จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 55
บทที่ 55 : เหมือนลากมาตบหน้า (4)
หากเขารู้ว่านางเป็นเจ้าของวิหคเพลิง สัตว์อสูรระดับเทพเช่นนี้ เขาย่อมไม่มีทางขับนางออกจากสกุลไป๋
เพราะตราบใดที่นางยังคงเป็นคนของสกุลไป๋ ทุกสิ่งที่เป็นของนางย่อมนับเป็นของสกุลไป๋ด้วย เรื่องอะไรที่เขาจะปล่อยให้หลุดไปอยู่ในมือของคนสกุลหลานเล่า ?
ทันทีที่เขาประกาศว่านางไม่ใช่คนตระกูลไป๋อีกต่อไป นางก็เอานกอสูรระดับเทพนั่นออกมาทันที
หากนี่ไม่ใช่การลากมาตบหน้าแล้วจะเรียกว่าอะไร ?
“แล้วแต่ท่านจะคิด” ไป๋หยานกราดสายตาไปมองไป๋เฉิงเซียงอย่างรวดเร็ว “ท่านคิดว่า ท่านคู่ควรที่ข้าจะต้องวางแผนตอบโต้กระนั้นรึ ?”
“เจ้า … ” ไป๋เฉิงเซียงโกรธอย่างบอกไม่ถูก ทว่าครั้นเห็นวิหคเพลิงคลอเคลียท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านต่อหน้าต่อตา เขาก็ระงับความโกรธของ
ตนไว้ “หยานเอ๋อ เมื่อครู่นี้พ่อเพียงล้อเจ้าเล่น พ่อจะตัดพ่อตัดลูกกับเจ้าได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าเป็นบุตรสาวสุดที่รักของข้า“
ถึงตอนนี้ หนานกงอี้ก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง ครั้นได้ยินคาพูดของพ่อตา เขาก็มองไป๋หยานด้วยแววตาสับสน ขณะที่กล่าวออกมาว่า “ครอบครัวเดียวกันก็ควรจะรักใคร่ปรองดองกัน ในเมื่อท่านไป๋เต็มใจที่จะอภัยให้ไป๋หยาน ข้า ในฐานะองค์รัชทายาทขอตัดสินว่า คาประกาศก่อนหน้านี้ไม่นับ“
แท้จริงแล้ว หนานกงอี้ก็ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่า เหตุใดเขาถึงกล่าวออกไปเช่นนั้น ทว่าหากเปรียบเทียบไป๋หยานคนก่อนหน้านี้กับไป๋หยานผู้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาตอนนี้ ทั้งสองกลับดูแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงราวกับเป็นคนละคนกัน
และไป๋หยานที่อยู่เบื้องหน้าเขาผู้นี้ ก็ไม่มีเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
ข้อเท็จจริงนี้ทาให้หัวใจของหนานกงอี้รู้สึกอึดอัด ยิ่งไปกว่านั้น เหตุใดเขาต้องยอมให้อ๋องมักมากนั่นกดขี่ข่มเหงเขาด้วยล่ะ ? ทั้งที่ชายผู้นั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากตาแหน่ง !
ทว่าทันใดนั้นเอง เสียงต่าทุ้มลุ่มลึกก็ดังมาจากด้านหลัง แน่นอนว่าเสียงนั้นฟังดูข่มขู่คุกคามเฉกเช่นเดิม
“ดูเหมือนว่า พวกเจ้าจะไม่ใส่ใจคาพูดของข้า !“
น้าเสียงของอ๋องหนุ่มเยือกเย็น หากแต่ก็เพียงพอที่จะทาให้ไป๋เฉิงเซียงใบหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ
เมื่อครู่เขาลืมชายน่ากลัวผู้นี้ไปชั่วขณะ !
“ท่านพ่อ ข้าอยากได้วิหคเพลิงนั่น” ไป๋จื่อดึงแขนเสื้อของบิดา นางยังคงไม่สนสถานการณ์รอบข้าง อีกทั้งยังพยายามร้องขอในสิ่งซึ่งไม่ได้เป็นของนางต่อไป “ให้นางมอบให้ข้า ข้าต้องการมัน“
ไป๋เฉิงเซียงอ่อนใจ เขาหันกลับไปมองร่างในอาภรณ์สีม่วงเงิน “ท่านอ๋องคัง นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของข้า…ท่าน…“
ก่อนที่เขาจะทันได้กล่าวจบประโยค เสียงหัวเราะลั่นที่สั่นสะเทือนซอกซอนไปถึงกระดูกก็ดังขึ้น
“นี่ท่านคิดว่า ท่านอยากจะขับไล่ข้าออกจากตระกูลเมื่อไรก็ทาได้ แล้วคิดจะรับข้ากลับเข้าตระกูลเวลาไหนก็ได้อีกกระนั้นรึ ? นี่ท่าน
คิดว่าท่านเป็นใคร ท่านบอกว่าท่านเป็นบิดาของข้า แล้วท่านเคยทาหน้าที่บิดาสักครั้งหรือไม่ ?” ไป๋หยานก้าวช้า ๆ อย่างมั่นคงทีละก้าว ๆ ความทรงจาที่น่าหวาดกลัว อีกทั้งเจ็บปวดเหล่านั้นเริ่มปรากฏขึ้นในหัวของนาง
แน่นอนว่า ความทรงจาเหล่านั้นมาจากอดีตของเจ้าของร่างนี้ เมื่อนางและเจ้าของร่างเดิมรวมร่างกันอย่างสมบูรณ์ ความรู้สึกที่นางมีต่อความทรงจาเหล่านั้นจึงรวมกันเป็นหนึ่ง นางคือ “ไป๋หยาน” และ “ไป๋หยาน” ก็คือ นาง
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ พวกท่านยึดครองสินสอดทองหมั้นของท่านแม่ อีกทั้งไม่เคยดูดาดูดีข้ากับเซียวเอ๋อเลย พวกเราไม่มีแม้แต่อาหารที่จะกินให้ครบสามมื้อด้วยซ้า แม้ว่าข้าจะขี้อาย ทว่าเมื่อข้ากับน้องหิว ข้าก็ต้องบากหน้าไปขอพวกท่าน แล้วท่านล่ะทาอะไรบ้าง ? ท่านเอาแต่ฟังหยูหรง ท่านไล่ข้าออกจากห้องหนังสือในค่าคืนที่แสนเหน็บหนาว ! เพียงเพราะคิดว่าข้าโกหก ! “
“หยานเอ๋อ … “
ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานลาคอแห้งผาก น้าตาเอ่อเต็มสองตา เขาไม่เคยรู้เลยว่าหลาน ๆ เขาจะพบประสบการณ์ที่น่าสลดหดหู่ถึงเพียงนี้ เขาแค่คิดว่าเด็กน้อยเพียงแต่อ้างว้าง เพราะมิเป็นที่รักของคนในบ้าน ทว่าการอดอยากหิวโหยท่ามกลางค่าคืนเหน็บหนาวตั้งแต่วัยเยาว์ของพวกเขา ทาให้ท่านผู้เฒ่ายิ่งฟังก็ยิ่งปวดใจ ท่านผู้เฒ่ารู้สึกว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยให้ความช่วยเหลืออะไรหลาน ๆ ของเขาเลย !
“ในตอนนั้นข้ายังเยาว์ ข้ามิรู้ว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร ? หากท่านไม่เชื่อ ท่านก็กลับไปสอบสวนพ่อครัวที่บ้านท่านดูได้ ว่าพวกเขาได้รับคาสั่งไม่ให้ทาอาหารเผื่อเราจริงหรือไม่ ?”
ทุกคนต่างตกตะลึง ไป๋เฉิงเซียงเองก็ไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ มิใช่ว่าเขาไม่เคยห่วงใยพี่น้องคู่นี้มาก่อน หากแต่หลังจากหยูหรงเข้ามาร้องห่มร้องไห้บ่นว่าลูก ๆ ของเขานั้นทาตัวงี่เง่า อีกทั้งร้ายกาจกับนางเพียงใด ? เขาก็กลายเป็นโกรธ และเกลียดชังลูก ๆ ตนเองแทน
หากแต่ไม่ว่าเขาจะแก้ตัวอย่างไร ก็คงไม่เป็นผล เพราะดูเหมือนว่าเขาจะลืมเรื่องสาคัญเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือเขาไม่เคยใส่ใจพิสูจน์เลยว่าคาพูดของภรรยาคนปัจจุบันของตนนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ?
“ท่านพ่อ ท่านอย่าไปฟังคาพูดไร้สาระของนาง … ” ไป๋จื่อเริ่มเป็นกังวล สายตาที่มองไป๋หยานเต็มไปด้วยความดุดัน “นางพยายามสร้างความร้าวฉานให้ครอบครัวของเรา … “