จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 441-446
บทที่ 441 : ผู้ชายของเจ้ามาแล้ว (3)
ด้วยฐานะของไป๋เสี่ยวเฉินยังต้องมาล่อลวงหลานสาวของคนเฝ้าประตูอีกกระนั้นหรือ ? เป็นเรื่องน่าตลกที่สุดเลยว่าหรือไม่ ?
“หนีก่อนเถอะศิษย์รักของข้า” ข้าขอให้อาจารย์ทั้งสองของเจ้าช่วยขวางผู้ชายของเจ้าไว้ก่อน เพื่อที่ข้าจะได้มาแจ้งข่าวเจ้าก่อน แต่จากการประเมินของข้า พวกเขาคงไม่อาจต้านทานได้เกินครึ่งชั่วยาม (1 ชั่วโมง)เป็นแน่”
ทันทีที่ได้ยินสุ้มเสียงเป็นกังวลของเหรินอี้สีหน้าของไป๋หยานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย นางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
”ดูเหมือนว่าจะสายเกินไปแล้ว… ”
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงกระพือปีกดังมาจากระยะไกล ตามมาด้วยนกฝูงมหึมาจำนวนนับไม่ถ้วน พวกมันบินปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า ความกดดันแผ่ออกโดยรอบ กระทั่งทุกคนแทบจะเป็นลม
สวรรค์เมตตาด้วย…
พวกเขาไม่เคยเห็นสัตว์อสูรมากมายถึงเพียงนี้มาก่อนในชีวิต!
หงษ์ไฟวิหคเพลิง อินทรียักษ์ ห่านป่า
นกอสูรจำนวนนับไม่ถ้วนบินอยู่บนอากาศทุกตัวทรงพลังกระทั่งทุกคนแทบจะลืมหายใจ
นกเหล่านี้ทรงพลังมากเพียงแค่ตัวเดียวก็สามารถปลิดชีวิตพวกเขาทั้งหมดได้ในพริบตา !
ทว่าที่เหาะนำหน้าสัตว์อสูรเหล่านั้นมาก็คือบุรุษที่แลดูเหมือนเทพบุตร บุรุษผู้นั้นสวมใส่อาภรณ์สีม่วง มีเรือนผมสีเงินยวง เขานำมาซึ่งจิตวิญญาณชั่วร้ายแผ่ครอบคลุมไปทั่วทั้งเมือง ยามนี้เขาเป็นดั่งมหาราชย์ผู้ซึ่งสามารถปกครองสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตอย่างทระนงองอาจอยู่บนท้องฟ้า
ไป๋หยานแข้งขาอ่อนยวบกระทั่งต้องยึดเขาของมังกรแก้วไว้เป็นหลัก นางกัดฟันกล่าวว่า “เฉินเอ๋อ…ดูเหมือนแม่จะไม่สามารถหนีเขาพ้นได้เลย”
อ๋องคังในรูปลักษณ์เช่นนี้แตกต่างจากชายอันธพาลที่นางเคยมีภาพติดในใจ
บางทีอาจเป็นเพราะ…
เขาคือราชาอสูรตัวจริง!
ผู้ควบคุมสัตว์อสูรทั้งหมดทั้งยังเป็นผู้ครองโลก !
ชายผู้นั้นร่อนลงมาจากอากาศอย่างช้าๆ ทุกขณะที่เขาใกล้เข้ามา หัวใจของไป๋หยานก็ยิ่งตึงเครียด นางมองใบหน้าที่เศร้าหมอง พร้อมรอยยิ้มของชายผู้นั้น
”อ๋องคังเหตุใดท่านถึงมาที่นี่ได้ ?”
ชายคนนั้นหยุดลงเบื้องหน้านางเขาแสดงออกถึงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
”ก็เจ้าต้องการที่จะหลบหนีข้านี่?”
”ข้า… มาทำธุระ”
นางมาทำงานจริงๆ มิใช่เพื่อหลบซ่อนตัวจากชายผู้นี้
”ไม่ว่าเจ้าต้องการจะทำสิ่งใดเจ้าก็ควรรอข้าก่อน เหตุใดเจ้าถึงไม่รอข้า ?” อ๋องคังบีบไหล่ของไป๋หยาน แววตาของเขาฉายประกายเจ็บปวดลึก ๆ
เขาควรจะเกลียดนางใช่หรือไม่? เกลียดที่นางจากมาโดยไม่ร่ำลา
”ข้า… ขอโทษ” ไป๋หยานหลบตา พลางบุ้ยริมฝีปากบาง ๆ
ไป๋เสี่ยวเฉินมองตี้คังทีแล้วก็หันไปมองไป๋หยานที เขากระพริบตาเล็กน้อยก่อนจะดึงแขนเสื้อของชายผู้น่าสงสาร
”ป๊ะป๋าวายร้ายถ้าท่านไม่มา เฉินเอ๋อกับหม่ามี้คงจะถูกรังแกจนตายแน่ คนเหล่านี้ต้องการที่จะแย่งผลมังกรเพลิงของหม่ามี้ ซ้ำเขายังใส่ร้ายเฉินเอ๋อว่าจะล่อลวงลูกสาวของเขา เขายังบอกอีกว่าเฉินเอ๋อฐานะต่ำต้อย ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะแต่งงานกับลูกสาวของเขา”
เมื่อเห็นความสนใจของอ๋องคังค่อยๆ ย้ายจากไป๋หยานมาที่เขา แก้มของไป๋เสี่ยวเฉินก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูเหมือนเด็กที่กำลังน้อยใจ
”แต่นางน่าเกลียดมากเฉินเอ๋อกลัวฝันร้าย เฉินเอ๋อจะไม่แต่งงานกับนาง นางก็มาว่าหม่ามี้ของเฉินเอ๋อว่าแก่ ซ้ำยังบอกด้วยว่านางสวยกว่าหม่ามี้”
อ๋องคังหรี่ตาลงเล็กน้อยเขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “คิดเทียบกับผู้หญิงของข้า ผู้ใดกันขวัญกล้าถึงเพียงนั้น ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินเบิกตากว้าง
ความหมายที่ไป๋เสี่ยวเฉินพยายามสื่อก็คือมีคนใส่ร้ายว่าเขาล่อลวงบุตรสาวของชายคนนั้น
แต่สุดท้ายป๊ะป๋าวายร้ายกลับได้ยินเพียงประโยคสุดท้ายงั้นหรือ ?
แน่นอนว่าภรรยาย่อมเป็นคนสำคัญที่สุด ส่วนลูกชายก็แค่ของแถมใช่ปะ ?
ไป๋หยานลอบใช้สายตาชื่นชมไป๋เสี่ยวเฉินยามนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะทำให้อ๋องคังลืมเรื่องที่นางทิ้งเขา
ครั้นไป๋เสี่ยวเฉินได้รับการชมเชยจากไป๋หยานความหดหู่ที่เข้ารู้สึกเมื่อครู่พลันสลายไปสิ้น เขาเผยยิ้มออกมาอย่างสดใส
ในโลกนี้อย่างไรเสียหม่ามี้ก็รักเขามากที่สุดล่ะ !
***จบบทผู้ชายของเจ้ามาแล้ว (3)***
บทที่ 442 : จนกว่าความตายจะพรากจาก (1)
”แล้วข้าจะจัดการเจ้าในภายหลัง!”
การที่ไป๋หยานส่งสัญญานให้ไป๋เสี่ยวเฉินนั้นไม่อาจเล็ดลอดสายตาของตี้คังเขาขบใบหูของนางพลางกระซิบ
นัยน์ตาเรียวคมคุกคามที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งภาคภูมิใจของตี้คังกวาดมองทุกคนที่อยู่โดยรอบ
หวังตี้อี้กลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากทว่าเมื่อสายตาของตี้คังกราดมองมา เขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่างพลันความหวาดกลัวก็พุ่งขึ้นเต็มหัวใจ
”ท่านพ่อช่วยข้าด้วย ข้ายังไม่อยากตาย … ”
เขามีลางสังหรณ์ว่าชายผู้นี้จะฆ่าเขาแน่ๆ
ริมฝีปากของหวังหยู่ฟานสั่นระริกเขาหลับตาลงชั่วครู่ ครั้นลืมตาขึ้น ก็ดูราวกับอายุของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกหลายสิบปี
”ไป๋หยานข้าขอเลือกข้อแรก ขับพวกเขาออกจากตระกูลของข้า !”
เลือกขับออกจากตระกูลยังดีกว่าที่จะต้องตาย!
ร่างของหวังตี้อี้ราวกับเป็นอัมพาตร่างของเขาทรุดลงกับพื้นดินทันที นัยน์ตาของเขาซีดราวกับกระดาษด้วยความสิ้นหวัง
”ข้าไปสัญญาอะไรกับเจ้า?”
ชั่วขณะนี้เสียงข่มขู่พลันดังขึ้นหวังตี้อี้รู้สึกราวกับเข้าไปอยู่ในโรงน้ำแข็ง เขามองบุรุษที่อยู่ในอาภรณ์สีม่วงบนอากาศด้วยสายตาที่หมดหวัง
”เขารังแกภรรยาของข้าเจ้าจะให้เขารับโทษเพียงถูกขับออกจากตระกูลเท่านั้นหรือ ?”
”แล้วท่านต้องการสิ่งใด?” หวังหยู่ฟานยิ้ม รอยยิ้มของเขาบิดเบี้ยว ขณะเอ่ยถามด้วยไม่รู้จะทำเช่นไรอีก
”คุกเข่าขอโทษภรรยาของข้า!”
น้ำเสียงของชายหนุ่มฟังดูสบายๆ
”หากต้องทำเรื่องน่าละอายเช่นนั้นก็ฆ่ากันเสียเลยดีกว่าลูกผู้ชายฆ่าได้ หยามไม่ได้ !”
หวังตี้อี้โกรธมากเขาก็ถูกขับออกจากตระกูลแล้ว ชายผู้นี้ยังต้องการให้เขาขายหน้ามากไปกว่านี้อีกหรือ ?
แต่ครั้นคำพูดของเขาหลุดออกจากปากสัตว์อสูรที่อยู่บนท้องฟ้าต่างก็พากันส่งเสียงร้องเซ็งแซ่จนหูแทบหนวก หวังตี้อี้ตัวสั่น กระทั่งทรุดกายลงคุกเข่าบนพื้นอีกครั้ง
”ข้ารู้ข้าผิดไปแล้ว ขอโทษด้วยแม่นางไป๋”
ทุกคนต่างก็อ้าปากค้าง?
ไหนว่าลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ไง ?
แค่สัตว์อสูรคำรามเขาก็ลืมสิ่งที่เขาพูดไปเมื่อครู่นี้แล้วกระนั้นรึ?
ทว่า…
หลังจากเห็นเช่นนั้นสัตว์อสูรหลายตัวบนท้องฟ้า ต่างก็มองสองพี่น้อง หวังตี้หยวน และหวังตี้อี้อย่างเห็นอกเห็นใจ
พวกเขาต่างรู้สถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างดีคนอย่างองค์ราชาของพวกเขาไม่ยอมปล่อยสองคนนี้ไปง่าย ๆ มีโอกาสที่จะใช้ให้เหล่าสัตว์อสูรร่อนลงมาฉีกร่างพวกเขาเป็นชิ้น ๆ เสียล่ะมาก
”ข้าขอโทษแล้วข้าไปได้หรือยัง ?” หวังตี้อี้ตัวสั่น เขาไม่กล้าแม้จะเงยหน้าขึ้นด้วยซ้ำ
เขาทำกรรมชั่วอะไรนักหนาถึงได้มาพบกับคนนิสัยเสียสองคนนี้ ?
”ข้าพูดเมื่อไหร่หรือว่าหากขอโทษแล้วจะไปได้?” ริมฝีปากของตี้คังยกโค้งแปลก ๆ
”เจ้า… ” ใบหน้าของหวังตี้อี้เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาพยายามระงับความโกรธอย่างหนัก ขณะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงวิงวอนว่า “ท่านยังต้องการอะไรอีก ?
นัยน์ตาของตี้คังกวาดไปที่หวังตี้อี้ก่อนจะหันไปมองไป๋หยาน “จะจัดการกับเขาเช่นไรดี ?”
นัยน์ตาของไป๋หยานเปล่งประกาย”ขับพวกเขาออกจากตระกูลหวัง หากข้ารู้ว่าพวกเขากล้ากลับมาที่ตระกูลหวังแม้เพียงก้าวเดียวแล้วล่ะก็ ข้าจะสับพวกเขาเป็นชิ้น ๆ !”
”อืม”
ตี้คังขมวดคิ้วทว่าก็ไม่คัดค้านแต่อย่างใด เขาเพียงหัวเราะเยาะ “ไปซะ !”
หวังตี้อี้รู้สึกราวกับได้รับนิรโทษกรรมเขารีบลุกขึ้นจากพื้นทันที แล้วรีบพาหวังชิงเอ๋อที่นั่งโง่งมอยู่เป็นนานวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าฐานะของตระกูลหวังจะมีความสำคัญต่อเขาแต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับชีวิต เช่นนั้นยามนี้หวังตี้อี้จึงไม่กล้าร้องขอความเมตตาใดอีก เพราะเกรงว่าหากไป๋หยานโกรธ เขาจะไม่มีโอกาสจากไปอีกเลย
หวังตี้หยวนเม้มริมฝีปากโดยไม่กล่าวคำใดสักคำเขามองไป๋หยานด้วยสายตาเย็นชา
อยู่ในภูเขาเขียวไยต้องกลัวไร้ฟืน!
สักวันหนึ่งเขาจะต้องกลับมาเอาคืนอย่างแน่นอน!
***จบบทจนกว่าความตายจะพรากจาก (1)***
บทที่ 443 : จนกว่าความตายจะพรากจาก (2)
ภายหลังสองพี่น้องจากไปไป๋หยานก็กระโดดลงจากหลังของมังกรแก้ว นางลงมายืนต่อหน้าพ่อ-ลูกหวังตี้จวินหวังเสี่ยวผาง
”ข้าช่วยกำจัดผู้ที่คอยคุกคามเจ้าให้แล้วจากนี้ไปก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าในการคว้าโอกาสด้วยตนเอง”
ไป๋หยานระบายยิ้มนางกล่าวด้วยเสียงเบา ๆ
หวังตี้จวินเข้าใจแล้วว่าหนึ่งในเหตุผลที่ไป๋หยานขับไล่สองพี่น้องออกจากตระกูลหวังนั่นก็เพื่อที่เขาจะได้รับฐานะในตระกูลหวังกลับคืนมา
”ขอบคุณท่านมากแม่นางไป๋”
เขากล่าวอย่างจริงใจ
”ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าเราต่างก็ร่วมมือและมีผลประโยชน์ร่วมกัน ยิ่งไปกว่านั้น … ” นางหยุด พลางยกมือขึ้นวางบนศีรษะของหวังเสี่ยวผาง “เสี่ยวผางเป็นเด็กที่น่ารักมาก ข้าชอบเขา”
มุมปากของหวังตี้จวินโค้งขึ้นเล็กน้อยเจ้าอ้วนเสี่ยวผางเนี่ยนะน่ารัก น่ารักตรงไหนกัน เหตุใดเขาถึงไม่เคยรู้สึกเลยล่ะ ?
”แม่นางไป๋”หวังตี้จวินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เท่าที่ข้ารู้มา ด้วยนิสัยของท่าน ไม่น่าจะเพียงขับพี่ชายข้าหวังตี้หยวนออกจากตระกูลหวังใช่หรือไม่ ?”
หวังตี้หยวนโกรธอย่างมากเป็นไปไม่ได้ที่ไป๋หยานจะมองไม่เห็น
ครั้นได้ยินถ้อยคำดังกล่าวไป๋หยานก็ยิ้ม นางกระพริบตา “เจ้าเดาออกหรือไม่ล่ะ ?”
หวังตี้จวินตกตะลึงก่อนที่เขาจะทันรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น สตรีที่อยู่ตรงหน้า ก็ถูกมืออันใหญ่โตคว้าจับไว้อย่างแน่นหนา
”เราจะไปชำระบัญชีกันได้รึยัง”ตี้คังกอดร่างไป๋หยานแน่น พลางกัดฟันกล่าวประโยคนี้
ทันทีที่คำสุดท้ายเปล่งออกจากปากร่างของทั้งคู่ก็เลือนสลายหายไปพร้อมกับสายลมทันที
ไป๋เสี่ยวเฉินยืนงงอยู่กับที่นี่พวกเขาไปกันแล้วหรือ ?
”ป๊ะป๋าวายร้ายหม่ามี้ พวกท่านรอข้าด้วย !” เจ้าซาลาเปาน้อยรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก เขาพยายามวิ่งไล่ตามด้วยขาสั้น ๆ ของตน …
ทว่าไป๋เสี่ยวเฉินวิ่งตามไปได้เพียงไม่กี่ก้าวนกอินทรีตัวใหญ่บนท้องฟ้าก็บินโฉบลงมาขวางหน้าไป๋เสี่ยวเฉิน
”ฝ่าบาทท่านไปไม่ได้”
”คนเลวคนนั้นขโมยหม่ามี้ของข้าไปนั่นหม่ามี้ของข้านะ !” ไป๋เสี่ยวเฉิน กล่าวด้วยความโกรธ
”ฝ่าบาทวันพรุ่งองค์ราชาจะมารับท่าน ยามนี้ท่านยังไม่ควรไปรบกวนองค์ราชาและราชินี นี่เป็นคำสั่งขององค์ราชา”
อินทรียักษ์ไม่อาจทนดูสีหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินได้คำสั่งขององค์ราชาโหดร้ายเกินไป เป็นผู้ใดก็ต้องปวดร้าวใจ
ไป๋เสี่ยวเฉินเศร้าใจมากจริงๆ นัยน์ตาของเขาแดงก่ำ “ป๊ะป๋าวายร้ายไม่รักข้ามาแต่ต้นแล้ว แต่…แต่…แต่หม่ามี้ก็ไม่ต้องการข้าด้วยงั้นหรือ ?”
”ฝ่าบาท… ”
”ไม่จำเป็นต้องพูดอีกแล้วข้าต้องการอยู่คนเดียว ไม่ต้องรบกวนข้า”
ไป๋เสี่ยวเฉินสูดจมูกฟึดฟัดๆ เขาลงนั่งขัดสมาธิบนพื้น หันหลังให้กับนกอินทรียักษ์พลางวาดนิ้วลงบนพื้น
เห็นแล้วช่างโดดเดี่ยวเดียวดายอ้างว้างเหลือพรรณนา
”หลานชายที่น่าสงสารของข้า”เหรินอี้เช็ดน้ำตา เขาเฝ้ามองไป๋เสี่ยวเฉินด้วยความปวดร้าวใจ
ทว่าตอนนี้ไป๋เสี่ยวเฉินกำลังวาดวงกลมเพื่อสาปแช่งตี้คัง
ชายผู้นั้นคิดว่าจะกำจัดข้าได้งั้นรึ? ไม่มีทางข้าจะอยู่กวนใจหม่ามี้ไปชั่วชีวิต ข้าจะไม่ให้โอกาสเขาแน่ !
*****
บนเตียงขนาดใหญ่ที่หรูหราอลังการตี้คังวางไป๋หยานลงบนเตียง เขาพลิกร่างนางกลับมา ก่อนจะประทับจูบลงบนริมฝีปากงามอย่างไร้ความปรานี
”ตี้คัง!” ไป๋หยานโกรธ นางใช้มือผลักหน้าอกของตี้คัง “ท่านลืมกฎสามข้อของเราแล้วกระนั้นหรือ ?
ตี้คังไม่ตอบเขาขยับจูบไปทีละนิด ๆ ไล่ไปบนริมฝีปากของไป๋หยาน กระทั่งท้ายสุดจึงประทับจูบลงบนหน้าผากของนางเนิ่นนาน
ขณะที่ไป๋หยานต้องการที่จะเอนศีรษะของนางหนีความเจ็บปวดที่เด่นชัดพลันจี๊ดขึ้นกลางหน้าผากของนาง พร้อมเสียงดังปัง ดูเหมือนว่าจะมีพลังบางอย่างไหลพรั่งพรูเข้ามาในหัว นำมาซึ่งความทรงจำที่ไหลหลากกระจัดกระจาย
***จบบทจนกว่าความตายจะพรากจาก (2)***
บทที่ 444 : จนกว่าความตายจะพรากจาก (3)
ภาพในสมองของนาง
คือภาพสนามรบ
แสงสะท้อนจากโลหิตที่ไหลนองฉาบทาไปทั่วผืนฟ้ากองทัพทั้งสองกำลังโรมรันพันตู ฝุ่นควันกระจัดกระจายคละคลุ้ง
ในสนามรบฝ่ายตรงข้ามคือบุรุษในอาภรณ์สีขาว เขาแลดูไม่ต่างจากเทพเซียนผู้ไร้ที่ติ ทว่าใบหน้าของเขานั้นกลับไม่อาจเห็นได้ชัดเจน ดูเหมือนว่า เขาจะมีความทรงจำฝังลึก ทั้งภายในใจของเขาก็ยังเป็นกังวลอย่างล้ำลึก
”เสี่ยวไป๋กลับไปกับข้าเถอะ ตกลงหรือไม่ ?”
น้ำเสียงของบุรุษผู้นี้เศร้าแววตาของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ทว่าก็ยังแฝงความคาดหวังแม้ความหวังนั้นจะเหลือเพียงเล็กน้อยก็ตาม หากแต่กลับเหมือนเข็มทิ่มแทงทำร้ายจิตใจของไป๋หยานอย่างลึกซึ้ง
บุรุษผู้นี้เป็นใครกัน?
ในขณะที่หัวใจของไป๋หยานกำลังเจ็บปวดเสียงที่คุ้นเคยพลันดังขึ้นในห้วงทรงจำของนาง ส่งผลให้สมองของนางว่างเปล่าไปชั่วครู่หนึ่ง
”ข้าจะไปกับเขาท่านกลับไปเถอะ”
นัยน์ตาของนางเบิกกว้างพลันฉากตรงหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ภาพฉากย้ายกลับไปยังสนามรบอีกด้านหนึ่ง
สตรีในอาภรณ์สีขาวอยู่ท่ามกลางสนามรบแต่เหตุใดสตรีผู้นี้ถึงได้แลดูคล้ายกับนาง ?
ไม่จริง!
อาจกล่าวได้ว่าเว้นแต่เสื้อผ้าอาภรณ์แล้ว นางและสตรีผู้นั้นไม่มีสิ่งใดแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ หรือแม้กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเหมือนกัน !
ข้างกายสตรีผู้นั้นคือบุรุษที่มีเรือนผมสีเงินยวง แม้ว่าจะไม่อาจเห็นใบหน้าของชายหนุ่มผู้นั้นได้อย่างชัดเจน ทว่าไป๋หยานก็จดจำเขาได้ทันที
ตี้คัง!
เว้นแต่ตี้คังแล้วจะมีผู้ใดที่มีบุคลิกพร้อมครอบงำคนทั้งโลก ทั้งยังหยิ่งยโสได้ถึงเพียงนี้กันเล่า ?
เหตุใดตี้คังถึงได้ปรากฏในใจของนาง?
”เสี่ยวไป๋เจ้าตัดสินใจเลือกเขาจริง ๆ กระนั้นหรือ ?” บุรุษในอาภรณ์สีขาวแลดูโศกเศร้า เขาเอ่ยกล่าวออกมาด้วยความเศร้าสร้อย “หากเจ้าอยู่กับเขาคงไม่พบจุดจบที่ดีเป็นแน่ คนพวกนั้นไม่มีวันยอมปล่อยเจ้าไป … ”
”ข้าคิดว่าท่านจะเข้าใจดีแล้วเสียอีก นับแต่ครั้งที่ท่านเห็นแก่ประโยชน์ของโลกนี้ยอมวางมือจากข้า เรื่องของเราก็ไม่มีทางเป็นไปได้อีก”
”ทว่าเขาแตกต่างจากเจ้า… ”
”จากนี้จนวันตายข้าก็จะขออยู่กับเขาจนกว่าความตายจะพรากเราจากกัน !”
จากนี้จนวันตายข้าก็จะขออยู่กับเขาจนกว่าความตายจะพรากเราจากกัน !
บูม!
หลังจากถ้อยคำดังกล่าวจบลงภาพต่าง ๆ ในหัวของไป๋หยานพลันมลายหายไปราวกับฟองสบู่
เพียงครู่ไป๋หยานก็กลับมารู้สึกตัวนางเห็นใบหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ของบุรุษผู้นั้น
”เมื่อครู่นี้ท่านทำอะไรกับข้า” นางเอ่ยถามใบหน้าของนางซีดลงเล็กน้อย
เหตุใดภาพเหล่านั้นถึงเกิดขึ้นในใจนาง?
”ทำสัญญา”ตี้คังหัวเราะ “ข้าทำสัญญากับเจ้า จากนี้ไปไม่ว่าเจ้าจะหนีไปที่ใด ข้าก็จะตามไปจับเจ้ากลับมาได้”
แววตาของไป๋หยานเปลี่ยนไป”ท่านทำสัญญากับข้าโดยที่ข้ายังมิยินยอมงั้นหรือ ?”
”หากข้าบอกก่อนมีหรือเจ้าจะยอม ?” ตี้คังเลิกคิ้ว ขณะเดียวกันนิ้วมือเรียวยาวของเขาก็เชยคางของไป๋หยาน “หยานเอ๋อ จากนี้ไปชีวิตของข้าขอมอบให้เจ้า หากเจ้าอยู่ข้าก็อยู่ หากเจ้าตายข้าก็พร้อมตายด้วย ต่อให้เจ้ารำคาญที่ข้าตามตื๊อเจ้า ข้าก็ไม่สน ข้าไม่รังเกียจที่จะวุ่นวายตามตื๊อเจ้าแม้ว่าจะต้องไปเยือนถึงเมืองนรกก็ตามที
”คนบ้า!”
ชายผู้นี้บ้าจริงๆ เขาผูกมัดนางด้วยวิธีนี้ได้อย่างไร !
”ตี้คังข้าขอถามท่าน ท่านต้องตอบข้ามาตามจริง !” ไป๋หยานคิดถึงสิ่งที่นางเพิ่งเห็น นางขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางเอ่ยถาม
”ถามมา”
”ท่านเป็นใครกันแน่?” นัยน์ตาของไป๋หยานเคร่งขรึม ตี้คังรู้เห็นภาพในหัวของนางเมื่อครู่นี้ด้วยหรือไม่ ?
ตี้คังประทับจูบเบาๆ ลงบนริมฝีปากของไป๋หยาน ยามนี้นัยน์ตาที่ครอบงำทุกชีวิตของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะ
”ข้าเป็นสามีของเจ้าเป็นบิดาของบุตรชายเจ้า และบุตรสาวในอนาคตของเจ้า เป็นลูกเขยของบิดามารดาเจ้า และเป็นพี่เขยของน้องชายเจ้าไง เจ้าอยากรู้อะไรอีกเล่า ข้าจะได้บอกเจ้าทีละเรื่อง”
พูดง่ายๆ ก็คือสถานะของข้านั้นเกี่ยวข้องกับเจ้าทั้งหมด
***จบบทจนกว่าความตายจะพรากจาก (3)***
บทที่ 445 : เก็บเด็กหนุ่มได้ (1)
หัวใจของไป๋หยานหวั่นไหวนางพริ้มตาลงช้า ๆ พร้อมกับหวนนึกถึงภาพนั้นอีกครั้ง ราวกับกล้องฉายภาพยนตร์
ภายใต้ท้องฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยละอองเลือดของทหารทั้งสองฝ่ายบุรุษผู้นั้นจับมือนางไว้แน่นไม่ยอมปล่อยนับแต่ต้นจนจบ
เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่นางเพียงมองจากมุมมองของผู้สังเกตการณ์ ทว่าความอบอุ่นบนฝ่ามือของนางนั้นเป็นของจริง
จริงกระทั่งนางตราตรึงและปวดร้าวใจ
ไป๋หยานลืมตาจ้องบุรุษที่อยู่เบื้องหน้า “ตี้คัง ข้าจะเชื่อใจท่านได้จริงหรือ ?”
”เจ้าสามารถเชื่อใจข้าได้หมดทั้งหัวใจของเจ้า”
”เอาล่ะข้าจะเชื่อใจท่านสักครา หากท่านทรยศข้า ข้าจะไม่มีวันปล่อยท่านไปเป็นแน่ !”
อาจเป็นเพราะความหวั่นไหวที่นางมีมาก่อนหน้านี้หรือเป็นเพราะภาพที่นางเห็นในสมองเมื่อครู่นี้
นางจึงยินดีที่จะเดิมพันดูสักครั้ง!
”หยานเอ๋อเจ้าจะสมรสกับข้าและกลับแดนอสูรของเราเมื่อไหร่ ?” ตี้คังเลิกคิ้วขึ้น พลางเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม แววตาของเขาแลดูชั่วร้ายมาก นิ้วเรียวยาวของเขาลูบไล้จอนข้างหูของนาง
“เอ่อ…”ไป๋หยานกล่าว พลางลูบคางของนาง “ข้าเพียงอยากจะเชื่อใจท่านสักครั้ง หากแต่ข้ายังไม่ได้รับปากว่าจะสมรสกับท่าน”
”แล้วเจ้าจะสมรสกับข้าเมื่อไหร่?”
”นั่นก็ขึ้นกับการกระทำของท่าน”
ไป๋หยานกระพริบตารอยยิ้มของนางสว่างไสว
คิ้วของนางโก่งงามนัยน์ตาของนางราวกับดวงดาราที่เปล่งประกายสดใส
ตี้คังไม่สามารถควบคุมตนเองได้อีกต่อไปเขาเอนกายลงจุมพิตริมฝีปากของนาง ไฟเสน่หาพลันปรากฏขึ้นในดวงตาเรียวคม มันฉายประกายเร่าร้อนราวเปลวเพลิง
”ข้าจะแสดงให้เจ้าดูตอนนี้เลย”
ชั่วขณะนี้นัยน์ตาของไป๋หยานหรี่ลงแสงสว่างเจิดจ้าที่เคยมีเปลี่ยนเป็นเย็นเยือก
เหลือเพียงริมฝีปากของนางเท่านั้นที่ยังคงรอยยิ้มพิมพ์ใจ
”ตี้คังก่อนที่ข้าจะตกหลุมรักท่าน หากท่านไม่รักษาสัญญา ชั่วชีวิตนี้ข้าก็จะไม่รักท่าน”
สำหรับตี้คังแม้นางจะหวั่นไหว หากแต่จะบอกว่าเป็นความรักล้ำลึกก็ยังเร็วเกินไป
ตี้คังชะงัก
ความปรารถนาอันแรงกล้าในใจของเขานั้นยากที่จะอดกลั้นไหว ทว่าเขาก็ต้องทน
”ข้าจะรอ”
เสียงของชายหนุ่มทุ้มลึกและแหบห้าวเขาดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างหญิงสาว ก่อนจะหันหลังให้กับนาง
”ข้าจะรอจนกว่าเจ้าจะยอมสมรสกับข้า”
“ถ้าเช่นนั้นเหตุใดท่านยังไม่ไปอีกเล่า ?” ไป๋หยานขมวดคิ้วเล็กน้อย
การแสดงออกของตี้คังนั้นจริงจัง”ข้าจะไปแล้ว แต่เกรงว่าเจ้าจะกลัว เช่นนั้นข้าจึงยังรั้งอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องเจ้า”
กลัว?
ไป๋หยานยิ้มเยาะเมื่อครั้งที่นางออกจากตระกูลในชีวิตก่อนของนางนั้น นางก็ไม่เคยรู้เลยว่าความกลัวคืออะไร
นางกระพริบตาสองสามครั้งพลางยิ้มอย่างงดงามหาใดเปรียบ
”ตี้คังท่านทำสัญญากับข้าโดยไม่ได้รับความยินยอมจากข้า เช่นนั้นข้าจะคิดบัญชีกับท่าน … ”
ตี้คังคิดอยู่แล้วว่าไป๋หยานจะต้องโกรธเขาเพราะเรื่องนี้ เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความโกรธของนาง หากแต่ไม่คาดคิดว่าสตรีที่อยู่ข้าง ๆ เขาจะพลิกตัวกลับมาทันทีพร้อมกับประกบริมฝีปากแดงลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
บูม!
ชั่วขณะนั้นโลหิตของตี้คังพลันพุ่งปรี๊ดขึ้นสู่สมอง หลอดเลือดในกายของเขาขยายตัวอย่างรวดเร็ว
นี่…น่าประหลาดใจเหลือเกิน
นางเป็นฝ่ายจูบเขาก่อนได้อย่างไร?
ริมฝีปากของตี้คังยกโค้งไม่ต่างจากสัตว์ร้ายมือของเขากดศีรษะของไป๋หยานแน่น จุมพิตนั้นยิ่งดื่มด่ำลึกล้ำ
แสงจันทร์นวลกระจ่างทอลอดเข้ามาทางหน้าต่างสะท้อนให้เห็นร่างของคนทั้งสองที่กำลังจูบกันบนเตียง
เสื้อของฝ่ายชายเปิดลงมาครึ่งหนึ่งหน้าอกสีขาวแลดูเย้ายวน เรือนผมหญิงสาวตกระอกของชายหนุ่ม ภาพเช่นนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์กระทั่งไม่อาจหาคำบรรยาย
ผ่านไปเนิ่นนาน
ไป๋หยานขยับริมฝีปากสีแดงของนางออกพลางมองชายหนุ่มที่กำลังหลับสนิท นางลุกขึ้นจากเตียง เพียงยกมือขึ้นโบกก็ส่งผลให้เสื้อผ้ากลับมาสวมใส่บนร่างกายอย่างเรียบร้อยดังเดิม นางเดินออกจากห้อง
ก่อนที่นางจะก้าวออกจากห้องนั้นนางยังหันศีรษะกลับมาเล็กน้อย เพื่อมองชายหนุ่มผู้ซึ่งยามนี้หลับสนิท รอยยิ้มบนริมฝีปากสีแดงของนางเปล่งประกายสว่างไสว
***จบบทเก็บเด็กหนุ่มได้ (1) ***