จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 551-555
บทที่ 551 : กลับสู่แดนอสูร (6)
ใบหน้าที่งดงามปานหยกของราชครูเปลี่ยนจากประหลาดใจมาเป็นความสุข
”องค์ราชานี่ท่านรับสั่งจริงหรือ ?”
”อืม”ตี้คังพยักหน้าเล็กน้อย “หลังจากที่เจ้าหมั้นเรียบร้อยแล้ว ราชินีของข้าก็มีเรื่องบางอย่างอยากจะถามเจ้า”
ราชครูตกตะลึงภายใต้สายลมพัดแผ่วเบา เสื้อคลุมสีขาวพลันพลิ้วไสว ยิ่งแลดูสง่างาม
”กระหม่อมรู้ดีว่าราชินีปรารถนาที่จะไถ่ถามสิ่งใดฝากพระองค์ช่วยกราบทูลแทนกระหม่อมสักบางประโยคเถิดพ่ะย่ะค่ะ … บางสิ่งได้ถูกลิขิตไว้แล้ว ทว่ากระหม่อมมิอาจเอ่ยกล่าวในตอนนี้ หาไม่ … จะส่งผลกระทบต่อจิตใจของพระนาง
นัยน์ตาตี้คังสว่างวาบเขาขมวดคิ้วมุ่น
”ได้ข้าจะนำถ้อยคำเหล่านี้ไปบอกหยานเอ๋อ นอกจากนี้ข้ายังหวังด้วยว่า … เราจะสามารถโจมตีแดนสวรรค์ได้โดยเร็วที่สุด ข้าต้องการมอบมันเป็นของขวัญให้กับนาง”
ราชครูยิ้มอย่างละเหี่ยไม่ง่ายเลยที่จะจู่โจมแดนสวรรค์ หากแต่องค์ราชากลับมีรับสั่งให้จู่โจม … โดยเร็วที่สุด ? เพียงเพื่อมอบเป็นของขวัญในงานอภิเษกสมรสกับราชินี ?
อย่างไรก็ตามหลังจากตี้คังกล่าวจบเขาก็หันหลังกลับ พลันร่างที่มีเอกลักษณ์หาที่ติไม่ได้ก็เลือนหายไปจากสายตาของราชครู
แม้จะผ่านช่วงเวลานานหลายปีทว่าองค์ราชากลับไม่เคยแปรเปลี่ยน เพื่อราชินีแล้ว เขายอมทำทุกอย่าง
แม้ว่านั่นจะเป็น… การทำลายล้างแดนอสูรก็ตามที !
*****
ณพระตำหนักไป๋เยว่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในแดนอสูร ไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้ย่างกรายเข้าภายใน
กล่าวกันว่าตำหนักไป๋เยว่แห่งนี้นั้นมีเพียงราชินีอสูรเท่านั้นที่สามารถพำนักอาศัยอยู่ได้
และก็เป็นเวลาหลายศตวรรษมาแล้วที่ไม่มีผู้ใดสามารถก้าวเข้าสู่ตำหนักไป๋เยว่ได้ เว้นแต่เพียงขันทีผู้ซึ่งมีหน้าที่ทำความสะอาด
ทว่าบัดนี้ตำหนักไป๋เยว่ที่เคยเงียบสงบกลับมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง
”พี่สะใภ้ตำหนักของพี่ดีกว่าตำหนักของข้ามากเลย” ตี้เสี่ยวอวิ๋นเอนตัวไปทางด้านหลังทิ้งตัวลงนอนบนเก้าอี้นุ่ม ๆ ใบหน้าของนางยิ้มแย้มแจ่มใส “ข้าขอพักที่นี่ด้วยคนจะได้หรือไม่ ? ”
ไป๋เสี่ยวเฉินเหลือบมองตี้เสี่ยวอวิ๋น “ท่านอาหญิง หากไม่กลัวป๊ะป๋าวายร้ายท่านก็สามารถอยู่ที่นี่ได้ แต่ … ป๊ะป๋าวายร้ายจะต้องขับไล่อาหญิงออกไปอย่างแน่นอน”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นมุมปากกระตุกนางลุกขึ้นนั่งทันที พลางกระพริบตาอย่างน่าสงสาร
”พี่สะใภ้พี่จะปกป้องข้าใช่หรือไม่ ?”
ไป๋หยานลูบคางพลันรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นในดวงตาดำขลับของนาง “เจ้าจะอยู่ด้วยก็ได้ เพียงแต่ … ”
ไป๋หยานยังไม่ทันได้กล่าวจบประโยคประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออกเสียก่อน
ใบหน้าเล็กๆ ของตี้เสี่ยวอวิ๋นเคร่งขรึมขึ้นทันที เมื่อเห็นหญิงสาวในอาภรณ์สีเหลืองยืนอยู่ที่ประตู “เสี่ยวหยิง…เจ้าเข้ามาได้อย่างไร ?
”ข้าบอกว่าข้ามาพบเจ้าพวกเขาก็ให้ข้าเข้ามา” หวงเสี่ยวหยิงเชิดคางขึ้น สายตาของนางกวาดไปมองไป๋หยาน ประกายความสงสัยส่องระยิบระยับในแววตาที่ไร้เดียงสาของนาง “เจ้าเป็นสตรีที่องค์ราชาพากลับมางั้นรึ ?”
ไป๋หยานรู้ถึงเจตนาร้ายของคนที่มาใหม่นางเทน้ำชาลงถ้วย พลางยกขึ้นจิบ ขณะเดียวกันนางก็เชิดริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย “ถ้าใช่ แล้วไงล่ะ ?”
ครั้นเห็นความสงบนิ่งของไป๋หยานหวงเสี่ยวหยิงก็ต้องการที่จะแสดงพลังอำนาจของตน ทว่าชั่วขณะนั้นเอง จู่ ๆ นางก็เหลือบไปเห็นเสือขาวตัวน้อยที่ไป๋เสี่ยวเฉินอุ้มไว้ในอ้อมแขนโดยไม่ได้ตั้งใจ
เพียงครู่เดียวแววตาของนางก็แปรเปลี่ยน
นั่น…เสือตัวผู้น่ารักจังเลย !
“หวงเสี่ยวหยิงเจ้ามาทำอะไรที่นี่ ?” ครั้นตี้เสี่ยวอวิ๋นเห็นหวงเสี่ยวหยิง จ้องมองไป๋เสี่ยวเฉินโดยไม่พูดไม่จา นางก็รีบลุกไปขวางหน้าหวงเสี่ยวหยิง เอ่ยกล่าวด้วยความโกรธ “ข้าขอเตือนเจ้าไว้เลยว่า อย่าคิดว่าเป็นสหายของข้าแล้วจะรังแกพี่สะใภ้ และหลานชายของข้าได้ เจ้าออกไปได้แล้ว หาไม่ … ข้าจะฆ่าเจ้า !”
***จบบทกลับสู่แดนอสูร (6)***
บทที่ 552 : กลับสู่แดนอสูร (7)
สหายแล้วไงจะเทียบกับพี่สะใภ้และหลานชายได้ไง ? เพื่อปกป้องพี่สะใภ้แล้ว ต่อให้เป็นสหาย นางก็ไม่คิดละเว้น
“ว่าแต่…เสือนั่นมีชื่อว่าอะไร?” หวงเสี่ยวหยิงทำตัวหงอ ๆ ใบหน้าของนางแลดูไร้ซึ่งความภาคภูมิต่างกับเมื่อแรกที่เข้ามา ยามนี้นัยน์ตาที่ไร้เดียงสาของนางกำลังจับจ้องมองเสี่ยวมี่
ครั้นเสี่ยวมี่แลเห็นสายตาที่จ้องมองมาของหวงเสี่ยวหยิงมันก็ตัวสั่นสะท้าน มันรีบซุกตัวลงในอ้อมแขนของไป๋เสี่ยวเฉิน
ฮือๆ นายน้อย สายตาของหญิงผู้นี้น่ากลัวมากเลย …
”เจ้าหมายถึงอะไรประเดี๋ยวหากเสด็จพี่ของข้าเสด็จกลับมา ทอดเนตรเห็นเจ้าเข้า เขาจะสังหารเจ้าจริง ๆ นะ !” ตี้เสี่ยวอวิ๋นฮึ่มฮั่ม
เสด็จพี่ไม่ชอบสตรีโง่ๆ โชคดีที่นางเป็นน้องสาวของเขา เขาเลยไม่มีทางเลือก ทว่ากับหวงเสี่ยวหยิงแล้ว เขาไม่เคยอยากเห็นหน้านางเลย
หากเสด็จพี่ทอดพระเนตรเห็นหวงเสี่ยวหยิงในพระตำหนักนี้นางคงไม่พ้นต้องถูกตีอย่างแน่นอน
”ข้า… ข้าต้องการทราบตัวตนของเสือขาวตัวนี้” หวงเสี่ยวหยิงส่ายศีรษะอย่างอาย ๆ น้ำเสียงของนางสั่นเล็กน้อย
”เจ้าคิดจะขโมยเสี่ยวมี่งั้นหรือ?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นโกรธจนแทบกระโดด “ข้าขอบอกเจ้าไว้ตรงนี้ เลิกคิดได้เลย ! เสือขาวตัวนี้เป็นสัตว์ในพันธะสัญญาของพี่สะใภ้ข้า ไม่มีผู้ใดสามารถเอามันไปได้หรอก”
“มันเป็นสัตว์พันธะสัญญาของราชินีงั้นหรือ?” หวงเสี่ยวหยิงกะพริบตาไร้เดียงสา พลางหันไปมองไป๋หยาน เอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเขินอาย “เช่นนั้นหม่อมฉันขอเป็นสัตว์พันธะสัญญาของพระองค์ด้วยจะได้หรือไม่ ?”
ครั้นประโยคนี้จบลงตี้เสี่ยวอวิ๋นก็ยืนอึ้งตะลึงงันอยู่กับที่
เมื่อครู่นี้หวงเสี่ยวหยิงทำท่าโกรธเคือง ทั้งยังพยายามหาเรื่องพวกนาง ทว่าเพียงพริบตาเดียว หวงเสี่ยวหยิงกลับเสนอตัวเป็นสัตว์ในพันธะสัญญากับไป๋หยานงั้นหรือ ?
”หม่อมฉันต้องการเป็นสัตว์พันธะสัญญาของพระองค์หม่อมฉันต้องการครองคู่กับเขา … ”
นางชี้ไปที่เสี่ยวมี่พร้อมทั้งกล่าวอย่างเอียงอาย
ราวสายฟ้าฟาดเสี่ยวมี่ถึงกับตาเหลือก
สถานการณ์เช่นนี้ควรทำเยี่ยงไร?
หญิงผู้นี้ไม่ใช่คนรักขององค์ราชาหรอกหรือ? เหตุใดจู่ ๆ นางถึงอยากครองคู่กับมันได้ล่ะ ?
ไม่…มันไม่ต้องการมีเมียโดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงเช่นนี้เห็นได้ชัดว่านางไร้สมอง !
เสี่ยวมี่หันไปมองไป๋หยานด้วยแววตาที่น่าสมเพชดูเหมือนมันจะพยายามวิงวอนขอร้องไป๋หยาน ให้นางไม่ตอบรับข้อเสนอนี้
ไป๋หยานหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบแล้ววางลง”จุดประสงค์ที่เจ้ามาหาข้าก็เพียงเพื่อจะทำพันธะสัญญากับข้างั้นรึ ?”
”จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?” หวงเสี่ยวหยิงร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ พลางกล่าวว่า “เป็นเพราะจุนหรู่ชิง นางบอกหม่อมฉันว่า สตรีที่องค์ราชาพากลับมาด้วยไม่คู่ควรกับองค์ราชา เพราะมีบุรุษมากหน้าหลายตาพัวพัน หม่อมฉันเลยมาพบพระองค์ เพราะองค์ราชาเป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมมาก มีแต่สตรีที่ดีเท่านั้นจึงจะคู่ควรกับเขา”
”แล้ว?” ไป๋หยานเลิกคิ้วขึ้น พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองหวงเสี่ยวหยิง
“หากแต่หม่อมฉันไม่คาดคิดว่า…”หวงเสี่ยวหยิงบิดมุมเสื้อของนาง พลางมองไปที่เสี่ยวมี่อย่างอาย ๆ “หม่อมฉันจะตกหลุมรักเสือขาวตัวนี้ นับแต่แรกเห็น หม่อมฉันอยากจะแต่งงานกับเขา”
เสี่ยวมี่ตกใจมากเส้นขนของมันลุกชูชัน หญิงผู้นี้ชอบข้างั้นหรือ ?
“พระองค์ทำสัญญากับหม่อมฉันบ้างจะได้หรือไม่?” หวงเสี่ยวหยิงหันกลับไปมองไป๋หยานอีกครั้ง “หลังจากที่พระองค์ทำสัญญากับหม่อมฉันแล้ว เผ่าพยัคฆ์ทั้งหมดจะตกเป็นของพระองค์ ทั้งหม่อมฉันจะขโมยสมบัติของท่านพ่อมาถวายพระองค์อีกด้วย”
เด็กเอ๊ย…
ครั้นมองเห็นนัยน์ตาที่ส่องประกายของหวงเสี่ยวหยิงแล้วไป๋หยานก็กล่าวอย่างใจเย็นว่า “ไม่ดีหรอก”
”เหตุใดถึงไม่ดีล่ะ?”
”เพราะเสี่ยวมี่ไม่เต็มใจน่ะสิ”
เหตุที่ไป๋หยานปฏิเสธหวงเสี่ยวหยิงก็เพราะเสี่ยวมี่ไม่เต็มใจ
นางไม่สามารถทำร้ายจิตใจของเสี่ยวมี่เพื่อคนนอกได้
แน่นอนว่าหลังจากได้ยินคำกล่าวของไป๋หยานเสี่ยวมี่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
มันกลัวไป๋หยานจะบ้าจี้ยอมรับคำขอของหวงเสี่ยวหยิงเสียจริงๆ …
”พระองค์หมายถึงหากเขาเต็มใจหม่อมฉันก็สามารถเป็นสัตว์ในพันธะสัญญาของพระองค์ได้ใช่หรือไม่ ?” นัยน์ตาของหวงเสี่ยวหยิงสว่างไสวขึ้น นางมองเสี่ยวมี่อย่างอาย ๆ พร้อมกับเอ่ยถามอย่างเคอะเขิน
***จบบทกลับสู่แดนอสูร (7)***
บทที่ 553 : กลับสู่แดนอสูร (8)
”ก็อาจจะเป็นได้นะ…”
ไป๋หยานพยักหน้าน้อยๆ
“เอาล่ะหม่อมฉันจะพยายามทำให้เขาเต็มใจ” สายตาของหวงเสี่ยวหยิงยังไม่ยอมละจากเสี่ยวมี่ สีหน้าของเด็กสาวยังคงเขินอาย “อย่าลืมนะ…ข้าชื่อหวงเสี่ยวหยิง”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นรับไม่ได้อีกต่อไปนางตบหน้าผากผาง พร้อมทั้งแสดงสีหน้ารำคาญ “หวงเสี่ยวหยิง !”
”มีอะไรอีกล่ะ?” ที่สุดหวงเสี่ยวหยิงก็ละสายตาจากเสี่ยวมี่ หันมามองตี้เสี่ยวอวิ๋นพร้อมกับเอ่ยถาม
”เจ้าต้องการเป็นสัตว์พันธะสัญญาของพี่สะใภ้ข้าอย่าหวังเลย ข้าไม่เห็นด้วยแน่” ตี้เสี่ยวอวิ๋นจ้องหวงเสี่ยวหยิงด้วยความโกรธ “เจ้ามาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเถอะ หากไม่คิดว่าเจ้าเป็นสหายแล้วล่ะก็… ผู้ใดจะยอมให้เจ้าคว้าพี่สะใภ้ไปได้ล่ะ อย่างไรเสียสัตว์อสูรที่อยู่เคียงข้างนางได้ ย่อมต้องมีเพียงข้าเท่านั้น !”
ไม่มีทางนางต้องเอาเรื่องนี้ไปฟ้องเสด็จพี่ นางจะให้เสด็จพี่ออกคำสั่งห้ามหวงเสี่ยวหยิงไม่ให้เฉียดเข้าใกล้พระตำหนักนี้ได้อีก
ตี้เสี่ยวอวิ๋นเย้ยหยันเมื่อถึงเวลานั้น หวงเสี่ยวหยิงก็ไม่อาจเข้าใกล้พระตำหนัก เช่นนั้นย่อมเป็นการยากที่จะเข้าใกล้พี่สะใภ้นาง ? ฝันไปเถอะ !
”ราชินีมีรับสั่งแล้วว่าหากเสี่ยวมี่ยอมรับข้า พระองค์ก็ทรงเห็นพ้องด้วย” หวงเสี่ยวหยิง หน้ามุ่ย “นอกจากนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ล้วนเป็นเพราะจุนหรู่ชิงทำข้าสับสน”
”จุนหรู่ชิง?” ไป๋หยานลูบคาง นัยน์ตาของนางกระพริบวิบวับ “หญิงคนรักของตี้คังงั้นหรือ ?”
หวงเสี่ยวหยิงพยักหน้าอย่างจริงจัง”เดิมที เมื่อนางกล่าวเช่นนั้น หม่อมฉันก็เชื่อ เพราะองค์ราชาเป็นผู้ที่หม่อมฉันชื่นชมมากที่สุด หม่อมฉันเลยเชื่อถ้อยคำของจุนหรู่ชิง ทว่า… ”
นางมองไปทางเสี่ยวมี่อย่างอายๆ
”ทว่าตอนนี้แต่งงานกับไก่ก็ต้องเป็นไก่แต่งงานกับเสือก็ต้องเป็นเสือ ในวันหน้าหม่อมฉันจะต้องเป็นภรรยาของเสี่ยวมี่ ต่อให้พระองค์จะดีหรือไม่ พระองค์ก็ต้องเป็นเจ้านายของหม่อมฉัน”
”นายน้อย!” เสี่ยวมี่โกรธ มันกระโดดลงจากอ้อมแขนของไป๋เสี่ยวเฉิน พลางจ้องมองหวงเสี่ยวหยิงอย่างดุดัน “ข้าจะไม่แต่งงานกับนาง เมื่อครู่หญิงผู้นี้มาเพื่อหาเรื่องท่าน ให้นางกลับไปอยู่กับจุนหรู่ชิงเถอะ ! ท่านจะต้องปกป้องความบริสุทธิ์ของข้านะ ! ”
หลังจากกล่าวเช่นนี้แล้วเสี่ยวมี่ก็กัดฟัน “ยิ่งไปกว่านั้นนายหญิงของข้าหาใช่คนเช่นนั้นไม่ ! หญิงที่ชื่อจุนหรู่ชิงให้ร้ายนายหญิงข้า นางไม่เคยไปแผ่นดินใหญ่ นางจะรู้จักนายหญิงของข้าดีได้อย่างไร ?”
หวงเสี่ยวหยิงขมวดคิ้วพลางครุ่นคิดครู่หนึ่ง ราวกับยอมรับว่า … คำกล่าวของเสี่ยวมี่ถูกต้อง
”เสด็จพี่ของข้ากำลังจะมาแล้วเจ้ายังจะอยู่ที่นี่อีกงั้นหรือ ?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นร้องเตือน
ครั้นหวงเสี่ยวหยิงหวนนึกถึงท่าทีที่น่าหวาดกลัวของตี้คังนางก็ตัวสั่นสะท้าน นางหันไปมองเสี่ยวมี่อย่างไม่เต็มใจ “เจ้าต้องรอข้านะ ข้าจะพยายามแอบมาหาเจ้า”
”ไม่ข้าจะแจ้งองครักษ์ด้านนอกไว้ไม่ให้เจ้าเข้าใกล้วังนี้”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นหัวเราะเยาะร่างของนางช่วยบังใบหน้าขาว ๆ ของเสี่ยวมี่ที่อยู่ด้านหลังนาง ขณะเดียวกันนางก็มองใบหน้าเล็ก ๆ ที่น่ารักของหวงเสี่ยวหยิงอย่างแดกดัน
หวงเสี่ยวหยิงกัดริมฝีปากก่อนจะค่อย ๆ เดินไปที่ประตูทีละก้าว ๆ หลังจากออกพ้นประตูได้ นางก็ไม่แม้แต่จะเหลียวหลังหันกลับมามอง นางรีบสาวเท้าก้าวออกจากพระตำหนักอย่างรวดเร็ว …
”ในที่สุด…นางก็ไปได้ซะที”ตี้เสี่ยวอวิ๋นถอนหายใจอย่างโล่งอก “เสี่ยวมี่… หากนางกล้าลอบเข้ามาในวังอีก เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ ตีนางไล่นางออกไปเลย ข้าไม่ต้องการให้ผู้ใดมาวุ่นวายกับพี่สะใภ้ของข้า”
แม้ว่าหวงเสี่ยวหยิงจะเป็นสหายของนางหากแต่ก็ไร้ความหมาย ! เรื่องนี้นับเป็นใหญ่สำหรับนาง ทั้งนางยังตั้งใจแน่วแน่แล้วว่า ต่อให้เป็นสหาย นางก็ตัดได้ !
”ข้าเห็นด้วยกับถ้อยคำขององค์หญิง”เสี่ยวมี่พยักหน้าอย่างรวดเร็ว เขาไม่อยากเห็นเด็กสาวคนนั้นอีกตลอดกาล
”ข้าเหนื่อยแล้ว”ไป๋หยานไม่สนใจถ้อยคำของพวกเขาทั้งสอง นางเหยียดแขน พลางเอนตัวลงนอนบนเก้าอี้นุ่ม ๆ อย่างเกียจคร้าน “เสี่ยวอวิ๋น…เจ้ากลับไปก่อน แล้วสั่งด้วยว่าห้ามมิให้ผู้ใดรบกวนข้า รวมถึงพี่ชายของเจ้าด้วย”
***จบบทกลับสู่แดนอสูร (8)***
บทที่ 554 : ขุดหลุมฝังตัวเอง (1)
แดนอสูรไม่ว่าจะเป็นทิวาหรือราตรีก็จะปรากฏจันทราสีเลือดลอยเด่นกลางนภา ย้อมท้องฟ้าให้เป็นสีแดงฉาน แสงของจันทราสาดส่องพฤกษา ภูผาลำธารตลอดทั้งปี
ด้านนอกของตำหนักไป๋เยว่ทหารรักษาการณ์สองคนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูตำหนัก ทันใดนั้นหนึ่งในสองคนก็เห็นตี้คังปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้า เขารีบศอกแขนคนที่อยู่ข้างกาย เหงื่อของทั้งคู่ไหลซึม
”กราบทูลฝ่าบาท”
เขาพยายามรวบรวมความกล้าก้าวเท้าออกไปขวางหน้าตี้คัง “เอ่อ…องค์ราชินีมีรับสั่งไม่ให้ผู้ใดรบกวนขณะพักผ่อน พ่ะย่ะค่ะ”
ตี้คังเลิกคิ้ว”เจ้าต้องการขวางข้างั้นรึ ?”
”คือ… ” ทหารรักษาการณ์สัมผัสถึงเหงื่อเย็น ๆ บนหน้าผาก พวกเขารู้สึกราวกับว่าศีรษะของตนเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆ “รับสั่งขององค์ราชินี ไม่อนุญาตให้ผู้ใดรบกวนพระนาง ไม่เว้นกระทั่งพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าของตี้คังเปลี่ยนเป็นดำคล้ำหญิงผู้นี้กล้าใช้คำสั่งของเขาจัดการกับเขางั้นรึ ?
”ไปให้พ้น!” นัยน์ตาดุดันของตี้คังกวาดมองมาอย่างโหดเหี้ยม ขณะเดียวกันก็ตวาดออกมาอย่างเย็นชา
”ฝ่าบาท… ” ทหารรักษาการณ์หวาดกลัว กระทั่งแข้งขาสั่น “ก่อนหน้านี้ ฝ่าบาทมีรับสั่งเองว่า ถ้อยรับสั่งของราชินีห้ามมิให้ผู้ใดฝ่าฝืน และให้ถือรับสั่งขององค์ราชินีมาเป็นอันดับแรก … กระหม่อมเพียงปฏิบัติตามกระแสรับสั่งของพระองค์ โปรดประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าของตี้คังดำราวก้นหม้อ”ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย หลบไปให้พ้น !”
ตุ้บ!
ทหารองครักษ์หวาดกลัวเป็นอย่างมากพวกเขาเข่าทรุด หน้าซีดตัวสั่น
”ฝ่าบาทผู้ใต้บังคับบัญชาไม่สามารถหลีกทางได้”
หากเขาไม่ฟังคำสั่งขององค์ราชาองค์ราชาก็จะพิโรธเขา แต่หากพวกเขา … ยอมหลีกทาง ก็จะเป็นการขัดกับรับสั่งเดิมขององค์ราชาอีก เช่นนั้นไม่ว่าพวกเขาจะทำอย่างไรก็เรียกได้ว่าเป็นการยั่วโทสะองค์ราชาทั้งสิ้น
ตี้คังกำหมัดแน่นข้อนิ้วของเขากระทบกันลั่นเปรี๊ยะ ๆ “ดี ดีมาก !”
ตี้คังกัดฟันมองมาอย่างดุดันนัยน์ตาเรียวคมมองทหารยามทั้งสองชั่วครู่ ก่อนจะหันกายจากไปอย่างช้า ๆ พลันอาภรณ์สีม่วงก็หายลับไปจากปากทางเข้าตำหนักไป๋เยว่อย่างรวดเร็ว
”นี่… ฝ่าบาทเสด็จจากไปแล้วกระนั้นหรือ ?” ทหารองครักษ์ลุกขึ้นยืน แข้งขาของเขาสั่นเทา กระทั่งแทบยืนไม่ไหว
ทหารอีกคนก็ตัวสั่น”ข้าคิดว่าพระองค์คงมาคิดบัญชีกับพวกเราในภายหลัง หากแต่พระองค์เป็นผู้รับสั่งเองว่า ราชินีต้องสำคัญที่สุด พวกเราก็เพียงทำตามกระแสรับสั่งของพระองค์เท่านั้น … ”
หากแต่ผู้ใดจะคาดคิดว่ารับสั่งแรกของราชินีหลังจากเข้าพำนักในตำหนักไป๋เยว่ก็คือห้ามมิให้ผู้ใดรบกวนนาง
ไม่ว่าจะเป็นพวกเขาหรือแม้แต่องค์ราชา…
*****
บนม้านั่งยาวนุ่มๆ หญิงสาวนอนตะแคงข้าง เส้นผมเงางามราวแพรไหมกระจายบนผ้ากำมะหยี่หรูหราที่เต็มไปด้วยความประณีต
จากนั้น…
มือๆ หนึ่งก็ยื่นออกมาดึงนางเข้าสู่อ้อมกอด
อ้อมกอดนี้แม้จะอบอุ่นและคุ้นเคย ทว่าไป๋หยานก็ยังลืมตาขึ้นทันที
ยามนี้ไป๋หยานต้องเผชิญหน้ากับความหล่อเหลาที่ยากจะหาผู้ใดเทียบได้มิใช่เรื่องกล่าวเกินจริงเลยที่จะบอกว่าเขารูปงามที่สุดในโลก และเมื่อเป็นบุรุษที่รูปงามถึงเพียงนี้ มีหรือที่สตรีทุกคนในโลกนี้จะไม่หลงใหล
”ท่าน…เข้ามาได้อย่างไร?” ไป๋หยานตกตะลึงพลางเอ่ยถาม “ข้าบอกแล้วไงว่า ไม่ให้ผู้ใดเข้ามารบกวนข้า”
ครั้นได้ยินถ้อยคำดังกล่าวสีหน้าของตี้คังพลันดำคล้ำ ริมฝีปากของเขาบิดเบ้อย่างเย็นชา นิ้วมือเรียวยาวของเขาค่อย ๆ ลูบไล้เส้นผมดำขลับของนาง
“ใช้อำนาจที่ข้ามอบให้เจ้ามาจัดการกับข้ากระนั้นรึ?” เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ริมฝีปากแดงสดเชิดขึ้นแลดูงามมาก แต่นั่นก็ทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกหดหู่ไปพร้อม ๆ กัน “แม้แต่ข้าจะเข้าวังตนเอง ก็ยังต้องแอบปีนกำแพงลักลอบหลบองครักษ์ ยามที่พวกเขาเผลอเรอ”
เขาเป็นถึงราชาแห่งแดนอสูรน่าละอายเพียงใดที่ต้องกระทำตนเช่นนี้ ? ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังอยู่ในวังแห่งแดนอสูรของเขาอีกด้วย !
***จบบทขุดหลุมฝังตัวเอง (1)***
บทที่ 555 : ขุดหลุมฝังตัวเอง (2)
”แล้วไง?” ไป๋หยานผลักอกตี้คังออก นางมองพร้อมกับส่งยิ้มให้ชายหนุ่มที่อยู่ข้างกาย “ท่านไม่พอใจคำสั่งของข้างั้นหรือ ?”
ชายหนุ่มดึงไป๋หยานเข้าหาพลางจ้องตาก่อนจะก้มลงประทับจูบบนริมฝีปากของนางอย่างดุเดือด “เจ้าคิดว่า เจ้าจะใช้วิธีการง่าย ๆ เช่นนี้มาหยุดยั้งข้าได้กระนั้นหรือ ? ภายในพระตำหนักแห่งนี้ ไม่มีผู้ใดขวางทางข้าได้หรอก … ”
”อืม…หากไม่มีผู้ใดสามารถขวางทางท่านได้ก็แล้วเหตุใดท่านถึงต้องปีนกำแพงเข้ามาล่ะ ?”
สีหน้าของตี้คังดำคล้ำยิ่งกว่าเดิมหากมิใช่เพราะนาง เขาจะทำเรื่องน่าขายหน้าเช่นนั้นหรือ ?
”เอาเถอะท่านช่วยบอกข้าหน่อยเถิดว่าจุนหรู่ชิงเป็นผู้ใด ?” ไป๋หยานเอนกายลงบนม้านั่งยาวนุ่ม พลางเอ่ยถามตาปรือ
”จุนหรู่ชิง?” ตี้คังขมวดคิ้วมุ่น สายตาครุ่นคิด “นางเป็นใครงั้นรึ ?”
”…..”
ไป๋หยานตกตะลึงก่อนหน้านี้นางได้ยินมาจากตี้เสี่ยวอวิ๋นว่า จุนหรู่ชิงนับเป็นหนึ่งในราชวงศ์เผ่าจิ้งจอก ทั้งยังอาศัยอยู่ในพระราชวังอีกด้วย
หากแต่ตี้คังกลับไม่รู้ว่านางเป็นใคร?
”เข้ามา!”
ตี้คังเลิกคิ้วอย่างหงุดหงิดพร้อมกับตะคอกออกไป
ปัง!
ทันใดนั้นเองเสียงประตูห้องพลันเปิดออก พร้อมกันกับที่ร่างของตี้เสี่ยวอวิ๋นถลันเข้ามาภายในห้อง หลังจากเห็นทีท่าที่โหดเหี้ยมของตี้คังแล้ว ร่างของตี้เสี่ยวอวิ๋นก็สั่นเทา นัยน์ตาของนางสั่นไหว
“เสด็จพี่ข้าไม่ได้ยินเรื่องปีนกำแพงนะ ข้าไม่รู้เรื่องการปีนกำแพงด้วย ท่านต้องเชื่อข้านะ ข้าไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
สีหน้าของตี้คังมืดมนลงกว่าเดิมอีกเล็กน้อย”ผู้ใดคือจุนหรู่ชิง ?”
ครั้นเห็นตี้คังไม่ได้คิดจะทำอะไรนางตี้เสี่ยวอวิ๋นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เสด็จพี่จำจุนหรู่ชิงไม่ได้จริง ๆ หรือ ? บิดามารดาของนางสละชีวิตปกป้องเผ่าอสูรของเรา จากนั้นนางก็ถูกผู้อาวุโสนำตัวเข้ามาในวัง และรับนางเป็นบุตรบุญธรรม”
”ดูเหมือนว่าจะมีคนเช่นนี้อยู่จริงๆ ” ตี้คังเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างช้า ๆ
ปากของตี้เสี่ยวอวิ๋นกระตุกสองสามครั้ง”เสด็จพี่ ไม่ใช่ดูเหมือน ทว่านางมีตัวตนจริงๆ นี่ท่านลืมนางไปแล้วกระนั้นหรือ ? นางมักจะติดตามผู้อาวุโสทั้งยังเคยพบท่านตั้งหลายครั้ง เหตุใดเสด็จพี่ถึงจำนางไม่ได้เล่า”
ตี้คังเม้มริมฝีปากพลางครุ่นคิดเล็กน้อย เพราะบัดนี้เขายังจำสตรีที่ตี้เสี่ยวอวิ๋นกล่าวถึงไม่ได้เลย
”โอ้…คาดว่าข้าคงไม่เคยให้ความสนใจนางเลย ว่าแต่หยานเอ๋อไยเจ้าจึงไถ่ถามถึงนางล่ะ ?”
คิ้วของตี้คังย่นเล็กน้อยแค่สตรีที่น่ารำคาญคนหนึ่ง เหตุใดหยานเอ๋อถึงให้ความสนใจ
แท้จริงหลังจากไป๋หยานถามออกไปแล้ว นางก็อยากจะกัดลิ้นตนเอง
ตี้คังคิดว่านางถามคำถามนี้มีจุดมุ่งหมายใด ? … บางทีเขาอาจจะคิดว่านางใส่ใจกับความสัมพันธ์ระหว่างจุนหรู่ชิงกับเขา ?
เช่นนั้นหลังจากตี้คังกล่าวจบ นางก็หัวเราะหึ ๆ “ข้าเพียงถามไปอย่างนั้นเอง”
เอ่อ…แท้ที่จริง นางก็ตั้งใจถามนั่นแหละ…
”อย่าไปถามคนอื่นอีกนะ!” ตี้คังยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าของไป๋หยาน “เจ้าถามข้าได้คนเดียวเท่านั้น”
หยานเอ๋อของเขาไม่ค่อยถามเรื่องของคนอื่น เว้นแต่จะเกี่ยวข้องกับนาง
เป็นไปไม่ได้…
หรือว่าหยานเอ๋อจะไม่ชอบบุรุษหากแต่ชื่นชอบอิสตรี ?
ครั้นคิดถึงเรื่องนี้สีหน้าของตี้คังก็ยิ่งเคร่งเครียดเขามองตี้เสี่ยวอวิ๋นด้วยสายตาเย็นชา
”เจ้าออกไปได้แล้วไปประกาศด้วยว่าห้ามมิให้สตรีใดเข้าใกล้ตำหนักไป๋เยว่ โดยเฉพาะจุนหรู่ชิง !”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นอ้าปากด้วยความประหลาดใจเพราะยามนี้สายตาของตี้คังที่จับจ้องมองนางก็ไม่ต่างจากมองศัตรูหัวใจ … ?
ความรู้สึกนี้ทำให้ตี้เสี่ยวอวิ๋นขนลุกเล็กน้อยร่างของนางสั่นเทา “เสด็จพี่…ข้าจะไปสั่งการตามที่รับสั่ง”
***จบบทขุดหลุมฝังตัวเอง (2)***