จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 396-400
บทที่ 396 : ข่มขู่ (1)
”ฮ่าฮ่าฮ่า”
เสียงหัวเราะของงูเขียวเสียดแทงดวงตาของมันเย็นยะเยือก กระทั่งทำให้ผู้ได้เห็นหัวใจสั่นสะท้าน “เจ้าต้องการให้ข้าปล่อยไอ้เด็กอ้วนนี่ไปรึ ไม่มีทาง เว้นแต่เจ้าจะยอมดื่มพิษนี้ ข้าถึงจะปล่อยเขาไป”
งูเขียวสะบัดหางพลันขวดยาพิษก็ถูกโยนไปเบื้องหน้าไป๋เสี่ยวเฉิน
ไป๋เสี่ยวเฉินมองขวดยาพิษที่อยู่เบื้องหน้านัยน์ตาของเขาส่องประกายวาววับ “หม่ามี้ของข้าบอกว่าในโลกนี้ไม่มีความเกลียดชังใด ที่เกิดขึ้นโดยไร้ซึ่งเหตุผล เจ้าไม่ลังเลเลยที่จะจับสหายของข้า เพียงเพื่อบีบบังคับให้ข้าตามมา ข้าอยากจะรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของเจ้าคืออะไรกันแน่ ? ”
”ข้าบอกเจ้าก็ได้”เสียงงูเขียวอ่อนหวาน “ผู้ใดใช้ให้เจ้าเป็นโอรสของราชาอสูรเล่า หากข้าไม่ควบคุมเจ้า มีหรือที่ข้าจะได้เป็นราชินีแดนอสูร ?”
ราชาอสูร?
”เจ้าหมายถึงป๊ะป๋าวายร้ายงั้นเหรอ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินย่นหน้าผากที่น่ารักของเขาเป็นสาวที่ติดหนี้ดอกรักของป๊ะป๋าวายร้ายอีกแล้วเหรอ ?
”ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าเรียกเขาเช่นนั้น?” ใบหน้าของงูเขียวเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน สีหน้าของมันแลดูมืดหม่นและน่ากลัว “เขาเป็นถึงราชาแห่งแดนอสูรของเรา แม้ว่าเจ้าจะเป็นโอรสของเขา เจ้าก็ไม่มีสิทธิเรียกเขาว่าวายร้าย ! ”
ไป๋เสี่ยวเฉินเบ้ปากเขามองหวังเสี่ยวผางผู้ซึ่งกำลังร้องไห้อย่างขมขื่น หากเขาไม่รับข้อเสนอนี้ก็คงไม่ได้สินะ
”ไยเจ้าจึงต้องการควบคุมข้าล่ะ?”
เขาแอบขยิบตาให้เสี่ยวมี่เพื่อให้มันหาโอกาสไปช่วยหวังเสี่ยวผาง
“ข้าบอกจุดประสงค์ของข้าไปแล้วว่าข้าต้องการควบคุมเจ้าส่วนเจ้าก็ต้องการช่วยสหายของเจ้า เช่นนั้นก็จงดื่มยาพิษซะ แล้วข้าจะปล่อยเขาทันที…หาไม่แล้ว … ”
งูพิษหรี่ตาลงพร้อมกับส่ายหางยาว ๆ กวาดไปบนหน้าผา ส่งผลให้หวังเสี่ยวผางยิ่งหน้าซีด หากแต่เขาก็ยังร้องตะโกนออกมา
“เจ้าคงไร้สามารถสินะถึงได้ใช้วิธีข่มขู่ผู้อื่นเจ้าคงกลัวพี่ใหญ่ของข้ากระทั่งไม่กล้าสู้กับเขาตัวต่อตัวใช่ไหมล่ะ ? เจ้าจึงต้องจับข้ามาเป็นตัวประกันเนี่ย ?”
หากไม่สู้ก็ไม่มีวันแพ้!
แม้ว่าหวังเสี่ยวผางจะถูกจับตัวทว่าเขาก็ยังไม่ยอมก้มศีรษะให้ เขาทั้งดิ้นรนทั้งสาปแช่งงูเขียว
งูเขียวเริ่มแผ่แรงกดดันอากาศยิ่งเย็นยะเยือกมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกันนั้นมันก็จ้องเขม็งไปที่หวังเสี่ยวผาง
”หากกล้าขยับตัวอีกครั้งข้าจะทิ้งเจ้าลงหน้าผาทันที”
ทันทีที่มันพูดจบหวังเสี่ยวผางก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวอีก ทว่าเขาก็ยังตะโกนต่อ
”หากเจ้ากล้าก็ทิ้งข้าเลยอย่างมากก็แค่ตาย หลังจากนี้อีกเก้าปี ข้าจะกลับมาตามหาเจ้า เพื่อล้างแค้น !”
งูเขียวส่งเสียงขู่อย่างถากถางกะแค่มนุษย์คนหนึ่งไม่คู่ควรที่มันจะให้ความสนใจ
เช่นนั้นมันจึงไม่สนใจหวังเสี่ยวผางอีกต่อไปทว่ากลับหันไปมองไป๋เสี่ยวเฉินอีกครั้ง
”ข้าจะนับถึงสามเจ้าต้องกินยาพิษ หาไม่ เจ้าและสหายของเจ้าจะต้องพรากจากกันตลอดกาล … ”
ไป๋เสี่ยวเฉินมองงูเขียวอย่างสงบนิ่งมือเล็ก ๆ ของเขาค่อย ๆ ยื่นไปที่ขวดยาพิษซึ่งอยู่บนพื้นดิน
”เสี่ยวเฉิน!” หวังเสี่ยวผางร้องไห้ “เห็นได้ชัดว่านังงูตัวนี้ไม่ใช่คนดีมีน้ำใจ เจ้าอย่าไปฟังมัน แม้ว่าข้าจะกลัวตาย แต่หวังเสี่ยวผางก็ไม่ห่วงชีวิต เรื่องใหญ่ที่เจ้า และแม่ของเจ้าต้องทำก็คือแก้แค้นให้ข้าหลังจากที่ข้าตายไปแล้ว ”
”เสี่ยวมี่พาพี่ใหญ่ของข้าหนีไป ไปหาพี่ไป๋หยาน จากนั้นก็ช่วยแก้แค้นแทนข้าด้วย !”
หวังเสี่ยวผางไม่เข้าใจความคิดของไป๋เสี่ยวเฉินเขาหันไปหาเสี่ยวมี่อีกครั้ง นัยน์ตาของเขาแดงก่ำ เขาร้องตะโกนออกมาอย่างกระวนกระวายใจ
เสี่ยวมี่ไม่พูดไม่จามันจ้องมองงูเขียวตลอดเวลา ราวกับว่ากำลังมองหาโอกาส
ทว่างูเขียวอาจรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของเสี่ยวมี่เช่นนั้นมันจึงไม่ยอมวางใจ หากเสี่ยวมี่กล้าเข้าใกล้มัน มันก็จะโยนหวังเสี่ยวผางลงหน้าผาทันที
***จบบทข่มขู่ (1)***
บทที่ 397 : ข่มขู่ (2)
ชั่วขณะนั้นเองไป๋เสี่ยวเฉินก็หยิบขวดยาพิษขึ้นจากพื้น ขนตายาวเป็นแพของเขาหลุบลงเล็กน้อย น้ำเสียงของเด็กน้อยฟังดูไร้เดียงสา
”หากข้ากินยาพิษนี่แล้วเจ้าก็จะปล่อยเสี่ยวผางใช่มั้ย ?”
งูเขียวยิ้มอย่างร้ายกาจ”ไม่มีประโยชน์ที่ข้าจะสังหารเขา ตราบใดที่เจ้าเชื่อฟังข้า ข้าก็จะคืนสหายตัวน้อยให้กับเจ้า”
”ดี”
นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินสว่างไสวราวกับดวงดารา
ภายใต้แววตาที่ตื่นตกใจและสิ้นหวังของหวังเสี่ยวผาง ไป๋เสี่ยวเฉินก็เปิดฝาขวดจากนั้นก็ดื่มยาพิษเสียงดังอึก ๆ หลังจากดื่มหมดขวด เขาก็เช็ดมุมปาก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองงูเขียว
”ข้าดื่มยาพิษแล้วเจ้าก็ควรปล่อยหวังเสี่ยวผางได้แล้ว”
ครั้นเห็นไป๋เสี่ยวเฉินเชื่อฟังงูเขียวก็ไม่ตระบัดสัตย์ มันสะบัดหาง เหวี่ยงร่างหวังเสี่ยวผางไปทางไป๋เสี่ยวเฉิน
เสี่ยวมี่กระโดดขึ้นคาบคอเสื้อหวังเสี่ยวผางก่อนจะร่อนลงบนพื้นอย่างปลอดภัย
ทันทีที่หวังเสี่ยวผางลุกขึ้นได้เขาก็รีบวิ่งเข้าไปหาไป๋เสี่ยวเฉิน จากนั้นก็เริ่มร้องไห้
“ไป๋เสี่ยวเฉินทำไมเจ้าต้องดื่มยาพิษด้วย ? ถ้าเจ้าตาย ข้าจะทำยังไง ? วันหน้าหากข้าถูกรังแก ผู้ใดจะช่วยข้า ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินไม่ตอบคำถามของหวังเสี่ยวผางเขาจ้องมองงูเขียวด้วยประกายตาที่สดใส “ตอนนี้เจ้าช่วยบอกข้าได้มั้ยว่า เจ้าวางแผนจะทำอะไรกับข้า ?”
ร่างของงูเขียวปกคลุมไปด้วยแสงสว่างวูบวาบ
หลังจากผ่านไปชั่วอึดใจแสงสว่างพลันหายไป ร่างของเด็กสาวผู้งดงามพลันปรากฏบนหน้าผา
เด็กสาวแต่งกายด้วยผ้าโปร่งสีเขียวผิวของนางขาวราวหิมะ แลดูงดงามอย่างยิ่ง
หวังเสี่ยวผางเคยเห็นความงามอันน่าทึ่งของไป๋หยานมาแล้วเขาคิดเพียงว่ารูปร่างหน้าตาของหญิงสาวผู้นี้อาจจะสวยกว่าหญิงอื่นที่เขาเคยเห็นนักต่อนัก หากแต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับไป๋หยาน
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อครู่หญิงผู้นี้ก็เกือบจะฆ่าเขาแล้ว
คิดได้เช่นนี้หวังเสี่ยวผางก็โกรธ เขาจ้องมองนางอย่างดุร้าย
”ก่อนอื่นข้าขอแนะนำตัวเองก่อนข้าชิงหลวนธิดาคนโตของหัวหน้าเผ่าอสรพิษซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตำแหน่งราชินีแห่งแดนอสูร” ชิงหลวนยิ้ม รอยยิ้มงดงามของนางต่างกับภาพลักษณ์ที่เย็นชาและมืดมัว “ท่านพ่อของข้าตั้งใจจะให้ข้าอภิเษกกับราชาอสูร ทว่ากลับถูกท่านราชครูขัดขวาง”
จดหมายการแต่งงานจากท่านพ่อของนางที่ส่งไปถึงองค์ราชานั้นถูกราชครูเก็บไว้ไม่ยอมส่งต่อ!
นั่นเป็นเหตุให้นางโกรธจัด
สักวันเมื่อนางได้ขึ้นดำรงตำแหน่งราชินีอสูร นางจะต้องขับราชครูที่นางเกลียดชังผู้นั้นออกจากแดนอสูร !
”สายตาของป๊ะป๋าวายร้ายนี่ไม่เลวเลยทีเดียวหม่ามี้ของข้างดงามมาก เช่นนั้นป๊ะป๋าย่อมจะไม่มองแม่มดแก่ ๆ อย่างท่านเป็นแน่”
ชิงหลวนไม่มีหวังเสี่ยวผางเป็นตัวประกันอยู่ในมือแล้วเช่นนั้นไป๋เสี่ยวเฉินจึงไม่ต้องเกรงใจอีก เขาคิดอะไรก็พูดออกไปตรง ๆ
คราวนี้ชิงหลวนไม่ได้โกรธ นางเพียงยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าจะเข้าใจความคิดของราชาอสูรได้อย่างไร เขาไม่มีภรรยามาตั้งนานหลายปี เป็นเพราะคำทำนายในแดนอสูร คำทำนายที่คนทั่วไปพากันแตกตื่นไปเองทั้งนั้น ยากที่จะเชื่อได้ว่าเป็นเรื่องจริง คนอย่างแม่ของเจ้ามีหรือที่จะช่วยแดนอสูรของเราได้ ? ”
คำทำนายในแดนอสูรกล่าวไว้ว่าราชาอสูรต้องรอภรรยาที่ถูกลิขิตเท่านั้น หากเขาอภิเษกกับหญิงอื่นก็จะเกิดเรื่องเลวร้ายตามมา และเมื่อนั้นแดนอสูรก็จะไม่มีผู้ใดเหลือรอด
และเพราะเหตุนี้สตรีในแดนอสูรที่ชื่นชอบราชาอสูรต่างก็ต้องอกหักเพราะราชาอสูรให้ความสำคัญต่อคำทำนายนี้อย่างยิ่ง ไม่ต้องพูดถึงการอภิเษกสมรส แม้กระทั่งพระสนมเขาก็ไม่เคยมี
แล้วเช่นนี้พวกนางจะยอมรับได้เยี่ยงไร?
”ต่อให้ไม่มีหม่ามี้ป๊ะป๋าวายร้ายก็ไม่มีวันแต่งงานกับท่านหรอก”
”เฮอะ”ชิงหลวนหัวเราะเยาะ “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ตราบใดที่เจ้าร่วมมือกับข้า ข้าก็ต้องได้เป็นราชินีอสูรอย่างแน่นอน”
ไป๋เสี่ยวเฉินเอียงศีรษะพลางกระพริบตาด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ท่านต้องการให้ข้าร่วมมือกับท่านยังไง ?”
***จบบทข่มขู่ (2)***
บทที่ 398 : ข่มขู่ (3)
“ก็แค่เจ้าบอกราชาอสูรว่าไป๋หยานมิใช่แม่แท้ๆ ของเจ้าก็พอแล้ว” ดวงตาของชิงหลวนเปล่งประกายเย้ยหยัน
”ท่านคิดว่าท่านฉลาดนักหรือ ? แล้วท่านคิดว่าป๊ะป๋าวายร้ายนั้นโง่มากเลยใช่มั้ย ? เพราะหากป๊ะป๋าวายร้ายของข้าสามารถใช้เลือดพิสูจน์ตัวตนของข้าได้ เช่นนั้นเขาก็ย่อมสามารถใช้เลือดของข้า เพื่อสืบให้รู้ว่าแม่แท้ ๆ ของข้าเป็นใครเช่นกัน”
ไป๋เสี่ยวเฉินทำปากจู๋นัยน์ตาที่ไร้เดียงสาของเขาเต็มไปด้วยแววดูถูก
”เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องยุ่งเจ้าเพียงแค่เชื่อฟังคำสั่งของข้าเท่านั้น นอกจากนี้ข้ายังพบสตรีที่จะมาแทนที่แม่ของเจ้าแล้วด้วย”
ครั้นชิงหลวนหลุดพูดออกมาใบหน้าที่ไร้เดียงสาของไป๋เสี่ยวเฉินก็เปลี่ยนเป็นประหลาดใจ
เขามองตามสายตาของชิงหลวนทันใดนั้นเขาก็เห็นคนผู้หนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังต้นไม้โบราณที่อยู่ไม่ไกลกันนัก
บางทีอาจเป็นเพราะไป๋เสี่ยวเฉินและเสี่ยวมี่ต่างก็จับจ้องมองชิงหลวนตลอดเวลา เช่นนั้นพวกเขาจึงไม่ทันสังเกตว่ายังมีอีกคนซ่อนอยู่ที่นี่ด้วย
ครั้นไป๋เสี่ยวเฉินเห็นคนผู้นั้นชัดเจนใบหน้าของเขาก็หงิกงอทันที
”เหตุใดนางถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
ไป๋รั่ว!
หญิงที่อยู่เบื้องหน้าเขาก็คือไป๋รั่ว!
หากไป๋รั่วเล็ดรอดออกจากหอบุปผาได้เหตุใดป้าฮัวจึงไม่แจ้งหม่ามี้ของเขาล่ะ ?
ครั้นเห็นใบหน้างงงวยของไป๋เสี่ยวเฉินชิงหลวนก็ยิ้มเยาะพลางกล่าวว่า “ข้าเป็นธิดาคนโตของหัวหน้าเผ่าอสรพิษ เป็นเรื่องง่ายมากที่จะสร้างภาพมายา เช่นนั้นคนในหอบุปผาจึงคิดว่าหญิงผู้นี้ยังคงถูกคุมขังอยู่”
”ท่านทำเช่นนี้เพื่ออะไร? แม้ว่าท่านจะให้ไป๋รั่วแทนที่หม่ามี้ของข้า ท่านก็ไม่สามารถเป็นชายาของป๊ะป๋าวายร้ายได้ นอกจากนี้…” สายตาของไป๋เสี่ยวเฉินหันไปจับจ้องไป๋รั่ว “ไป๋รั่วยังฉลาดแกมโกง นางย่อมไม่เชื่อฟังคำสั่งของท่านแน่”
ดวงตาสีเข้มของชิงหลวนกราดไปที่ไป๋รั่ว”หญิงผู้นี้ถูกทรมานอยู่ในหอบุปผา กระทั่งเหลือเพียงลมหายใจ ข้าช่วยชีวิตนางไว้ จากนั้นก็ชุบเลี้ยงนางด้วยยาพิษของข้า ! นางยอมกินยาพิษเพื่อรักษาชีวิตตนเอง”
ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้ารับอย่างเข้าใจไม่น่าแปลกใจเลยที่ชิงหลวนสามารถใช้ไป๋รั่วได้ ก็นางวางยาพิษ เพื่อให้ไป๋รั่วทำตามคำสั่งของนางนี่
”ไป๋เสี่ยวเฉิน!” เสียงของไป๋รั่วเหมือนดังมาจากขุมนรก ดวงตาของนางมืดหม่นและน่ากลัว นางมองแก้มสีชมพูของไป๋เสี่ยวเฉินด้วยความโกรธ “จงจำไว้ ข้าคือมารดาของเจ้า ไป๋หยานเป็นเพียงหญิงสารเลวที่ปล้นตำแหน่งของข้า ! ”
หลังจากที่ชิงหลวนพบไป๋รั่วไป๋รั่วก็ได้รู้ว่าตี้คังเป็นราชาแดนอสูร ! ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไป๋เสี่ยวเฉินจะมีความสามารถในการควบคุมสัตว์ทุกชนิด !
หากแต่… ในวันหน้าตำแหน่งราชินีอสูรจะต้องเป็นของนาง
ฮ่าฮ่า ฮ่า !
ไป๋หยานกับนางต่อสู้กันมาทั้งชีวิตในที่สุดไป๋หยานก็ต้องพ่ายแพ้ให้แก่นาง
แม้แต่ลูกชายคนโปรดของตัวเองก็ยังทรยศ!
”ข้าเตรียมการทุกอย่างไว้แล้วเพียงเจ้าฟังคำสั่งของข้า ข้าก็มีวิธีที่จะทำให้ราชาอสูรเข้าใจผิดคิดว่าไป๋รั่วเป็นแม่แท้ ๆ ของเจ้า”
ชิงหลวนเผยรอยยิ้มเปี่ยมสุขนางเอ่ยกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
ไป๋เสี่ยวเฉินทำปากจู๋”ป้าใจร้าย ท่านเข้าใจผิดแล้ว ป๊ะป๋าวายร้ายของข้าชอบหม่ามี้ข้า ส่วนข้าเป็นเพียงของแถม หากไม่มีหม่ามี้ ข้าก็ไม่มีความหมายอะไร”
ก็ไม่จริงเหรอ?
ป๊ะป๋าวายร้ายมักรำคาญเขาคิดแต่จะแข่งขันกับเขา ถึงขั้นคิดที่จะส่งเขาไปให้คนอื่น
หากมิใช่เพราะหม่ามี้ป๊ะป๋าวายร้ายคงไม่อยากรับเขาเป็นลูกหรอก
”ยิ่งไปกว่านั้นหม่ามี้ของข้ายังบอกข้าว่าความกตัญญูกตเวทีเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับลูกผู้ชายหากข้าไม่กตัญญูกับหม่ามี้ และป๊ะป๋าวายร้าย ข้าก็ไม่ใช่ลูกผู้ชายสิ ?”
***จบบทข่มขู่ (3)***
บทที่ 399 : ข่มขู่ (4)
ใบหน้าของชิงหลวนพลันเคร่งขรึม”อย่าลืมสิว่าเจ้าเองก็ต้องพิษจากข้า หากเจ้าคิดต่อต้านข้า เจ้าก็จะได้ลิ้มรสชาติการตายเสียดีกว่าอยู่ ! ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าโตพอที่จะทนรับความเจ็บปวดนั้นได้ !”
”เมื่อครู่นี้เจ้าว่ากระไรนะ เจ้าว่าว่าราชาอสูรยอมรับเจ้า เพียงเพราะไป๋หยานงั้นหรือ ? ไร้สาระ ! คนอย่างราชาอสูรมีรึจะยอมทำเรื่องบ้า ๆ เพียงเพื่ออิสตรี ? เพราะไม่ว่าผู้ใดจะเป็นแม่ของเจ้า หญิงผู้นั้นก็จะได้เป็นราชินีแห่งแดนอสูร ! ”
นางยิ้มเยาะขณะมองไป๋เสี่ยวเฉิน ทว่าแววตาของนางกลับเศร้าโศก
ครั้นเห็นว่าไป๋เสี่ยวเฉินยังคงนิ่งไม่ไหวติง หัวใจของชิงหลวนก็เดือดดาล นางตั้งใจให้เด็กชายตัวน้อยได้ลิ้มรสความเจ็บปวดสักเล็กน้อย เพื่อให้เขาได้เข้าใจว่าพิษงูนั้นร้ายกาจเพียงใด
”ไป๋เสี่ยวเฉินเจ้ารนหาที่เอง อย่าร้องขอความเมตตาจากข้าทีหลังล่ะ ข้าขอบอกเจ้าไว้ตรงนี้เลยว่า แม้แม่ของเจ้าจะเป็นหมอปรุงยาก็ไม่มียาใดที่จะสามารถรักษาพิษงูนี่ได้ … ”
ชิงหลวนยิ้มอย่างเย็นชาพลางนิ่งคิดเล็กน้อย จากนั้นริมฝีปากของนางก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ นางมองดูเจ้าซาลาเปาน้อยที่ยืนอยู่เบื้องหน้านาง
คอยดูเถอะเดี๋ยวเจ้าก้อนซาลาเปาน้อยนี่จะต้องกลิ้งเกลือกลงกับพื้น พร้อมกับร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด
เวลายังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
ขณะเดียวกันรอยยิ้มที่มุมปากของชิงหลวนก็แข็งค้างขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ดวงตากลมโตสีเขียวของนางจ้องมองไป๋เสี่ยวเฉินที่ไม่มีปฏิกริยาใด ๆ เหงื่อเย็น ๆ พลันไหลซึมออกมาจากหน้าผากของนาง
”เป็นไปไม่ได้!”
พิษนี้ผู้อาวุโสของเผ่าอสรพิษเป็นผู้ปรุงแต่งทั้งยังใช้เวลาเนิ่นนานหลายปี มันถูกพัฒนาเป็นพิเศษ ก็เพื่อใช้จัดการกับเด็กคนนี้ มันจะไม่ได้ผลได้อย่างไร !
ชิงหลวนกัดฟันนางแผ่กระจายพลังจิตทั้งหมดออกโอบล้อมไป๋เสี่ยวเฉิน หวังกระตุ้นพิษยาอย่างเต็มที่
ใบหน้าของนางซีดลงเรื่อยๆ ร่างของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ ฟันของนางขบกันแน่นกว่าเดิม นางพยายามตรวจจับชีพจรของไป๋เสี่ยวเฉินไปพร้อมกัน
เนื่องจากนางกลัวที่จะต้องต่อสู้ซึ่งหน้ากับไป๋เสี่ยวเฉินนางจึงเลือกจับหวังเสี่ยวผางเป็นตัวประกัน จากนั้นก็บังคับให้เด็กน้อยกินยาพิษ
บัดนี้นางก็ปล่อยตัวหวังเสี่ยวผางแล้วหากยาพิษใช้การไม่ได้ นางจะรอดได้เยี่ยงไร ?
บูม!
ที่สุดร่างของชิงหลวนก็ไม่อาจต้านทานได้อีกนางลอยละลิ่วก่อนจะตกลงห่างจากหน้าผาเพียงปลายนิ้วใบหน้าของนางซีดขาวไร้สีเลือด
ยาพิษ… ใช้ไม่ได้ผลจริง ๆ หรือ ?
หวังเสี่ยวผางกระพริบตาเขามองไป๋เสี่ยวเฉิน จากนั้นก็หันไปมองชิงหลวน เขาระเบิดคำผรุสวาทออกมาทันที “นังโง่เอ๊ย ! ทำข้ากลัวแทบตาย ! ยาพิษของเจ้าไม่มีประสิทธิภาพ ยังกล้าเอามาข่มขู่ผู้คน ! ใครไหนเขากลัวกันบ้างล่ะ ? น่าไม่อายจริง ๆ ”
”แค่ก!” ชิงหลวนแทบจะหายใจไม่ทัน นางลุกขึ้นจากพื้น พลางกัดฟันกล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้ พิษนั่นเปี่ยมประสิทธิภาพ ทว่าเหตุใดถึงใช้ไม่ได้ผลกับเจ้า”
ใบหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใสนัยน์ตากลมโตเปล่งประกายระยิบระยับแลดูน่ารักมาก
”ข้าลืมบอกท่านไปว่าข้ากินยาอายุวัฒนะที่สามารถป้องกัน และรักษาโรคทุกชนิดของหม่ามี้ แทนขนมตั้งแต่ข้ายังเด็ก เช่นนั้นข้าจึงมีภูมิต้านทานสูงมาก ไม่ว่าพิษของท่านจะมีประสิทธิภาพมากเพียงไร มันก็ไม่สามารถเทียบกับยาอายุวัฒนะของหม่ามี้ข้าได้หรอก”
ร่างกายของสัตว์อสูรนั้นแข็งแกร่งกว่ามนุษย์มากพวกเขาสามารถกินยาอายุวัฒนะแทนของว่างได้
ทว่าในแดนอสูรไม่มียาอายุวัฒนะ
เช่นนั้นจึงไม่มีสัตว์อสูรตัวใดที่สามารถมีของดีๆ กินเหมือนไป๋เสี่ยวเฉิน
ใบหน้าของชิงหลวนประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาวราวกับว่าความรู้สึกสิ้นหวังได้แผ่กระจายออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจนาง
”แม่นางชิงหลวน”ไป๋รั่วร้อนรน นางหันไปหาชิงหลวนพลางกล่าวว่า “เจ้ารีบทำอะไรสักอย่างสิ หากเจ้าไม่สามารถควบคุมไป๋เสี่ยวเฉินได้ ข้าก็จะไม่ได้เป็นราชินีอสูรสิ”
”หุบปาก!” ชิงหลวนตะโกนอย่างโกรธเคือง “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน ? เจ้าควรคู่กับการเป็นราชินีอสูรงั้นรึ ? ข้าเพียงให้เจ้าอยู่รั้งตำแหน่งนี้ไปก่อนเท่านั้น”
***จบบทข่มขู่ (4)***
บทที่ 400 : บรรพบุรุษของเผ่าอสรพิษ (1)
หัวใจของไป๋รั่วสั่นไหวนางก้มหน้าลง พลางกัดริมฝีปากอย่างไม่พอใจ
เห็นได้ชัดว่านางดีกว่าไป๋หยานทุกอย่าง แต่เหตุใดเรื่องดี ๆ กลับเกิดกับไป๋หยาน ? คอยดูเถอะ นางจะพยายามทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้ในสิ่งที่นางปรารถนา
”แม่นางชิงหลวนเราจะทำเช่นไรต่อไปดี”
เราจะทำอะไรได้อีกล่ะ?
ชิงหลวนกัดฟันพร้อมกับมองไป๋เสี่ยวเฉินด้วยแววตาอาฆาตมาดร้าย “ถอยก่อน !”
ในเมื่อนางควบคุมไป๋เสี่ยวเฉินไม่ได้นางก็ไม่สามารถทำอะไรเด็กน้อยคนนี้ได้ เช่นนั้นนางจำต้องออกไปจากสถานที่นี้ก่อน
ครั้นเห็นว่าชิงหลวนกำลังจะจากไปไป๋รั่วซึ่งแม้จะโกรธ หากแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร นางรีบสาวเท้าตามสาวงูเขียวไปทันที
”เมี้ยว!”
ทันใดนั้นเองเสียงร้องก็ดังก้องมาจากหน้าผา
เพียงไม่ช้าร่าง ๆ หนึ่งก็กระโจนข้ามฟ้าไปยืนนิ่งบนพื้นดินด้านหน้า เพื่อขวางทางชิงหลวน
เสี่ยวมี่ตะกุยอุ้งเท้าของมันอย่างสง่างามขณะจ้องมองชิงหลวน มันพูดเหน็บแนมขึ้นว่า “นายน้อยของข้ายังไม่อนุญาต ใครให้เจ้าไป”
”ชั่วช้า!” ชิงหลวนกำลังจะเริ่มลงมือ ทว่าทันใดนั้นเอง นางก็ตระหนักได้ถึงแรงกดดันที่รุนแรงกำลังพุ่งมาจากที่ไม่ไกลนัก แรงกดดันนั้นครอบคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้า
กลิ่นอายที่คุ้นเคยทำให้ใบหน้าเล็กๆ ของ ไป๋เสี่ยวเฉินอ่อนโยนลง เขาเงยหน้าขึ้น ก็เห็นร่างในอาภรณ์สีแดงเหาะมากลางอากาศ นัยน์ตากลมโตส่องประกาย รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเล็ก ๆ ของเขา
”หม่ามี้”
*****
บนท้องฟ้าอาภรณ์สีแดงของสตรีผู้นั้นงดงามมากสีหน้าของนางเต็มไปด้วยความตึงเครียด ขณะมองเจ้าซาลาเปาน้อยผู้ยังอยู่ดีไม่มีบุบสลายที่เบื้องล่าง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำเรียกขานอย่างอ่อนโยนของเจ้าซาลาเปาน้อยทำให้หัวใจของนางรู้สึกอ่อนไหวอย่างลึกซึ้ง นางเหาะลงมาหยุดลงตรงหน้าเจ้าซาลาเปาน้อยอย่างรวดเร็ว พลางรั้งร่างของเด็กน้อยเข้าสู่อ้อมแขนทันที
”เฉินเอ๋อในที่สุดแม่ก็หาเจ้าพบ เจ้าบาดเจ็บที่ใดหรือไม่ ?”
น้ำเสียงของนางสั่นสะท้านขณะกอดไป๋เสี่ยวเฉินแน่นไม่ยอมปล่อย
สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าทันทีที่ได้ยินว่าไป๋เสี่ยวเฉินไล่กวดตามชิงหลวนมา หัวใจของนางก็ราวกับถูกกัดเซาะด้วยความหวาดกลัวไม่รู้จบสิ้น หากเฉินเอ๋อเป็นอะไรไป นางจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ได้อย่างไร ?
ยังดีที่เฉินเอ๋อไม่เป็นอะไร
”หม่ามี้เฉินเอ๋อกลัวจัง คนใจร้ายพวกนั้นรังแกเฉินเอ๋อ” ใบหน้าเล็ก ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินแลดูน่าสงสาร เขาเอนร่างเข้าแอบอิงอ้อมกอดของไป๋หยาน พร้อมกับน้ำตาเอ่อคลอ”
เสี่ยวมี่ที่ยืนอยู่อีกข้างหนึ่งอดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก
คนอย่างนายน้อยมีหรือจะกลัว?
เหตุใดข้าถึงคิดเสมอว่าอย่างไรเสียที่สุดแล้วนายน้อยก็จะต้องเอาตัวรอดได้ ?
นอกจากนี้ข้ายังคิดว่าผู้ที่สามารถรังแกนายน้อยได้ ยังไม่เกิดในโลกนี้แน่
ทว่า…
ครั้นไป๋หยานเห็นไป๋เสี่ยวเฉินซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของนาง นางก็คิดว่าชิงหลวนทำให้ไป๋เสี่ยวเฉินหวาดกลัวจริง ๆ ความโกรธของนางเพิ่มทวีขึ้นเรื่อย ๆ จากก้นบึ้งของหัวใจ ยามนี้สีหน้าของนางเย็นยะเยือก
”ในเมื่อเจ้าทำให้บุตรชายของข้าหวาดกลัวข้าก็จะให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต !”
ว่าไงนะ?
ชิงหลวนรู้สึกประหลาดใจในขณะที่นางจะตอบกลับนั้น นางก็เห็นอาภรณ์สีแดงที่งามอย่างน่าอัศจรรย์เข้าถึงตัวแล้ว
นัยน์ตาของไป๋หยานเย็นชาและเคร่งขรึมดาบในมือของนางไม่ต่างกับเคียวแห่งความตาย เพียงแค่กลิ่นอายของนางก็น่าสยดสยอง กระทั่งทำให้ต้องก้าวถอยร่นไปข้างหลังสองสามก้าว
ชิงหลวนกัดฟันพลันร่างของนางก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป เพียงเสี้ยวอึดใจถัดมา งูเขียวขนาดยักษ์ก็ปรากฏตัวขึ้นบริเวณขอบหน้าผา
”ร่างกายของเผ่าอสรพิษเรานั้นแข็งแกร่งที่สุดเว้นแต่เผ่ามังกรแล้ว ก็ไม่มีร่างกายของสัตว์อสูรใดสามารถเทียบกับงูได้ ! ไป๋หยาน…ข้ารู้ว่าพลังของเจ้าอยู่ในระดับจุนเจี่ย (ขั้นที่ 5) ทว่าดาบของเจ้าไม่มีทางทำร้ายข้าได้ … ” ฮึ !
***จบบทบรรพบุรุษของเผ่าอสรพิษ (1)***