จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 421-425
บทที่ 421 : ตระกูลหวังนายทวารตำหนักเซียนพยับหมอก (2)
”ตอนนี้เจ้ารู้ตัวหรือยังว่าทำผิด?”
หวังเสี่ยวผางตัวสั่นเขาแลดูอึดอัดใจ ขณะก้มศีรษะนิ่ง ไม่ต่างกับหวังตี้จวิน “ข้ารู้ตัวแล้วว่าผิด”
“เมื่อรู้ว่าทำผิดก็ดีแล้ว!” ชายชรามองอย่างเย็นชาพลางกล่าวเบา ๆ “ต่อไปหากเจ้ายังกล้าทำผิดอีก ข้าก็จะขับเจ้าออกจากบ้านสกุลหวังตลอดกาล !”
ภาพที่หวังเสี่ยวผางก้มหัวงุดๆ อยู่ตลอดเวลานั้น ทำให้เขาแลดูไม่ร่าเริงและซุกซนเฉกเช่นเคย นั่นทำให้ไป๋เสี่ยวเฉินรู้สึกอึดอัด
แม้ว่าหวังตี้จวินมักจะไล่ตีหวังเสี่ยวผางเสมอๆ ทว่าหวังเสี่ยวผางก็ไม่เคยรู้สึกไม่สบายใจเช่นนี้มาก่อน
”เสี่ยวผาง”
ไป๋เสี่ยวเฉินเม้มริมฝีปากก่อนจะวางมือของเขาลงบนไหล่ของเสี่ยวผางเบา ๆ เพื่อปลอบใจ
”ท่านพ่อเราอนุญาตให้ครอบครัวของพี่รองกลับมาได้ ทว่าเหตุใดครานี้พี่รองกลับพาผู้หญิง และเด็กแปลกหน้ากลับมาด้วยเล่า ?”
เสียงแปลกๆ ดังขึ้นจากด้านข้าง
หวังตี้จวินกำหมัดแน่น เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความโกรธ ขณะจ้องมองชายวัยกลางคนผู้ซึ่งยืนอยู่ข้างกายชายชรา
เมื่อครั้งที่เขาอยู่ร่วมบ้านสกุลหวังไอ้น้องสารเลวคนนี้ทำให้เขาต้องเดือดร้อนมากมาย สาเหตุที่เขาต้องออกจากบ้านสกุลหวัง ก็เป็นเพราะคนเหล่านี้ยุยงบิดาของเขา
แค้นใหม่แค้นเก่า ทำให้หวังตี้จวินนัยน์ตาแดงก่ำด้วยเพลิงโทสะ เขากัดฟันทักทาย “น้องสาม สบายดีหรือ !”
หวังตี้อี้ยิ้มเยาะพลายเอ่ยเหน็บแนม”พี่รอง อย่าบอกข้านะว่า สตรีผู้นี้เป็นอีหนูของท่าน … ”
อีหนู?
ถ้อยคำของเขาถูกหวังตี้จวินขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงแสดงความโกรธเกรี้ยวก่อนที่จะทันกล่าวจบ
”เก็บปากเน่าๆ ของเจ้าไว้ อย่าได้ล่วงเกินแม่นางไป๋ หากมิใช่เพราะนาง เราคงจะไม่มียาเม็ดคุณภาพสูงมากมายเช่นนั้น !”
หวังตี้อี้หุบปากลงทันควันแววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของเขาหันไปจับจ้องไป๋หยาน นัยน์ตาที่ร้ายกาจของเขาพลันเปล่งประกายด้วยความอัศจรรย์ใจ ทั้งไม่อยากเชื่อ
ก่อนหน้านี้เขารู้ว่ามีสตรีผู้หนึ่งช่วยจัดหายาอายุวัฒนะให้แก่หวังตี้จวิน หากแต่เขาไม่คาดคิดว่าจะเป็นสตรีอายุน้อยผู้นี้ นางน่าที่จะมีอายุประมาณยี่สิบต้น ๆ เท่านั้น
”ตี้จวิน…นางคือแม่นางไป๋หยานที่เจ้าพูดถึงงั้นหรือ ?” แววตาของชายชราแลดูอ่อนลง เขาเงยหน้าขึ้นมองไป๋หยาน
ยิ่งมองนางก็ยิ่งเห็นถึงพลังอันน่ากลัว
ด้วยสายตาเจนจัดของท่านผู้เฒ่าที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานหลายปีคนเช่นเขาย่อมสามารถมองทะลุความแข็งแกร่งของคนทั่วไปได้อย่างรวดเร็ว และยามนี้เขาก็รู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวเบื้องหน้าเขามิใช่จะมองข้ามได้ง่าย ๆ
”ใช่นางคือแม่นางไป๋หยาน และนี่คือบุตรชายของนาง ไป๋เสี่ยวเฉิน ที่ข้าได้รู้จักกับนางนั้น ก็เป็นเพราะวิสัยทัศน์ที่ดีของบุตรชายข้า เขาได้ทำความรู้จัก ทั้งยังเป็นเพื่อนกับไป๋เสี่ยวเฉินก่อน”
ใบหน้าของหวังตี้จวินปรากฏรอยยิ้มที่มีความสุข
บ่อยครั้งที่เจ้ามักดูถูกบุตรชายของข้าว่าเขาทั้งอ้วน ทั้งโง่ และยังนิสัยไม่ดี แต่ผู้ใดจะมีวิสัยทัศน์เรื่องการคบหาเพื่อนดี ๆ เท่าบุตรชายของข้าเล่า
แม้ว่าหวังตี้จวินมักจะดุหวังเสี่ยวผางหากแต่ในความเป็นจริง เขาไม่เคยยอมให้ผู้ใดดูถูกหวังเสี่ยวผางได้เลย !
”นางมีลูกแล้ว… ” หวังตี้อี้หรี่นัยน์ตาที่ร้ายกาจลง เขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง
หลังได้ยินว่าสตรีผู้นี้หาใช่อีหนูของหวังตี้จวินไม่ หากแต่เป็นหมอปรุงยาที่ทรงพลัง เขาก็เกิดความคิดต่ำ ๆ ในใจ
แต่…
คาดไม่ถึงว่าสตรีที่งดงามและมากด้วยความสามารถเช่นนี้จะมีบุตรชายโตถึงเพียงนี้ได้ เขาคิดว่าเด็กนั่นเป็นน้องชายของนางเสียอีก
ชายชรารู้จักนิสัยของหวังตี้อี้ดีเขาเหลือบมองบุตรของตนเองอย่างเย็นชา พร้อมกับส่งสายตาเป็นการตักเตือน จากนั้นเขาก็หันไปหาหวังตี้จวิน สีหน้าของเขาดีขึ้น
”เจ้าพาแม่นางไป๋มาพร้อมกับเจ้าด้วยก็แล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่แจ้งเราล่วงหน้า ? ข้าเลยไม่ได้เตรียมการต้อนรับนาง เช่นนั้นข้าจะไปเตรียมห้องให้แม่นางไป๋ และนายน้อยไป๋ก่อน !”
***จบบทตระกูลหวังนายทวารตำหนักเซียนพยับหมอก (2)***
บทที่ 422 : ตระกูลหวังนายทวารตำหนักเซียนพยับหมอก (3)
”เอ่อ… ” หวังตี้จวิน เกาหัวพลางกล่าวออกมาสองคำ “ข้าลืม”
มุมปากของชายชราที่เคยยิ้มพลันเปลี่ยนกลับไปเคร่งขรึมเย็นชาเฉกเช่นเดิม”แขกเป็นคนสำคัญ ทีหลังห้ามลืมเด็ดขาด เสี่ยวหยินเจ้าจงพาเพื่อนของเจ้าไปพักผ่อนก่อนเถิด”
หวังเสี่ยวหยินเป็นชื่อจริงของหวังเสี่ยวผางหากแต่ตอนนี้ใคร ๆ ต่างก็เรียกชื่อเล่นเสี่ยวผางของเขา แม้แต่บิดาของเขาก็ยังเรียกเขาว่าเสี่ยวผาง มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังเรียกชื่อจริงของเขา
ครั้นหวังเสี่ยวผางได้ยินชื่อนี้เขาก็นิ่งงัน แต่ครั้นรู้สึกตัวว่าชายชราเรียกเขา เขาก็รีบคว้าแขนของไป๋เสี่ยวเฉินรีบกล่าวว่า “ลูกพี่ ไปที่ห้องของข้าก่อนเถอะ”
”ตกลง”ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้า ก่อนจะหันไปกระพริบตาให้ไป๋หยาน “หม่ามี้ เสี่ยวผางกับข้าไปก่อนนะ เสี่ยวมี่ เราไปกันเถอะ”
ไป๋เสี่ยวเฉินอุ้มเสี่ยวมี่ตัวน้อยผู้ซึ่งกำลังนอนแกว่งหางอยู่กับพื้นขึ้นมาก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานหลังบ้าน
”ช้าก่อน!”
ทันทีที่หวังตี้อี้พบว่าเสี่ยวมี่อยู่ที่นี่ด้วยสีหน้าของเขาพลันแปรเปลี่ยนไป เขาตะโกนออกมาอย่างรวดเร็วว่า “แมวเข้ามาในนี้ได้อย่างไร ? พวกเจ้าทุกคนเข้าไปได้ ทว่าแมวตัวนั้นห้ามเข้าบ้านสกุลหวังของข้า”
ไป๋เสี่ยวเฉินกำลังจะเดินจากไปกลับต้องหยุดชะงัก เขาหันกลับมามองหวังตี้อี้ทันที
ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาที่หวังตี้อี้เห็นไปเองหรือไม่? เขาเห็นแสงเย็นยะเยือกในแววตาของเด็กชายตัวเล็ก ๆ แสงนั่นเย็นยะเยือก กระทั่งทำให้หัวใจของเขาสั่นเทา
ไป๋เสี่ยวเฉินเม้มริมฝีปากสีชมพูของเขาน้อยๆ โดยไม่กล่าวคำใด มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถไม่ชอบเสี่ยวมี่ได้ ผู้อื่นไม่อาจไม่ชอบเสี่ยวมี่ !
”ตี้อี้!” ใบหน้าของชายชราแสดงออกถึงความโกรธเกรี้ยว “เจ้าทำอะไร ?”
”ท่านพ่อจำไม่ได้หรือไรว่า ตอนชิงเอ๋ออายุสามขวบ สัตว์อสูรที่เหมือนแมวมาจากที่ใดไม่รู้ มันมาข่วนชิงเอ๋อ ทำให้ชิงเอ๋อเกลียดแมวมาก ! แม้ว่าแมวตัวนี้จะมิใช่สัตว์อสูร ทว่าก็ไม่ควรให้มันปรากฏตัวต่อหน้าชิงเอ๋อ ! ”
ครั้นได้ยินถ้อยคำดังกล่าวเสี่ยวมี่ก็โบกอุ้งเท้าขึ้นด้วยความโกรธ ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว
เจ้าสิแมวครอบครัวของเจ้าทั้งหมดก็เป็นแมว !
ผู้ใดบอกว่าข้ามิใช่สัตว์อสูรพวกตระกูลหวังตาบอดกันหมดหรือไร ?
”หวังตี้จวิน”ไป๋หยานกวาดตามองหวังตี้จวิน พลางยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย “ในเมื่อตระกูลหวังไม่อยากให้เราพักที่นี่ เช่นนั้นเราก็จะไปพักที่อื่น หากเสี่ยวผางอยากพบเฉินเอ๋อก็ให้เขาไปหากพวกเราที่โรงเตี๊ยม ในเมื่อตระกูลหวังไม่ต้อนรับเรา ! เช่นนั้นธุรกิจยาที่เคยตกลงกันก่อนหน้านี้ ก็… ”
หวังตี้จวินเหงื่อแตกนิสัยของไป๋หยานเป็นคนชัดเจนมาก เขากล่าวคำใดไม่ออก ครู่นี้ น้องสามทำให้นางโกรธ นางคงจะเลิกติดต่อกับตระกูลหวังเป็นแน่
ครั้นนึกถึงเรื่องนี้เขาก็กัดฟันกล่าวว่า “น้องสาม เจ้าไม่ควรสร้างปัญหา หากแมวของแม่นางไป๋หยานจะอยู่ที่นี่แล้วไง ? หรือเจ้าต้องการให้แม่นางไป๋หยานโกรธ กระทั่งเรียกยาที่ขายให้ตระกูลเรากลับคืน ?”
“ชิงเอ๋อไม่ใช่บุตรสาวของเจ้านี่ เจ้าถึงไม่สนใจนาง ข้าเป็นบิดาจะยอมให้สิ่งใดก็ตามที่บุตรสาวของข้าไม่ชอบมาอยู่ใกล้ ๆ นางได้อย่างไร ?” หวังตี้อี้เยาะ “นอกจากนี้แมวจะสำคัญสำหรับมนุษย์ถึงเพียงนั้นเลยหรือ ? ไม่ว่าใครก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตนเองเสมอ ข้าเองก็อยากจะรู้ว่าแม่นางไป๋จะเลือกแมวนั่นทั้งที่ต้องมีปัญหาหรือไม่ ?”
ประโยคสุดท้ายนี้เขาดูเหมือนจะพูดกับไป๋หยานส่วนเรื่องที่หวังตี้จวินข่มขู่ เขาไม่ใส่ใจเลย
นางเป็นหมอปรุงยาแล้วไงล่ะ? ตระกูลหวังก็เป็นผู้รักษาประตูสู่ตำหนักเซียนพยับหมอก นางจะยอมมีเรื่องกับตระกูลหวังจริง ๆ กระนั้นหรือ ?
”เฉินเอ๋อเราไปกันเถอะ”
ไป๋หยานหมุนตัวกลับพร้อมก้าวจากไปทันที
ชั่วขณะที่ไป๋หยานหมุนตัวกลับนั้นจู่ ๆ ชายชราผู้ซึ่งนิ่งเงียบมาโดยตลอดก็ตะโกนออกมาว่า “พอแล้ว ! แมวนั่นเป็นของแม่นางไป๋หยาน ในเมื่อนางรักมัน มันก็ต้องอยู่กับนางที่นี่ หากเจ้าคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โตนัก ช่วงนี้เจ้าก็ให้ชิงเอ๋อไปพักที่อื่นซะ”
หวังตี้อี้เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจบิดาของเขามักจะตามใจชิงเอ๋อเสมอ คราวนี้เพื่อเห็นแก่แมวตัวนี้ บิดาของเขาถึงกับให้ชิงเอ๋อไปนอนที่อื่น เขาทำเช่นนี้ได้อย่างไร ?
***จบบทตระกูลหวังนายทวารตำหนักเซียนพยับหมอก (3)***
บทที่ 423 : ด้วยรักและกัดกัน (1)
”แม่นางไป๋ไม่ต้องสนใจเขา”
แววตาเย็นชาของชายชรากวาดไปที่หวังตี้อี้ก่อนจะเบนกลับไปทางไป๋หยานช้า ๆ มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นในดวงตาที่ทรงบารมีของเขา
”เชิญท่านพักในบ้านสกุลหวังของข้าให้สบายเถอะ!”
ตอนนี้หวังหยู่ฟานยังคงกุมอำนาจดูแลตระกูลหวังคนอื่น ๆ จะค้านเขาได้อย่างไร ?
”ท่านพ่อ”หวังตี้จวิน ขมวดคิ้ว “ท่านรู้หรือไม่ว่าผลแก้วมังกรเพลิงอยู่ที่ใด ? ข้าได้ยินมาว่าเมื่อไม่นานมานี้มีผลแก้วมังกรเพลิงปรากฏในเมืองฮวนเฉิง… ”
ผลแก้วมังกรเพลิงรึ?
หวังหยู่ฟานตกตะลึงพลางกล่าวตอบว่า”เมื่อไม่นานมานี้มีคนนำผลแก้วมังกรเพลิงมาเสนอในงานประมูล เป็นคนจากบ้านสกุลอันที่ประมูลได้ไป”
”บ้านสกุลอันกระนั้นรึ?” หวังตี้จวินตกตะลึง สีหน้าของเขาแลดูไม่ดีเอามาก ๆ เขาหันไปทางไป๋หยานพลางกล่าวว่า “แม่นางไป๋ ความสัมพันธ์ระหว่างบ้านสกุลหวังของเรากับบ้านสกุลอันไม่สู้ดีนัก บัดนี้ผลแก้วมังกรเพลิงถูกบ้านสกุลอันประมูลได้ไป ข้าเกรงว่าจะเป็นเรื่องลำบากกว่าที่คิด”
ไป๋หยานลูบคางเงียบๆ
สิ่งที่หวังหยู่ฟานกล่าวมานั้นสอดคล้องกับข่าวที่นางได้รับจากหอบุปผาทว่าอย่างไรเสียนางก็ต้องเอาผลแก้วมังกรเพลิงมาให้ได้ !
”เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ข้ามีแผนในใจแล้ว”
ไป๋หยานกระพริบตาสองสามครั้งมุมปากของนางวาดโค้งก่อเกิดรอยยิ้มน้อย ๆ
นัยน์ตาของนางสดใสมากรอยยิ้มของนางไม่ต่างกับพรายน้ำที่มีประกายแวววาวยิ่งเสียกว่าหมู่ดาว
”หม่ามี้อย่างนั้น เฉินเอ๋อขอไปพักผ่อนก่อนนะ”
ไป๋เสี่ยวเฉินยื่นริมฝีปากบางๆ ของเขา ใบหน้าสีชมพูของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง เขาขยิบตาให้ไป๋หยาน นัยน์ตากลมโตของเขาสดใสราวกับแสงจันทรา
”อืม…เจ้าไปเถอะ”
ไป๋หยานพยักหน้าเล็กน้อยนางรู้สึกได้ถึงอารมณ์โกรธ อีกทั้งเย็นชาที่ส่งผ่านมาจากด้านข้าง พลันนางก็ยกยิ้ม นางกวาดสายตาเย็นชาไปมองใบหน้าของหวังตี้อี้อย่างจงใจ
ครั้นสายตาของไป๋หยานกวาดไปถึงชั่วขณะนั้นลมหายใจของหวังตี้อี้พลันสะดุด หัวใจของเขาสั่นสะท้าน ภายในใจเขาเกิดความตื่นตระหนก
โชคดีที่ไป๋หยานถอนสายตากลับเพียงไม่ช้า แรงกดดันที่ทำให้เขาหายใจไม่ทั่วท้องก็ค่อย ๆ มลายหายไป หัวใจของเขาจึงเริ่มสงบลง
อย่างไรก็ตามณ จุดนี้ หวังตี้อี้ก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าสตรีผู้นี้ไม่ธรรมดา !
”ท่านพ่อลูกขอตัวก่อน”
เขารีบโค้งคำนับและจากไปโดยไม่หันกลับมามอง ยามนี้แววตาของเขาแฝงความโกรธ และความอาฆาตพยาบาท
หวังตี้จวิน…ไอ้สารเลวนั่น ข้าอุตส่าห์จัดการ กระทั่งขับไล่มันออกไปจากครอบครัวได้แล้ว ทว่าตอนนี้มันไม่เพียงกลับมา หากแต่ยังนำผู้ช่วยกลับมาด้วย ข้าไม่มีวันปล่อยมันไปแน่ !
*****
ในลานด้านตะวันตก
หวังตี้อี้ผลักประตูก้าวเข้าไป ทันใดนั้นเองเขาก็เห็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังยืนอยู่ในห้องหนังสือ
ชายผู้นี้มีลักษณะคล้ายกับหวังตี้อี้หากแต่เมื่อเทียบกับรูปร่างกล้องแกล้งของหวังตี้อี้แล้ว ชายวัยกลางคนกลับแลดูค่อนข้างบึกบึนกว่า
”พี่ใหญ่!” ทันทีที่หวังตี้อี้เห็นชายวัยกลางคนทำราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เขาก็พูดขึ้นอย่างเหลืออดว่า “ไอ้สารเลวหวังตี้จวินนั่น กลับมาแล้ว ทั้งยังพาหมอปรุงยากลับมาอีกด้วย พี่ไม่คิดหาหนทางแก้ไขหน่อยเหรอ ? ”
หวังตี้หยวนพลิกหนังสือในมือของเขาด้วยท่าทางสบายๆ พลางยิ้มไม่รู้ไม่ชี้
”ตกใจอะไรนักหนา? เขาจะกลับมาก็ให้เขากลับมา เกี่ยวอะไรกับเราเล่า ?”
มีเพียงเขาเท่านั้นที่มีคุณสมบัติพอที่จะสืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านสกุลหวัง!
นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีผู้ใดเทียบเขาได้อย่างหวังตี้จวินก็มีบุตรชายที่ไม่เอาถ่าน หลังจากภรรยาของหวังตี้จวินตาย หวังตี้จวินก็ไม่ยอมแต่งงานใหม่ ! หากไม่มีผู้สืบทอดที่ยอดเยี่ยมแล้ว อย่างไรเสียตำแหน่งเจ้าบ้านสกุลหวังก็ต้องตกอยู่ที่เขา
”พี่ใหญ่แต่ครั้งนี้พี่รองพาหญิงสาวสวยมาพร้อมกับเด็กผู้ชายอีกคน หญิงผู้นั้นยังเป็นหมอปรุงยาที่แม้แต่ท่านพ่อก็ยังต้องเกรงใจ ในกรณีนี้หากท่านพ่อเกิดเปลี่ยนใจเพราะยาอายุวัฒนะนั่นเล่า ?”
บทที่ 424 : ด้วยรักและกัดกัน (2)
หวังตี้หยวนกล่าวเบาๆ “ข้าได้ยินมาว่าบ้านสกุลอันเป็นผู้ประมูลผลแก้วมังกรเพลิงไปได้ ข้าจะขอซื้อผลแก้วมังกรเพลิงจากสกุลอัน เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะมอบมันให้กับสำนักเวชโอสถ ด้วยความช่วยเหลือจากสำนักเวชโอสถ ข้าไม่เชื่อว่าท่านพ่อจะไม่มอบตำแหน่งให้ข้า”
”สำนักเวชโอสถหมายถึงสำนักเวชโอสถที่เป็นหนึ่งในสามขุมอำนาจใหญ่พอ ๆ กับตำหนักเซียนพยับหมอกใช่หรือไม่ ?” หวังตี้อี้ดีใจ “นี่พี่ใหญ่มีความสัมพันธ์กับสำนักเวชโอสถจริงเหรอ ?”
”ก็ประมาณนั้น”
หวังตี้หยวนยกมุมปากของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อย”อีกเพียงไม่กี่วัน ก็จะมีผู้อาวุโสจากสำนักเวชโอสถมาเยี่ยมอวยพรวันเกิดของท่านพ่อ เช่นนั้นเจ้าควรติดต่อคนบ้านสกุลอัน เพื่อขอซื้อผลแก้วมังกรเพลิงมาให้ข้า”
”พี่ใหญ่”หวังตี้อี้เบ้ปาก “เหตุใดพี่ถึงต้องทำให้เรื่องยุ่งยากด้วย ในเมื่อวันที่จัดประมูลนั้น พี่ก็สามารถประมูลผลแก้วมังกรเพลิงด้วยตนเองได้ ก็แล้วเหตุใดถึงต้องยอมแพ้ให้กับบ้านสกุลอันด้วยเล่า ? ”
หวังตี้หยวนยิ้มพลางส่ายศีรษะ”เพราะข้าไม่ต้องการให้ผู้ใดรู้เกี่ยวกับการซื้อขายผลแก้วมังกรเพลิงครั้งนี้ ! เมื่อเจ้าไปที่บ้านตระกูลอัน เจ้าก็ต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ หากท่านพ่อรู้ เขาจะต้องบังคับเอาผลแก้วมังกรเพลิงนี่ไปเป็นแน่”
หวังตี้อี้กล่าวชื่นชมทันที”พี่ใหญ่ ท่านช่างฉลาดเฉลียวจริง ๆ คนโง่อย่างหวังตี้จวินไม่มีทางสู้กับพี่ได้แน่”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหวังตี้จวินยังมีบุตรชายที่ชอบสร้างปัญหาอยู่อีกคนหนึ่งด้วย
”หากเจ้าไม่มีเรื่องใดแล้วเจ้าก็ควรรีบไปจัดการตามที่ข้าบอก ทั้งช่วงนี้ เจ้าควรจับตามองหวังตี้จวิน และแม่นางผู้นั้นไว้ หากมีอะไรก็จงรีบมารายงานข้า”
”แล้วหวังเสี่ยวผางล่ะ?” หวังตี้อี้เอ่ยถาม
“เด็กโง่ไร้สติปัญญาเช่นนั้นไม่เห็นจะต้องกลัวอะไร เจ้าไม่จำเป็นต้องเสียเวลากับเขา”
”ขอรับพี่ใหญ่”
ครั้นหวังตี้อี้นึกถึงไป๋เสี่ยวเฉินขึ้นมาได้เขาก็อยากจะเอ่ยถามอีก แต่เมื่อเห็นหวังตี้หยวนหันกลับไปหมกหมุ่นกับการอ่านตำรา เขาก็กลืนคำถามลงคอสิ้น
เด็กคนนั้นอย่างไรเสียก็เป็นเพียงเด็กน้อยขนาดหวังเสี่ยวผางยังไม่จำเป็นต้องใส่ใจ นับประสาอะไรกับเด็กนั่นเล่า
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้หวังตี้อี้ก็ไม่อยากรบกวนหวังตี้หยวนอีกเขาจึงออกจากห้องหนังสือไปอย่างเงียบ ๆ
*****
ถนนในเมืองฮวนเฉิงคึกคักเต็มไปด้วยเสียงดังจ้อกแจ้กจอแจยิ่งกว่าเมืองหลวงของอาณาจักรหลิวฮั่ว
ทว่า…
ทว่าจู่ๆ เสียงจ้อกแจ้กจอแจของเมืองก็เงียบลง
กลุ่มสาวๆ สองฝั่งถนนต่างหันมามองเจ้าซาลาเปาน้อยผู้ซึ่งเดินอยู่บนถนนด้วยสายตาทึ่ง
พวกนางไม่เคยเห็นเด็กชายที่น่ารักเช่นนี้มาก่อน
เขาน่ารักราวกับงานแกะสลักจากหยกเนื้อดีบริสุทธ์ไร้เดียงสา
แม้ยามที่เขาขมวดคิ้วก็ยังน่ารักเสียเหลือเกินกระทั่งพวกนางยังอดไม่ได้ที่จะรีบหันมาชี้ชวนกันมองเด็กน้อย
”ลูกพี่”
หวังเสี่ยวผางเพิ่งเคยได้รับความสนใจเป็นครั้งแรกแม้สายตาเหล่านั้นจะไม่ได้มองที่เขา ทว่าเขาก็ดึงแขนเสื้อของไป๋เสี่ยวเฉินเข้าไปกระซิบ
“พี่ไป๋หยานไม่ได้ต้องการให้ลูกพี่พักผ่อนอย่างเต็มที่หรอกหรือ จะดีหรือที่เราออกมาเดินเที่ยวเล่นกันอย่างนี้น่ะ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินยกมือขึ้นจุ๊ปากพร้อมกับกระพริบตาเล็กน้อย “หวังเสี่ยวผาง บ้านสกุลอันไปทางไหน ?”
”บ้านสกุลอัน… รึ ?”
หวังเสี่ยวผางมีสีหน้าแปลกๆ ขณะพูดลิ้นแทบพันกันว่า “ลูกพี่ ต้องการจะไปที่บ้านสกุลอันงั้นหรือ ?”
”หากหม่ามี้ของข้าต้องการผลแก้วมังกรเพลิงข้าก็จะไปหาให้ หวังเสี่ยวผางเจ้าคุ้นเคยกับบ้านสกุลอันหรือไม่ ? เจ้าว่าหากข้าเอาขนมของข้าไปแลกมาจะได้ไหม ?”
ใบหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินฉายประกายแห่งความหวัง
ในฐานะที่เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของหม่ามี้เขาต้องช่วยแบ่งปันความกังวล ทั้งต้องช่วยแก้ไขปัญหาให้กับหม่ามี้ หากเขาสามารถเอาผลแก้วมังกรเพลิงมาได้ หม่ามี้ของเขาจะต้องรักเขามากขึ้นกว่าเดิมอีก !
”ข้า…” ใบหน้าอ้วน ๆ ของหวังเสี่ยวผางเปลี่ยนเป็นสีแดง ท่าทางของเขาราวกำลังอึดอัดใจ ขณะกล่าวว่า “ลูกพี่จำได้มั้ยว่า ข้าเคยบอกว่า เหตุที่ทำให้ข้าถูกขับออกจากตระกูลหวังก็เพราะข้าไปทุบตีคนบางคน และคนที่ข้าทุบตีก็คือนายน้อยของบ้านสกุลอัน”
***จบบทด้วยรักและกัดกัน (2)***
บทที่ 425 : ด้วยรักและกัดกัน (3)
นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจหวังเสี่ยวผางทำร้ายคนบ้านสกุลอันงั้นหรือ ?
”เอ่อ… ” หวังเสี่ยวผางถูฝ่ามืออย่างไม่สบายใจ “แท้ที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ตั้งใจ ข้าไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับเขา ข้า …”
ก่อนที่เขาจะทันกล่าวจบเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหน้า ซึ่งนั่นทำให้สีหน้าของหวังเสี่ยวผางเปลี่ยนไป
“โอ้! ไอ้อ้วนหวังใช่ไหมนั่น ? เจ้ายังกล้ากลับเมืองฮวนเฉิงอีกเหรอ ? เหตุใดท่านปู่ของเจ้าถึงยังไม่ฆ่าเจ้าอีกล่ะ ?”
”อันเซียงหรัน!”
หวังเสี่ยวผางรู้สึกขนลุกไปทั้งร่างเขาโบกกำปั้นขึ้น พร้อมกับส่งยิ้มโกรธ ๆ ไปยังชายหนุ่มผู้หนึ่งที่เดินมาด้านหน้า “เจ้าขยะ เจ้ายังอยากถูกตีอีกงั้นหรือ ?”
ผู้ที่ถูกเรียกว่าขยะหาใช่เพราะความแข็งแกร่งของเขาไม่ หากแต่เป็นเพราะสติปัญญาของเขาไม่พัฒนา เช่นนั้นเมื่อต่อสู้กัน อันเซียงหรันจึงไม่สามารถเอาชนะหวังเสี่ยวผางได้
”เจ้า… ” อันเซียงหรันชะงัก เขายกนิ้วดั่งดรรชนีกล้วยไม้ของเขาขึ้นชี้หวังเสี่ยวผางด้วยความโกรธ
ใช่…ดรรชนีกล้วยไม้! (ท่าทางกรีดกรายราวอิสตรี)
เขาแต่งตัวด้วยชุดกรุยกรายไม่ต่างกับผีเสื้อใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยแป้งจนแลดูขาวว่อก ขาวมากกว่าปกติ ทั้งยังทิ้งกลิ่นหอมเอ้อละเหยในทุกที่ที่เขาย่างกรายผ่าน
“ข้าบอกเจ้าแล้วไงหวังเสี่ยวผาง !” อันเซียงหรันขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ขณะพูดด้วยความโกรธ “ข้าเป็นนายน้อยตระกูลอัน เจ้าควรจะพูดจาสุภาพกับข้า หาไม่แล้วข้าจะให้บิดาของข้าตีเจ้า”
ร่างอ้วนๆ ของหวังเสี่ยวผางสั่นสะท้าน “นายน้อยบ้านสกุลอันงั้นรึ ? ข้าคิดว่า เป็นคุณหนูบ้านสกุลอันเสียล่ะมากกว่า ข้าเองก็ไม่อยากรู้จักนางหรอกนะ หากแต่นางชอบมาเดินกรุยกรายต่อหน้าข้าอยู่เสมอ น่ารังเกียจจริง ๆ”
”เจ้า… เจ้าสิเป็นสตรี ! ข้าเป็นบุรุษ ! บุรุษ” อันเซียงหรันโกรธจนแทบจะร้องไห้ นัยน์ตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขาจ้องมองหวังเสี่ยวผางด้วยความโกรธ
หวังเสี่ยวผางไม่สนใจเขาหากแต่หันไปหาไป๋เสี่ยวเฉินพลางกล่าวว่า “ตอนนี้ ลูกพี่คงรู้แล้วสิว่า เหตุใดข้าถึงต้องลงมือ ? กับคนแบบนี้ ข้าอดไม่ได้เลยจริง ๆ”
ไป๋เสี่ยวเฉินกะพริบตาเล็กน้อย”หากแต่ข้ากำลังคิดว่าพวกเจ้าทั้งสองดูเหมือนคนรักทะเลาะกัน”
คนรักทะเลาะกันรึ? ไอ้ผีนั่นกับเขาเนี่ยนะคนรักทะเลาะกัน !
ทันทีที่ไป๋เสี่ยวเฉินพูดจบลงคนทั้งสองที่กำลังจะต่อสู้กันก็หันมามองเขาทันที
เมื่อเทียบกันแล้วแววตาของอันเซียงหรันนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ ทว่าแววตาของหวังเสี่ยวผางนั้นแค่ไม่พึงใจ
ไม่นานนักสายตาของอันเซียงหรันก็ถูกเสือขาวตัวเล็กๆ ในอ้อมแขนของเจ้าซาลาเปาน้อยดึงดูดเข้าให้
“ลูกแมวน้อยช่างน่ารักเหลือเกิน”
เขาเอื้อมมือไปแตะเสี่ยวมี่จากนั้นก็รีบหดมือกลับ พร้อมกับเชิดคางขึ้นอย่างทระนง
“เจ้าและหวังเสี่ยวผางไม่ใช่คนดีข้าไม่ชอบลูกแมวของเจ้าหรอก”
เมื่อครั้งที่เสี่ยวมี่อยู่ในตระกูลหวังก็โดนคนบอกว่าไม่ชอบมาแล้วครั้นมาเจอชายหรือหญิงก็ไม่รู้ผู้นี้บอกว่าไม่ชอบมันอีก มันก็ยิ่งโกรธ
”เจ้าสิแมวครอบครัวของเจ้าสิ ที่เป็นแมวกันทั้งบ้าน ! เบิกตากว้าง ๆ ดูให้ชัด ๆ สิ ว่าข้าเป็นเสือขาว ! เสือขาว !”
ชั่วขณะเดียวกันนี้นัยน์ตาของอันเซียงหรันเบิกกว้าง ปากของเขาหุบไม่ลง ยามเมื่อเห็นแมวตัวน้อยพูดภาษามนุษย์ได้อย่างปุบปับ
”มัน… มันเป็นแมวปีศาจหรือ ?”
แมวจะพูดภาษามนุษย์ได้อย่างไร ?
ไป๋เสี่ยวเฉินมองอันเซียงหรันจากนั้นก็ก้มลงมองแมวในอ้อมแขนของตน นัยน์ตากลมโตของเขากลอกไปมา
“มันไม่ใช่แมวมันเป็นสัตว์อสูร เจ้าอยากได้สัตว์อสูรบ้างไหมล่ะ ?”
”บ้านข้าก็มีสัตว์อสูร”
อันเซียงหรันดูเหมือนจะเริ่มรู้สึกตัว
ครอบครัวของเขาก็มีสัตว์อสูรแต่สัตว์อสูรของครอบครัวเขาก็ไม่สามารถพูดจาภาษามนุษย์ได้
”งั้นเจ้าก็คงไม่ไป”ไป๋เสี่ยวเฉินถอนหายใจ “ข้านัดกับหวังเสี่ยวผางไว้ว่าจะไปจับสัตว์อสูรในเทือกเขาฉินหลิงกัน แต่หวังเสี่ยวผางไม่ชอบจับสัตว์อสูร ข้าก็เลยกะว่าจะชวนเจ้าไปด้วย เจ้าก็ดันไม่ชอบ … ”
***จบบทด้วยรักและกัดกัน (3)***