จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 526-530
บทที่ 526 : งานชุมนุมเริ่มแล้ว (25)
”ไม่นะแหวนหยกนี้มอบให้นางไม่ได้นะ !”
ครั้นเย่ฮูหยินผู้ซึ่งกำลังพยุงร่างของเย่หยิงขึ้นมาจากพื้นเห็นการกระทำของไป๋จั่นเผิง ใบหน้าของหญิงชราพลันแปรเปลี่ยน นางกัดฟันกล่าวว่า “แม้นางจะเป็นบุตรสาวของไป๋หนิง ทว่าก็เป็นเพียงบุตรสาว นางไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นผู้สืบทอดสำนักเวชโอสถ”
”หือ!” สีหน้าของไป๋ฉางเฟิ่งเปลี่ยนเป็นเย็นชา แววตาของเขาเต็มไปด้วยอายเย็นยะเยือก ขณะมองไปที่เย่ฮูหยิน “เจ้าบอกว่าหลานสาวของข้าไม่มีคุณสมบัติพองั้นรึ เช่นนั้นไหนเจ้าลองบอกทีสิว่าผู้ใดเล่าที่มีคุณสมบัติพอ ?”
เย่ฮูหยินเชิดหน้าขึ้น”แน่นอนว่าต้องเป็น หมิงเอ๋อ ! เป็นสตรีย่อมต้องดูแลสามี และสั่งสอนบุตรนั่นก็เพียงพอแล้ว จะมาเสนอหน้าอยู่ข้างนอกทุกวันได้เยี่ยงไร ? หากสำนักเวชโอสถตกอยู่ในมือของนางไม่ช้าก็เร็วต้องล่มสลายเป็นแน่ ! หากมอบให้หมิงเอ๋อ อย่างไรเสียหมิงเอ๋อก็เป็นบุรุษ ”
ฮึด!
ทุกคนต่างก็ฮึดฮัดพวกเขามองเย่ฮูหยินด้วยความโกรธ
นี่นางไปเอาความกล้าหน้าหนาเช่นนี้มาจากที่ใดไยนางถึงกล้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ?
มีหรือที่ไป๋ฉางเฟิ่งจะไม่มอบสำนักเวชโอสถให้กับหลานสาวของตนหากกลับจะมอบให้คนนอกแทนจะเป็นไปได้กระนั้นหรือ ?
เย่ฮูหยินไม่ได้สังเกตเห็นสายตาของคนเหล่านั้นนางกล่าวต่อว่า “อย่ากังวลไปเลย ในเมื่อแม่หนูนี่เป็นบุตรสาวของไป๋หนิง เช่นนั้นข้าก็จะไม่ปล่อยให้หมิงเอ๋อปฏิบัติไม่ดีต่อนาง ข้าจะให้นางแต่งงานกับหมิงเอ๋อ เช่นนี้จะไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่ายหรอกหรือ ? ”
สีหน้าของเย่ฮูหยินนั้นแลดูมั่นใจมากราวกับสำนักเวชโอสถตกอยู่ในกำมือของนางแล้ว
สีหน้าของไป๋ฉางเฟิ่งเปลี่ยนจากเขียวเป็นคล้ำที่สุดเขาก็ไม่สามารถระงับความโกรธภายในใจลงได้ เขากระแทกกำปั้นลงบนต้นไม้ใหญ่ภายในสถานที่จัดงาน
พร้อมเสียงดังปัง…ต้นไม้ใหญ่พลันล้มลงมันล้มไปทางเย่ฮูหยิน
ทว่าเย่ฮูหยินไวกว่าที่คิดนางหลบได้ทันปล่อยให้เย่หยิงรับกรรมแต่เพียงลำพัง เย่หยิงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก ยามเมื่อต้องนั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นสี่ล้อ เช่นนั้นเย่หยิงจึงถูกต้นไม้ใหญ่ล้มทับ
”พี่เขยนี่ท่านทำอะไรลงไป” เย่ฮูหยินตกใจมาก นางตบหน้าอกตนเอง ก่อนจะรีบหันไปสั่งการผู้คุ้มกันสองคนที่อยู่ข้างหลัง “พวกเจ้ายังมัวรีรออะไรอยู่ รีบเข้าไปพยุงหยิงเอ๋อ หลานสาวของข้าออกมาสิ หากหลานสาวของข้าเป็นอะไรไป ข้าจะจัดการพวกเจ้า ! ”
ผู้คุ้มกันทั้งสองต่างก็เป็นคนของสำนักเวชโอสถที่พวกเขายอมเข็นเก้าอี้มาก็เป็นเพราะเกรงใจเย่หยิง
ทว่าตอนนี้พวกเขารู้ถึงมุมมองที่ไป๋ฉางเฟิ่งมีต่อนางแล้วไยพวกเขาจะต้องเกรงอกเกรงใจนางอีกเล่า ?
เช่นนั้นเมื่อพวกเขาได้ยินคำสั่งของหญิงชรา พวกเขาจึงยังคงทำหูทวนลมยืนนิ่งเฉยอยู่ข้างหลังโดยไม่ยอมขยับเขยื้อน ทั้งคู่ไม่ยอมเข้าไปช่วยเย่หยิง
ใบหน้าที่เจ็บปวดของเย่หยิงซีดนางเริ่มหายใจลำบาก นิ้วของนางสั่นระริก นางพยายามลุกขึ้นด้วยตนเองสองสามครั้ง ทว่านางก็ทำไม่ได้เนื่องเพราะความแข็งแกร่งของนางไม่เพียงพอ
”พี่เขย!” เย่ฮูหยินโมโหมาก “ท่านทำอะไรลงไป หยิงเอ๋อคือหลานที่ท่านเลี้ยงดูมา ท่านปฏิบัติกับหยิงเอ๋อราวกับนางเป็นเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าเช่นนี้ได้เยี่ยงไร ?”
หลายคนโดยเฉพาะลั่วจงได้แต่ส่ายศีรษะหญิงชราผู้นี้ไม่เปิดตามองสถานการณ์รอบด้านเลยจริง ๆ นางโง่เง่ามาก
เย่หยิงเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้วหากหญิงชรามีสติมากกว่านี้ นางก็ยังพอมีโอกาสที่จะแก้ไขวิกฤติ ทว่ายายแก่บ้าผู้นี้ทำลายโอกาสครั้งสุดท้ายของนางเสียสิ้น แม้ว่าความสามารถของนางจะยอดเยี่ยมสักเพียงใด นางก็ไม่อาจรักษาโอกาสนี้ไว้ได้
”โอ้!” ไป๋ฉางเฟิ่งหัวเราะเสียงดัง สายตาของเขาเต็มไปด้วยแววประชดประชัน “เจ้าหมายถึงข้าควรปกป้องเย่หยิง และทอดทิ้งหลานสาวของข้างั้นรึ ?”
”ใช่”
หญิงชราแสดงทีท่าโกรธเกรี้ยวกระทั่งไป๋ฉางเฟิ่งยังอดไม่ได้ที่จะตบหน้านาง
”เจ้านี่มันโง่หรือบ้าหรือเจ้าคิดว่าข้าเป็นคนงี่เง่า” ไป๋ฉางเฟิ่งกำหมัดด้วยความโกรธ “นี่คือหลานสาวแท้ ๆ ของข้า ! ส่วนเย่หยิงคือใคร นางเป็นคนตระกูลเย่ เจ้าจะให้ข้าปกป้องนาง แล้วจัดการกับหลานสาวของตัวเองงั้นรึ ? จากนั้นก็ปล่อยให้คนตระกูลเย่มาครอบครองสำนักเวชโอสถของข้าแทนงั้นสิ ?”
***จบบทงานชุมนุมเริ่มแล้ว (25)***
บทที่ 527 : งานชุมนุมเริ่มขึ้นแล้ว (26)
ใบหน้าของเย่ฮูหยินทั้งอายทั้งแค้นเคืองนางกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “พี่เขย นี่ท่านกำลังทำสิ่งใดกันแน่ ? ท่านจะทรยศพี่สาวของข้างั้นหรือ ? หลังจากที่พี่สาวข้าจากไปท่านปฏิบัติกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร ?”
ไป๋ฉางเฟิ่งหลับตาอย่างเหนื่อยล้าเขาใช้เวลานานก่อนที่จะลืมตาขึ้น
”หากจิ้งเอ๋อรู้ว่าเจ้าปฏิบัติต่อหลานสาวของนางเช่นนี้นางจะ … สนับสนุนการตัดสินใจของข้า !”
เขาโบกมือขึ้นพลางกล่าวเบาๆ ว่า “ส่งคนตระกูลเย่ออกจากสำนักเวชโอสถ และห้ามพวกเขาเข้ามาเหยียบที่นี่อีก !”
”ช้าก่อน!” ครั้นลั่วจงเห็นผู้คุ้มกันกำลังจะพาตัวเย่ฮูยินออกไป เขาก็รีบพูดออกมาทันทีว่า “ท่านเจ้าสำนักยังมีอีกเรื่องที่ท่านต้องทราบ”
ไป๋ฉางเฟิ่งเบิกตาของเขาพลางถามว่า”เรื่องใดหรือ ?”
“เรื่องเป็นอย่างนี้หมอปรุงยาจากสำนักจั่นเยว่เพิ่งอ้างว่ายาอายุวัฒนะในมือของคุณหนูเป็นยาที่ถูกขโมยไปจากสำนักจั่นเยว่ นี่เป็นการใส่ร้ายป้ายสีคุณหนู ข้าขอวิงวอนให้กำจัดคนผู้นี้ไปเสียพร้อม ๆ กัน
สีหน้าของไป๋ฉางเฟิ่งที่เดิมก็เย็นชาอยู่แล้วหลังจากได้ยินคำพูดของลั่วจง ก็เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก
เสียงที่โกรธเกรี้ยวของเขาไม่ต่างจากพายุเหน็บหนาวที่พัดโหมกระหน่ำไปทั่วทั้งท้องฟ้า
”เจ้าว่าไงนะ?”
เขาเพิ่งจัดการกับสองย่าหลานนั้นเสร็จนี่เขายังพลาดไปอีกเรื่องงั้นหรือ ? มีคนกล้าใส่ร้ายหลานสาวของเขาด้วยเรื่องร้ายแรงงั้นรึ ?
ฝุบ!
ชายจากสำนักจั่นเยว่รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมากเขาคุกเข่าลงทันที ร่างของเขาสั่นเทา นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น “นี่มิใช่ความคิดของข้า มิใช่ความคิดของข้าเลยจริง ๆ ก่อนหน้านี้เย่หยิงให้คนไปตามข้า นางให้ข้าทำตามที่นางพูด และนางเป็นผู้ที่ให้ข้าใส่ร้ายคุณหนูไป๋ ได้โปรดเถอะ โปรดปล่อยข้าไปเถอะ ข้ารู้ว่า ข้าผิดไปแล้ว
เขาโขกศีรษะลงอย่างรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่าต่อหน้าผู้คนในสถานที่ชุมนุม
ส่งผลให้สถานที่นี้เงียบสงบลงอีกครั้ง
ทุกคนต่างก็เบนสายตาไปยังหญิงสาวที่ถูกต้นไม้ทับอยู่กับพื้น
”ท่านเจ้าสำนักข้ารู้แล้วว่า ว่าข้ากระทำผิด เย่หยิง นางสัญญากับข้าว่า ทันทีที่นางได้เป็นทายาทของสำนักเวชโอสถ นางจะรับข้าเข้าสำนักเวชโอสถ ข้าโง่เกินไปเลยทำเรื่องผิดพลาดเช่นนี้ โปรดให้โอกาสข้าอีกสักครั้งเถิด ได้โปรด … ”
เดิมทีที่เขาไม่กล่าวคำใดนั่นเพราะเขาคิดว่าไป๋หยานคงไม่กล้าที่จะสังหารเขา นอกจากนี้ เย่หยิงยังบอกอีกว่า หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นนางจะปกป้องเขาเอง
เช่นนั้นเขาจึงยืนกรานว่าเรื่องนี้เกิดจากความเข้าใจผิดของเขาเอง
ทว่าตอนนี้หากไม่บอกความจริง เขาคงต้องโดนตีจนตายเป็นแน่ !
ชายจากสำนักจั่นเยว่ศีรษะแตกมีเลือดไหลออก หากแต่ก็ไม่มีผู้ใดเห็นใจเขา ทั้งยังมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม
ชายผู้นี้ทำตัวเองแท้ๆ … เมื่อครู่นี้เขากล้าสร้างเรื่องใส่ความคุณหนูตัวจริงของสำนักเวชโอสถ เพื่อคุณหนูปลอม ๆ !
ชีวิตของเขาจบสิ้นแล้วอย่างแน่นอน
ชายคนนั้นก็เข้าใจเรื่องนี้เช่นกันดังนั้นแม้ว่าเขาจะต้องเสียเลือด เขาก็ไม่หยุดโขกหัว ขอเพียงแค่รักษาชีวิตไว้ได้ก็พอแล้ว
ไป๋ฉางเฟิ่งนิ่งเงียบเมื่อชายคนนั้นเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดออกมา ทว่าเรื่องนี้กลับสร้างความหวาดหวั่นให้ผู้คนโดยรอบ
จากนั้นเสียงโขกคำนับก็ค่อยๆ เบาลง ๆ กระทั่งจางไปเหมือนเมฆหมอก พร้อมแรงกดดันที่แพร่กระจายออกมาอย่างหนักหน่วง
”ดูเหมือนว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาข้าคงไม่ได้ออกมาดูแลจัดการเรื่องต่าง ๆ มากนัก จึงทำให้คนอื่นคิดว่าข้าแก่เกินไปแล้ว” ไป๋ฉางเฟิ่งกล่าวอย่างไร้ความรู้สึก “ไม่ต้องพูดถึงว่า ไป๋หยานเป็นหลานสาวของข้า ต่อให้นางไม่ใช่ เรื่องเช่นนี้ก็ไม่ควรเกิดขึ้น”
เลือดบนศีรษะของชายคนนั้นยังคงไหลรินเขาเงยหน้าขึ้นมองไป๋ฉางเฟิ่งอย่างหวาดกลัว
”ในเมื่อเจ้าทำผิดเจ้าก็ควรต้องรับโทษ ส่งเขากลับไปยังสำนักจั่นเยว่ ให้พวกเขาจัดการกันเอง !” น้ำเสียงของไป๋ฉางเฟิ่งดังราวฟ้าร้อง แม้แต่ภูเขาใหญ่ยังสั่นสะเทือน ส่งผลให้ชายผู้นั้นหายใจแทบไม่ออก
”ท่านเจ้าสำนักโปรดปล่อยข้าไปเถอะข้าผิดไปแล้ว … ”
***จบบทงานชุมนุมเริ่มขึ้นแล้ว (26)***
บทที่ 528 : งานชุมนุมเริ่มขึ้นแล้ว (27)
การแสดงออกของชายจากสำนักจั่นเยว่ยิ่งดูรัดทดมากยิ่งขึ้นหากเขากลับสำนักจั่นเยว่ เป็นไปไม่ได้ที่จะยังรักษาชีวิตไว้ได้ !
”ลากมันออกไป!” ไป๋ฉางเฟิ่งกล่าวขัด พร้อมกับออกคำสั่งอย่างเย็นชา
ผู้คุ้มกันสองคนของสำนักเวชโอสถก้าวออกมาข้างหน้าทันทีพวกเขาลากร่างของชายผู้นั้นออกไปราวกับลากสุนัขที่ตายแล้ว
เสียงอ้อนวอนร้องขอความเมตตาของเขายังคงดังวนเวียนอยู่ในหัวใจของทุกผู้คน
”ข้าขอขับเจ้าออกจากสำนักเวชโอสถข้าไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะกล้าทำเรื่องต่าง ๆ มากมายถึงเพียงนี้ !” ไป๋ฉางเฟิ่งเยาะเย้ย “เจ้าสำนักอย่างข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสำนักเวชโอสถนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าแล้ว นี่ข้าตายไปแล้วงั้นรึ ?
ถ้อยคำเหล่านี้เขากล่าวกับเย่หยิงรวมถึงคนอื่น ๆ ที่ให้การช่วยเหลือเย่หยิงด้วย
การตัดสินใจของสำนักเวชโอสถไม่ได้ขึ้นอยู่กับตระกูลเย่!
”ท่านตาทวด”
เสียงนุ่มๆ ของเจ้าซาลาเปาน้อยทำให้ความโกรธเกรี้ยวบนใบหน้าของไป๋ฉางเฟิ่งคลายลงเล็กน้อย เขาหันหน้าไปมองเจ้าซาลาเปาน้อยที่ไม่รู้ว่าเดินเข้ามาหาเขาตั้งแต่เมื่อใด พลันใบหน้าชราของเขาก็ยิ้มแย้มด้วยความรักความเอ็นดู
”เด็กดี”แววตาของไป๋ฉางเฟิ่งอ่อนโยนลงมาก เขายกมือขึ้นแตะหัวเจ้าซาลาเปาน้อย
ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตาปริบๆ “ผู้หญิงเลวคนนี้ต้องการให้ป๊ะป๋าของเฉินเอ๋อทิ้งหม่ามี้ ไม่เพียงแต่เท่านั้นนางยังบอกอีกว่าหม่ามี้ไม่คู่ควรกับป๊ะป๋าวายร้ายของเฉินเอ๋อ แล้วนางยังบอกด้วยว่า นางมีพี่ชายคนหนึ่ง นางแนะนำให้หม่ามี้ไปเป็นอนุของพี่ชายนาง ท่านตาต้องจัดการหญิงเลวคนนี้ เพื่อแก้แค้นให้หม่ามี้ หากท่านตาไม่จัดการ เฉินเอ๋อจะไม่ยอมรับท่าน”
ใบหน้าของไป๋ฉางเฟิ่งเปลี่ยนไปความโกรธของเขายิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทว่าเขาก็ระงับโทสะ แล้วเผยรอยยิ้มเอ็นดูให้ไป๋เสี่ยวเฉิน
”เด็กดีเจ้ารอตาทวดก่อนนะ ตาทวดจะแก้แค้นให้เจ้าเอง”
เขาลูบศีรษะของไป๋เสี่ยวเฉินอีกครั้งพยายามทำตัวเองให้แลดูอ่อนโยนเพื่อที่ว่าเด็กน้อยจะได้ไม่หวาดกลัว
หากแต่หลังจากที่เขาหันไปหาเย่หยิงและคนอื่น ๆ ใบหน้าของเขาก็พลันเย็นชาและโกรธขึ้ง “คนผู้นี้ทั้งกินทั้งดื่มในสำนักเวชโอสถของข้า ยังจะกล้าแย่งหลานเขยจากหลานสาวของข้าอีกหรือ ? ทั้งยังต้องการให้หลานสาวของข้าไปเป็นอนุ ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่รู้เลยว่าตระกูลเย่ยิ่งใหญ่คับฟ้าได้ถึงเพียงนี้”
ผู้อาวุโสทุกคนต่างก็รับรู้ถึงความรู้สึกโกรธในหัวใจของไป๋ฉางเฟิ่งพวกเขาได้แต่ยืนเงียบ ๆ ในที่ประชุมโดยไม่กล้ากล่าวคำใดแม้สักครึ่งคำ
”ไร้สาระจริงๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่มีผู้ใดบอกเรื่องนี้กับข้าเลย”
ไป๋ฉางเฟิ่งสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเอ่ยกล่าวอย่างเยือกเย็น “เมื่อเจ้าทำผิด เจ้าก็ต้องชดใช้ ! พวกเจ้า หักมือหักขาคนตระกูลเย่ทั้งสามซะ จากนั้นก็โยนออกจากสำนักเวชโอสถให้ไปจัดการตนเอง”
ที่ผ่านมาเย่ฮูหยินยังไม่ทำตัวให้เขาหมดความอดทน เช่นนั้นเขาจึงไม่เคยคิดจะลงโทษคนตระกูลเย่จริง ๆ จัง ๆ
ทว่าตอนนี้…
ไป๋หยานคือขีดความอดทนของเขา!
ข้าต้องอดทนรอเพื่อให้หลานสาวข้ายอมรับข้า! ข้าอยากจะกอดนางจนแทบจะทนรอไม่ไหวแล้ว ทว่าตอนนี้นางกลับโดนดูถูก ?
ผู้ใดก็ตามที่ดูถูกนางก็ไม่ต่างจากดูถูกสำนักเวชโอสถตระกูลเย่ทำเช่นนั้น เขาจะปล่อยไปได้อย่างไร ?
ข้ารับไม่ได้
”ครั้งนี้ข้าคิดว่าเจ้าทำถูกต้องแล้ว” เหรินอี้ทำปากยื่น
เขาคิดไว้แล้วว่าหากไป๋ฉางเฟิ่งไม่จัดการตระกูลเย่ เขาก็จะไม่ปล่อยตระกูลเย่ไปเป็นแน่
หากแต่ตอนนี้การตัดสินใจของไป๋ฉางเฟิ่ง ทำให้ท่าทีของชายชราที่มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนไปเล็กน้อย …
”ไม่นะ!” นัยน์ตาที่สวยงามของเย่หยิงเบิกกว้าง นางตัวสั่น “เจ้าสำนัก ข้าผิดไปแล้ว ข้ารู้ตัวแล้ว ได้โปรดเห็นแก่ภรรยาของท่าน ปล่อยข้าไปสักคราเถิด ข้ายินดีที่จะขออภัยไป๋หยาน และพร้อมจะเป็นทาสรับใช้นาง”
”หากเจ้าอยู่ข้างๆ หม่ามี้ของข้า เจ้าจะไม่แอบมองป๊ะป๋าของข้าหรอกหรือ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินเหลือบมองนัยน์ตาของเขาสดใสเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
ครั้นเย่หยิงได้ยินถ้อยคำของไป๋เสี่ยวเฉินแววตาของนางก็เต็มไปด้วยความรู้สึกสำนึกผิด “ข้า…ข้าไม่ทำเช่นนั้นหรอก…ข้ารู้แล้วว่า ข้าผิดจริง ๆ ตราบใดที่ยอมให้อภัยข้า ไว้ชีวิตข้า ข้าจะทำทุกสิ่งตามแต่ท่านบัญชา”
***จบบทงานชุมนุมเริ่มขึ้นแล้ว (27)***
บทที่ 529 : งานชุมนุมเริ่มขึ้นแล้ว (28)
นางคิดว่าตนเองสามารถปกปิดความแค้นเคืองไว้ในใจได้อย่างดีเยี่ยมหากแต่นางไม่รู้เลยว่าคนที่นางเป็นปฏิปักษ์ด้วยเหล่านั้นสามารถรู้ใจนางได้โดยไม่ยาก
ไป๋ฉางเฟิ่งอดไม่ได้ที่จะเสียใจเมื่อได้รู้ว่าในใจของเย่หยิงยังคงคิดจะแย่งชิงผู้ชายของไป๋หยาน
ก่อนนั้นเพราะเขาเองที่ทำให้เรื่องวุ่นวายเหล่านี้เกิดขึ้น เขาปล่อยให้คนของตระกูลเย่ย้ายเข้ามาอยู่ในสำนักเวชโอสถ
ข้าบ้ามากจริงๆ !
”หม่ามี้เฉินเอ๋อเห็นด้วยกับท่านอาหญิง นางควรถูกส่งไปเป็นอาหารของสัตว์อสูร” ไป๋เสี่ยวเฉินหันไปมองไป๋หยานพร้อมกับจิกปาก “เฉินเอ๋อ ไม่อยากเห็นหน้านางอีกแล้ว”
แม้ว่าในใจของไป๋เสี่ยวเฉินจะยังไม่อยากยอมรับตี้คังเท่าใดนักหากแต่เขาก็ไม่มีวันยอมให้ใครขโมยป๊ะป๋าของเขาไปจากหม่ามี้ของเขาหรอก
ร่างของเย่หยิงสั่นเทานางพยายามปกปิดความแค้นจากก้นบึ้งของหัวใจ ขณะเดียวกันนางก็ยังคงเสแสร้งทำตัวน่าสมเพช
”ไป๋หยานข้าไม่ต้องการผู้ชายของเจ้าอีกแล้ว ต่อไปหากข้าได้อยู่ข้าง ๆ เจ้า ข้าจะสามารถช่วยเจ้าเฝ้าดูผู้ชายของเจ้า เจ้าก็ไม่ต้องเกรงว่า เขาจะออกไปขโมยปลาย่างหอม ๆ อีกด้วย ?”
ก็เขา…เป็นคนที่หน้าตาดีออกปานนั้น
ไป๋หยานเชิดริมฝีปากของนางขึ้นน้อยๆ นางรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยด้านหลังของนาง พลันรอยยิ้มก็ปรากฏบนริมฝีปากของนาง
”ตี้คังมีใครบางคนพูดเรื่องไม่ดีลับหลังท่าน ท่านว่า … ข้าควรจะเชื่อหรือไม่ ?”
”ผู้ใดกันขวัญกล้า!”
มือของชายหนุ่มเหยียดออกมาจากด้านหลังแล้วคว้าเอวของไป๋หยานน้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำ “ข้าไม่ใช่แมวเหตุใดต้องออกไปขโมยปลาย่าง ? นอกจากนี้ … ข้าชื่นชอบกลิ่นของเจ้าเป็นที่สุด”
ครั้นไป๋ฉางเฟิ่งเห็นชายหนุ่มโอบกอดไป๋หยานเข้าไว้ในวงแขนใบหน้าชราของเขาพลันเปลี่ยนเป็นสีเขียว
“จั่นเผิงชายผู้นี้เป็นบิดาของหลานชายข้างั้นหรือ ?”
ไป๋จั่นเผิงพยักหน้าอย่างเงียบๆ “เขานี่แหละ”
สีหน้าของไป๋ฉางเฟิ่งน่าเกลียดหนักกว่าเดิม
เขาจะยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร? หลานสาวที่กว่าจะหาตัวพบ กลับมีผู้ชายของนางแล้ว เขาจะยอมรับความจริงข้อนี้ได้อย่างไร ?
”พี่ชาย!” ตี้เสี่ยวอวิ๋นเอ่ยปากขณะจ้องมองเย่หยิง ผู้นอนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ “หญิงผู้นี้ต้องการล่อลวงพี่ ทั้งยังกลั่นแกล้งพี่สะใภ้อีกด้วย พี่ต้องช่วยคิดบัญชีให้พี่สะใภ้นะ”
ไม่รู้จริงๆ ว่าเย่หยิงที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ยังจะสามารถกล่าวคำไร้ยางอายเหล่านั้นได้อีกหรือไม่ ?
สายลมพัดพริ้วชายผู้หล่อเหลาทรงเสน่ห์ราวปีศาจในอาภรณ์สีม่วง เรือนผมสีเงินของเขากระพือพัด นัยน์ตาเรียวคมเต็มไปด้วยรอยยิ้มเย็นยะเยือกภายหลังจากได้ยินคำพูดของตี้เสี่ยวอวิ๋น
”ข้า… ”
เย่หยิงรู้สึกราวกับมีอะไรติดอยู่ในลำคอนางพูดอะไรไม่ออก นางจ้องมองชายหนุ่มที่สง่างามด้วยความสยดสยอง ร่างของนางสั่นเทาเล็กน้อย
ชายผู้นี้ทำให้นางยอมแพ้นับแต่แรกเห็น
เหตุใดชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้ถึงรักไป๋หยาน?
เย่หยิงกัดริมฝีปากแน่นแววตาของนางทั้งไม่เต็มใจ และไม่พอใจ หมัดของนางกำแน่น เลือดรินไหลออกมาจากฝ่ามือของนาง
”หญิงผู้นี้รึ… ” ตี้คังเชิดริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย “ฆ่านางซะ”
ฆ่าหญิงผู้นี้ซะ…
นัยน์ตาของเย่หยิงเปลี่ยนจากความขุ่นเคืองแต่แรกมาเป็นความไม่เชื่อริมฝีปากซีดจางสั่นระริก “เหตุใด ? เหตุใดท่านถึง … ”
“เจ้าใส่ร้ายข้าต่อหน้าภรรยาแค่ฆ่าเจ้าก็นับได้ว่าเอ็นดูเจ้ามากแล้ว” ตี้คังเยาะเย้ย “เสี่ยวอวิ๋น ลากนางไปที่ป่าสัตว์อสูรให้สัตว์อสูรพวกนั้นเล่นสนุกกับนางให้สาใจ”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นกระโดดตัวลอยสามฉื่อ(3 ฟุต) ด้วยความตื่นเต้น “พี่ชาย ข้าก็คิดเหมือนท่านเลย ข้าคิดว่าป่าสัตว์อสูรนั้นเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดของนาง”
ยามนี้ร่างที่เคยดิ้นรนตะเกียกตะกายของเย่หยิงพลันหมดสิ้นเรี่ยวแรงนางนอนพังพาบลงกับพื้น แลดูสิ้นหวังและตื่นตระหนก นางหันหน้าไปมองไป๋ฉางเฟิ่ง พลางอ้อนวอนร้องขอความเมตตาให้ช่วยเหลือนางอีกหลายครั้ง
อย่างไรก็ตาม…
ไป๋ฉางเฟิ่งสังเกตเห็นแววตาของเย่หยิงริมฝีปากของเขาเหยียดออกอย่างเย้ยหยัน “ทั้งหมดนี้เป็นความผิดที่เจ้าก่อขึ้นเอง”
***จบบทงานชุมนุมเริ่มขึ้นแล้ว (28)***
บทที่ 530 : งานชุมนุมเริ่มขึ้นแล้ว (29)
บูม!
ในที่สุดปราการหัวใจของเย่หยิงก็พังทลาย นางนอนราบลงกับพื้น พร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องแหลมอย่างเจ็บปวดดังก้องทั่วท้องฟ้า น้ำตาสีเลือดไหลออกมาจากนัยน์ตาทั้งสองของนาง
”ลากนางออกไปอย่าปล่อยให้มัวคร่ำครวญ” ไป๋ฉางเฟิ่งขมวดคิ้วพลางโบกมืออย่างรังเกียจ ทั้งสั่งออกมาอย่างเย็นชา
”ขอรับท่านเจ้าสำนัก”
ผู้คุ้มกันสองคนก้าวออกมาข้างหน้าจากนั้นก็ลากขาเย่หยิงซึ่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ออกไป
ตี้คังขยิบตาให้ตี้เสี่ยวอวิ๋น”เจ้าตามไปดูเสียหน่อย”
“พี่ชายมั่นใจได้เลยว่า ข้าจะเฝ้าดูจนกว่าจะเห็นหญิงผู้นั้นถูกสัตว์อสูรกลืนกินจนหมดตัวอย่างแน่นอน” ตี้เสี่ยวอวิ๋นยิ้ม ใบหน้าของนางแลดูงดงาม พลันแววตาของนางก็เปล่งประกายแสงที่ร้ายกาจ อีกทั้งเจ้าเล่ห์ “อีอี้ เสี่ยวหยุนไปพร้อมข้า พวกสัตว์อสูรเหล่านั้นไม่มีวันโจมตีพวกเจ้า”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นกล่าวยืนยันพลางตบหน้าอกของตนในเมื่อมีนางอยู่ด้วย หากมีสัตว์อสูรตัวใดกล้าโจมตีตามอำเภอใจ นางจะให้พี่ชายของนางจัดการมันซะ”
”ดี”
แววตาของฉู่อีอี้เปล่งประกายนางกล่าวพร้อมรอยยิ้มสดใส
เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวทั้งสามคนให้ความสนใจสัตว์อสูรเป็นอย่างมากพวกนางเดินออกจากสถานที่ชุมนุม หลังจากนั้นเพียงครู่ พวกนางก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตา
”ป๊ะป๋าวายร้าย”นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินกลอกไปมา “เย่หยิงมีพี่ชายชื่อเย่หมิง เขาเคยมีปัญหากับหม่ามี้ ทั้งเขายังบอกด้วยว่าเขาต้องการให้หม่ามี้ไปเป็นอนุ”
สีหน้าของตี้คังดำมืดลงทันทีจิตวิญญาณชั่วร้ายพลันแผ่กระจายออกจากชุดคลุมสีม่วง บรรยากาศรอบด้านของสถานที่แห่งนั้นเย็นยะเยือก
ริมฝีปากของตี้คังยกโค้งแลดูโหดร้ายน้ำเสียงของเขาก็ฟังดูกระหายเลือด “ส่งเขาไปพร้อมกับน้องสาวของเขาเลย ในเมื่อคนทั้งสองต่างก็เป็นคู่หูกัน เช่นนั้นก็ควรไปเป็นเพื่อนกัน ในป่าสัตว์อสูรมีสัตว์อสูรเป็นจำนวนมาก บอกตี้เสี่ยวอวิ๋นด้วยว่าหลังจากที่สนุกกันพอแล้ว ก็ให้สัตว์อสูรกินคนทั้งคู่ซะ”
ถ้อยคำของชายหนุ่มทำให้ทุกคนที่อยู่ในสถานที่แห่งนั้นรู้สึกถึงดงดอกเบญจมาศที่หนาแน่นในสุสานร่างของพวกเขาสะท้านเยือก
ความเย็นเยือกกำลังคืบคลานจากฝ่าเท้าเข้ามาในหัวใจของพวกเขาทำให้ทุกคนก้าวถอยหลังออกไปสองก้าว เพื่อถอยห่างจากหนุ่มสาวทั้งสอง
ไป๋เสี่ยวเฉินอุ้มเสี้ยวมี่ขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนก่อนจะจากไปเขาต้องส่งต่อคำพูดของป๊ะป๋าวายร้ายไปให้อาหญิง เพื่อที่จะไม่ปล่อยให้คนทั้งสองตายสบายจนเกินไปนัก …
”แค่กๆ …” ไป๋ฉางเฟิ่งกระแอมไอขึ้นสองครั้ง ก่อนจะกวาดตาไปมองตี้คัง “หยานเอ๋อ เจ้าจะไม่แนะนำให้ตารู้จักเขาหน่อยหรือ ?
”อ้อ…”ไป๋หยานกล่าวตอบอย่างเยาะ ๆ “นี่คือ…ป๊ะป๋าวายร้ายของเฉินเอ๋อ”
ป๊ะป๋าวายร้าย?
เนี่ยนะ…คือการแนะนำ?
ไป๋ฉางเฟิ่งนิ่งงันนัยน์ตาของเขาตกตะลึงเล็กน้อย หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็สงบลง พลางยิ้ม “หยานเอ๋อ อีกไม่นานก็จะเป็นวันเกิดของตาแล้ว เจ้าอยู่ร่วมงานด้วยจะได้หรือไม่ ?”
ไป๋หยานต้องการออกจากงานชุมนุมหมอปรุงยาแต่ครั้นได้ยินคำกล่าวของไป๋ฉางเฟิ่ง นางก็หยุดเล็กน้อย นิ่งไปชั่วครู่
”ได้”
เพียงไม่นานนางก็เงยหน้าขึ้นเอ่ยตอบรับพร้อมรอยยิ้ม
เพียงเสียเวลาอีกสักหน่อยจะเป็นไรไปการไปเยือนแดนอสูรอย่างไรเสียก็สามารถไปได้ตลอดเวลา …
ตี้คังไม่ห้ามไป๋หยานริมฝีปากสีแดงของเขาเผยอขึ้นเผยรอยยิ้มเย้ายวน
ด้วยรอยยิ้มนี้แม้แต่ดอกท้อก็ยังสีซีด
งามสง่าอย่างนิรันดร์กาล
มีสตรีนับไม่ถ้วนในงานชุมนุมหลังจากได้เห็นรอยยิ้มอันงดงามของชายหนุ่ม ดวงตาของพวกนางก็เต็มไปด้วยความเคลิบเคลิ้มหลงใหล
ยามนี้สายตาของบุรุษที่ครอบงำสตรีทุกคนผู้นี้กลับมีเพียงไป๋หยาน ทว่าด้วยฐานะอันสูงส่งของไป๋หยาน พวกนางย่อมไม่มีวันเทียบได้แน่ พวกนางจึงได้แต่ทำใจระงับความลุ่มหลงของตนเอาไว้
”ท่านเจ้าสำนักขอแสดงความยินดีด้วยที่ได้พบหลานสาว”
หลังจากที่เรื่องทุกอย่างคลี่คลายลงบรรดาสำนักต่าง ๆ ก็พากันหัวเราะพร้อมกับป้องหมัด “หลานสาวของท่านเก่งเหลือเกิน เก่งจนพวกเรารู้สึกละอายใจ”
***จบบทงานชุมนุมเริ่มขึ้นแล้ว (29)***