะใภ้ข้า ย่อมแปลว่า เจ้าเป็นน้องชายของข้าด้วย นับจากนี้ไป พี่สาวจะปกป้องเจ้าเอง เจ้าจะไปที่ใดก็ได้ทุกที่ จะไม่มีผู้ใดกล้ารังแกเจ้า”
ไป๋เซียวนิ่งอึ้งเขาเงยหน้าขึ้นมองไป๋หยานด้วยความประหลาดใจ เด็กสาวผู้นี้เต็มไปด้วยความอบอุ่น กระทั่งคนเคร่งขรึมเช่นเขารับมือไม่ถูกเลยทีเดียว
บทที่ 242 : เริ่มคุ้นเคยกับพฤติกรรมเช่นนี้แล้ว (2)
“ตี้เสี่ยวอวิ๋น!” ฉู่อีอี้ยกมือขึ้นเท้าสะเอวขณะเดินไปข้างหน้า นางจ้องมองตี้เสี่ยวอวิ๋นด้วยนัยน์ตากลมโตของนาง “ข้าจะดูแลเซียวเอ๋อเอง เจ้าไม่ต้องยุ่งหรอก”
”เซียวเอ๋อกับข้าเป็นครอบครัวเดียวกันเจ้าน่ะเป็นเพียงคนนอก”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นเชิดคางขึ้นอย่างภาคภูมิพลางกล่าวอย่างภูมิใจ
”เจ้า… ” ใบหน้าสวย ๆ ของฉู่อีอี้เปลี่ยนเป็นสีแดง นางยื่นมือออกมาดึงตัวไป๋เซียวออกจากข้างกายของตี้เสี่ยวอวิ๋น ไปไว้ที่หลังของนาง จากนั้นนางก็ยืนกันท่าอยู่ตรงหน้าเขา “เจ้าเป็นคนดื้อรั้นจริง ๆ เจ้าทำให้เซียวเอ๋อตกใจแล้วนะ”
ไป๋เซียวยืนนิ่งอยู่ด้านหลังฉู่อีอี้ทันใดนั้นเขาก็หันไปมองไป๋หยานอย่างงงงวย เขาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ?
ใบหน้าของไป๋หยานเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ”ฉู่อีอี้ ตี้เสี่ยวอวิ๋น เจ้าทั้งสองต้องการออกไปจากที่นี่ใช่หรือไม่ ?”
ประโยคนี้ทำให้สีหน้าท่าทางของหญิงสาวทั้งสองแปรเปลี่ยนไปอย่างมากพวกนางต่างก็ก้าวถอยหลังสองก้าวในทันที
ตี้เสี่ยวอวิ๋นยิ้มเจื่อนๆ “พี่สะใภ้ ข้าเพียงล้อเล่นกับอีอี้เท่านั้น ไม่มีอะไรหรอก พี่สบายใจได้”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น”ฉู่อีอี้รีบพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม นางวางมือลงบนไหล่ของตี้เสี่ยวอวิ๋น “เสี่ยวอวิ๋น เมื่อวานเจ้าขอให้ข้าพาเจ้าไปดื่มชาไม่ใช่เหรอ ? เช่นนั้นพวกเราไปกันเถอะ”
กล่าวจบฉู่อีอี้ก็จับมือของตี้เสี่ยวอวิ๋นวิ่งตื๋อไปที่ลานบ้าน โดยที่ไม่หันหัวกลับมามองอีก
ไป๋เซียวนิ่งงันก่อนจะถอนหายใจอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร
ในโลกนี้คาดว่าจะมีก็เพียงพี่สาวของเขาเท่านั้นที่สามารถทำให้ฉู่อีอี้เชื่อฟังได้
“เซียวเอ๋อ”ไป๋หยานหันไปหาไป๋เซียวพลางกล่าวว่า “ข้าไม่ได้ทดสอบความแข็งแกร่งของเจ้ามาก็หลายวันแล้ว ไปดูซิว่า เจ้ารุดหน้าแค่ไหนกัน ?”
”ดี”
ไป๋เซียวยิ้มชีวิตนี้ ขอเพียงได้อยู่เคียงข้างพี่สาวเขาก็พอใจแล้ว
เพียงไม่นานนักในขณะที่ไป๋หยานกำลังดูการร่ายรำเพลงดาบของไป๋เซียวอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่นั้น ลมหายใจที่คุ้นเคยพลันเป่ารดมาจากด้านหลัง
จากนั้นร่างของนางก็ถูกด้วยอ้อมแขนใหญ่ๆ กอดรัดทันที
บางทีนางอาจคุ้นเคยกับความเผด็จการของชายผู้นี้ไปแล้วในครั้งนี้ไป๋หยานจึงไม่ขัดขืน นางเลิกคิ้วพลางยิ้ม “กลับมาแล้วหรือ ?”
”อืม”ตี้คังกล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำ ๆ “ข้ากลับมาหลังจากได้รับจดหมายของเจ้า แล้วเด็กคนนั้นอยู่ไหนล่ะ ?
น้ำเสียงหงุดหงิดของชายหนุ่มทำให้ไป๋หยานยืนขึ้น นางหันกลับไปคว้าสาบเสื้อของตี้คังพลางกล่าว “ท่านลืมสิ่งที่ข้าฝากไปบอกท่านแล้วกระนั้นหรือ ?”
“เจ้าอยากช่วยนางงั้นหรือ?” ตี้คังหรี่ตาลง ประกายแสงอันตรายวาบผ่านนัยน์ตาของเขา
”ใช่…”
ไป๋หยานยิ้มเยาะ”ข้าต้องการช่วยนาง”
เพราะเมื่อเห็นตี้เสี่ยวอวิ๋นนางก็เหมือนเห็นเงาของไป๋เซียว
ครั้งนั้นไป๋เซียวเองก็คงเฝ้ารอคอยนางอย่างนี้เช่นกัน !
อ๋องคังมองต่ำลงเขาจับมือของนางที่คว้าสาบเสื้อของเขา ริมฝีปากของเขายกโค้ง รอยยิ้มแลดูอันตราย “ก็ได้นะ เจ้าช่วยนางครั้งหนึ่ง ข้าก็จะหลับนอนกับเจ้าครั้งหนึ่ง”
ครั้นเห็นชายหนุ่มพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉยไป๋หยานก็มือไม้สั่น กระทั่งเกือบจะปล่อยมือจากสาบเสื้อของเขา
”ไร้ยางอาย!”
นางกัดฟัน
“ข้าก็ไร้ยางอายกับเจ้าแต่เพียงผู้เดียว”อ๋องคังกอดไป๋หยานไว้ในอ้อมแขนพร้อมกันนั้นก็ก้มลงจูบริมฝีปากของนาง
ทางด้านไป๋เซียวทันทีที่เห็นอ๋องคังปรากฏตัว เขาก็เดินจากไปอย่างเงียบ ๆ ปล่อยคนทั้งสองไว้เพียงลำพัง
เช่นนั้นตอนนี้จึงเหลือเพียงอ๋องคังและไป๋หยานที่กำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม
แม้ว่าคนหนึ่งจะถูกบังคับจูบก็ตามที
”ไป๋หยานเจ้าวางยาพิษข้ารึเปล่า ?” อ๋องคังถอนริมฝีปากออก พลางกล่าวด้วยเสียงแหบห้าว “ตั้งแต่ข้าได้จูบครั้งแรก ข้าก็หลงใหลรสริมฝีปากของเจ้า”
บทที่ 243 : เริ่มคุ้นเคยกับพฤติกรรมเช่นนี้แล้ว (3)
นิ้วเรียวๆ ของตี้คังแตะที่ริมฝีปากแดง ๆ ของไป๋หยาน ความเย็นของปลายนิ้วทำให้นางสะดุ้ง จากนั้นนางก็ยิ้ม “อ๋องคัง นี่ท่านคงไม่ได้ตกหลุมรักข้าจริง ๆ หรอกนะ ?”
ตกหลุมรักนางงั้นรึ?
ตี้คังเงียบ…
เป็นเวลานานหลายปีแล้วที่เขาไม่เคยมีสตรีใดเข้าใกล้ตัวเขาได้เลย ทั้งยังไม่เคยหวั่นไหว หรือเข้าใจเรื่องความรักด้วย
แต่นับจากเขาได้ลิ้มรสนางเขาก็มีนางอยู่ในใจตลอดเวลา และเขาก็ได้รู้ว่าความรู้สึกหนึ่งวันเหมือนสามปีนั้นคืออะไร
หากแต่ตี้คังก็ยังไม่แน่ใจว่าสิ่งนี้จะสามารถพิสูจน์ได้หรือไม่ว่าเขาตกหลุมรักนาง ?
ครั้นได้เห็นสีหน้าที่นิ่งสงบของตี้คังไป๋หยานก็มองอย่างเย้ยหยัน นางผละออกจากอ้อมแขนของเขาพร้อมรอยยิ้ม
”อ๋องคังหากข้าจะแต่งงาน ข้าก็จะแต่งงานกับคนที่ข้ารักเขา และเขาก็รักข้าเท่านั้น ! ไยต้องมายุ่งวุ่นวายกับข้า ในเมื่อท่านไม่มีข้าอยู่ในหัวใจ ? ที่เป็นเช่นนั้นเพียงเพราะข้าเป็นแม่ของเฉินเอ๋อกระนั้นหรือ ?”
”ไม่เกี่ยวกับเฉินเอ๋อข้าอยากแต่งงานกับเจ้า เพราะเจ้าก็คือเจ้า”
เขาจะแต่งงานกับนางไม่ใช่เพราะนางเป็นใคร ?
แต่เพราะนางก็คือนาง
”หากท่านต้องการแต่งงานแล้วข้าก็ต้องอยากแต่งด้วยงั้นหรือ ?” นัยน์ตาของไป๋หยานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นางยืนกอดอก ส่งยิ้มให้ชายหนุ่มในอาภรณ์สีม่วงตรงหน้านาง
“เจ้าแต่งงานกับข้าได้เท่านั้นหากเจ้ากล้าที่จะแต่งงานกับคนอื่น ข้าจะหักขาพวกเขาซะ !” เสียงของชายผู้นี้ยังคงดื้อรั้นเฉกเช่นเคย เขาเลิกคิ้ว ริมฝีปากสีแดงของเขาจิก รอยยิ้มของเขาเย็นยะเยือก
”สำหรับเจ้า… ” อ๋องคังกดร่างไป๋หยานไม่ให้ขัดขืน นัยน์ตาเรียวคมขรึมลงเล็กน้อย “แม้ว่า ข้าอยากจะผูกมัดเจ้าไว้ตลอดชีวิต ทว่าข้าก็ไม่อาจทำร้ายเจ้าเช่นนั้นได้ ดังนั้นข้าก็จะคอยจับตาดูเจ้า หากมีชายใดกล้ามาตอแยเจ้า ข้าก็จะฆ่ามันซะ หากพบหนึ่งก็ฆ่าหนึ่ง หากพบสองก็ฆ่าสอง ดูสิว่ายังจะมีผู้ใดกล้ามาทำให้เจ้าสนใจได้อีก”
หัวใจของไป๋หยานสั่นสะท้านไอ้คนชั่วช้าลามกคนนี้นี่ !
รอให้พลังของนางแซงหน้าก่อนเถอะเมื่อถึงเวลานั้นนางจัดการเขาอย่างสาสมไร้ซึ่งความปรานีกันเลยทีเดียว !
”พี่สะใภ้!”
จู่ๆ เสียงก็ดังขึ้นจากด้านหน้า ดึงความคิดของไป๋หยานกลับมาทันที
ไป๋หยานเงยหน้าขึ้นจึงเห็นตี้เสี่ยวอวิ๋นสวมกระโปรงผ้าโปร่งสีเหลืองอ่อนวิ่งมาจากด้านนอกคฤหาสน์อย่างว่องไว ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางเป็นสีแดงสดใส นัยน์ตาของนางเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น อย่างไรก็ตาม ตี้เสี่ยวอวิ๋นที่เพิ่งวิ่งมาได้ไม่กี่ก้าว ก็ดูเหมือนจะรู้ว่าบรรยากาศโดยรอบผิดปกติ เช่นนั้นนางจึงชะงักทันที
เบื้องหน้าสายตาของนางก็คือร่างในอาภรณ์สีม่วงเส้นผมสีเงินแวววาว
ใบหน้าของชายผู้นั้นแลดูมืดมนขณะที่จ้องมองเด็กสาวผู้ซึ่งกำลังมองมาอย่างเย็นชา ความเย็นชาในดวงตาเรียวคมนั่นทำให้อุณหภูมิของลานบ้านลดลงเล็กน้อย
ตี้เสี่ยวอวิ๋นตกใจมากใบหน้าของนางแย่ยิ่งกว่ากินแมลงวันเข้าไป ลิ้นของนางพันกันจนพูดติดอ่าง
”พี่ชาย…ท่าน … เหตุใดท่านจึงอยู่ที่นี่ได้ ?”
ตี้คังยิ้ม
ยิ้มของเขาเป็นยิ้มที่น่ากลัวอย่างที่ไป๋หยานไม่เคยเห็นมาก่อน ขณะที่ตี้เสี่ยวอวิ๋นขาสั่นพั่บ ๆ
”ตี้! เสี่ยว ! อวิ๋น !”
ครั้นได้ยินคำเรียกชื่อด้วยการกัดฟันกล่าวนั่นจนจบตี้เสี่ยวอวิ๋นก็เกิดอาการแข้งขาอ่อนแรง นางทรุดนั่งลงกับพื้นดังปัง เห็นได้ชัดว่านางทุกข์ทรมานจากความหวาดกลัวอย่างรุนแรง
“พี่ชายข้าผิดไปแล้ว”
นางกลัวกระทั่งแทบร้องไห้นางไม่ได้พบพี่ชายของนางเป็นเวลานานหลายปี แต่เหตุใดถึงยิ่งกลัวเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ?
”เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าสร้างปัญหามากมายเพียงใด ?” “เพราะเจ้าทำลายผนึกตราประทับ ทำให้มีคนติดตามเจ้ามายังโลกนี้ ! ไหนเจ้าลองบอกมาสิว่า ข้าควรลงโทษเจ้า และท่านราชครูเช่นไร”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นกล่าวด้วยสีหน้าซีดขาว”พี่ชาย ข้าตัดสินใจทำเรื่องนี้ด้วยตนเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับท่านราชครู อย่าเอาผู้บริสุทธิ์มาข้องเกี่ยวด้วย”
ตี้คังยิ้มอย่างเย็นชา”หากมิใช่เขา เจ้าจะเปิดผนึกได้กระนั้นรึ ?”
”ข้า… ” เสียงของตี้เสี่ยวอวิ๋นอ่อนลงเล็กน้อย นางก้มศีรษะลงอย่างสำนึกผิด “หากพี่ต้องการจะลงโทษข้า ข้ายอมรับ แต่ท่านราชครูถูกข้าบังคับ อย่าทำอะไรเขาเลย”
บทที่ 244 : เริ่มคุ้นเคยกับพฤติกรรมเช่นนี้แล้ว (4)
”ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีความสัมพันธ์อันดีกับท่านราชครูนะ”
น้ำเสียงของตี้คังเย็นชา”เช่นนั้นความตั้งใจของข้าก็น่าจะเป็นไปได้ เจ้าออกเรือนเลยดีหรือไม่ ?”
“อะไรนะ?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นรีบกระโดดลุกขึ้น ตอนนี้นางไม่สนใจความกลัวที่มีต่อตี้คังแล้ว นางรีบปฏิเสธทันที “ข้ายังไม่ต้องการออกเรือน พี่ชาย พี่ไม่ควรโยนข้าให้ท่านราชครูอย่างโหดร้ายเช่นนี้”
”ก็เจ้าชอบเขามากมิใช่หรือ?” ตี้คังเยาะ
”ข้า… ข้าคุ้นเคยกับท่านราชครูมากก็จริง แต่การเริ่มต้นกับคนคุ้นเคยก็มิใช่เรื่องง่าย”
”เจ้าเลือกเอาจะออกเรือนกับท่านราชครู หรือยอมให้ข้าจับเจ้าโยงแล้วตี ?”
ถ้อยคำของตี้คังนั้นทั้งกดขี่ทั้งบีบบังคับ ราวกับเด็กสาวที่น่าสงสารตรงหน้ามิใช่น้องสาวของตนเอง
”พี่ชาย…” ท่าทีของตี้เสี่ยวอวิ๋นแลดูน่าสงสารมาก “ข้าไม่เลือกไม่ได้เหรอ ?
ตี้คังยิ้มเยาะในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธนั้น จู่ ๆ สายลมแรงก็พุ่งมาจากด้านหลัง เขายกมือขึ้นจับขาที่เตะเข้ามา มือของเขากระชับขาแน่นไม่ปล่อย
“อย่าเพิ่งวุ่นวาย”เขากล่าวขณะขมวดคิ้วน้อย ๆ น้ำเสียงของเขาฟังดูไม่อ่อนข้อลงเลย “รอให้ข้าจัดการเด็กคนนี้เสร็จก่อน”
ไป๋หยานชักขาของนางกลับพร้อมกับจ้องมองชายหนุ่ม “ออกไป !”
”หยานหยานเจ้าดื้ออีกแล้วนะ” ตี้คังเอ่ย “ข้าจะจัดการเจ้า หลังจากที่ข้าเสร็จธุระกับนางแล้ว”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นเบิกตากว้างนางไม่กล้ากล่าวคำใดอีก
นี่… คือพี่ชายที่โหดร้ายเจ้าอารมณ์ของนางจริงกระนั้นหรือ ?
เขาสามารถปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างอารมณ์ดีเช่นนี้ได้ตั้งแต่เมื่อใด?
”ข้าบอกแล้วไงว่าหากท่านกล้าตีนาง ท่านก็ออกไปได้เลย !”
ครั้นเห็นนัยน์ตาเขียวปั้ดของไป๋หยานสีหน้าของตี้คังก็พลันเคร่งเครียด “นี่เจ้าจริงจังงั้นหรือ ?”
”จริงจัง!”
ดูเหมือนว่าสองคำนั้นของไป๋หยาน ทำให้ใบหน้าของตี้คังแลดูน่าเกลียดยิ่งขึ้น ตี้เสี่ยวอวิ๋นคอหดเมื่อรู้สึกได้ถึงความเย็นชา
ตี้คังหันศีรษะกลับไปมองนัยน์ตาเรียวคมกวาดไปทางตี้เสี่ยวอวิ๋นที่พยายามหาที่หลบ “เจ้าออกไปซะ !”
”…” ตี้เสี่ยวอวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่หล่อเหลาของตี้คังด้วยความประหลาดใจ
นี่พี่ชายนางจะปล่อยนางไปจริงงั้นเหรอ?
”ยังไม่ไปอีก?” ครั้นเห็นตี้เสี่ยวอวิ๋นยังคงนิ่งงัน ตี้คังก็จิกริมฝีปาก พลางส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา
ประโยคนี้ทำให้ตี้เสี่ยวอวิ๋นเหมือนผู้ได้รับนิรโทษกรรมไม่ต้องรอให้ตี้คังกล่าวซ้ำ นางก็หลบหายตัวไปดังฟิ้ว ด้วยเกรงว่าเขาจะเปลี่ยนใจจับนางแขวนแล้วฟาด
ไป๋หยานมองตามทิศทางที่ตี้เสี่ยวอวิ๋นหนีจากไปแล้วก็ได้แต่ตกตะลึง ทันใดนั้นเอง เสียงกระซิบเบา ๆ ของชายหนุ่มก็ดังเข้ามาในหูของนาง
”ข้าไม่เคยตีนาง”
”ฮืม?” ไป๋หยานหันมามองเขาด้วยแววตาที่ดูงง ๆ อาจเป็นเพราะนางไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด ?
”เมื่อครู่ข้าเพียงขู่ให้นางกลัวเท่านั้น” ตี้คังขมวดคิ้ว และกล่าวต่อ
ไป๋หยานกระพริบตาชายผู้นี้กำลังอธิบายให้นางฟัง
”เด็กคนนั้นไม่เพียงแต่โง่เท่านั้นทว่ายังขาดระเบียบวินัย หากข้าไม่อบรมนาง ก็ไม่มีผู้ใดสามารถควบคุมนางได้”
อย่างไรก็ตามเด็กโง่คนนั้นก็เป็นน้องสาวของเขา !
”เหตุใดท่านถึงต้องอธิบายเรื่องนี้ให้ข้าฟัง”ไป๋หยานหันกลับมาถาม
”ข้าไม่ต้องการให้เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนโหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรม แม้แต่กับญาติของตนเอง”
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยสนใจสายตาผู้ใด
แล้วก็ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจในความสัมพันธ์ฉันญาติมิตรด้วย!
ไหนจะใจเหี้ยมอีกทั้งโหดร้ายมาก !
ต่อให้โลกทั้งโลกจะเข้าใจเขาผิดเช่นไร? เขาก็จะไม่อธิบายแม้สักคำ
ทว่าสำหรับไป๋หยานเขาไม่ต้องการให้นางเข้าใจเขาผิด
หัวใจของไป๋หยานกำลังสั่นไหวนางเบือนหน้าหนีอย่างไม่รู้ตัว ไม่กล้ามองใบหน้าที่หล่อเหลาของชายหนุ่ม
“ข้าขอโทษก่อนหน้านี้ข้าเข้าใจท่านผิด ข้ารู้เพียงว่า ท่านไม่ได้กลับบ้านมาหลายปีแล้ว นางเองก็คงรอท่านเพียงลำพังมานานหลายปีแล้วเช่นกัน นางคล้ายกับเซียวเอ๋อที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือใด ๆ เลย เช่นนั้นหากท่านต้องการจะลงโทษนางในเรื่องนี้ นางจะต้องเสียใจเป็นอย่างมาก”
บทที่ 245 : พรรคสัตว์อสูร (1)
ตี้คังยิ้มเยาะนัยน์ตาเรียวคมแสดงอาการเย้ยหยัน”เด็กคนนั้นเป็นคนจิตใจดีมาก หากนางต้องอกหัก นางอาจจะฆ่าตัวตายได้”
ไป๋หยานมองเขาอย่างประหลาดใจนี่…ตี้เสี่ยวอวิ๋นเป็นน้องสาวของเขาจริง ๆ เหรอ ?
น้องสาวแท้ๆ น่ะนะ ?
ในขณะนั้นความเห็นอกเห็นใจก็เอ่อล้นหัวใจไป๋หยาน มีพี่ชายที่ไม่ใส่ใจนางเช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจที่ตี้เสี่ยวอวิ๋นจะจิตใจอ่อนแอมากมายถึงเพียงนี้
”ข้าหิวแล้ว”
ในขณะที่ไป๋หยานกำลังเห็นอกเห็นใจตี้เสี่ยวอวิ๋นอยู่นั้นจู่ ๆ เสียงอันลุ่มลึกของชายหนุ่มก็ดังเข้าหูนาง
ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ”ตำหนักของท่านถูกทำลาย แล้วพ่อครัวทุกคนในตำหนักก็ตายหมดด้วยกระนั้นหรือ ?” ท่านควรจะกินอาหารจากฝีมือของคนในตำหนักของท่าน”
ราวกับเขาไม่ได้ยินถ้อยคำของไป๋หยานอ๋องคังทำเหมือนกล่าวกับตนเองว่า “ข้าได้ยินมาว่า ฝีมือทำอาหารของเจ้ายอดเยี่ยมที่สุดในโลกมิใช่หรือ ?”
”อ๋องคัง!”
”เจ้าเลือกเอาจะให้ข้าได้ลิ้มรสฝีมือทำอาหารของเจ้า หรือกินเจ้าตรงนี้แทน !”
ไป๋หยานสูดลมหายใจเข้าลึก”ท่านชนะ !”
นางจ้องหน้าเขาก่อนจะหันหน้าเดินไปที่ห้องครัว
ริมฝีปากสีแดงพร้อมด้วยนัยน์ตาของตี้คังพลันขยับยิ้ม ขณะมองตามร่างของไป๋หยานที่เดินจากไป
ภายในห้องพักตี้เสี่ยวอวิ๋นในอาภรณ์ผ้าโปร่งสีชมพูพริ้วไหวกำลังครุ่นคิดหาวิธีรับมือตี้คัง ทว่าทันใดนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงดังปังมาจากประตู พลันประตูก็เปิดออก
ตี้เสี่ยวอวิ๋นเกือบจะหล่นจากเตียงด้วยความกลัวนางมองบุรุษที่ยืนอยู่ตรงประตูด้วยความหวาดหวั่น พลางกลืนน้ำลายหนัก ๆ
”พี่ชาย… ไหนพี่สัญญาว่าจะปล่อยข้าไปมิใช่หรือ ?”
เหตุใดตอนนี้เขาถึงยังมารบกวนนางอีก?
ตี้เสี่ยวอวิ๋นอยากจะร้องไห้ทว่ากลับไร้น้ำตาหากมิใช่เป็นเพราะหัวใจที่แข็งแกร่งของนาง ชายหนุ่มผู้นี้คงจะทำให้นางหวาดกลัวจนขาดใจตายได้ทุกวัน
”ตอนที่เจ้าออกมาจากดินแดนอสูรเจ้าเห็นหญิงสาวเผ่าอสรพิษนั่นหรือไม่ ?”
”สาวเผ่าอสรพิษ?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ “พี่หมายถึง ชิงหลวนเผ่าอสรพิษใช่หรือไม่ ? ตอนข้าออกมา ข้าออกมาเพียงลำพัง ข้าไม่เห็นนางเลย”
ไม่น่าเป็นไปได้ที่ชิงหลวนสาวงามสารเลวนั่นจะติดตามนางมายังแผ่นดินนี้ ?
หัวใจของตี้เสี่ยวอวิ๋นเต้นแรงขึ้นตอนนี้นางรู้แล้วว่า เหตุใดพี่ชายของนางจึงได้โกรธมาก
ใบหน้าของตี้คังแลดูมืดมนพลังอันทรงพลานุภาพที่เย็นยะเยือกของเขากำลังแผ่กระจายออกโดยรอบ ทำให้นางถึงกับต้องกัดฟัน เพื่อระงับอาการสั่นสะท้าน
”เจ้าจะไปจากที่นี่เมื่อไหร่?” เขาเอ่ยถามด้วยความเย็นชา
ภายใต้กลิ่นอายอันน่ากลัวของพี่ชายทำให้ตี้เสี่ยวอวิ๋นเสียงสั่น “ข้าไม่ไป ! กว่าข้าจะได้พบหลานชาย ได้พบพี่สะใภ้ก็ต้องผ่านความยากลำบากมาก ข้าไม่อยากจากไป !”
ตี้คังหรี่ตาลงริมฝีปากของเขาเชิดขึ้นเต็มไปด้วยอันตราย
”หากเจ้าไม่อยากจากไปเจ้าต้องให้สัญญากับข้าสองข้อ”
”สัญญาอะไร?”
”หยานเอ๋อไม่อยากแต่งงานกับข้า เช่นนั้นเจ้าต้องช่วยเกลี้ยกล่อมนาง”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นซึ่งยังคงยืนตัวสั่นครั้นได้ยินถ้อยคำที่ดังมาจากเหนือศีรษะ นางก็เงยหน้าขึ้นทันทีด้วยอาการตกตะลึง
ที่ฉู่อีอี้บอกว่าพี่สะใภ้ยังไม่ยอมรับพี่ชายของนางเป็นความจริงกระนั้นหรือ?
เช่นนั้นวันนี้… เขาจึงมาหานางเพื่อขอความช่วยเหลือใช่หรือไม่ ?
เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงของตี้คือคำสั่งอย่างชัดเจนหากแต่จินตนาการของตี้เสี่ยวอวิ๋นกลับเห็นเป็นการขอร้อง
ครั้นคิดว่าตี้คังเอ่ยปากขอร้องนางก็ดูจะไม่ใช่แค่คนที่ได้แต่พยักหน้ารับอีกต่อไป ใบหน้าสวยงามของนางเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
“พี่ชายก็มิใช่ว่าข้าจะไม่ช่วยพี่เกลี้ยกล่อมพี่สะใภ้หรอกนะ แต่ในเมื่อพี่จะขอความช่วยเหลือทั้งที อย่างน้อยก็ควรมีอะไรแลกเปลี่ยนบ้าง” นัยน์ตาของนางเปล่งประกาย ริมฝีปากของนางยิ้มอย่างเย่อหยิ่ง
นัยน์ตาของตี้คังเปล่งประกายริมฝีปากของเขาเม้มแลดูเย็นชา “เจ้าต้องการสิ่งใด ?