จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 381-385
บทที่ 381 : ไป๋จื่อหญิงโง่เง่า (2)
”ข้าต้องไปแล้ว”
ครั้นไป๋หยานไม่กล่าวคำใดอีกฉู่อี้เฟิงก็ยิ้มน้อย ๆ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความห่วงหาอาทร ท้ายที่สุดเขาก็เอ่ยลา น้ำเสียงของเขายังคงเฉยเมยเฉกเช่นเคย มีเพียงตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้ว่าหัวใจของเขาขมขื่นเพียงไร
ในขณะที่เขาหันหลังกลับเพื่อจะจากไปนั้นเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นจากด้านหลัง
”พี่ชาย”
ร่างของฉู่อี้เฟิงพลันแข็งค้างเขาหลับตาลงช้า ๆ
นางเรียกเขาว่าพี่ชายชั่วชีวิตนี้เขาจะติดตามนางได้ก็แต่ในฐานะพี่ชายร่วมสาบานเท่านั้น
ไป๋หยานยืนอยู่ด้านหลังฉู่อี้เฟิงนางจ้องมองร่างสะโอดสะองของบุรุษที่อยู่เบื้องหน้า “ข้าเชื่อว่า สักวันท่านจะได้พบกับสตรีที่ท่านสามารถรักได้อย่างแท้จริง ปล่อยวางเรื่องของข้าเสีย จากนั้นก็เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ตกลงหรือไม่ ?”
พบกับสตรีที่สามารถรักได้อย่างแท้จริงกระนั้นหรือ?
ฉู่อี้เฟิงยิ้มอย่างขมขื่นนับแต่เขาหลงรักนาง ดวงตาและดวงใจของเขาก็ไม่สามารถยอมรับหญิงอื่นได้อีกต่อไป
และจะมีหญิงใดในโลกนี้ที่สามารถเทียบนางได้
”อืม”
ฉู่อี้เฟิงลืมตาขึ้นรอยยิ้มผุดพรายขึ้นบนมุมปากของเขา
หากความรักของข้าเป็นภาระกับเจ้าก็ขอให้เจ้าคิดเสียว่า ข้าได้ปล่อยวางแล้ว บัดนี้เจ้าได้พบกับคนที่เจ้ารักจริง ๆ ข้าก็จะพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกนั้นไว้ในใจ
ไป๋หยานค่อยๆ ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานางไม่เคยหวั่นไหวไปกับฉู่อี้เฟิง นางเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด นางถึงไม่เคยใจอ่อนให้กับผู้ชายที่ปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดีผู้นี้เลย
บางทีฉู่อี้เฟิงและนางอาจเหมาะที่จะเป็นพี่ชายกับน้องสาวมากกว่า
”ประมุขน้อยฉู่”
ในขณะที่ฉู่อี้เฟิงกำลังจะก้าวจากไปนั้นเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นมาอีก ไป๋จื่อรีบกระเสือกกระสนลุกขึ้นจากพื้น จากนั้นก็เดินโซเซเข้าไปหาฉู่อี้เฟิง
”ประมุขน้อยฉู่โปรดช่วยข้าด้วย ข้ายังไม่อยากตาย หากท่านยอมยื่นมือช่วยข้า ข้ายินดีรับใช้ท่านไม่ว่าจะในฐานะใด จะให้ข้าเป็นทาสหรือเป็นบ่าวรับใช้ ข้าก็ยินดี”
ไป๋จื่อทรุดกายลงคุกเข่าด้านหลังของฉู่อี้เฟิงนางยึดขากางเกงของเขาไว้แน่น พลางร้องห่มร้องไห้อ้อนวอน
ฉู่อี้เฟิงนั้นแตกต่างจากอ๋องคังไม่มีประโยชน์ใดที่จะขอร้องอ๋องคังอีก ทว่ากับประมุขน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้น นับแต่แรกเห็น ลักษณะของเขาก็เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน บางทีเขาอาจจะช่วยนางได้
นอกจากนี้ไป๋หยานยังปฏิเสธฉู่อี้เฟิงไปแล้วหากฉู่อี้เฟิงยอมรับนาง กระทั่งนางสามารถปีนเตียงเขาได้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ย่อมจะตกเป็นของนางใช่หรือไม่ ?
ฉู่อี้เฟิงชะงักฝีเท้าทันทีเขาหันศีรษะกลับมามองเด็กสาวผู้ซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น น้ำเสียงของเขาเฉยชาราวกับสายลมหนาว ทว่าประหนึ่งดาบเย็นยะเยือกแทงหัวใจของนาง
”ผู้อาวุโสลากนางไปโบยเสียให้ตาย”
ไป๋จื่อเบิกตากว้างนางช้อนตาขึ้นมองใบหน้าที่หล่อเหลาเบื้องหน้านางอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า บุรุษที่อ่อนโยนดั่งฤดูใบไม้ผลิจะโหดร้ายมากมายถึงเพียงนี้ !
ไม่ไม่จริง เมื่อครู่นี้เขาอ่อนโยนจะตาย ชายผู้นี้จะโหดร้ายเช่นนี้ไม่ได้ !
ยามนี้ไป๋จื่อดูเหมือนจะหลงลืมไปแล้วว่าบุรุษสามารถอ่อนโยนต่อสตรีอันเป็นที่รัก หากแต่ไม่ได้แปลว่าเขาจะทำเช่นนั้นกับผู้อื่นด้วย
”ยายงั่งเอ๊ย!”
เจิ้งฉีหัวเราะเยาะเด็กโง่คนนี้ คิดไม่ถึงว่านางจะร้องขอความช่วยเหลือจากประมุขน้อย
เขายังคงจดจำได้ดีว่าเมื่อสองปีก่อนครั้งที่ไป๋หยานได้รับบาดเจ็บกลับมาจากภายนอก ทันทีที่ประมุขน้อยรู้เรื่องนี้ เขาก็รีบออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แต่เพียงลำพัง เขาถอนรากถอนโคนฝ่ายที่ทำร้ายไป๋หยาน และเจ้าสำนักนั่นก็ถูกเขาสังหาร
ชายผู้นี้หากมองเพียงผิวเผินก็จะเห็นว่าเขาเป็นคนอ่อนโยนใช่หรือไม่?
”ฮัวหยู”
ตี้คังร้องเรียกด้วยน้ำเสียงเย็นชาเขามองฉู่อี้เฟิง ก่อนจะหันไปจ้องไป๋จื่อด้วยนัยน์ตากระหายเลือด
***จบบทไป๋จื่อหญิงโง่เง่า (2)***
บทที่ 382 : ตี้คังก็หวาดหวั่นเป็น
ฟุ่บ!
วิหคเพลิงตัวใหญ่ร่อนลงมาจากท้องฟ้าก่อนจะกลายร่างเป็นชายหนุ่มผู้ซึ่งมีเรือนผมสีแดง ชายผู้นี้สวมใส่อาภรณ์สีแดง เขาก้าวเข้ามาหาตี้คังอย่างเคารพนบนอบ
”ไม่ทราบว่าทรงมีพระประสงค์สิ่งใดให้กระหม่อมรับใช้พ่ะย่ะค่ะ ?”
มุมปากของตี้คังยกยิ้มรอยยิ้มของเขาเหี้ยมเกรียม “หลังจากที่โบยนางจนตายแล้ว ก็ให้ใช้แส้หวดศพนางต่อไปอีกร้อยวัน จากนั้นก็จงโยนซากของนางเข้าไปในป่าสัตว์อสูร ให้พวกมันได้กัดกินซากศพ”
”พ่ะย่ะค่ะ”หัวใจของฮัวหยูสั่นสะท้าน เขารู้ดีว่า ไป๋จื่อคอยตามตื๊อราชาของเขาจนน่ารำคาญ เขาจึงรีบตอบรับคำทันที “องค์ราชา เช่นนั้นเจ้าบ้านไป๋ล่ะ จะให้จัดการเขาเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ ?”
แววตาที่ไร้ซึ่งความเอื้ออาทรของตี้คังมองไปทางไป๋เฉิงเซียง”ทำลายวรยุทธ หักขา จากนั้นก็ให้เขาปลิดชีพตนเอง !”
เขาไม่ได้สังหารไป๋เฉิงเซียงด้วยตนเองทว่ากลับให้ไป๋เฉิงเซียงฆ่าตัวตาย ขยะอย่างไป๋เฉิงเซียง ไม่ควรจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้
ไป๋เฉิงเซียงนั่งอยู่บนพื้นดินใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เขารู้สึกเสียใจ กระทั่งต้องหลับตาลง ยามนี้หัวใจของเขาราวถูกมดรุมกัดแทะ เขายังไม่สามารถยอมรับในสิ่งที่ตนต้องเผชิญต่อไปได้
ฉู่อี้เฟิงมองตี้คังด้วยแววตาที่ซับซ้อนเขาไม่กล่าวคำใดอีก ที่สุดเขาก็หันมามองไป๋หยาน ก่อนจะหันหลังให้
ในสายลมแผ่วพริ้วร่างหล่อเหลาพลันหายไปจากสายตาของนาง
นัยน์ตาของไป๋หยานพร่าเลือนเล็กน้อยบางทีอาจเป็นเพราะภาพด้านหลังของฉู่อี้เฟิงแลดูเหงาโดดเดี่ยวมากเกินไปกระทั่งทำให้นางเศร้า
ในเวลานี้ตี้คังจับมือนางพร้อมกับรั้งแขนของนางไว้แน่น
”ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป”
ความแข็งแกร่งของเขาลึกล้ำทั้งน้ำเสียงของเขาก็แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอย่างชัดเจน
ไป๋หยานขมวดคิ้วนางหันมองบุรุษที่ยืนข้างกายอย่างงวยงง นางไม่รู้ว่านางเห็นไปเองคนเดียวหรือไม่ ? นางมักรู้สึกเสมอว่านอกเหนือจากความหึงหวงแล้ว นัยน์ตาเรียวคมของตี้คังยังซุกซ่อนความรู้สึกหวาดหวั่นไว้ด้วย
นางหัวเราะให้กับตนเองบุรุษที่แข็งแกร่ง ทั้งชอบข่มขู่คุกคามอยู่เสมอ จะหวาดหวั่นอะไรได้ ?
ตาของข้าคงฝาดไปกระมัง
แท้จริงแล้วตี้คังรู้สึกหวั่นใจจริง ๆ ตอนนี้เขากลัวเหลือเกินว่าไป๋หยานจะใจอ่อน และตามฉู่อี้เฟิงไป
หากถึงเวลานั้นเขาจะเลือกใช้กำลังบังคับนางให้อยู่กับเขาหรือไม่ ? หรือจะยอมปล่อยให้นางจากไป ?
เขาไม่สามารถปล่อยนางไปกับชายอื่นได้แน่แต่หากใช้วิธีการรุนแรงเขาก็เกรงว่านางจะเกลียดเขา
โชคดีที่นางยังคงอยู่ที่นี่
ตี้คังหัวเราะเยาะตนเองก่อนจะเชิดริมฝีปากขึ้น ในฐานะราชาแห่งแดนอสูร เขาเคยหวาดกลัวอะไรที่ไหนกัน ? ทว่าตอนนี้ขอเพียงนางยินยอมพร้อมใจอยู่กับเขา เขาก็ยินดีที่จะยอมสละศักดิ์ศรีของตน
”ไป๋หยานเจ้าวางพิษชนิดใดให้ข้า ? เหตุใดเจ้าจึงทำให้ข้าหลงใหลได้มากมายถึงเพียงนี้ ? ฮึ เขาเชยคางของไป๋หยานขึ้นเบา ๆ รอยยิ้มนั้นงดงามมาก เบ่งบานราวดอกไม้
ไป๋หยานปัดมือของตี้คังออกพลางกล่าวว่า”ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่าท่านต้องพิษชนิดใดจากข้า ข้ายินดีที่จะล้างพิษนั่นให้หมดจากตัวท่าน เพื่อให้เราสบายใจด้วยกันทั้งคู่”
ตี้คังเลิกคิ้วขึ้นพลางกล่าวพร้อมรอยยิ้มคุกคาม”ข้าต้องขอโทษด้วย พิษชนิดนี้ของเจ้าไม่สามารถแก้ไขได้ตลอดชีวิต”
ขออภัยพิษชนิดนี้ของเจ้าไม่สามารถแก้ไขได้ตลอดชีวิต !
ไป๋หยานมองรอยยิ้มร่าของชายหนุ่มพลันหัวใจของนางก็แทบหยุดเต้น นางหันหน้าหนีอย่างไม่รู้ตัว นางไม่ต้องการเห็นใบหน้างามราวปีศาจของชายผู้นี้
ลึกๆ แล้ว ในหัวใจของไป๋หยานก็สั่นไหวไม่น้อย กระทั่งนางต้องพยายามข่มห้ามความรู้สึกนี้ให้มลายหายไป ก่อนจะทำปากยื่นโดยไม่กล่าวคำใด
”หม่ามี้เฉินเอ๋อง่วงนอนแล้ว”
ไป๋เสี่ยวเฉินแนบร่างเข้าหาไป๋หยานน้ำเสียงของเขาฟังดูอ่อนล้า
เดิมทีเขาต้องการบอกป๊ะป๋าวายร้ายถึงปมในใจของหม่ามี้ทว่าเมื่อครู่นี้ป๊ะป๋าวายร้ายกลับอยากให้เขาไปอยู่กับคนอื่น เช่นนั้นเขาจึงจะไม่บอกความจริงข้อนี้สักสองสามวัน ให้สาสมกับความผิดของป๊ะป๋า
ตี้คังผู้น่าสงสารเขาเพียงคิดว่าบุตรชายของตนต้องมีชีวิตเช่นลูกผู้ชายทั่วไป วันหน้าบุตรชายของเขาก็จะต้องออกไปสร้างครอบครัวของตนเอง แต่ครั้นไป๋เสี่ยวเฉินได้ยิน ก็กลับคิดว่าป๊ะป๋าวายร้ายต้องการแย่งเป็นคนโปรดของหม่ามี้ ถึงกับต้องวางแผนกำจัดเขาให้ไปอยู่กับคนอื่น
***จบบทตี้คังก็หวาดหวั่นเป็น***
บทที่ 383 : เสียใจกันทั้งนั้น
เช่นนั้นไป๋เสี่ยวเฉินจึงรู้สึกโมโหตนเองที่อุตส่าห์คิดอ่านวางแผนช่วยป๊ะป๋าวายร้ายตามตื๊อหม่ามี้เมื่อหลายวันก่อน
”ตกลงเรากลับบ้านกันเถอะ”
นับแต่ต้นจนจบไป๋หยานไม่หันไปมองสองพ่อลูกสกุลไป๋เลยนางจับมือของไป๋เสี่ยวเฉินพลางยิ้มอย่างสดใส ใบหน้าของนางงดงามไร้ที่ติ
”แค่กๆ” เจิ้งฉีกระแอมแห้ง ๆ “ศิษย์รัก เจ้ากลับไปก่อน แล้วข้าจะไปหาเจ้าหลังจากที่ข้าจัดการกับคนเหล่านี้เสียก่อน”
”ก็ดี”
ไป๋หยานเหลียวกลับไปมองเจิ้งฉีพลางกล่าวว่า”หากเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ไปพบข้าที่บ้านสกุลหลานแล้วกัน … ”
*****
ทันทีที่ครอบครัวของไป๋หยานทั้งสามคนจากไปฝูงชนที่เงียบสงบก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง
พวกเขาต่างก็เสียใจอย่างมากเมื่อได้รู้ว่าไป๋หยานมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เมื่อครู่พวกเขาไม่ควรเข้าข้างลู่จีเฟิงเลย
โชคไม่ดีที่พวกเขาเลือกไปแล้วพวกเขาไม่เพียงแต่ไม่มีสิทธิซื้อยาจากหอบุปผาเท่านั้น ทว่ายังสร้างความขุ่นเคืองให้กับศิษย์ของผู้อาวุโสแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย !
”เสด็จแม่”
พระพักตร์ของหนานกงหยวนแลดูละอายเล็กน้อยเขาก้าวไปยืนข้าง ๆ ไทเฮาพลางมีรับสั่งถามด้วยสุรเสียงเบา ๆ ว่า “จะทรงขอความเมตตาจากแม่นางไป๋ได้หรือไม่ ? หากอาณาจักรหลิวฮั่วของเราสามารถซื้อยาได้ พลังของอาณาจักรหลิวฮั่วก็จะยิ่งเพิ่มทวี”
ไทเฮาแย้มสรวลน้อยๆ “ฮ่องเต้ นี่พระองค์ยังไม่รู้จักนิสัยไป๋หยานหรือ ยังคิดจะใช้หม่อมฉันขอความเมตตาอีกรึเพคะ ? พระองค์ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่พระองค์เลือกเอง”
”แต่ว่า… ” หนานกงหยวนตรัสพร้อมรอยยิ้มเศร้า “หม่อมฉันเกรงว่า ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะโกรธแค้น กระทั่งสร้างความเดือนร้อนไปทั่วราชอาณาจักรหลิวฮั่วของเรา เช่นนั้นหม่อมฉันจึงไม่กล้าที่จะเป็นพยานให้ ทว่าเสด็จแม่ก็รักหลานเยี่ยไม่ต่างจากบุตรสาว ตอนนี้ก็ทรงปฏิบัติต่อไป๋หยานเป็นอย่างดี นางจะต้องฟังเสด็จแม่เป็นแน่”
ไทเฮายิ้มหากแต่เป็นยิ้มที่แสดงชัดว่านางช่วยอะไรไม่ได้
”ที่ไป๋หยานไม่ติดใจเอาความอาณาจักรหลิวฮั่วก็เป็นเพราะเห็นแก่หน้าแม่หาไม่แล้วนางคงจะทำลายอาณาจักรนี้ไปแล้วตอนนี้พระองค์ยังอยากจะซื้อยาเม็ดของนางอีกหรือ ? เหตุใดนางจะต้องขายยาให้ผู้ที่แทงนางข้างหลังด้วยเล่า ?”
พระพักตร์ของหนานกงหยวนแข็งค้างเขาก้มเศียรลงพลางครุ่นคิด
ครู่ใหญ่กว่าเขาจะตัดสินพระทัยได้ก่อนตรัสว่า “หม่อมฉันจะออกพระราชโองการสละบัลลังก์ให้องค์ชายเจ็ดหนานกงซุ่น”
ฝูงชนตกใจมาก
หนานกงหยวนไม่แต่งตั้งรัชทายาททว่ากลับมอบบัลลังก์ให้หนานกงซุ่นเลย !
แน่นอนว่าหากหนานกงหยวนแต่งตั้งรัชทายาทอาณาจักรหลิวฮั่วก็คงไม่ได้รับการช่วยเหลือใด ๆ แต่หากหนานกงซุ่นขึ้นเป็นฮ่องเต้ ย่อมประจักษ์ชัดว่าอาณาจักรหลิวฮั่วเป็นของหนานกงซุ่น
ในฐานะอาจารย์ของหนานกงซุ่นไป๋หยานคงไม่สามารถเพิกเฉยต่ออาณาจักรหลิวฮั่วได้
”เสด็จแม่ทันทีที่องค์ชายเจ็ดขึ้นครองราชย์ เป็นฮ่องเต้แห่งอาณาจักรหลิวฮั่วนี่แล้ว หม่อมฉันจะขอไปพำนักที่ตำหนักใดตำหนักหนึ่ง เพื่อรอทัศนาเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ หลายปีที่ผ่านมานี้หม่อมฉันเหนื่อยมากพอแล้ว”
เขาสละราชสมบัติดีกว่าให้ไป๋หยานทอดทิ้งอาณาจักรนี้เขายอมสละบัลลังก์แล้วให้พระโอรสขึ้นครองราชย์แทน อย่างน้อยในภายหน้าเขาก็จะยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายมีกินมีใช้
ไทเฮาไม่ใส่พระทัยหนานกงหยวนทว่ากลับหันไปทางหนานกงซุ่น “ซุ่นเอ๋อ เจ้าคิดยังไง ?”
หนานกงซุ่นเงียบหากเป็นอดีต เขาคงจะยอมรับบัลลังก์ ทว่าบัดนี้เขาไม่มีความรู้สึกอยากได้มันเลย
”ไทเฮาซุ่นเอ๋อ ต้องการเพียงติดตามอาจารย์หญิง และปกป้องไป๋เสี่ยวเฉิน ไม่ต้องการอื่นใดอีก”
เขาเงยหน้าขึ้นแววตาของเขาคงมั่นไม่หวั่นไหว
”ได้”ไทเฮายิ้มพร้อมกับตบไหล่เขา “ไทเฮาสนับสนุนการตัดสินใจทุกอย่างของเจ้า ! ในวันหน้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าต้องสละชีวิตเพื่อปกป้องไป๋เสี่ยวเฉิน เพราะหากปราศจากความช่วยเหลือของเขา เจ้าก็ไม่มีวันนี้ เจ้าไม่ควรลืมความเมตตา และควรรำลึกถึงมันอยู่เสมอ”
***จบบทเสียใจกันทั้งนั้น***
บทที่ 384 : เรื่องตื่นเต้นของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลาน (1)
ใบหน้าของหนานกงหยวนปรากฏความละอายเขารู้ดีว่าที่เสด็จแม่ของเขามีรับสั่งกับหนานกงซุ่นเช่นนั้น แท้จริงแล้วนางกำลังตักเตือนเขา
”ไทเฮา”หนานกงซุ่นเงยหน้าอันอ่อนเยาว์ และไม่หวั่นไหวของเขาขึ้นมอง “ซุ่นเอ๋อเข้าใจแล้ว ซุ่นเอ๋อจะไม่มีวันเนรคุณ”
ไทเฮาพยักพักตร์ด้วยความพึงพอพระทัยสายพระเนตรเฉยเมยของนางกวาดไปมองหนานกงอี้ที่กำลังนอนพังพาบอยู่ นางทำได้เพียงส่ายเศียร ก่อนจะหันหลังเสด็จจากไปโดยไม่มีรับสั่งใดอีก
”พวกเจ้าเข้ามานี่!” หลังจากไทเฮาเสด็จจากไปแล้ว หนานกงหยวน ก็มีพระพักตร์เย็นชา “พาหนานกงอี้ลงมา จากนั้นก็นำไปขังคุก เพื่อรอการประหาร !”
ถ้อยคำของหนานกงหยวนไม่ได้ทำให้หนานกงอี้รู้สึกรู้สาอะไรนักนัยน์ตาของเขาจับจ้องมองตามทิศทางที่ไป๋หยานเพิ่งเดินลับตาไป ความเจ็บปวดและความเสียใจปรากฏอยู่ในแววตาของเขาไม่จางหาย
ชั่วขณะนั้นองครักษ์หลายคนก็เดินเข้าไปคว้าร่างของหนานกงอี้ลากเขาลงมาจากเวทีประลอง กระทั่งทิ้งร่องรอยลึกไว้บนพื้น
*****
ณบ้านสกุลไป๋
หยูหรงนั่งอยู่หน้ากระจกแต่งตัวจ้องมองภาพสะท้อนของสตรีวัยกลางคนในกระจกที่ไม่ได้อยู่ในช่วงเวลางดงามแห่งชีวิตอีกต่อไปแล้ว นางขมวดคิ้วน้อย ๆ พลางลูบไล้ใบหน้าที่ล่วงวัยไปเรื่อย ๆ
”ข้าแก่แล้วจริงๆ … ”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของนางนัยน์ตาของนางจับจ้องมองท้องของตนเอง
ก่อนหน้านี้เพื่อให้ได้บุตรชายอีกคนให้กับตระกูลไป๋แล้ว นางไม่ลังเลเลยที่จะมีความสัมพันธ์กับชายอื่น กระทั่งเรื่องนี้ถูกไป๋หยานเปิดโปง ทำให้บุตรในท้องของนางไม่มีโอกาสได้ถือกำเนิด
บัดนี้นางต้องการที่จะตั้งครรภ์อีกครั้งหากแต่เกรงว่าจะมิใช่เรื่องง่าย
”โชคดีที่ข้ายังมีบุตรสาวที่ยอดเยี่ยมมากอีกหนึ่งคนนางจะต้องสามารถนำความเจริญรุ่งเรืองมาให้ข้าได้เป็นแน่ !” รอยยิ้มของหยูหรง นั้นแลดูเลือดเย็น แววตาของนางเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
”หลานเยี่ยต่อให้เจ้าสวยกว่าแล้วไง ? ท้ายสุดแล้ว ข้าก็ไม่แพ้เจ้า แม้ว่าบุตรสาวของเจ้าจะสวยกว่าเจ้า ทว่าที่สุดแล้วชีวิตของนางก็ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของไป๋จื่อ ?”
อย่างไรก็ตามสิ่งที่หยูหรงไม่เข้าใจก็คือ มารดาของนางวางยาหลานเยี่ย หากแต่เหตุใด บุตรของหลานเยี่ยถึงถือกำเนิดได้โดยไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด ?
นางไม่รู้ว่าเหตุใดหลานเยี่ยถึงได้โชคดีเพียงนี้ !
ขณะที่หยูหรงยืนกัดฟันอยู่หน้ากระจกและกำลังจะหันหลังกลับนั้น จู่ ๆ เสียงผู้คนจำนวนมากก็ดังลอดประตูเข้ามา
ชั่วขณะนั้นใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก
”ผู้ใดกันกล้าเข้ามาสร้างปัญหาในบ้านสกุลไป๋ ? หรือว่าจะเป็นไป๋หยานอีก”
แววตาของนางฉายประกายร้ายกาจขณะก้าวออกไปนอกห้อง
บริเวณลานบ้านสกุลไป๋มีผู้คุ้มกันจำนวนมากมายรายล้อมรอบลานบ้าน
ด้านหน้าของเหล่าผู้คุ้มกันปรากฏชายหนุ่มผู้หนึ่งสวมเสื้อคลุมสีเงินยวงยืนอยู่ ร่างของเขาผอมสูง ทว่าแลดูเย็นชา
บรรดายามภายในบ้านสกุลไป๋ที่ไม่ลุกขึ้นต่อต้านจะถูกผู้คุ้มกันจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ควบคุมตัวส่วนผู้ใดที่ดื้อด้านต่อต้านก็ต้องนอนจมกองเลือดไม่มีรอดชีวิตแม้สักรายเดียว
หยูหรงตกตะลึงนางมองหนุ่มหล่อใบหน้าเฉยเมยผู้ซึ่งยืนนิ่งท้าสายลมก่อนจะร้องออกมาว่า “ไป๋เซียว เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
เขาควรจะอยู่บนเวทีประลองมิใช่หรือ?
นอกจากนี้… เหตุใดผู้คุ้มกันของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ถึงได้ติดตามเขา ?
หยูหรงผู้ซึ่งเคยเห็นผู้คุ้มกันของดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาก่อนเมื่อครั้งอยู่กับไป๋จื่อ นางย่อมสามารถจดจำผู้คุ้มกันชุดขาวซึ่งเป็นคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ดี ทว่าคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ควรต้องเชื่อฟังคำสั่งของลู่จีเฟิงสิ ก็แล้วเหตุใดพวกเขาถึงมาติดตามไป๋เซียวได้ล่ะ ?
”หรงเอ๋อ…เกิดอะไรขึ้น?”
หยูฮูหยินนำกลุ่มสาวใช้วิ่งมาหาหยูหรง
***จบบทเรื่องตื่นเต้นของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลาน (1)***
บทที่ 385 : เรื่องตื่นเต้นของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลาน (2)
ครั้นหยูฮูหยินเห็นไป๋เซียวยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนใบหน้าเหี่ยว ๆ ของนางก็บิดเบี้ยวทันที
”ไป๋เซียวนี่เจ้ายังกล้ากลับมาที่บ้านสกุลไป๋ของเราอีกกระนั้นหรือ ? ”
ไป๋เซียวมองสองแม่ลูกที่อยู่ต่อหน้าเขารอยยิ้มของเขาเย็นยะเยือก “ที่ข้ามาที่นี่ ก็เพื่อเอาชีวิตของพวกเจ้า !”
“ว่าไงนะ?” “เจ้ากล้าลองดีกับบ้านสกุลไป๋งั้นรึ ?” หยูฮูหยินกล่าว “คนอย่างข้าไม่รู้จักคำว่าตายหรอก ผู้ที่จะต้องตายก็คือเจ้าเสียล่ะมากกว่า กล้าที่จะเป็นศัตรูกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์กระนั้นหรือ ?
”ฮ่าฮ่าฮ่าการฆ่าคนบ้านสกุลไป๋ของเจ้าจะนับเป็นศัตรูของดินแดนศักดิ์สิทธิ์กระนั้นรึ ?”
ทันใดนั้นเองเสียงหัวเราะเยาะเย้ยก็ดังขึ้น
ฉู่อีอี้ปรากฏต่อหน้าสายตาทุกผู้คน นางเดินอย่างแช่มช้าไปทางไป๋เซียว
ผู้คุ้มกันแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างก็หลีกทางให้นางกระทั่งนางมาหยุดยืนข้างไป๋เซียว จากนั้นผู้คุ้มกันแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็รอรับคำสั่งจากนาง
”นางปีศาจน้อยเจ้าหัวเราะอะไรกัน ? หากเป็นศัตรูกับตระกูลไป๋ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เจ้ากล้างั้นรึ ?” หยูฮูหยินไม่เคยเห็นคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาก่อน นางไม่รับรู้ถึงอาการตัวสั่นของหยูหรงในตอนนี้ ครั้นเห็นฉู่อีอี้กล้าหัวเราะเยาะนาง นางก็ตวาดออกมาทันทีด้วยความโกรธ
”บังอาจ!”
ผู้คุ้มกันแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก้าวเข้าไปหาหญิงชราอย่างรวดเร็วแววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความดุดัน “หยูฮูหยิน เจ้าควรแสดงความเคารพต่อองค์หญิงน้อยของข้า !”
องค์หญิงน้อย
ทันใดนั้นเองนัยน์ตาของหยูหรงก็เบิกกว้างนางรีบยกมือขึ้นปิดปาก ร่างของนางสั่นเทา
หญิงผู้นี้ที่เฝ้าติดตามไป๋หยานไม่ห่างนางจะเป็นองค์หญิงน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร ?
“องค์หญิงน้อยอะไรกัน? กะแค่องค์หญิง จะใหญ่โตอะไรนักหนา เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลานสาวของข้าคือผู้ใด ? แม้แต่คนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ยังต้องเชื่อฟังนาง !”
หยูฮูหยินยังไม่เข้าใจสถานการณ์นางจึงกล่าวด้วยน้ำสียงหนักแน่น
”ฮ่าๆ ๆ ๆ”
ครั้นได้ยินถ้อยคำดังกล่าวบรรดาผู้คุ้มกันจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
เสียงหัวเราะลั่นสะเทือนฟ้ากระชากหัวใจของหยูหรงให้สั่นสะท้านอีกครั้ง
”องค์หญิงน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเราอยู่ที่นี่แล้วไยจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของไป๋จื่อ ? โอ้ ! อีกอย่าง แม่นางไป๋หยานที่เจ้าหวังจัดการก็เป็นศิษย์ของหัวหน้าคณะผู้อาวุโสทั้งสามของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่ประมุขของเราก็ยังต้องเกรงใจแม่นางไป๋หยาน กระทั่งองค์หญิงน้อยก็เต็มใจที่จะติดตามนาง เช่นนี้แล้วเจ้ายังคิดใช้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จัดการกับนางอีกกระนั้นรึ ?”
บูม!
ราวกับสายฟ้าฟาดใส่สองแม่ลูกสกุลหยูพวกนางได้แต่ยืนนิ่งอึ้งอยู่กับที่ สมองมึนงงไม่รับรู้อะไรอีกครู่ใหญ่
ไป๋หยานเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์กระนั้นรึ?
องค์หญิงน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยินดีที่จะติดตามนางด้วยงั้นรึ?
”ไม่!” หยูหรงกรีดร้อง “บุตรสาวของหลานเยี่ยจะมีโชคดีเช่นนี้ได้อย่างไร ? ทั้งหมดนี้ควรจะเป็นของจื่อเอ๋อ และรั่วเอ๋อ ! เหตุใดถึงเป็นของนาง”
เหตุใดหลานเยี่ยถึงได้เหนือกว่านางทุกอย่าง
ทั้งสวยกว่านางทั้งมีครอบครัวที่ทรงอำนาจมากกว่าครอบครัวของนาง แม้แต่บุตรสาวของนางแพศยานั่น ก็ยังได้ดีกว่าบุตรสาวของนาง ?
จะให้นางยอมรับง่ายๆ ได้เยี่ยงไร ?
หยูหรงกัดริมฝีปากกระทั่งเลือดซึมนางจ้องไป๋เซียวด้วยความคับแค้นใจ ร่างของนางสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
”ในเมื่อพวกเจ้าสองแม่ลูกร่วมมือกันวางยาพิษท่านแม่ของข้าเจ้าควรจะรู้ใช่หรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเวลานี้มาถึง !” ไป๋เซียวก้าวเข้าหาคนทั้งสองอย่างช้า ๆ อายเย็นยะเยือกเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น เจตนาสังหารแผ่กระจายออกโดยรอบ “บัดนี้ ข้าจะล้างแค้นแทนท่านแม่ของข้า ”
”ไม่นะ!”
เสียงของหยูหรงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวทว่าเสียงของนางกลับหยุดอยู่แค่เพียงในลำคอของนาง
นัยน์ตาของนางเบิกกว้างขณะมองไป๋เซียวตัดแขนของนางออกตอนที่นางพยายามยกมือขึ้นโบก เสียงของนางขาดหาย เนื่องด้วยความเจ็บปวดอย่างหนักหน่วง แม้อยากจะเป็นลมนางก็ยังทำไม่ได้
***จบบทเรื่องตื่นเต้นของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลาน (2)***