จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 58
บทที่ 58 : ไป๋จื่อโดนตี
มีเสียง “ตุบ” ดังอยู่บนศีรษะไป๋จื่อ นางรู้สึกว่าหัวของนาง
โดนไม้ตี หลังจากนั้นนางก็รู้สึกวิงเวียนจนเกือบจะล้มลงกับ
พื้น
ครั้นยื่นมือไปลูบหน้าผาก มือของนางพลันแข็งค้าง ไป๋จื่อพบ
ว่าฝ่ามือของนางเต็มไปด้วยเลือด ! ใบหน้าของนางบิดเบี้ยว
ด้วยความโกรธ นางกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ผู้ใด ผู้ใด
กล้าตีหัวข้า ?”
ทว่า …
ครั้นไป๋จื่อหันกลับไปมอง ไม้ก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ครั้งนี้ตีลงบน
ไหล่ของนาง
“ไป๋จื่อ นางมารร้าย ข้านี่แหละที่เป็นคนตีเจ้า !”
ภายใต้แสงจันทร์สาดส่อง ปรากฏร่างของเด็กสาวผมยาว
สลวย นางถือไม้ท่อนยาวในมือ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วย
ความตื่นเต้น
“เป็นเจ้านี่เอง !” ครั้นเห็นว่าหลานเสี่ยวหยุนคือผู้ที่ยืนอยู่ข้าง
หลังนาง นัยน์ตาของไป๋จื่อพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง “เชอะ นิสัย
ของคนขี้แพ้ คนเยี่ยงเจ้าจะทาอะไรได้นอกจากลอบโจมตีลับ
หลัง”
“ขี้แพ้ ? เจ้าหมายถึงข้างั้นหรือ ?” หลานเสี่ยวหยุนเดาะไม้
ยาวในมือ “วันนั้น หากไม่มีคนช่วยเจ้า ข้าก็ไม่มีวันแพ้เจ้า
หรอก”
ต่อให้เป็นเสือร้ายสักแค่ไหน มันก็ไม่สามารถป้องกันตัวจาก
ศัตรูหลายตัวในคราเดียว ครั้งก่อนนั้นไป๋จื่อให้คนรุมทาร้าย
หลานเสี่ยวหยุน และนั่นเป็นเหตุให้ไป๋จื่อสามารถเอาชนะ
หลานเสี่ยวหยุนได้ ทว่าครั้นกลับถึงบ้าน ไป๋จื่อก็สร้างเรื่องขึ้น
ว่า นางเป็นผู้ที่ถูกรังแก ทาให้ไป๋เฉิงเซียงรีบไปที่บ้านสกุล
หลาน เพื่อร้องหาคนรับผิดชอบ
“หยุนเอ๋อ” ไป๋หยานคลายวงแขนที่กอดอกออก ก่อนจะก้าว
เข้าไปหาหลานเสี่ยวหยุนอย่างช้า ๆ พลางกล่าวว่า “คืนนี้
เจ้าอยากจะทาอะไรก็ทาได้ตามแต่ใจเลย แล้วข้าจะ
รับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในค่าคืนนี้เอง” กลิ่นอายทรงอานาจ
อีกทั้งหยิ่งยโสแผ่กระจายออกจากร่างในอาภรณ์สีแดง
คุกคามกระทั่งเหยื่อไม่กล้าหลบหนี
“พวกเจ้าสองคน … ”
ไป๋จื่อชี้นิ้วไปที่ไป๋หยาน และหลานเสี่ยวหยุน ทว่าไม้ยาวใน
มือของหลานเสี่ยวหยุนก็เริ่มโจมตีขึ้นอีกครั้ง จากนั้นเสียงร้อง
โหยหวนด้วยความเจ็บปวดก็ดังก้องไปทั่วท้องฟ้ายามราตรี
“หลานเสี่ยวหยุน นางสารเลว !”
ไป๋จื่อกุมแขนที่เจ็บปวดของตน พลางวิ่งแยกเขี้ยวเข้าหา
หลานเสี่ยวหยุนด้วยความโกรธแค้น ขณะเดียวกันน้าตาก็ไหล
พรากเต็มใบหน้า
ส่วนไป๋หยานที่หันหลังให้ไป๋จื่ออยู่นั้น จู่ ๆ ก็หันกลับมาอย่าง
ไม่มีปี่มีขลุ่ย นางยกขาข้างหนึ่งขึ้น …
ปัง !
ไป๋หยานถีบเข้าที่หน้าอกของไป๋จื่อ ส่งให้ร่างของหญิงสาว
ลอยละลิ่วข้ามถนนปะทะเข้ากับต้นไม้ใหญ่ ไป๋จื่อกระอัก
เลือดออกมา ปากของนางบิดเบี้ยวเหยเก
ครั้นหลานเสี่ยวหยุนเห็นสภาพอันน่าทุเรศของไป๋จื่อศัตรูคู่
แค้น นางก็อุทานออกมาอย่างมีความสุข นางรีบพุ่งเข้าหา
ไป๋จื่อผู้ซึ่งนอนบาดเจ็บอยู่กับพื้น หลานเสี่ยวหยุนขึ้นไปคร่อม
ร่างไป๋จื่อจากนั้นก็รัวหมัดใส่ใบหน้าไม่ยั้ง
“ไป๋จื่อ เจ้าไม่จองหองเช่นเดิมแล้วกระนั้นหรือ ? ลุกขึ้นมาสิ
ลุกขึ้นมาสู้กับข้า เจ้าคงรู้สินะว่าการมีผู้ช่วยมันยอดเยี่ยมมาก
เพียงใด ? และตอนนี้ข้าก็มีพี่ไป๋หยานคอยช่วยข้าบ้างแล้ว !”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลานเสี่ยวหยุนอัดอั้นกับไป๋จื่อ
ค่อนข้างมาก ครั้งนี้นางได้ระบายความโกรธแค้นที่สะสมมา
นานหลายปี ไหนเลยนางจะยอมรามือโดยง่าย เช่นนั้นนางจึง
จัดการไป๋จื่อจนสลบคามือ
“หยุนเอ๋อ จาไว้ว่าห้ามให้นางตาย นางยังไม่สมควรตายเวลา
นี้”
ไป๋หยานเบนสายตาไปมองท้องฟ้ายามราตรี พร้อมกับขมวด
คิ้วเล็กน้อย
นี่ก็นานมากแล้ว พวกเขาควรจะมาถึงได้แล้วนี่ …
ขณะที่ไป๋หยานกาลังคิดอยู่นั้น เสียงร้องกึกก้องของนก
อินทรีย์พลันดังขึ้น ด้วยความตกใจหลานเสี่ยวหยุนรีบกระ
โดดขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว
“พี่ไป๋หยาน เกิดอะไรขึ้น ?”
ทันทีที่สิ้นสุดคาถาม นางก็เห็นนกอินทรีย์ยักษ์ร่อนลงจาก
ท้องนภา มาหยุดเบื้องหน้าไป๋หยานอย่างรวดเร็ว
บนตัวนกอินทรีย์ มีสาวงามนางหนึ่งยืนอยู่
หญิงงามผู้นั้นสวมใส่อาภรณ์สีชมพู รอยยิ้มของนางเปี่ยม
เสน่ห์ ความูรสุ ึกแรกของหลานเสี่ยวหยุนที่มีต่อนาง ก็คือ
“มาม่าซัง…”