จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 446-450
บทที่ 446 : เก็บเด็กหนุ่มได้ (2)
”ตี้คังเจ้าเล่ห์นักมิใช่หรือ ? เหตุใดถึงได้พลาดซ้ำ ๆ ถึงสองครั้งสองคราเช่นนี้ ?”
ครั้งแรกนางป้ายยาบนริมฝีปากของตนเพื่อป้องกันไม่ให้ตี้คังสามารถใช้งานน้องชายได้เป็นเวลาหนึ่งเดือน และในครั้งนี้นางก็อาศัยช่วงจังหวะที่เขาไม่ทันระวังตัวจูบเขา
ทำให้เขาตกสู่กับดักอีกครั้ง!
นัยน์ตาของไป๋หยานฉายแววพึงใจรอยยิ้มของนางแลดูมีความสุขกับความสำเร็จในครั้งนี้ นางหมุนตัวกลับ จากนั้นก็หายตัวไปภายใต้แสงจันทร์นวล
*****
ที่คฤหาสน์บ้านสกุลหวัง
ไป๋เสี่ยวเฉินยังคงนั่งยองๆ ข้างต้นไม้ เขานั่งวาดวงกลม เหรินอี้เหงื่อออกท่วมตัว ทั้งยังเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
”พ่อทูลหัวน้อยของข้าข้าจะพาเจ้าไปหาหม่ามี้ของเจ้าดีหรือไม่ ? หากเจ้าเป็นเช่นนี้เจ้าต้องโศกเศร้าจนแห้งตายแน่ ๆ เลย ?”
ตลอดเวลาที่อยู่ร่วมกันบนเกาะศักดิ์สิทธิ์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้พวกเขาทั้งสามทำได้ทุกอย่าง แม้จะต้องสอยดาวสอยเดือนมาให้พ่อทูลหัวน้อยคนนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้พวกเขาจะปล่อยให้เด็กน้อยเศร้าซึมอยู่ได้อย่างไร ?
ครั้นเห็นท่าทีที่โดดเดี่ยวของไป๋เสี่ยวเฉินเหรินอี้รู้สึกเจ็บปวดในหัวใจอย่างรุนแรง เขาพยายามกล่าวปลอบใจพ่อทูลหัวตัวน้อย
”หม่ามี้?”
จู่ๆ นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินพลันสว่างไสวขึ้น เขาเปลี่ยนจากท่าทีที่เหงาหงอยเป็นประหลาดใจ เขาลุกขึ้นยืนจากพื้น ก่อนจะพุ่งตัวไปข้างหน้า
ครั้นทุกสายตามองตามไป๋เสี่ยวเฉินพวกเขาก็ได้เห็นสาวงามค่อย ๆ ร่อนลงจากฟ้าท่ามกลางแสงจันทร์เย็นยะเยือก
สตรีผู้นั้นก้มลงนางอ้าแขนออกกอดร่างนุ่มนิ่มของเจ้าซาลาเปาน้อยแน่น
”หม่ามี้เฉินเอ๋อคิดว่าหม่ามี้ไม่ต้องการเฉินเอ๋ออีกแล้ว … ”
นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินแดงก่ำน้ำตาจากความเศร้าโศกเสียใจไหลริน เขามองไป๋หยานอย่างน่าสงสาร
เหรินอี้เองก็เช็ดน้ำตาป้อยๆ “ศิษย์รัก นับแต่เจ้าจากไป บุตรชายของเจ้าก็นั่งยอง ๆ อยู่ใต้ต้นไม้ ไม่ว่าข้าจะคุยกับเขาเช่นไร เขาก็ไม่ยอมตอบคำ ข้าแทบจะอดร้องไห้เพราะความสงสารไม่ได้”
คำพูดที่สะเทือนใจนี้ทำให้ไป๋หยานใจอ่อนยวบ นางจูบหน้าผากไป๋เสี่ยวเฉิน
”เจ้าเป็นคนสำคัญที่สุดในหัวใจของแม่แม่จะไม่ต้องการเจ้าได้อย่างไร ?”
”จริงเหรอ?” นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินสว่างไสวราวกับดวงดารา เขากลับมายิ้มแย้มแจ่มใสอย่างน่ารักน่าเอ็นดู “เฉินเอ๋อก็รักหม่ามี้มากที่สุด และไม่มีใครสามารถเทียบหม่ามี้ได้ด้วย”
”อาจารย์รอง”ไป๋หยานวางเจ้าซาลาเปาน้อยลง ขณะเดียวกันก็ยังจับมือเล็ก ๆ ของเจ้าซาลาเปาน้อย พลางยิ้มให้เหรินอี้ “เราไปกันเถอะ”
”เอ่อ… ” เหรินอี้ยังยืนงง “แล้วผู้ชายคนนั้นของเจ้าล่ะ ?”
นัยน์ตาไป๋หยานกระพริบประกายแสงเจ้าเล่ห์นางยิ้ม “เขามีความสามารถในการตามหาข้าแน่”
ก็เขาบอกเองมิใช่หรือว่าหลังจากทำสัญญากันแล้ว ไม่ว่านางจะไปที่ใด เขาย่อมจะตามนางพบ ?
เช่นนั้นในกรณีนี้ก็ให้เขาไปหานางเองแล้วกัน
นางต้องการที่จะดูว่าสัญญานั่นมีประสิทธิภาพจริงๆ หรือไม่ ?
”ราชินี… เช่นนั้นองค์ราชาล่ะ ?
ครั้นได้ยินนกอินทรียักษ์ซึ่งคอยปกป้องไป๋เสี่ยวเฉินก็ตัวแข็งทื่อไปชั่วครู่ หน้าผากของเขามีเหงื่อผุดพราย “ดูเหมือนนี่จะไม่ใช่เรื่องดี ที่ท่านจะจากไปเช่นนี้ หากองค์ราชาทราบ … ”
ไป๋หยานเลิกคิ้วขึ้น”ตอนนี้เขากำลังพักผ่อน ข้ายังไม่ได้บอกเรื่องที่ข้าจะจากไป ทว่าอย่าได้รบกวนเขาเลย”
”แต่… แต่ … ”
อินทรียักษ์ลังเลที่จะพูดบางอย่างแต่กลายเป็นทำให้เจ้าซาลาเปาน้อยโมโห
ใบหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินเคร่งขรึมร่างเล็ก ๆ ของเขาพร้อมจะข่มขู่คุกคามใครสักคน “เจ้าเข้าใจที่หม่ามี้ของข้าพูดแล้วใช่มั้ย ?”
”ฝ่าบาท… ”
”ใครกล้าขวางทางหม่ามี้ของข้าข้าจะฟ้องป๊ะป๋าวายร้ายของข้าว่าเจ้ารังแกข้า ดูสิว่าเขาจะเชื่อเจ้าหรือจะเชื่อข้า !”
เพื่อปกป้องมารดาของตนแล้วไป๋เสี่ยวเฉินทำตัวไม่ต่างจากอันธพาล ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถขัดคำสั่งของหม่ามี้ได้ !
หม่ามี้ของข้าถูกต้องทุกอย่าง!
ไม่มีใครขัดสิ่งที่หม่ามี้ของข้าต้องการทำได้!
หัวใจของนกอินทรียักษ์พองโตขึ้นด้วยความหวาดกลัวเขารีบก้มศีรษะลง “รับทราบ พะยะค่ะ…”
“ดีแล้ว”ไป๋เสี่ยวเฉินพูดพร้อมกับตบหัวนกอินทรียักษ์ “เจ้าเชื่อฟังข้า ข้าจะชมเชยเจ้าต่อหน้าป๊ะป๋าวายร้าย ถ้าเจ้ากลัวว่าเขาจะลงโทษเจ้า ก็จงบอกเขาว่า ถ้าเขาโกรธและลงโทษเจ้า ข้าจะไม่พาหม่ามี้กลับบ้าน”
***จบบทเก็บเด็กหนุ่มได้ (2)**
บทที่ 447 : เก็บเด็กหนุ่มได้ (3)
ปากของนกอินทรียักษ์ถูกดึงกระทั่งโค้งงอลงมามันไม่กล้าที่จะโต้แย้งอะไรอีก มันทำได้เพียงก้มหัวงุด ๆ ไม่กล้าแม้แต่จะมองไป๋เสี่ยวเฉินตรง ๆ
”ไปกันเถอะ”ไป๋หยานใช้มือข้างหนึ่งจับไป๋เสี่ยวเฉิน จากนั้นก็อุ้มเสี่ยวมี่ไว้ในมืออีกข้างหนึ่ง ก่อนจะกระโดดขึ้นยืนบนหลังของมังกรแก้ว แล้วหันไปมองเหรินอี้ “อาจารย์รองขึ้นมาเร็ว ๆ หากชักช้า เดี๋ยวอ๋องคังตามมาทันนะ”
”ได้ข้าไปแล้ว !”
เหรินอี้หัวเราะร่าก่อนจะกระโดดขึ้นเหยียบหลังของมังกรแก้วอย่างรวดเร็ว
มังกรแก้วคำรามเพียงพริบตาก็เหลือเพียงจุดสว่างวิบวับ มันอันตรธานหายไปจากสายตาของทุกคน
เมื่อนั้นนกอินทรียักษ์ถึงกล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมันเริ่มคิดได้ว่าเรื่องนี้จะต้องรายงานต่อองค์ราชาโดยเร็วที่สุด เช่นนั้นมันจึงรีบไปยังสถานที่ซึ่งตี้คังพำนักอยู่
ครั้นมันมาถึงหน้าประตูและกำลังจะผลักเปิดนั้น มันพลันหวนนึกถึงสิ่งที่ไป๋หยานเพิ่งพูด มันถึงกับหยุดชะงัก
หากข้ารบกวนการพักผ่อนขององค์ราชาจะถูกลงโทษหรือไม่ ?
แต่ครั้นนึกถึงความเอาใจใส่ที่องค์ราชามีต่อราชินีแล้วมันก็กัดฟันใช้ปีกผลักประตู
เนื่องจากนกอินทรียักษ์มีขนาดใหญ่โตเกินกว่าที่จะเข้าไปในห้องมันจึงทำได้เพียงหมอบอยู่ที่นอกประตู และส่งสายตามองเข้าไปในห้องแทน
*****
แสงจันทร์กระจ่างบุรุษผู้ซึ่งมีเรือนผมสีเงินยวง แลดูน่าลุ่มหลงและน่าทึ่งอย่างยิ่งภายใต้แสงจันทร์นวล
ยามนี้เขากำลังเอนศีรษะอยู่บนเตียง ในมือถือแผ่นหยกที่หญิงสาวทำหล่นไว้เมื่อครั้งที่นางจากไป นัยน์ตาเรียวคมกำลังยิ้ม ใบหน้าหล่อเหลาราวปีศาจเหม่อมองไกลอย่างไร้จุดหมาย ดูราวกับว่าเขากำลังครุ่นคิดบางสิ่งอย่างลึกซึ้ง
”องค์ราชาเมื่อครู่ราชินีมีรับสั่งว่าพระองค์กำลังบรรทม กระหม่อมมารบกวนฝ่าบาทหรือไม่ ?” ความตื่นตระหนกผุดขึ้นกลางใจของนกอินทรียักษ์ เขาจึงรีบเอ่ยถามออกมาอย่างไว
ชายหนุ่มหันมามองนกอินทรียักษ์อีกครั้ง”ข้าไม่ได้หลับ”
”ฝ่าบาท…” อินทรียักษ์ประหลาดใจ หากองค์ราชาไม่ได้บรรทมเหตุใดจึงทรงปล่อยราชินีไป?
มือใหญ่ของชายหนุ่มจับศีรษะตนเองขณะเผยรอยยิ้มที่งดงาม
”ภรรยาของข้าเป็นคนขี้เล่นนางอยากเล่นสนุก จะไม่ให้ข้าเล่นกับนางได้อย่างไร ? … ไม่ว่านางจะไปที่ใด ข้าย่อมหานางพบ”
มุมปากนกอินทรียักษ์กระตุก”หากไม่มีสิ่งใดแล้ว กระหม่อมขอตัว”
”ช้าก่อน!” นัยน์ตาของตี้คังสว่างไสว ทว่าก็แฝงแววเย็นชา เขากล่าวด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ว่า “เจ้าจงไปกำจัดชายสองคนที่หมิ่นศักดิ์ศรีหยานเอ๋อเสีย !”
ในเมื่อหยานเอ๋อไม่ลงมือเขาก็จะเป็นผู้ลงมือเอง !
เขาจะไม่ยอมให้ใครดูหมิ่นนาง!
”พ่ะย่ะค่ะ!”
นกอินทรียักษ์ถอยกลับไปตามคำสั่งของเขา
ทว่ามันออกไปได้เพียงไม่นานก็กลับมาอีก
มันยังยืนอยู่ข้างนอกประตูขณะกล่าวด้วยความเคารพนบนอบ “องค์ราชา เราช้าเกินไป สองพี่น้องหวังตี้หยวน และหวังตี้อี้นั้นบัดนี้ได้กลายเป็นคนบ้าบื้อ ซ้ำหวังตี้อี้ก็ถูกทำลายวรยุทธจนสิ้นแล้ว !”
ตี้คังหรี่นัยน์ตาเรียวคมลงเพียงไม่นานเขาก็ยิ้ม
”ภรรยาของข้าไม่ใช่คนใจดีนักดูเหมือนว่าครั้งนี้ข้าจะกังวลมากเกินไป… ”
ดวงตาของนกอินทรียักษ์เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจองค์ราชาหมายความว่า ผู้ที่ทำร้ายสองพี่น้องหวังตี้อี้ และหวังตี้หยวนก็คือราชินี
เหตุใดราชินีถึงไม่จัดการพวกเขาตั้งแต่อยู่ในบ้านสกุลหวังล่ะ? ไยต้องรอลงมือ ภายหลังจากที่สองคนนั่นออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้ว ?
ไม่ว่าอินทรียักษ์จะเพียรคิดเท่าใดเขาก็ไม่สามารถคิดหาคำตอบของปัญหานี้ได้ เช่นนั้นเขาจึงเลิกคิด หลังจากรายงานตี้คังเรียบร้อยแล้ว เขาก็ถอยกลับไป
*****
ราตรีที่มืดมิดราวถูกม่านสีดำสนิทแผ่ปกคลุม
มังกรตัวโตบินอยู่เหนือท้องฟ้า
แต่ทว่า…
เพียงไม่ช้ามังกรก็หยุดนิ่งบนท้องฟ้าก่อนจะค่อย ๆ ร่อนลงสู่พื้น
”ศิษย์ข้าปล่อยข้าลงที่นี่แหละ” เหรินอี้กล่าวพร้อมรอยยิ้ม เขาก้าวลงจากหลังของมังกรแก้ว “ในอีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้ จะมีการประชุมหมอปรุงยา เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าต้องเข้าร่วมด้วยนะ”
***จบบทเก็บเด็กหนุ่มได้ (3)***
บทที่ 448 : เก็บเด็กหนุ่มได้ (4)
”ท่านอาจารย์ท่านไม่ต้องการให้ข้าไปส่งท่านจริง ๆ กระนั้นหรือ ?” ไป๋หยานเลิกคิ้วขึ้นขณะเอ่ยถาม
”แค่กๆ ” เหรินอี้ไอสองครั้งพลางยิ้มเจื่อน ๆ “ไม่จำเป็น ข้ากับอาจารย์อีกสองคนของเจ้าจะไปที่สำนักเวชโอสถก่อน แล้วเราค่อยไปพบกันที่นั่น”
เพราะเขาเป็นผู้เปิดเผยเรื่องของไป๋หยานโดยไม่ตั้งใจหากแต่เขากลับโยนบาปให้ฉิวชู่หรง เช่นนั้นตอนนี้ไป๋หยานไม่ควรพบกับเจ้าสาม เขาจึงต้องกลับไปคนเดียว เพื่อให้นางลืม ๆ เรื่องนี้ไปก่อน
”เช่นนั้นก็ดี”
ไป๋หยานไม่คิดมากนางพยักหน้าเล็กน้อย “เช่นนั้นไว้เราค่อยเจอกันที่สำนักเวชโอสถ”
”ฮ่าฮ่าฮ่า”เหรินอี้หัวเราะราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาเอ่ยถามว่า “ศิษย์รัก เมื่อครู่เจ้ายอมปล่อยคนตระกูลหวังโดยไม่ทำอะไรพวกเขาเลย ทว่าเจ้ากลับลงมือภายหลังจากที่พวกเขาจากไป นั่นเป็นเพราะเหตุใดหรือ ? ”
ไป๋หยานยกยิ้มนางหันไปมองเจ้าซาลาเปาน้อยที่อยู่ข้างกาย รอยยิ้มของนางอ่อนโยน
”หวังเสี่ยวผางเด็กตระกูลหวังเป็นเพื่อนสนิทของเฉินเอ๋อข้าไม่ต้องการให้เขาลำบากใจ นอกจากนี้ ข้าจะจัดการเฉพาะคนตระกูลหวังที่เป็นศัตรูกับข้าเท่านั้น”
เรื่องสองพี่น้องหวังตี้หยวนและหวังตี้อี้ อยากแก้แค้นนางนั้น ไป๋หยานไม่ได้กังวลแต่อย่างใด ทว่าในฐานะนายทวารของตำหนักเซียนพยับหมอก พวกเขาก็นับว่ามีอำนาจไม่น้อย
นางไม่มีวันปล่อยให้ตระกูลหลานและเซียวเอ๋อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้เป็นแน่
หากปล่อยให้หวังตี้อี้หวังตี้หยวนค้นพบตัวตนที่แท้จริงของนางด้วยอำนาจที่พวกเขามี เกรงว่าพวกเขาจะสร้างความเดือดร้อนให้กับญาติ ๆ ของนาง !
นี่คือสิ่งที่นางไม่อยากให้เกิดขึ้นเช่นนั้นลงมือก่อนย่อมได้เปรียบ !
”เป็นเช่นนี้เอง”เหรินอี้เข้าใจแล้ว เขายิ้ม ก่อนจะเอ่ยปากว่า “หยานเอ๋อ ข้าจะไปพบอาจารย์ทั้งสองของเจ้าก่อนนะ เจ้าอย่าลืมไปที่สำนักเวชโอสถ และเข้าร่วมการประชุมด้วยล่ะ ไว้เราค่อยพบกัน !
นับแต่พวกเขารู้ถึงความสามารถของไป๋หยานพวกเขาก็วางแผนมาตลอดเพื่อวันนี้
แม้ว่าพวกเขาจะก้าวเข้าสู่หมอปรุงยาระดับเจ็ดแล้ว ทว่าบางคนในสำนักเวชโอสถกลับสามารถขึ้นไปถึงหมอปรุงยาระดับแปดแล้ว และบางทีตอนนี้คนเหล่านั้นอาจจะก้าวเข้าสู่ระดับเก้าแล้วด้วยซ้ำ
เนื่องจากความแข็งแกร่งของเขายังไม่มากพอเขาจึงต้องให้ศิษย์รักลงมือแทน อยากเห็นนักว่าคนพวกนั้นจะหัวเราะเยาะเขาอีกหรือไม่ !
เมื่อคิดได้เช่นนี้เหรินอี้ก็ฮึมฮัมออกมาอย่างภาคภูมิใจ เห็นได้ชัดว่าเขาอยากเห็นสายตาอิจฉาของผู้คนเหล่านั้น
*****
ภายหลังที่เหรินอี้จากไปไป๋หยานก็จับมือของไป๋เสี่ยวเฉินและขึ้นไปยืนบนหลังของมังกรแก้วอีกครั้ง
นางยกมือขึ้นตบหัวของมังกรแก้ว”มังกรแก้วไปที่สำนักเวชโอสถ”
”กรรร”
มังกรแก้วเงยหน้าขึ้นพร้อมกับคำราม ร่างใหญ่ ๆ ของมันเหินขึ้นฟ้า ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
สำนักเวชโอสถตั้งอยู่บนยอดเขาเหยาซาน
เขาเหยาซานนี้ไม่เพียงแต่จะอุดมไปด้วยส่วนประกอบทางยาทว่ายังมีสัตว์อสูร และสัตว์ป่าที่แข็งแกร่งมากอีกด้วย เนื่องเพราะพวกมันเติบโตมาด้วยส่วนประกอบทางยา
เมื่อมีการชุมนุมหมอปรุงยาก็ต้องมีคนจำนวนมากเดินทางมาที่สำนักเวชโอสถ
ไป๋หยานครุ่นคิดเล็กน้อยที่สุดนางก็ค้นพบหนทางเงียบสงบที่ซึ่งสามารถนำไปสู่สำนักเวชโอสถได้
เดิมทีไป๋หยานไม่รู้ว่าเหตุใดคนอื่น ๆ จึงไม่ใช้เส้นทางนี้ ทว่าหลังจากที่นางเลือกใช้เส้นทางนี้ นางก็พบว่าบนถนนสายนี้เต็มไปด้วยสัตว์อสูรที่ทรงพลังมาก
ทว่า…
ทันทีที่สัตว์อสูรเหล่านั้นเห็นไป๋หยานและไป๋เสี่ยวเฉินเดินเข้ามา พวกมันไม่เพียงไม่กล้าเข้าใกล้เท่านั้น หากแต่ยังพยายามหลีกทางให้สองแม่ลูกเดินได้อย่างสะดวกอีกด้วย
”หม่ามี้”
จู่ๆ ไป๋เสี่ยวเฉินก็ดึงแขนเสื้อของไป๋หยาน เขามองไปที่พงหญ้าใกล้ ๆ
”มีใครบางคนกำลังสลบอยู่ที่นั่นเราจะไปช่วยเขาได้ไหม”
ไป๋หยานรู้แล้วว่ามีคนสลบอยู่ในพงหญ้าทว่าบนภูเขาเหยาซานนี่เต็มไปด้วยอันตราย นางไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยว ทว่าตอนนี้ไป๋เสี่ยวเฉินเอ่ยปากแล้ว นางย่อมต้องหยุดดู
***จบบทเก็บเด็กหนุ่มได้ (4)***
บทที่ 449 : เก็บเด็กหนุ่มได้ (5)
ในพงหญ้าเด็กหนุ่มสวมใส่อาภรณ์ที่ตัดเย็บด้วยผ้าไหม และตาดทองนอนสลบอยู่บนพื้น ข้าง ๆ เขามีลูกหมูสีชมพูนั่งอยู่ มันจ้องมองไป๋หยานด้วยสายตาตื่นตัว
อาจเป็นเพราะลูกหมูตัวเล็กๆ ตัวนี้ ทำให้สัตว์อสูรที่อยู่ใกล้เคียงไม่ได้โจมตีเด็กหนุ่ม
”อู๊ดดดด!”
ครั้นเห็นว่าไป๋หยานกำลังจะเข้ามาใกล้เจ้านายของมันลูกหมูสีชมพูก็ทำขนตั้ง พลางส่งเสียงร้องขู่ ประกายแสงในดวงตาของมันราวกับจะปรามนาง
”หลีกไป!”
น้ำเสียงของไป๋หยานไม่แยแสขณะกวาดตามองลูกหมูสีชมพูแวบหนึ่ง
และเพียงแวบเดียวนี้ก็ทำให้ลูกหมูสีชมพูนิ่งงันสตรีผู้นี้ทำให้มันรู้สึกกริ่งเกรงบารมี
รัศมีอันสูงส่งของนางทำให้มันถึงกับก้มหัวก่อนจะขยับถอยหลังให้
ไป๋หยานเข้าไปยืนข้างกายชายที่แต่งตัวแปลกๆ ก่อนจะพลิกตัวเขาขึ้น นั่นทำให้นางสามารถเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน
ผิวของเด็กหนุ่มขาวจนเกือบซีดใบหน้าของเขาอ่อนเยาว์ แลดูบอบบาง และน่ารักมาก ขนตายาวของเขาเป็นแพราวกับพัดจีบ
ครั้นเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าหัวใจของไป๋หยานก็อ่อนไหว
ความรู้สึกนี้ทำให้นางไม่สามารถทิ้งเขาไว้เพียงลำพัง!
”หม่ามี้เขายังมีชีวิตอยู่รึเปล่า ?” ไป๋เสี่ยวเฉินเอ่ยถาม ขณะจับมือของไป๋หยาน พร้อมกับกระพริบนัยน์ตากลมโต
“อืม”ไป๋หยานพยักหน้าเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะถูกกระแทกอย่างแรง ทว่าเขาก็พยายามอย่างมากที่จะหลบหนี กระทั่งมาถึงสถานที่แห่งนี้ จากนั้นเขาก็ล้มลง ดูแล้วอาการของเขาก็ไม่ได้หนักหนานัก”
ไป๋หยานหยิบยาเม็ดออกมาจากสาบเสื้อก่อนจะก้มลงป้อนยาให้เด็กหนุ่ม
ที่สุดลูกหมูสีชมพูก็มั่นใจว่าไป๋หยานกำลังช่วยเจ้านายของมันเช่นนั้นมันจึงหันไปหาเด็กหนุ่มพร้อมดวงตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
เพียงพริบตาขนตาเล็ก ๆ นั้นก็ขยับ เด็กหนุ่มค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
ทันทีที่เห็นแววตาที่อ่อนเยาว์ของเขาหัวใจของไป๋หยานก็เหมือนถูกกระแทกอย่างแรง
แววตาของเด็กหนุ่มบริสุทธิ์สดใสและไร้ตำหนิ
เขาเปรียบเสมือนเทพเซียนที่ลงมาอยู่ในโลกอันสกปรกทว่าเขาก็ยังคงความสะอาดบริสุทธิ์ไม่ต่างจากกระดาษขาว
”อ๊ะ!”
ลูกหมูส่งเสียงร้องสองสามครั้งก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหาเด็กหนุ่ม มันถูไถใบหน้าสีชมพูของมันกับเนื้อตัวของเขา ดวงตาของมันเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความห่วงกังวล
“ข้าขอโทษเจ้าลูกหมู ที่ทำให้เจ้าเป็นห่วง” รอยยิ้มของเด็กหนุ่มบริสุทธิ์สดใส นัยน์ตาสีดำแวววาวของเขาหันไปมองไป๋หยาน เขากล่าวด้วยน้ำเสียงใสสะอาดไม่ต่างจากนัยน์ตา “เมื่อครู่ แม่นางช่วยข้าไว้ใช่หรือไม่ ?”
ไป๋หยานยิ้ม”แค่เรื่องเล็กน้อย”
”ข้าชื่อโม่หลี่ชาง”
”ข้าไป๋หยาน”
ไป๋หยานนิ่งงันไปครู่หนึ่งจากนั้นก็บอกชื่อตนเอง
”เช่นนั้นข้าขอเรียกแม่นางว่าหยานหยานจะได้หรือไม่ ?” นัยน์ตาที่อ่อนเยาว์พร้อมประกายแสงแห่งความคาดหวัง บนใบหน้าขาวใสน่ารักนั้นจ้องไป๋หยานไม่กะพริบ
ไป๋หยานเงียบไปเล็กน้อยก่อนพยักหน้ารับ
“อาการบาดเจ็บของเจ้าก็ทุเลาขึ้นมากแล้วข้ามีเรื่องที่ต้องทำ ไว้เราค่อยพบกันใหม่”
นางป้องหมัดก่อนจะพาไป๋เสี่ยวเฉินเดินกลับไปที่ถนน
ทว่าหลังจากก้าวออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าวนางก็หยุด ก่อนจะหันกลับมามองเด็กหนุ่มที่กำลังเดินตามหลังมา “เจ้าจะให้ข้าช่วยอะไรอีกหรือ ?”
เด็กหนุ่มอุ้มลูกหมูสีชมพูไว้ในอ้อมแขนพลางมองมาอย่างน่าสงสาร “ข้าไม่มีที่ไป ข้าขอติดตามแม่นางจะได้หรือไม่ ?”
”ข้ายังมีเรื่องต้องทำอีกมากกลับไปบ้านเจ้าก่อนเถอะ บางทีญาติของเจ้าอาจกำลังตามหาเจ้าอยู่”
ไป๋หยานกล่าวพร้อมกับส่ายศีรษะ
เด็กหนุ่มก้มหัวลงเขาแสดงท่าทางอึดอัดฮึดฮัด “ข้าจำได้เพียงว่าข้ามีนามว่าโม่หลี่ชาง นอกเหนือจากนั้นข้าจำอะไรไม่ได้เลย”
***จบบทเก็บเด็กหนุ่มได้ (5)***
บทที่ 450 : สำนักเวชโอสถ (1)
“หม่ามี้ท่านอาน้อยท่านนี้น่าสงสารมาก ช่วยเขาเถอะนะ”
ไป๋เสี่ยวเฉินดึงแขนเสื้อของไป๋หยานนัยน์ตาที่สดใสของเขาเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ
คำขอของไป๋เสี่ยวเฉินไป๋หยานมักไม่ค่อยปฏิเสธ นางพยักหน้าเล็กน้อย “เจ้าสามารถติดตามข้าได้ ทว่าเจ้าต้องเชื่อฟังคำพูดของข้า ห้ามเจ้าทำอะไรโดยพลการ เจ้าเข้าใจหรือไม่”
”ได้”
ทีท่าโดดเดี่ยวเหงาหงอยของเด็กหนุ่มมลายหายไปยามนี้ใบหน้าสีขาวของเขามีรอยยิ้มสดใส นัยน์ตาของเขาแจ่มใสแวววาวราวกับน้ำในทะเลสาบ
”เริ่มเย็นแล้ว”ไป๋หยานเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า “รีบเดินทางกันเถอะ”
*****
สำนักเวชโอสถตั้งอยู่บนยอดเขาเหยาซาน
เมื่อเทียบกับถนนเงียบสงบที่ไป๋หยานกำลังเดินอยู่นั้นภายนอกสำนักเวชโอสถก็เต็มไปด้วยเสียงดังจ้อกแจ้กจอแจ
คนเฝ้าประตูสองคนกำลังตรวจสอบบัตรเชิญของผู้เข้าร่วมชุมนุมซึ่งเหรินอี้ได้ส่งให้ไป๋หยานแล้วก่อนจากมา ทำให้ไป๋หยาน สามารถผ่านเข้าประตูมาได้อย่างราบรื่น
หลังจากก้าวเข้าสู่สำนักเวชโอสถแล้วไป๋เสี่ยวเฉินก็มีสีหน้าตกตะลึง เขามองตลาดที่เต็มไปด้วยเสียงจอแจที่อยู่เบื้องหน้า น้ำเสียงของเขานุ่มนวล
”หม่ามี้นี่มันสำนักเวชโอสถแน่หรือ ? ไม่เห็นเหมือนที่เฉินเอ๋อคิดไว้เลย”
ไป๋หยานลูบศีรษะของไป๋เสี่ยวเฉินนางยิ้มพลางกล่าวว่า “นี่ไม่ใช่สำนักเวชโอสถ แท้จริงที่นี่เป็นเพียงเมืองหน้าด่านของสำนักเวชโอสถ เช่นเดียวกับเมืองหลวงของอาณาจักรหลิวฮั่ว ทว่าตอนนี้เราต้องอาศัยอยู่ในเมืองนี้เป็นการชั่วคราว รอจนกว่าจะถึงวันชุมนุมของหมอปรุงยา เราจึงจะเข้าไปในสำนักเวชโอสถ”
ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้าราวกับจะเข้าใจ”เฉินเอ๋อแล้วแต่หม่ามี้”
ไป๋หยานยิ้มทันใดนั้นเอง ใบหน้าของไป๋จั่นเผิงก็ปรากฏขึ้นในใจของนาง
อืม…เมื่อวันนี้ไม่ใช่วันชุมนุมหมอปรุงยาของสำนักเวชโอสถ เช่นนั้นไปพบไป๋จั่นเผิงในวันนี้ก็น่าจะเป็นการดี
*****
ณสำนักเวชโอสถ
บริเวณห้องโถงชั้นในชายวัยกลางคนหลับตาลงเล็กน้อย ขณะนั่งขัดสมาธิบนฟูก
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงรายงานหน้าประตูไป๋จั่นเผิงลืมตาขึ้น เอ่ยกล่าวเบา ๆ ว่า “เข้ามาได้”
แอ๊ด!
ทันทีที่ประตูถูกเปิดออกชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินก็ก้าวเข้ามาอย่างช้า ๆ เขากล่าวด้วยความเคารพนบนอบ “นายน้อย ข้าน้อยมีเรื่องรายงาน”
”มีเรื่องใด”
ไป๋จั่นเผิงขมวดคิ้วน้อยๆ ขณะเอ่ยถามเสียงดัง
”นายน้อยที่ท่านใช้ให้ข้าน้อยไปคุ้มกันแม่นางไป๋หยานก่อนหน้านี้นั้น เมื่อครู่นี้ข้าได้รับรายงานบางเรื่องที่เกี่ยวกับนาง”
ตั้งแต่กลับมาที่สำนักเวชโอสถไป๋จั่นเผิงได้รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ที่ไป๋หยานได้เผชิญมาในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่สบายใจ ทั้งเป็นห่วงความปลอดภัยของนาง จึงลอบส่งคนไปคุ้มกันนาง
บัดนี้เมื่อเขาได้ยินจากผู้คุ้มกันว่ามีเรื่องเกี่ยวกับไป๋หยานมารายงานหัวใจของเขาพลันเครียดเคร่ง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล “มีเรื่องใดเกิดขึ้นกับแม่นางไป๋กระนั้นหรือ ?”
สตรีผู้นี้ใบหน้าละม้ายเหมือนคนที่เขารู้จักจริงๆ เขาไม่ต้องการให้ผู้ใดทำร้ายนาง
น่าตลกที่ตระกูลไป๋ในอาณาจักรหลิวฮั่วขับไล่หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ทั้งพวกเขายังทำเรื่องร้ายกาจต่อนางมากมายอีกด้วย !
”นายน้อยข้าทราบมาว่า ไป๋หยานหาใช่บุตรสาวแท้ ๆ ของไป๋เฉิงเซียงไม่ นางเป็นเด็กที่หลานเยี่ยแห่งบ้านสกุลหลานรับมาจากหญิงผู้หนึ่ง”
บูม!
สมองของไป๋จั่นเผิงว่างเปล่า
เมื่อกี้เขาว่ากระไรนะ?
ไป๋หยานมิใช่บุตรสาวของแท้ๆ ของไป๋เฉิงเซียง หากแต่มีหญิงผู้หนึ่งมอบนางให้หลานเยี่ย
”ข่าวนี้เชื่อถือได้หรือไม่”ไป๋จั่นเผิงพรวดพราดลุกขึ้นยืน เขากำหมัดแน่น หายใจถี่รัว พลันใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
”เชื่อถือได้แน่นอน!” ผู้คุ้มกันกล่าวด้วยความเคารพ “ข่าวนี้มาจากจดหมายที่หลานเยี่ยเขียนทิ้งไว้ นางบอกกับแม่นางไป๋ว่า สตรีที่มอบแม่นางไป๋ให้กับนางนั้นแซ่ไป๋”
***จบบทสำนักเวชโอสถ (1)***