จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 266-270
บทที่ 266 : เริ่มจากทำให้สัตว์อสูรเชื่อง (4)
หนานกงหยวนหน้าซีดเขาเงยหน้าขึ้นมองหลี่หมิง พลางกล่าวว่า “อาวุโสหลี่หมิง ไม่สำคัญหรอกว่า หลินเอ๋อจะทำให้สัตว์เชื่องได้หรือไม่ เพราะเขาเป็นผู้ที่ทำให้สรรพสัตว์นับหมื่นในวันนั้นน้อมนมัสการ นี่เป็นคำทำนายของโหราจารย์ผู้ซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดในอาณาจักรหลิวฮั่ว คำทำนายของเขาย่อมไม่มีวันพลาด
ยิ่งไปกว่านั้นผู้ใดจะกล้าหลอกลวงราชวงศ์? นั่นนับเป็นอาชญากรรมร้ายแรงถึงขนาดตัดหัวเก้าชั่วโครตเลยทีเดียว !
หลี่หมิงมีสีหน้าเย้ยหยันขณะกล่าวว่า “นี่ท่านไม่รู้จริง ๆ กระนั้นหรือ ? เขาจะสามารถกระตุ้นพลังอันมหัศจรรย์ของราชวงศ์สัตว์อสูรได้อย่างไร หากกะแค่ทำให้สัตว์อสูรเชื่องก็ยังทำไม่ได้ ? ในเมื่อเขาทำสัตว์ให้เชื่องยังไม่ได้ ก็แล้วเหตุใดเหล่าสรรพสัตว์จึงน้อมนมัสการเขาเล่า ?”
ใบหน้าของหนานกงหยวนเปลี่ยนเป็นซีดขาวเขากล่าวหน้าตาเหรอหราว่า “ทว่าเด็กทั้งหมดของอาณาจักรหลิวฮั่วเราได้มารวมตัวกันที่นี่แล้ว ไม่มีผู้ใดกระทำสำเร็จ หากมิใช่หลินเอ๋อแล้วจะเป็นผู้ใดได้เล่า ?”
หลี่หมิงเงียบไปเขาขมวดคิ้วน้อย ๆ ก่อนจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “ให้ผู้ทดสอบคนสุดท้ายลองดูก่อน หากเป็นไปไม่ได้จริง ๆ ท่านค่อยตามหาเด็กคนใหม่มาให้ข้า บางทีเราอาจจะพลาดใครบางคนไป”
หนานกงหยวนมองดูสภาพที่น่าสังเวชของหนานกงหลินผู้ซึ่งกำลังร้องไห้ก่อนจะหันไปมองชายาของหนานกงอี้ที่ยืนหน้าซีดอยู่ ที่สุดเขาก็กล่าวว่า “ตกลง คนสุดท้ายมาลองดู”
คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็คือไป๋เสี่ยวเฉิน
”หม่ามี้ลูกง่วงนอนแล้ว พรุ่งนี้เช้า เราค่อยมาใหม่เถอะ”
ไป๋เสี่ยวเฉินเอนกายอยู่ในอ้อมแขนของไป๋หยานพลางกล่าวด้วยนัยน์ตากลมโต
“มิใช่เจ้าคิดว่ามังกรแก้วน่าเกลียด อีกทั้งไม่ต้องการมันหรอกหรือ ?” ไป๋หยานฉีกยิ้มขณะเอ่ยถาม
เห็นได้ชัดว่าไป๋หยานเดาใจบุตรชายถูกไป๋เสี่ยวเฉินแลบลิ้นซุกซน “ลูกชอบสัตว์สวย ๆ อย่างเสี่ยวมี่ และเสี่ยวหยูเหมามากกว่า มังกรแก้วน่าเกลียดเกินไป ลูกไม่ชอบมันเลย”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นทำปากจู๋
เจ้าไม่คิดถึงความรู้สึกของมังกรแก้วบ้างเลยพูดถึงมันแบบนี้ในที่สาธารณะได้ไง ?
มันน่าเกลียดนี่ผิดด้วยหรือ ?
”พี่ใหญ่”ไป๋รั่วกัดริมฝีปาก พลางก้าวไปข้างหน้าอย่างแช่มช้า “ในเมื่อเสี่ยวเฉินก็มาถึงที่นี่แล้ว เหตุใดไม่ให้เขาลองดูล่ะ”
หลินเอ๋อไม่ควรถูกทำให้เสียเกียรติแต่เพียงลำพังไป๋เสี่ยวเฉิน เด็กเลวนี่ก็ต้องหน้าแตกไปกับเขาด้วย !
ไป๋หยานเหลือบมองไป๋รั่วนางเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจ “เจ้านี่ทำใจได้เร็วจัง”
นางคิดว่าหากไป๋รั่วรู้สึกอับอายจากความล้มเหลวของหนานกงหลินแล้วนางคงอยู่อย่างสบาย ๆ ไปได้สักพัก ผู้ใดจะรู้ว่าอารมณ์ของหญิงผู้นี้จะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
ไม่ต่างจากแมลงสาบที่ตายยากเลยจริงๆ
ใบหน้าของไป๋รั่วเปลี่ยนเป็นซีดขาว”ข้าก็เพียงคิดถึงพวกเจ้า ผิดด้วยกระนั้นรึ ?”
”รั่วเอ๋อไม่ต้องกล่าวให้มากความ !” ใบหน้าของหนานกงอี้น่าเกลียดยิ่งขึ้น “หากหลินเอ๋อทำไม่ได้ ไป๋เสี่ยวเฉินเองก็ต้องทำไม่ได้เช่นกัน และตอนที่ไป๋หยานหายตัวไป ไป๋เสี่ยวเฉินก็ไม่ได้เกิดในอาณาจักรหลิวฮั่ว จะเป็นเขาไปได้อย่างไร ? ”
ครั้นเห็นสายตาเหยียดหยามของหนานกงอี้นัยน์ตากลมโตของไป๋เสี่ยวเฉินก็กลอกไปมา เขายิ้มอย่างมีเลศนัย “หม่ามี้ เฉินเอ๋อเพิ่งคิดได้ว่า ถึงแม้มังกรแก้วจะน่าเกลียด แต่ลูกก็ยังพอจะยอมรับได้”
กล่าวจบเขาก็ผละออกจากอ้อมแขนของไป๋หยาน จากนั้นก็ก้าวช้า ๆ เข้าไปหามังกรแก้ว
อย่างไรก็ตาม…
แทนที่จะทำให้มังกรแก้วเชื่องเขากลับวางมือไว้บนกุญแจล็อคกรง
ปัง…โซ่ล่ามกรงพลันตกสู่มือของเขา
”ไม่นะ!”
ผู้อาวุโสหลี่หมิงหน้าถอดสีเขาไม่มีเวลาพอจะคิดถึงวิธีที่ไป๋เสี่ยวเฉินสามารถปลดล็อคได้ด้วยซ้ำ หลังจากนั้นเขาก็เห็นมังกรแก้วที่ถูกขังอยู่ในกรงนั้นทำตัวราวกับปลาได้น้ำ มันพุ่งออกมาจากกรง และทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
”กรรรร!”
เสียงคำรามของมันทำให้ทุกคนอกสั่นขวัญแขวนมันกวัดแกว่งหางไปมา ร่างใหญ่โตของมันปกคลุมท้องฟ้าสีฟ้าราวกับเมฆดำบดบังดวงอาทิตย์
บทที่ 267 : พาข้าลงไปตรงนั้น !
”มาเร็วมาช่วยกันจับมังกรแก้ว อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้ !” ใบหน้าของหลี่หมิงเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาตวาดออกมาดังลั่น
เพียงไม่ช้าคนของพรรคสัตว์อสูรทุกคนต่างก็คว้าอาวุธของตนออกมา พวกเขาเหาะขึ้นสู่ท้องฟ้า รวดเร็วราวสายฟ้าเพื่อโอบล้อมมังกรแก้ว
มังกรแก้วกำลังหลงระเริงกับอิสรภาพครั้นเห็นคนเหล่านี้กล้าที่จะเข้ามาขัดขวางมัน มังกรแก้วก็ใช้หางกวาดคนทั้งหมดในคราเดียว มันฟาดหางเข้าที่อก จากนั้นก็กวาดทุกคนตกลงจากท้องฟ้า
ใบหน้าของหลี่หมิงนั้นน่าเกลียดหนักยิ่งกว่าเดิมเขาไม่ลังเลอีกต่อไป เขาดึงอาวุธออกมา จากนั้นก็เหาะขึ้นบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้ไป๋รั่วก็ยิ้มน้อย ๆ “พี่สาว ครานี้บุตรชายของพี่สร้างหายนะครั้งใหญ่เลยนะ”
ไป๋หยานมองอย่างไม่แยแสริมฝีปากของนางยกยิ้มน้อย ๆ “เฉินเอ๋อ หากเจ้าเล่นสนุกพอแล้ว พวกเราก็กลับบ้านกันเถอะ”
”ก็ดีเฉินเอ๋อเชื่อหม่ามี้”
ไป๋เสี่ยวเฉินหันมามองรอยยิ้มที่สดใสของไป๋หยานจากนั้นเขาก็หันศีรษะเล็ก ๆ ไปทางมังกรแก้วพร้อมด้วยสายตาว่างเปล่า “มังกรแก้วที่น่าเกลียด เจ้าโจมตีผิดคนแล้ว”
ครั้นเห็นมังกรแก้วแข็งแกร่งเช่นนี้ทุกคนต่างก็กลัวจนหัวใจจะวายตาย ทว่าในเวลานี้
เด็กน้อยผู้นี้กลับกล้าเรียกมังกรแก้วที่น่าเกลียดทั้งยังว่ามันโจมตีผิดคนอีกกระนั้นรึ ?
เด็กนี่คงไม่อยากอยู่ดูโลกไปนานๆ ใช่หรือไม่ ?
มังกรแก้วก้มลงมองไป๋เสี่ยวเฉินจากนั้นก็มองคนของพรรคสัตว์อสูรเบื้องหน้าฉับพลันมันก็ผละออกจากวงล้อม และรีบบินไปหาหนานกงหลิน
หนานกงหลินตกใจมากกระทั่งลืมวิ่งหนี เขาทำได้เพียงจ้องมองมังกรแก้วบินเข้ามาหาพร้อมกับอ้าปากค้าง
แน่นอนว่า…
มังกรแก้วไม่ได้กลืนเด็กอ้วนเข้าไปจริงๆครั้นมันเห็นหนานกงหลินร้องไห้ แววตาที่ดุร้ายของมันก็เต็มไปด้วยความขบขัน
ใบหน้าของไป๋หยานเคร่งขรึมมังกรแก้วนี่เป็นมังกรนิสัยเสียใช่หรือไม่ ? ชอบแกล้งให้ผู้อื่นหวาดกลัวกระนั้นรึ ?
”เร็วเข้าอาศัยโอกาสนี้จับมังกรแก้วเร็ว !” หลี่หมิงเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก เขาไม่ทันคิดว่าเหตุใดมังกรแก้วจึงพุ่งเป้าไปที่หนานกงหลิน ทว่าเขาก็รีบออกคำสั่งทันที
ดูเหมือนมังกรแก้วจะรู้ตัวว่าด้านหลังของมันมีคนเข้ามาใกล้ดวงตาของมังกรแก้วเปล่งประกายดุร้ายขึ้นอีกครั้ง มันหันหลังกลับไปคำราม
เสียงคำรามของมันราวกับพายุทอร์นาโดพัดกระจายไปทั่วส่งผลให้คนของพรรคสัตว์อสูรถึงกลับกลิ้งหลุน ๆ
แม้แต่ไทเฮาเองก็ยังได้รับผลกระทบกระทั่งแทบสิ้นพระสติ
สิ่งที่มันทำในครั้งนี้ทำให้ไป๋เสี่ยวเฉินหงุดหงิดเป็นที่สุด
”มังกรแก้วมานี่ !” ซาลาเปาน้อยยกมือขึ้นเท้าสะเอว เขาใช้นัยน์ตากลมโตของเขามองไปรอบ ๆ พลางกล่าวว่า “เมื่อครู่นี้ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าคำรามกัน ? แม้ว่าเจ้าจะคำรามใส่คนอื่นได้ แต่เหตุใดเจ้าต้องทำให้ไทเฮาผู้บริสุทธิ์ล้มด้วย…หา ?
มังกรแก้วหยุดชะงักมันมองไป๋เสี่ยวเฉินอย่างพินิจพิจารณา
ไป๋เสี่ยวเฉินเชิดคางขึ้นอย่างภาคภูมิใจ”หมอบลงตรงนี้ เดี๋ยวนี้ ข้าไม่ให้เจ้าลุก เจ้าก็ห้ามลุก !”
เดิมทีผู้คนต่างคิดว่าหนานกงหลินเย่อหยิ่งยโสมากแล้ว หากแต่ไม่คาดคิดว่า ไป๋เสี่ยวเฉินนั้นจะหยิ่งยโสยิ่งกว่าหนานกงหลินมาก เขากล้าสั่งให้มังกรแก้วหมอบลงได้ไง ?
หนานกงอี้หัวเราะเบาๆ ราวจะเยาะเย้ย ทว่าเพียงอึดใจถัดมา ใบหน้าของเขาก็พลันแข็งค้างขึ้นทันที
เพียงไม่นานมังกรแก้วที่มีใบหน้าดุร้ายก็เดินอย่างเชื่องช้าไปหยุดอยู่ด้านข้างของไป๋เสี่ยวเฉิน ท่าทีของมันราวกับลูกสะใภ้ที่โดนแม่สามีรังแกจนเต็มไปด้วยความคับข้องใจ
มันเอากรงเล็บแหลมๆ สองข้างกุมหัว ก่อนจะค่อย ๆ หมอบราบลงกับพื้น ร่างยาว ๆ ของมันม้วนขดเป็นลูกบอล
ไป๋หยานเดินไปหยุดข้างๆ ไทเฮา จากนั้นก็ป้อนยาให้นาง กระทั่งนางค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นช้า ๆ เพียงไม่ช้าไทเฮาก็เห็นมังกรแก้วนอนหมอบแหงแก๋อยู่เบื้องหน้าไป๋เสี่ยวเฉินราวลูกสะใภ้ที่โดนแม่สามีดุ นางกล่าวคำใดไม่ออกด้วยความประหลาดใจ
เวลายังคงผ่านไปเรื่อยๆ
ผู้คนโดยรอบสามารถได้ยินเสียงหายใจของกันและกันได้อย่างชัดเจน
บทที่ 268 : เปิดเผยแล้ว (1)
เป็นเขาได้ยังไง?
เขาเป็นคนทำให้มังกรแก้วเชื่องงั้นรึ?
อย่าว่าแต่ครอบครัวทั้งสามคนของไป๋รั่วแม้แต่คนอื่นก็ไม่เชื่อ
หากแต่ความจริงก็ปรากฏชัดเจนว่ามังกรแก้วต่อต้านทุกคน แต่กลับทำตัวเหมือนสัตว์เลี้ยงต่อหน้าไป๋เสี่ยวเฉิน
”ข้าไม่เชื่อ!” หนานกงอี้รีบวิ่งเข้าไปหาไป๋เสี่ยวเฉิน “ไป๋เสี่ยวเฉิน เป็นลูกไม่มีพ่อ ลูกไม่มีพ่อ !”
เขาจะให้ลูกไม่มีพ่อคนนี้อยู่เหนือกว่าลูกชายผู้สูงศักดิ์ของเขาได้อย่างไร?
ครั้นหนานกงอี้พุ่งตัวไปด้านหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินมังกรแก้วก็ยกหางขึ้นฟาด กวาดร่างของหนานกงอี้ออกไป ร่างของหนานกงอี้ตกลงท่ามกลางฝูงชนพร้อมเสียงอันดัง
”กรรรร!” มังกรแก้วคำราม ดวงตาของมันคุกคามราวจะหัวเราะเยาะมนุษย์ที่ไม่รู้จักประมาณตน
ร่างของหนานกงอี้สั่นสะท้านเขาบีบมือตนเองแน่น
เลือดไหลออกมาจากฝ่ามือหยดลงตามร่องนิ้วดวงตาแดงฉานราวเลือดของเขา จ้องไปที่ไป๋เสี่ยวเฉินผู้ซึ่งยามนี้กำลังได้รับการปกป้องคุ้มครองจากมังกรแก้ว ความอิจฉาริษยาของเขาแผ่กระจายออกมาราวกับเปลวไฟ
”ข้าไม่เชื่อหรอกข้าไม่เชื่อ !”
ในขณะนี้คนจากพรรคสัตว์อสูรหลายต่อหลายคนก็หลุดจากภวังค์
แม้แต่หลี่หมิงเองก็เปลี่ยนจากคนเย็นชากลายเป็นคนอารมณ์ดีอย่างชัดเจนเขาหัวเราะร่า “ในที่สุด เราก็พบคนจากราชวงศ์สัตว์อสูรแล้ว เราไม่ได้ทำให้ท่านหัวหน้าพรรคของเราผิดหวังเลย”
เขายังหัวเราะร่าเป็นเวลานานครั้นหยุดหัวเราะ เขาก็ก้าวฉับ ๆ เข้าไปหาไป๋เสี่ยวเฉิน จากนั้นก็ปัดแขนเสื้อของตน และคุกเข่าลงข้างหนึ่ง “ข้า…หลี่หมิง ผู้อาวุโสของพรรคสัตว์อสูร ขอคารวะนายน้อย”
”พวกเราขอคารว่ะ นายน้อย !”
คนของพรรคสัตว์อสูรต่างก็ปัดแขนเสื้อและคุกเข่าลงพร้อมใจกันส่งเสียงแสดงความเคารพดังก้องไปทั่วท้องฟ้าอยู่เป็นเวลานาน
ร่างของไป๋รั่วสั่นเทาริมฝีปากของนางสั่นระริก กล่าวคำใดไม่ออก
เหตุใดถึงเป็นไป๋เสี่ยวเฉิน?
ผู้ที่มาจากราชวงศ์สัตว์อสูรจะเป็นผู้ใดก็ได้ก็ยังดีกว่าเป็นไป๋เสี่ยวเฉิน !
เขาเป็นเพียงเด็กไม่มีพ่อเหตุใดเขาถึงได้รับเกียรติเช่นนี้ ?
หัวใจของไป๋รั่วเจ็บปวดทรมานราวโดนมดจำนวนมากมายรุมกัดนางกัดริมฝีปากจนห้อเลือด นางไม่รู้ตัวเลยว่า นางกำลังมองไป๋หยานกับไป๋เสี่ยวเฉินด้วยสายตาอิจฉาริษยา ใบหน้าอ่อนโยนของนางเปลี่ยนเป็นดุร้าย
หนานกงหลินดึงแขนของไป๋รั่วใบหน้าอ้วน ๆ ของเขาแลดูไม่พอใจอย่างมาก
”เหตุใดเขาถึงเอาทาสของลูกไปล่ะ? เสด็จแม่ ลูกต้องการมังกรแก้วนั่น เอามันกลับมาให้ลูก !”
”หุบปาก!”
ทันใดนั้นหนานกงหยวนก็ตวาดออกมาเสียงดัง ขัดจังหวะถ้อยคำของหนานกงหลิน ใบหน้าของเขาซีดขาวด้วยความโกรธ “เจ้าช่วยอธิบายให้เราฟังหน่อยจะได้หรือไม่ ?”
คิ้วของหลี่หมิงย่นเข้าหากันน้อยๆ หนานกงหยวนนี่ช่างไร้การศึกษาจริง ๆ เขาพูดเสียงดังลั่นอย่างนี้ในที่สาธารณะ หากนายน้อยตกใจ แล้วหัวหน้าพรรครู้ล่ะก็เขาย่อมต้องโดนถลกหนังเป็นแน่
”อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกระนั้นรึ?” ริมฝีปากของไป๋หยานยกยิ้ม นางเดินอย่างแช่มช้า ไปทางไป๋เสี่ยวเฉินและมังกรแก้ว “ไว้ทีหลัง ค่อยอธิบายให้ฟังก็แล้วกัน”
ดวงตาของนางดูเหมือนจะกวาดไปทางไป๋รั่วโดยไม่ตั้งใจแววตาของนางดูเหมือนจะรู้เรื่องราวทุกอย่าง ทำให้ร่างของไป๋รั่วซวนเซจนเกือบจะล้มลง
ไม่…เป็นไปไม่ได้!
หลิวเอ๋อนางก็จัดการไปแล้ว โหราจารย์ผู้นั้นก็ตายไปแล้วด้วยน้ำมือของนาง ไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้เป็นแน่ !
”มังกรแก้ว”
ไป๋หยานเหลียวไปมองมังกรแก้วที่กำลังหมอบอยู่กับพื้น”หากเจ้าต้องการอยู่กับเรา เจ้าต้องปฏิบัติตามกฎของข้า ประการแรกห้ามเจ้าเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ ประการที่สองหากมีผู้ใดกล้าว่าเฉินเอ๋อว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ ก็ให้ถือซะว่าคนผู้นั้นเป็นอาหารค่ำของเจ้าก็แล้วกัน ประการที่สาม ห้ามเจ้ากินเยอะ เพราะข้าไม่อาจเลี้ยงเจ้าไหวแน่”
บทที่ 269 : เปิดเผยแล้ว (2)
ข้อกำหนดสองข้อแรกน่ะรับได้ทว่าข้อสุดท้ายคืออะไร ?
หมายความว่านางไม่มีปัญญาจ่ายค่าเลี้ยงดูได้กระนั้นรึ?
แค่รายได้ของหอบุปผาเพียงอย่างเดียวก็มากเกินพอที่จะเลี้ยงมังกรแก้วสักร้อยตัวได้แล้ว
”แม่นางไป๋”หลี่หมิงกล่าวขึ้นทันที ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปในบัดดล “มังกรแก้ว จำคนไม่ได้หรอก แม้ว่าท่านจะเป็นมารดาของนายน้อยไป๋ก็ตามที นอกจากนี้ … ”
ก่อนที่เขาจะทันกล่าวจบดวงตาของหลี่หมิงพลันเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงกระทั่งเขากล่าวคำใดไม่ออก
”อาวู๊…”มังกรแก้วร้องครวญ จากนั้นมันก็ใช้หัวของมันถูไถกับมือของไป๋หยาน ดวงตาของมันเต็มไปด้วยการประจบสอพลอ อีกทั้งเกรงกลัว
ใช่…กลัว
มังกรแก้วมองไป๋หยานอย่างพินิจพิจารณาทีท่าของนางน่ากลัวเสียยิ่งกว่าตอนที่มันเห็นไป๋เสี่ยวเฉินเมื่อครู่นี้ซะอีก
น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดทันสังเกตเห็นความรู้สึกของมังกรแก้วพวกเขาทุกคนต่างก็คิดว่ามังกรแก้วเอาใจไป๋หยาน เพียงเพราะไป๋หยานเป็นมารดาของไป๋เสี่ยวเฉิน
“เสด็จแม่”หนานกงหลินร้องเรียก หยาดน้ำตาไหลหยดลงมาอีกครา “ลูกแค่ต้องการมังกรแก้ว มังกรแก้วนั่นเป็นของลูก เหตุใดมันถึงปฏิบัติกับไป๋เสี่ยวเฉินเป็นอย่างดีล่ะ ?”
ใบหน้าของไป๋รั่วเปลี่ยนเป็นซีดขาวนางเห็นใบหน้าที่ยิ่งน่าเกลียดมากขึ้นของหลี่หมิงรวมถึงคนอื่น ๆ นางกลัวว่าจะถูกหนานกงหยวนดุอีก นางจึงรีบปรามบุตรชาย พร้อมกล่าวว่า “หลินเอ๋อ หยุดพูด เราไปกันเถอะ”
”ไม่…ลูกไม่ไปลูกจะเอามังกรแก้ว ! ลูกต้องการเป็นหัวหน้าพรรคสัตว์อสูร ! ลูกต้องการให้ไป๋เสี่ยวเฉินคุกเข่า และขอความเมตตาจากลูก !”
หนานกงหลินร้องไห้คร่ำครวญกระทั่งน้ำตาเปรอะเปื้อนเลอะเทอะทั่วใบหน้า เขาพยายามสะบัดหลุดจากมือของไป๋รั่ว
สีหน้าของไป๋รั่วเปลี่ยนไปนางตบหน้าหนานกงหลิน
หนานกงหลินตกตะลึงกับการถูกตบเขาเงยหน้าขึ้นมองไป๋รั่วน้ำตาของเขาไหลพรั่งพรูหนักยิ่งกว่าเดิม
”เสด็จแม่ตีข้าเสด็จแม่ตีข้า แงงงงงงงงง ข้าเกลียดท่าน !”
ใบหน้าของไป๋รั่วดำจนเขียวนางเสียใจ เป็นครั้งแรกที่ตามใจหนานกงหลินมาเป็นเวลาหลายปี
”ฮึ่ม!”
หลี่หมิงส่งเสียงฮึดฮัดเย็นชามุมปากของเขายกโค้งแลดูเยาะหยัน “พรรคสัตว์อสูรถึงขั้นยินยอมให้ขยะเปียกมาเป็นผู้นำน้อยของพรรคสัตว์อสูรเราตั้งแต่เมื่อใด ? องค์รัชทายาท พระชายา ช่วยอธิบายให้ข้าฟังหน่อยจะได้หรือไม่ ?
ใบหน้าของหนานกงอี้แข็งทื่อเขากล่าวว่า “มันก็แค่คำพูดของเด็ก หลินเอ๋อยังเป็นเด็ก … ”
”ก็เพราะเขายังเป็นเด็กเขาจะรู้จักพรรคสัตว์อสูร รู้จักการเป็นเจ้าแห่งสรรพสัตว์ทั้งปวงได้อย่างไร ?” หลี่หมิงนัยน์ตาวาววับราวกับคมดาบ “หากมิใช่เจ้าพูดเรื่องเหล่านี้กรอกหูเขาบ่อย ๆ เขาจะเข้าใจเช่นนั้นได้อย่างไร ? ”
หนานกงอี้หน้าซีดเขาไม่ตอบคำถามของหลี่หมิง ทว่ากลับหันไปหาไป๋หยานพลางกล่าวว่า “ไป๋หยาน อย่างไรเสียเราก็เคยสนิทสนมกัน เจ้าทำกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร ?”
ทันทีที่เขากล่าวจบเสียงหัวเราะเย็น ๆ ก็ดังขึ้นจากข้างหลังพร้อมด้วยแรงกดดันอย่างหนักหน่วง
”ข้าไม่รู้ว่าคู่หมั้นของข้า ไปสนิทสนมกับเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?”
ผู้คนต่างตกตะลึงพวกเขาหันไปตามเสียงที่ได้ยิน
ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่ร้อนระอุเส้นผมสีเงินยวงบนศีรษะพราวพร่างสว่างไสว
บุรุษหล่อเหลาเปี่ยมเสน่ห์เสี้ยวหน้าด้านข้างที่งดงามสมบูรณ์แบบนั้นน่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง
ทว่าสตรีทั้งโลกนี้สำหรับเขาแล้วก็แค่งั้น ๆ
สายตาของเขานับแต่มาถึงกระทั่งบัดนี้มองที่ไป๋หยานแต่เพียงผู้เดียวเขาก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็เข้าถึงตัวนาง จากนั้นเขาก็โอบร่างสตรีในอาภรณ์สีแดงงดงามเข้ามาในอ้อมแขน
”หยานเอ๋อก่อนนี้สายตาของเจ้าคงแย่มาก ๆ โชคดีที่ตอนนี้วิสัยทัศน์ของเจ้าดีขึ้นมากแล้ว เช่นนั้นเจ้าคงคิดถึงข้าแล้วใช่หรือไม่ ?”
นี่มิใช่ครั้งแรกที่ไป๋หยานเห็นชายผู้นี้กล่าววาจาโอ้อวดตนเอง
นางจ้องมองตี้คังพลางกล่าวว่า”หากวิสัยทัศน์ของข้าแย่มาก เช่นนั้นข้าก็ขอจิ้มตาตัวเองให้บอดเสียยังจะดีกว่า”
บทที่ 270 : เปิดเผยแล้ว (3)
ประโยคนี้ทำให้อารมณ์ของตี้คังยิ่งมีความสุขมากขึ้น ริมฝีปากเขายกโค้ง
”ไม่ต้องกังวลสายตาของเจ้าไม่ได้แย่อย่างแน่นอน”
บทสนทนาระหว่างคนทั้งสองทำให้ใบหน้าของหนานกงอี้ แลดูน่าเกลียดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขากำหมัดแน่น ความหึงหวงในใจของเขาลุกโชน
”ป๊ะป๋าวายร้าย”
ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบนัยน์ตากลมโตของเขา”หม่ามี้ บอกว่า ป๊ะป๋าให้เฉินเอ๋อมาที่นี่เพื่อดูละครดี ๆ ไหนล่ะละคร ?
”ไม่ต้องรีบประเดี๋ยวละครก็เล่นแล้ว”
ริมฝีปากของตี้คังยังคงยิ้มเสมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นนัยน์ตาเรียวคมของเขาส่องประกายเย็นยะเยือก “ละครดีเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่ข้าอยากเชื้อเชิญให้โลกนี้ได้ทัศนา”
หนานกงอี้กัดฟันพลางกล่าวว่า”เชิญพวกเจ้าตามสบาย รั่วเอ๋อพาหลินเอ๋อกลับ”
”เพคะ”
ไป๋รั่วไม่สนใจหนานกงหลินที่ร้องไห้งอแงตลอดเวลานางหันหลังกลับ และต้องการจะจากไป
ทว่านางเดินไปได้เพียงสองสามก้าวน้ำเสียงเข้มงวดก็ดังมาจากด้านหลัง
“ในฐานะตัวเอกของละครเรื่องนี้เจ้าจะไปได้อย่างไร ?”
ร่างของไป๋รั่วแข็งทื่อด้วยเหตุผลใดไม่รู้ ในใจของนางรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา
ทันใดนั้นเอง…
ภายใต้การคุ้มครองของผู้คุ้มกันสองคนหญิงสาวคนหนึ่งสวมชุดสีเขียวมรกตก็เดินเข้ามาอย่างช้า ๆ
นางกำนัลผู้นั้นมองไป๋รั่วที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนแววตาของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
”หลิวเอ๋อ?”
ครั้นไป๋รั่วเห็นเด็กสาวผู้นั้นใบหน้าของนางพลันเปลี่ยนไป ใบหน้าของนางแลดูน่าสังเวช อีกทั้งซีดเผือดไร้สีเลือด “เหตุใดเจ้า…”
พระชายาสงสัยหรือเพคะว่าเหตุใดหม่อมฉันถึงยังมีชีวิตอยู่?” หลิวเอ๋อกล่าวเย้ยหยัน นางเหน็บแนมต่อว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ หม่อมฉันทำหลายต่อหลายสิ่ง เพื่อช่วยเหลือพระชายา ? หากแต่เมื่อพระชายาไม่จำเป็นต้องใช้หม่อมฉันแล้ว พระองค์ก็ถึงกับกำจัดหม่อมฉันเลยกระนั้นหรือ ? ”
ราวกับท่อนซุงหนักๆ ทุบลงกลางฝูงชน
ที่นี่นอกจากเด็กอายุห้าขวบแล้วยังมีเสนาบดี อีกทั้งแม่ทัพนายกอง
ในความประทับใจของพวกเขาไป๋รั่วนั้นทั้งอ่อนโยนทั้งใจดี และมักจะตอบแทนคนชั่วด้วยความดี แต่เหตุใดตอนนี้นางกำนัลคนสนิทของพระชายาจึงกล่าวถ้อยคำเช่นนี้ ?
หนานกงหยวนรีบกระพริบตาส่งสัญญาณให้หนานกงอี้เพราะไม่ว่าไป๋รั่วจะทำอะไร เขาก็ต้องแก้ไขเป็นการส่วนตัว หากกระทำการใดในที่เปิดเผย ย่อมจะเป็นการทำลายชื่อเสียงของราชวงศ์
หนานกงอี้รู้ความนัยที่หนานกงหยวนต้องการสื่อเขารีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดหลิวเอ๋อ ทว่ายามนี้สายตาอันเย็นเยือกของตี้คังก็กราดมา พร้อมกับรอยยิ้มเยาะหยัน
“ข้าเชิญเจ้าดูละครละครยังไม่ทันจบ ผู้ใดกล้าหยุดกลางครัน ?”
หนานกงอี้ชะงักภายใต้แรงกดดันของตี้คัง เขาพบว่ามันน่ากลัวมาก มากเสียจนเขาไม่มีพลังแม้แต่จะก้าวย่าง
และเมื่อเห็นเช่นนี้หนานกงหยวนก็ทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างสิ้นหวัง
จบแล้ว!
ครานี้ชื่อเสียงของราชวงศ์ต้องถูกทำลายสิ้น!
”พูดต่อไป”ตี้คังกวาดสายตากลับมา น้ำเสียงของเขาฟังดูเท่ห์มาก
”เพคะท่านอ๋อง” หลิวเอ๋อกล่าว นางพยายามระงับความเกลียดชังในหัวใจ “ก่อนหน้านี้ เพื่อให้พระชายาได้อภิเสกสมรสกับองค์รัชทายาท พระชายาได้ขอให้หม่อมฉันกระทำบางสิ่งเพื่อนาง” หลิวเอ๋อกล่าวพลางเดินไปทางไป๋หยาน จากนั้นนางก็คุกเข่าลงคำนับอย่างแรง “คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยสมควรตาย ข้าน้อยช่วยคุณหนูรองใส่ความท่าน”
“คุณหนูรองอิจฉาที่ท่านเป็นเพียงคนไร้ค่าทว่ากลับสามารถสมรสกับราชนิกูลได้ เช่นนั้นนางจึงสั่งให้ข้าซื้อยาปลุกกำหนัดมาให้นาง อีกทั้งยังเตรียมชายผู้หนึ่งไว้ให้ท่าน ! แต่ผู้ใดจะคิดว่าท่านจะหนีไปได้”
”แน่นอนว่าท่านต้องหาผู้ชายสักคนมาขจัดอาการที่เกิดจากฤทธิ์ยานั่น เช่นนั้นคุณหนูรองจึงพาข้าออกตามหาท่านไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ที่สุดเราก็พบท่านอยู่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดรุ่ยกลางป่า … ”