จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 386-390
บทที่ 386 : เรื่องตื่นเต้นของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลาน (3)
แววตาของไป๋เซียวเต็มไปด้วยความเกลียดชังเขาไม่ได้จบชีวิตสองแม่ลูกในทันที หากทว่าเขากลับใช้วิธีการที่โหดร้าย เขาตัดร่างของพวกนางออกเป็นส่วน ๆ
กระทั่งร่างของคนทั้งสองนอนนิ่งอยู่กับพื้นดินไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เขาจึงหยุดมือ จากนั้นเขาก็คุกเข่าลง น้ำตาไหลรินออกมาจากทั้งสองตา
ท่านแม่ท่านเห็นแล้วใช่หรือไม่ ? ที่สุดข้าก็ล้างแค้นแทนท่านได้แล้ว !
ทว่า…
ข้าอิจฉาพี่สาวของข้าจริงๆ ข้าอิจฉาที่นางมิใช่บุตรสาวของไป๋เฉิงเซียง ข้าอยากจะเปลี่ยนถ่ายเลือดทั้งหมดออกจากร่างของข้า ข้าไม่ต้องการให้เหลือสิ่งใดเกี่ยวข้องกับไป๋เฉิงเซียงอีก !
ผ้าเช็ดหน้าผืนสีชมพูถูกส่งยื่นมาให้เขาร่างของเขาพลันแข็งทื่อ เขารับผ้าเช็ดหน้ามา จากนั้นจึงใช้มันกดซับน้ำตาเบา ๆ พลางกล่าวว่า “ขอบใจ… ”
ฉู่อีอี้อ้าปากทว่าก็ไม่ได้กล่าวคำใด นางมองซากศพที่นอนจมกองเลือดพร้อมกับแย้มยิ้ม เผยให้เห็นลักยิ้มที่น่ารักทั้งสองข้างแก้ม
”หากให้เราเผาบ้านสกุลไป๋เจ้าจะกลับมาที่นี่อีกไม่ได้แล้วนะ”
ไป๋เซียวหลับตาลงครู่ใหญ่ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาลุกขึ้นยืนจากพื้น แววตาของเขาเต็มไปด้วยประกายซับซ้อน
”อื้ม”
กล่าวจบเขาก็หันหลังเดินจากไป
ฉู่อีอี้มองตามหลังไป๋เซียวครั้นเขาเดินออกจากประตูไป หัวใจของนางก็เจ็บปวด
”เซียวเอ๋อหากเจ้าไม่มีที่ไป เจ้าสามารถไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นสถานที่ที่ไป๋หยานเคยพักอาศัยอยู่ได้ นอกจากนี้เจ้าเองยังเข้าร่วมในการแข่งขันคัดเลือก เจ้าก็มีสิทธิ์เข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์”
”เดิมทีข้าต้องการเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จริง เพราะข้าคิดว่าหากข้าเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ ข้าอาจจะทำให้ชีวิตของพี่สาวข้ามั่นคง และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น หากแต่ตอนนี้ ข้ารู้แล้วว่าพี่สาวของข้าเป็นคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์อีกแล้ว”
เขาเงยหน้าขึ้นมองฉู่อีอี้ใบหน้าของเขายังคงอ่อนเยาว์ ทว่ารอยยิ้มของเขากลับดูมั่นคงหนักแน่น
”เพื่อพี่สาวแล้วข้าปรารถนาที่จะใช้ความแข็งแกร่งของตนเองเอาชนะคนทั้งโลก ข้าต้องการเป็นคนที่สามารถปกป้องนางได้ด้วยความพยายามของข้าเอง”
นัยน์ตาของฉู่อีอี้เป็นประกายนางเดินไปยืนข้างกายไป๋เซียว จากนั้นก็ยกมือขึ้นตบไหล่เขาเบา ๆ นางยิ้มพร้อมกับกล่าวให้กำลังใจ
”ไป๋หยานต้องยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รู้ว่า เจ้าพยายามทำทุกสิ่งเพื่อนาง เซียวเอ๋อ ป้ายนี้ข้ามอบให้เจ้า หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือ เจ้าสามารถไปพบข้าได้ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทุกเมื่อ”
นางไม่รอให้ไป๋เซียวได้ปฏิเสธรีบวางแผ่นป้ายในมือของเขา จากนั้นนางก็เหาะจากไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลมพัด
ไป๋เซียวยืนตะลึงนิ่งอยู่กับที่เขามองฉู่อีอี้ จากนั้นก็ก้มมองป้ายในมือ ทีท่าของเขาดูผิดไปจากเดิม
”ช่างเถอะไว้ค่อยคืนให้นางเมื่อเจอกันครั้งหน้า… ”
ดูเหมือนว่ายังมีกลิ่นหอมของหญิงสาวลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศไป๋เซียวเก็บป้ายที่นางให้ไว้เข้าไปในแขนเสื้ออย่างระมัดระวัง ก่อนจะย่างก้าวออกจากประตูบ้านสกุลไป๋อย่างแช่มช้า
ครั้นเขาก้าวออกมาได้ชั่วขณะหนึ่งบ้านสกุลไป๋ก็เกิดเพลิงลุกไหม้ เพลิงนั้นไม่ต่างกับสัตว์ประหลาดร้ายขนาดยักษ์ มันกลืนกินบ้านสกุลไป๋จนสิ้น
นับแต่นั้นมาก็ไม่ปรากฏบ้านสกุลไป๋ในอาณาจักรนี้อีกต่อไป
*****
นับแต่ไป๋หยานออกจากวังนางก็ตรงไปที่บ้านสกุลหลาน
เนื่องจากบ้านสกุลหลานเกลียดไป๋จื่ออย่างเข้ากระดูกดำตอนที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เปิดรับคัดสรรคน บ้านสกุลหลานจึงไม่ได้ส่งผู้ใดเข้าร่วม แม้แต่จะไปดูก็ยังไม่ไป แสดงให้เห็นว่าบ้านสกุลหลานตัดความสัมพันธ์กับบ้านสกุลไป๋อย่างสิ้นเชิง
ในขณะนี้ณ บ้านสกุลหลาน ทันทีที่ตี้เสี่ยวอวิ๋นแจ้งข่าวว่าอาจารย์ของไป๋หยานจะมาพักอยู่ที่นี่ คนในบ้านสกุลหลานทุกคนต่างก็ตื่นเต้น และวุ่นวาย ตงรั่วหลานลงมือจัดห้องพักรับรองแขกให้เป็นระเบียบเรียบร้อยด้วยตนเอง
อาจารย์ของไป๋หยานเป็นถึงหมอปรุงยาระดับสี่! ซึ่งจัดได้ว่าเป็นคนที่มีฐานะสำคัญมากในแผ่นดินใหญ่นี้ ! พวกเขาจะละเลยแขกพิเศษเช่นนี้ได้อย่างไร ?
***จบบทเรื่องตื่นเต้นของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลาน (3)***
บทที่ 387 : เรื่องตื่นเต้นของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลาน (4)
ในขณะที่ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานกำลังเดินไปเดินมาอย่างหงุดหงิดอยู่นั้นบ่าวรับใช้ก็เข้ามารายงานว่าไป๋หยานกับตี้คังได้มาถึงแล้ว
แววตาของท่านผู้เฒ่าส่องประกายแวบหนึ่งเขาสะบัดแขนเสื้อเดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว
บริเวณลานบ้านปรากฏภาพหญิงสาวสวมใส่อาภรณ์สีแดง ในอ้อมแขนของนางมีเจ้าซาลาเปาน้อยตัวกลม ๆ นุ่ม ๆ ข้างกายของนางคือชายหนุ่มผู้ซึ่งมีทีท่าคุกคามไม่ต่างจากวิญญาณร้ายยืนนิ่งราวกับรูปปั้น
ภาพครอบครัวพ่อแม่ลูกนี้แลดูสวยงามไม่ต่างจากภาพวาด
ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานแสดงความเคารพอ๋องคังครั้นไม่เห็นผู้ซึ่งเขาคาดหวัง เขาก็แสดงทีท่าผิดหวังเล็กน้อย เขาเอ่ยถามว่า “หยานเอ๋อ ไหนอาจารย์ของเจ้าล่ะ ?”
”พวกท่านยังอยู่ในวังเพราะต้องจัดการกับปัญหาบางอย่าง เมื่อเรียบร้อยแล้วพวกท่านจะตามมาในภายหลัง ท่านตา ช่วงนี้ต้องขอรบกวนท่านช่วยข้าต้อนรับขับสู้พวกเขาด้วย”
“ฮ่าฮ่าฮ่าในเมื่อเป็นอาจารย์ของเจ้า ข้าย่อมต้องปฏิบัติต่อพวกเขาเป็นอย่างดี ทั้งต้องขอบคุณพวกเขาด้วยที่ช่วยดูแลเจ้าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา” ท่านผู้เฒ่ากล่าวพร้อมรอยยิ้มเต็มใจ “ว่าแต่ อาจารย์ของเจ้ามาจากที่ใดกันล่ะ ?”
ไป๋หยานรู้สึกประหลาดใจนางหันไปมองท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานพลางเอ่ยถามว่า “นี่…ตี้เสี่ยวอวิ๋นไม่ได้บอกฐานะของอาจารย์ข้าหรอกหรือ ?”
”ไม่เลย”เจ้าบ้านหลานตอบ
“อ้อ”ไป๋หยานแตะจมูกพลางยิ้ม “อาจารย์ทั้งสามของข้าเป็นผู้อาวุโสแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์”
ผู้อาวุโสแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์?
บูม!
ทันใดนั้นเองร่างของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานพลันแข็งค้างนัยน์ตาตื่นตกใจเบิกกว้างอย่างตกตะลึง
เขาคิดว่าอาจารย์ของหลานสาวเขาจะเป็นเพียงหมอปรุงยาธรรมดาๆ ไม่มีอำนาจใด ๆ ทว่า ตอนนี้หลานสาวของเขากลับบอกว่า อาจารย์ของนางเป็นถึงผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์กระนั้นรึ ?
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั่นมีสถานะสูงส่งเพียงใด?
แค่ไป๋จื่อจับลูกศิษย์แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้เท้าของคนสกุลไป๋ก็แทบไม่ติดพื้นแล้ว ! นี่เป็นถึงผู้อาวุโสแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์เลยรึ ?
ทันใดนั้นเองท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานก็กลับมารู้สึกตัว เขารีบวิ่งไปหาตงรั่วหลานผู้ซึ่งกำลังจัดห้องทันที เสียงของเขาสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้น
”ตงรั่วหลานเลิกจัดห้องรับแขกได้แล้ว”
ตงรั่วหลานตกใจอยู่เพียงครู่นางหันกลับไปมองท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลาน
”ท่านพ่อเกิดอะไรขึ้น”
อารมณ์ของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานยังคงพลุ่งพล่านใบหน้าเหี่ยว ๆ ของเขาแดงขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งแทบพูดไม่เป็นภาษาด้วยความตื่นเต้น
”เลิกจัดห้องรับแขกได้แล้วเจ้าจะให้พวกเขาอยู่ในห้องรับแขกของเราได้อย่างไร เจ้าจงไปจัดห้องของข้าให้แขกของเราแทน”
ก็นั่นเป็นถึงผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ
ใช่แขกธรรมดาๆ เสียที่ไหน จะให้พวกเขาพักอยู่ในห้องรับแขกได้อย่างไร ? เดี๋ยวผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะกล่าวโทษหยานเอ๋อได้ว่าไม่รู้จักบุญคุณ ?
ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร? เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่เขาคิดช่างสมเหตุสมผล ท่าทางของเขาตึงเครียดขึ้นอีกเล็กน้อย ทั้งยังดูตื่นเต้นมากขึ้นอีก
กว่าหยานเอ๋อจะมีทุกวันนี้ได้ก็ต้องผ่านความยากลำบากมามาก ตระกูลหลานไม่สามารถช่วยอะไรนางได้ ทั้งยังไม่สามารถให้การสนับสนุนนาง หากต้อนรับพวกเขาได้ไม่ดี ก็อาจจะดึงหยานเอ๋อให้ตกต่ำลงด้วย
”ท่านพ่อเกิดอะไรขึ้น ?” ตงรั่วหลานขมวดคิ้ว พลางเอ่ยถามด้วยสายตางง ๆ
มือของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานกำลังสั่นเขาหายใจเข้าลึก ๆ ทว่าเขาก็ไม่สามารถระงับความตื่นเต้นภายในใจได้
”รั่วหลานอาจารย์ของหยานเอ๋อเป็นถึงผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ! ตระกูลหลานของเราต้องปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดีที่สุด อย่าให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ดูหมิ่นตระกูลหลานของเราได้ เจ้าเข้าใจหรือไม่ ?”
ทันทีที่ถ้อยคำดังกล่าวหลุดออกจากปากท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานก็เห็นชัดว่า ใบหน้าของตงรั่วหลานไม่ได้ต่างจากใบหน้าของเขาเมื่อครู่ แต่ครั้นเขาต้องการจะพูดบางอย่าง บ่าวรับใช้ก็รีบเข้ามารายงาน
”นายท่านมีแขกมาเยืยน แขกเหล่านั้นอ้างว่าเป็นอาจารย์ของแม่นางไป๋”
***จบบทเรื่องตื่นเต้นของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลาน (4)***
บทที่ 388 : ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานตกใจจนแทบจะเป็นลม (1)
เพล้ง!
ก่อนที่ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานจะทันได้จิบน้ำชาถ้วยน้ำชาก็หลุดจากมือของเขาแล้วตกลงพื้น
”เจ้าว่าใครมานะ?
”เรียนท่านเจ้าบ้านผู้อาวุโสทั้งสามอ้างว่าเป็นอาจารย์ของแม่นางไป๋หยาน”
บ่าวรับใช้กล่าวตอบด้วยความเคารพเขาไม่เข้าใจว่า เหตุใดเพียงได้ยินว่าอาจารย์ของไป๋หยานมาถึง เจ้านายของเขาจึงต้องแสดงอาการเช่นนี้ ?
ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานกำมือแน่นเขาสูดลมหายใจเข้าลึก พลางกล่าวว่า “ไปต้อนรับแขกผู้มีเกียรติของเรากันเถอะ !”
ชั่วขณะนี้เขารู้สึกราวกับเท้าของเขาไม่ติดพื้น เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ กระทั่งเขาไม่รู้ว่าจะเดินออกจากห้องยังไง
เดิมทีเพื่อเห็นแก่ไป๋หยานเขาจึงแสร้งทำเป็นสงบ เพราะเกรงผู้อื่นจะชัดเจนในอาการตื่นเต้นของเขา
อย่างไรก็ตาม…
ทันทีที่ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานเห็นชายชราสามคนยืนอยู่ภายในห้องโถงอารมณ์ของเขาก็พลุ่งพล่าน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาลืมอาการสงบสำรวมที่พยายามรักษามาตลอด เขารีบเดินเข้าไปหาชายชราทั้งสามอย่างรวดเร็ว พลางจับมือพวกเขาอย่างตื่นเต้น
”ท่านผู้อาวุโสทั้งสามข้าเป็นตาของหยานเอ๋อ คนทั่วไปมักเรียกข้าว่าเจ้าบ้านหลาน สำหรับพวกท่านจะเรียกข้าว่า เทียนเทียน ตามที่บิดาของข้าเคยเรียกก็ได้”
ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานตื่นเต้นไม่หยุดใบหน้าชราแดงระเรื่อราวกลีบกุหลาบ ท่าทีของเขาเต็มไปด้วยความเคารพ ขณะมองชายชราทั้งสามที่อยู่เบื้องหน้า
ทั้งสามเป็นถึงผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์พวกเขาเป็นผู้ที่มีอำนาจมากซึ่งน้อยครั้งจะยอมออกมาปรากฏตัวต่อสายตาของผู้คนนับพัน ! บัดนี้มีโอกาสได้ใกล้ชิดพวกเขา เช่นนั้นจะไม่ให้ตื่นเต้นได้อย่างไรกัน ?
เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสทั้งสามต่างก็ตกตะลึง พวกเขารู้สึกได้ว่าท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานดูจะกระตือรือร้นจนเกินเหตุ
“เทียนเทียน…เอ่อ”เหรินอี้กล่าว เขาพยายามทำความคุ้นเคยกับชื่อนี้ เขายกมือขึ้นตบไหล่ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลาน “เจ้ามีบุตรสาวที่ดี ทั้งยังเลี้ยงดูหลานสาวมาเป็นอย่างดี ข้าต่างหากควรขอบใจตระกูลหลานของเจ้า หากไม่มีตระกูลหลานของเจ้า ข้าก็คงจะไม่มีศิษย์ที่เก่งกาจถึงเพียงนี้ ”
ครั้นท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานเห็นว่าเหรินอี้เรียกชื่อเล่นของเขาเขาก็ดีใจมากจนไม่รู้ว่าจะวางมือวางเท้าไว้ที่ไหน
”เป็นข้าต่างหากที่ต้องละอายใจเพราะบุตรสาวของข้าตั้งใจที่จะแต่งงานกับไป๋เฉิงเซียง ข้าจึงตัดความสัมพันธ์กับนาง และนั่นจึงเป็นเหตุให้ข้าไม่ได้ใส่ใจหยานเอ๋อมากนัก”
ผู้เฒ่าทั้งสามหันมองหน้ากันพวกเขาพยักหน้าให้แก่กันพร้อมกับหัวเราะ
นิสัยของคนตระกูลหลานนี้ไม่เลวเลยทีเดียวแทนที่จะอาศัยไป๋หยานนำพาความก้าวหน้า พวกเขากลับซื่อสัตย์มาก หากท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานยอมรับว่าดูแลไป๋หยานเป็นอย่างดีมานานหลายปี พวกเขาคงจะดูแลตระกูลหลานเพื่อเห็นแก่ไป๋หยาน ทว่าคงจะไม่มีความรู้สึกที่ดีด้วยนัก
โชคดีที่นิสัยของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานนั้นดีมากหัวใจของผู้อาวุโสทั้งสามจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
เพราะหากตระกูลหลานดูแลศิษย์ของพวกเขาเป็นอย่างดีมีหรือที่นางจะต้องเร่ร่อน กระทั่งพวกเขาได้ไปพบ จนนำมาพักอาศัยอยู่กับพวกเขา ?
เพียงคำถามเดียวก็สามารถวัดใจได้ว่าเป็นสุภาพบุรุษหรือซาตาน
”อย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลยท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลาน” เจิ้งฉีกล่าวพร้อมกับยิ้ม “ครั้งที่หยานเอ๋ออยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นางมักจะพูดถึงตระกูลหลานเสมอ ๆ ประหนึ่งพูดถึงครอบครัวของตนเอง เอ่อ… ครั้งนี้พวกเราไม่ได้นำของขวัญดี ๆ ติดมาด้วยเลย โปรดรับยาอายุวัฒนะระดับหกเม็ดนี้ไปเถิด”
ยาอายุวัฒนะระดับหก?
ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานตกใจกระทั่งแทบจะเป็นลม
ในวันนี้เขาไม่เพียงแต่ได้พบผู้อาวุโสในตำนานแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ทว่าผู้อาวุโสยังมอบของขวัญให้เขาอีกด้วย ?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพบกันครั้งนี้เขายังได้ยาอายุวัฒนะระดับหก !
”นี่…มันสูงค่ามากเกินไปข้ามิอาจรับมันได้”
ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานมองเม็ดยาของเจิ้งฉีอย่างเจ็บปวดพลางกัดฟันกล่าว
”ทำไมล่ะ?” เจิ้งฉีขมวดคิ้ว
หากเป็นคนอื่นแล้วพวกเขาจะต้องตื่นเต้นทันทีที่ได้รับยาเม็ดระดับหกนี้ ทว่าตระกูลหลานกลับไม่เล่นตามน้ำด้วยความมีสำนึก
***จบบทท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานตกใจจนแทบจะเป็นลม (1)***
บทที่ 389 : ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานตกใจจนแทบจะเป็นลม (2)
“ของขวัญแลกเปลี่ยนต้องคู่ควรกันทั้งผู้ให้และผู้รับข้าไม่มีของที่ระลึกใดที่จะมีค่าเทียบเท่ากับยาอายุวัฒนะระดับหกของท่าน”
สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่ากว่าที่ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานจะกล่าวจบได้ หัวใจของเขาได้สั่นไหวไปแล้วกี่ครั้ง
แต่เพื่อไม่ให้ผู้อาวุโสทั้งสามดูถูกตระกูลหลานและเพื่อไม่ให้ไป๋หยานเสียหน้า เขาจะต้องไม่โลภมากกับยาอายุวัฒนะขวดนี้ !
ชายชราทั้งสามหันหน้ามองตากันและต่างก็เห็นรอยยิ้มในแววตา
”เทียนเทียนเจ้ารับไว้เถอะ ไม่ต้องกังวลอะไร” ฉิวชู่หรงหัวเราะ “เพราะจากนี้ไป พวกเราทั้งสามยังมีเรื่องต้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าอีก
อาทิเช่นไป๋หยานเคารพท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานเป็นอย่างมาก วันหน้า หากพวกเขาไปรบกวนใจศิษย์คนโปรดโดยไม่ตั้งใจ พวกเขาย่อมต้องการความช่วยเหลือจากท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานในการลดแรงปะทะ
ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานตกตะลึงผู้อาวุโสหมายความว่าวันหน้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์อาจต้องการความช่วยเหลือจากเขางั้นรึ ?
ครั้นคิดถึงเรื่องนี้ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานก็ไม่มีอาการอิดออดอีกต่อไป เขาหยิบเม็ดยาจากเจิ้งฉีพร้อมทั้งกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ผู้อาวุโสทั้งสามถึงแม้จะไม่มียาขวดนี้ ข้าก็พร้อมจะช่วยเหลือพวกท่านอย่างเต็มที่ ด้วยเกียรติของข้า”
”ฮ่าฮ่า”ฉิวชู่หรงหัวเราะอย่างร่าเริง “เทียนเทียน เหตุใดศิษย์รักของข้าถึงไม่ออกมาด้วยล่ะ ?”
”คือ… ” ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานรู้สึกละอายใจ “หยานเอ๋อคงกำลังพักผ่อนอยู่ ท่านต้องการให้ข้าส่งคนไปตามนางหรือไม่ ?”
“ไม่จำเป็นเพียงเจ้าช่วยหาสถานที่ให้ข้าใช้ฝึกปรุงกลั่นยา และใช้ปรึกษาเรื่องต่าง ๆ กับนาง เมื่อนางมีเวลาก็พอ”
รบกวนศิษย์สาวนั่นนะเขาไม่กล้าหรอก ผู้ใดจะรู้ หากศิษย์เขาเกิดโกรธขึ้นมา แล้วทิ้งพวกเขาไป พวกเขาจะไปร่ำร้องเอากับใครล่ะ ?
ถึงแม้ว่าท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานจะรู้สึกแปลกๆ ทว่าเขาก็ไม่ได้คิดมาก เขากระพริบตา ก่อนจะหันไปสั่งตงรั่วหลาน “รั่วหลาน รีบเรียกท่านแม่และสามีของเจ้าออกมาต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ ก่อนที่ข้าจะพาพวกเขาไปพักผ่อนที่ห้อง”
”ค่ะท่านพ่อ”
ตงรั่วหลานกลับมารู้ตัวนางรีบหันหลังเดินจากไปจนลับตา
*****
ราตรีนิ่งสงบราวกับสายน้ำ
แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องแสงอันอบอุ่นห่อหุ้มห้องทั้งห้อง
ชายหนุ่มนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สีแดงอย่างเกียจคร้านเสื้อคลุมสีม่วงของเขาเผยอออกครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นผิวขาวราวหิมะ ล่อตาล่อใจหาใดเปรียบ
นิ้วเรียวยาวเขย่าถ้วยชารอยยิ้มป่าเถื่อนปรากฏขึ้นบนริมฝีปากสีแดงของเขา
นัยน์ตาของเขาจับจ้องมองหญิงสาวที่เอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงแววตาของนางเต็มไปด้วยระลอกคลื่นความคิด
จู่ๆ ก็ปรากฏประกายไฟลุกโชนพุ่งผ่านประตูเข้ามา ก่อนจะเปลี่ยนร่างเป็นชายผู้หนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าเขาด้วยความเคารพ
”องค์ราชากระหม่อมมีบางเรื่องที่ต้องกราบทูลรายงาน… ”
รายงาน…
กล่าวยังมิทันจบประโยคฮัวหยูพลันรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอย่างหนักหน่วง กระทั่งเขาไม่สามารถยกศีรษะของตนขึ้นได้ เขาก้มหัวลงต่ำ ขนของเขาลุกชันไปทั่วทั้งร่าง
เขากระตุ้นองค์ราชาใช่หรือไม่เนี่ย?
นัยน์ตาของอ๋องคังสว่างวาบเขาเขย่าถ้วยชาในมือพร้อมยิ้มเย็นชา พลางกล่าวว่า “ภรรยาของข้ากำลังพักผ่อน หากนางโมโหจนลุกขึ้นมาทะเลาะกับข้า เจ้าจะรับผิดชอบไหวรึ ?”
ฮัวหยูตัวสั่นเทา”กระหม่อมผิดไปแล้ว”
ด้วยความรักที่องค์ราชามีต่อราชินีพระองค์ถึงกับประกาศสงครามกับแดนสวรรค์ นี่หากมิใช่เป็นเพราะเขารับใช้องค์ราชามานานหลายปี ป่านนี้เขาคงถูกโยนออกไปข้างนอกแล้ว แม้ว่าเขาจะมิได้ตั้งใจที่จะรบกวนการพักผ่อนของราชินีก็ตามที
ตี้คังมองหญิงสาวภายใต้แสงจันทร์นวลขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก “ออกไปคุยกันข้างนอก”
***จบบทท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานตกใจจนแทบจะเป็นลม (2)***
บทที่ 390 : อาจารย์ที่ไม่เหมือนอาจารย์และศิษย์ที่ไม่เหมือนศิษย์ (1)
สตรีผู้นี้มักจะระวังตัวอยู่เสมอยามอยู่ต่อหน้าเขาทว่านี่เป็นครั้งแรกที่นางสามารถนอนหลับได้อย่างสงบสุขยามเมื่ออยู่กับเขา
เขาจะยอมปล่อยให้ช่วงเวลาเช่นนี้หมดไปง่ายๆ ได้อย่างไร ?
เดิมทีตี้คังต้องการที่จะสัมผัสแก้มของนางหากแต่เขาก็ชะงักเมื่ออยู่ห่างจากนางเพียงเล็กน้อย เขาค่อย ๆ หันหลังกลับ จัดเสื้อคลุมสีม่วงให้เข้าที่ก่อนจะหายตัวไปอย่างเงียบ ๆ ภายใต้แสงจันทร์
ภายหลังที่ตี้คังจากไปแล้วสตรีที่นอนอยู่บนเตียงก็ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ แววตาของนางเผยความรู้สึกซับซ้อน
”นายหญิง”
เสี่ยวมี่หันกลับมามองพลางยืดร่างขึ้นอย่างเกียจคร้าน “ข้าคิดว่าอ๋องคังผู้นี้ก็ไม่เลวนะ อย่างน้อยเขาก็ไม่หาเศษหาเลยจากท่านยามที่ท่านกำลังหลับ”
ไป๋หยานหรี่ตาลงนางยกเสี่ยวมี่ขึ้นจากเตียง จากนั้นก็โยนมันออกไปนอกหน้าต่าง
”เจ้าไปดูแลเฉินเอ๋อเถอะ”
นางไม่รู้ว่าเหตุใดวันนี้นางถึงได้รู้สึกไม่สบายใจเลยราวกับว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น
เสี่ยวมี่หมุนตัวกลางอากาศสองสามครั้งก่อนจะร่อนลงบนพื้นอย่างมั่นคง มันส่ายหัวบิดลำตัว จากนั้นก็วิ่งไปที่ห้องของไป๋เสี่ยวเฉิน
ภายหลังที่เสี่ยวมี่จากไปแล้วไป๋หยานก็รู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นกว่าเดิม นางถอนหายใจเล็กน้อย “ข้าต้องกลับไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์กับท่านอาจารย์ หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นในช่วงสองสามวันนี้นะ”
บูม!
ในขณะที่ไป๋หยานต้องการที่จะนอนต่อนั้นจู่ ๆ ก็เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงขึ้น ถ้วยชาบนโต๊ะถึงกับตกลงบนพื้น นางรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่ร้อนแรงในอากาศ
นัยน์ตาของนางพลันหรี่ลงอีกครั้ง
*****
ภายในห้องเก็บสมบัติขนาดใหญ่ของบ้านสกุลหลานฉิวชู่หรงยืนอยู่ข้างเตาหลอมอย่างมึนงง เขาจ้องห้องสมบัติที่ถูกทำลาย พลันความตึงเครียดก็เข้ามาครอบงำในหัวใจ
เพราะว่า…
เกิดเหตุผิดพลาดในการปรุงยาจึงส่งผลให้ห้องสมบัติทั้งห้องของบ้านสกุลหลานถูกทำลาย
“เสียใจด้วยนะ”เจิ้งฉีตบไหล่ฉิวชู่หรงพลางส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ จากนั้นเขาก็หันไปมองคนของบ้านสกุลหลานที่กำลังยืนตกใจอยู่ ก่อนจะเอ่ยถามว่า “เจ้าบาดเจ็บที่ใดหรือไม่ ?”
เมื่อครู่นี้ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานตัดสินใจที่จะอยู่ดูการปรุงยา เขาคิดว่า ผู้อาวุโสเคยปรุงยามาก็หลายครั้งแล้ว เช่นนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ผู้ใดจะรู้ว่าผู้อาวุโสจะล้มเหลวในการปรุงยา ทั้งยังทำทุกสิ่งทุกอย่างเสียหายไปหมดเช่นนี้
“ข้าไม่เป็นไร”ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานกล่าวตอบเป็นคนแรก เขากอดหลานฮูหยินผู้เฒ่าไว้ในอ้อมแขนแน่น “เมื่อครู่ ต้องขอบใจพลังป้องกันของท่านที่ช่วยปกป้องให้พวกเราปลอดภัย”
เจิ้งฉีกล่าวพร้อมรอยยิ้มบิดเบี้ยว”เป็นความผิดของน้องสามข้าเอง เจ้าบ้านหลานโปรดช่วย … ”
แท้ที่จริงเหตุที่ผู้อาวุโสทั้งสามกล้าที่จะปรุงยาในตระกูลหลาน ก็เป็นเพราะหากพวกเขากระทำผิดพลาดด้วยความไม่ระมัดระวังแล้ว พวกเขาก็แน่ใจว่าจะสามารถป้องกันคนในตระกูลหลานให้ปลอดภัยได้นั่นเอง
เช่นนั้นทันทีที่เตาเผาระเบิด เขาและอาจารย์รองก็ได้ใช้พลังต้านท้านการระเบิดไว้ ช่วยปะทะคลื่นพลังระเบิดจนอ่อนกำลัง ไม่ทำให้เกิดความเสียหายมากจนเกินไปนัก
”ช่วยอะไร? ท่านรีบบอกมาเถอะ ?” ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานตกตะลึงอยู่เพียงครู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ
ขณะที่เจิ้งฉีกำลังคิดว่าจะพูดยังไงดีเขาพลันรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่เต็มไปด้วยความโกรธลอยมาจากด้านหลัง
ครั้นกลิ่นอายนั้นใกล้เข้ามาฉิวชู่หรงก็หวาดกลัวจนใบหน้าซีดขาว เขายืนขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับเด็กกระทำผิดรอรับคำตำหนิ
”ผู้ใดปรุงยาผิดพลาดเมื่อครู่นี้?”
ไป๋หยานเดินออกมาจากด้านหลังกลุ่มคนนางตรงไปที่เตาหลอมยาอย่างรวดเร็ว หยิบผงสีดำขึ้นมาอย่างระมัดระวังจ่อลงบนปลายจมูกแล้วดม
***จบบทอาจารย์ที่ไม่เหมือนอาจารย์และศิษย์ที่ไม่เหมือนศิษย์ (1)***