จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 586-590
บทที่ 586 : เผ่าพันธุ์พิเศษ (1)
ปรากฎว่าเฉินเอ๋อเคยเป็นลูกของนางมาก่อนงั้นหรือ?
ทว่านางไม่อาจปกป้องเขาได้ทำให้เขาต้องจากไปก่อนจะได้ลืมตาดูโลก
…
”หยานเอ๋อ…”
เสียงเรียกที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างหูของไป๋หยานจากนั้นภาพที่อยู่เบื้องหน้านางก็บิดเบี้ยวทันที อากาศโดยรอบพลันถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนาราวกับเชือกป่าน อึดใจถัดมาภาพเงาต่าง ๆ ก็เลือนสลายหายไปสิ้น
ไป๋หยานลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ใบหน้าซีด ๆ ของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ภายใต้แสงจันทร์นวล หยาดน้ำตาใส ๆ สองสายไหลลงอาบแก้ม
”ตี้คัง… ” ทันใดนั้นเองนางก็กระโจนเข้าสู่อ้อมแขนของตี้คัง พลางกอดชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าแน่น
ครั้นได้รับสัมผัสจากคนจริงๆ เช่นนี้ หัวใจที่เป็นกังวลของนางก็สงบลงเล็กน้อย
”หากเจ้าไม่พร้อมใจข้าก็จะไม่บังคับ … ” นิ้วของตี้คังลูบไล้เรือนผมงามสลวยราวเส้นไหมดำขลับของนาง พลางยกยิ้ม “เพราะอย่างไรเสีย ไม่ช้าก็เร็ว เจ้าก็ต้องเป็นของข้า ข้าไม่อยากจะเร่งเร้าเจ้าในเวลานี้”
ไป๋หยานหลุบตาลงสิ่งที่นางเห็นเมื่อครู่ทำให้หัวใจของนางเจ็บปวดรวดร้าว
ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าที่สิ้นหวังของชายผู้นั้นหรือเด็กน้อยที่ยังไม่มีโอกาสได้ลืมตาดูโลก ต่างก็กลายเป็นเงามืดในหัวใจของนางทั้งสิ้น
”ตี้คัง…ข้าคิดถึงเฉินเอ๋อแล้วเรากลับกันเถอะ ?”
ไป๋หยานเหลือบตาขึ้นมองหยาดน้ำตายังเอ่อชุ่มขนตาของนาง
”อืม…”
ตี้คังกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น
เขาเคยเห็นด้านที่เต็มไปด้วยพลังของนางต่อให้นางรู้สึกอ่อนไหวไปบ้าง ทว่านางก็พยายามเข้มแข็ง ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้เห็นนางในยามอ่อนแอ
เช่นนั้น…เพื่อปกป้องนางสตรีผู้เป็นที่รักแล้ว เขาจึงมีแรงกระตุ้นในการกระทำทุกสิ่ง…
ครั้นไป๋หยานกลับไปถึงภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์นางก็ไม่ได้ยินเสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดของจุนหรู่ชิงอีกต่อไป
จุนหรู่ชิงอาจกำลังอ่อนเพลียร่างของนางยังคงขดอยู่ในกองเพลิงแห่งวิหคอัคคี แววตาที่ชั่วร้าย อีกทั้งโกรธแค้นจับจ้องมองสตรีที่ตี้คังกอดไว้ในวงแขน
ไป๋หยานรับรู้ถึงสายตาของจุนหรู่ชิงทว่ายามนี้จุนหรู่ชิงเหลือเพียงวิญญาณ นางไม่สามารถสร้างปัญหาใดได้อีก เช่นนั้นไป๋หยานจึงไม่ให้ความสนใจสายตาของนาง ไป๋หยานรีบตรงไปยังกระท่อมที่อยู่ด้านหลังภูเขา
ขณะนี้ภายนอกกระท่อมไป๋เสี่ยวเฉิน และเสี่ยวมี่ กำลังวิ่งไล่กัน รอยยิ้มของเด็กน้อยสดใสยิ่งกว่าแสงแห่งดวงตะวัน อีกทั้งเสียงหัวเราะของเขาก็ราวกับเสียงระฆังกังสดาลที่ไพเราะน่าฟัง
ขณะที่ไป๋เสี่ยวเฉินกำลังเล่นสนุกกับเสี่ยวมี่อยู่นั้นจู่ ๆ เขาก็ถูกดึงตัวเข้าไปกอด
ไป๋เสี่ยวเฉินรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยเขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ขณะจับจ้องใบหน้าซีด ๆ ของไป๋หยาน
“หม่ามี้เป็นอะไรไป ?
ไป๋หยานกอดไป๋เสี่ยวเฉินแน่นพลางสะอื้น
”หม่ามี้?” ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตาด้วยความสงสัย
เกิดอะไรขึ้น?
ยามนี้นางรู้สึกว่าความเป็นแม่กำลังพลุ่งพล่านอย่างบอกไม่ถูก
”เฉินเอ๋อแม่ขอโทษ แม่ขอโทษ … ” แขนของไป๋หยานที่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งกอดรัดร่างของเจ้าซาลาเปาน้อยตัวกลมแน่น นางลดสายตาลงเล็กน้อย พลางกล่าวด้วยอาการสำลัก
คราก่อนแม่ไม่ได้ปกป้องเจ้า หากแต่ในชาติภพนี้เจ้าก็ยังตามมาเกิดกับแม่อีก
โชคดีที่ในโลกนี้เจ้าก็ยังคงเป็นบุตรชายของข้า !
โศกนาฏกรรมในครานั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นซ้ำอีกและข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดทำร้ายเจ้าได้อีก !
”หม่ามี้เฉินเอ๋อหายใจไม่ออก”
ใบหน้าเล็กๆ ของ ไป๋เสี่ยวเฉินเปลี่ยนเป็นสีแดง พลันนัยน์ตากลมโตของเขาก็เต็มไปประกายแสงรันทด
”แม่ขอโทษ… ” ไป๋หยานปล่อยมืออย่างรวดเร็ว “แม่ตื่นเต้นมากเกินไป…”
”หม่ามี้บอกได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น เผื่อเฉินเอ๋อจะช่วยหม่ามี้ได้บ้าง” นัยน์ตากลมโตของไป๋เสี่ยวเฉินสั่นไหว ขณะเดียวกันก็สว่างไสวราวกับดวงดารา
***จบบทเผ่าพันธุ์พิเศษ (1)***
บทที่ 587 : เผ่าพันธุ์พิเศษ (2)
”ไม่มีอะไร”ไป๋หยานยกมือขึ้นลูบศีรษะไป๋เสี่ยวเฉินเบา ๆ “แม่เพียงรู้สึกว่าแม่รักเจ้ามาก”
แม้ว่าไป๋เสี่ยวเฉินจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหากแต่คำพูดของไป๋หยานก็ทำให้เขายิ้มกว้าง เขายื่นหน้ามาจูบไป๋หยาน
”เฉินเอ๋อก็รักหม่ามี้มากเช่นกัน”
*****
ภายใต้สายลมบางเบาตี้คังยืนไพล่มือข้างหนึ่งไว้ด้านหลัง อาภรณ์สีม่วงสะบัดเบา ๆ เขาจ้องมองสองแม่ลูกเบื้องหน้าแสดงความรักกันอย่างเงียบ ๆ เดิมทีมุมปากของเขาก็ยกโค้งก่อเกิดรอยยิ้มน้อย ๆ แต่ครั้นได้ยินคำพูดของไป๋หยาน ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นดำคล้ำ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นไป๋เสี่ยวเฉินจูบแก้มไป๋หยาน ใบหน้าของเขาก็ยิ่งเข้มขึ้น
”หม่ามี้”
ไป๋เสี่ยวเฉินรับรู้ถึงสายตาที่แผ่รังสีเย็นยะเยือกของตี้คังเขาซุกตัวเข้าสู่อ้อมแขนของไป๋หยานโดยไม่รู้ตัว “ป๊ะป๋าวายร้ายน่ากลัวจัง”
ไป๋หยานหันกลับไปจ้องหน้าตี้คัง”นั่นท่านกำลังทำอะไร ข่มขู่ลูกชายของข้างั้นรึ ?”
ตี้คังหันกลับไปมองไป๋เสี่ยวเฉินริมฝีปากสีแดงของเขาเชิดขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาฟังดูเศร้าโศกอย่างเห็นได้ชัด “ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”
เขายังไม่ได้ทำอะไรเลยก็จริงทว่าเพียงสายตาของเขาก็น่ากลัวพอแล้วล่ะ ผู้ใดเล่าจะทนไหว ?
”หากท่านกล้าทำให้เขากลัวอีกครั้งล่ะก็”ไป๋หยานกล่าวพร้อมกับหรี่ตาลงเล็กน้อย ประกายแสงอันตรายวาบผ่านนัยน์ตาของนาง “ข้าจะหนีไปพร้อมกับบุตรชายของข้า”
สีหน้าของตี้คังมืดหม่นยิ่งกว่าเดิมหญิงผู้นี้ขู่เขาว่าจะหนีจากเขางั้นรึ ?
เช่นนั้นเขาก็จะเกทับนางบ้าง!
”เพียงเจ้าบอกว่าเจ้ารักข้า นับจากนี้ข้าก็จะไม่ทำให้เขากลัวอีก”
นัยน์ตาของไป๋หยานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “นี่ท่าน…หึงกระทั่งบุตรชายของตนเองกระนั้นหรือ ?”
”ข้าอยากได้ยิน”
ตี้คังก้าวเข้าไปหาไป๋หยานอย่างช้าๆเขาพยายามข่มนาง “ข้าอยากได้ยินเจ้าพูดเช่นนั้นกับข้าบ้าง”
”อืม… ” ไป๋หยานลูบคางพลางกระพริบตาเล็กน้อย “ข้าขอดูพฤติกรรมของท่านก่อน หากท่านไม่ทำให้บุตรชายของข้ากลัวอีก ข้าจะพูดเช่นนั้นกับท่าน”
ประกายแสงในดวงตาของตี้คังย้ายไปที่ร่างของไป๋เสี่ยวเฉินเขาไตร่ตรองอยู่นาน กว่าที่มุมปากของเขาจะยกโค้งงดงาม “ตกลง ข้าให้สัญญากับเจ้า แต่ข้าต้องเก็บมัดจำก่อน”
เขาเอื้อมมือออกไปรั้งร่างของไป๋หยานเข้ามาในอ้อมแขนอีกครั้งพลางหลับตาจุมพิตริมฝีปากของนาง
นับตั้งแต่เขาได้ลิ้มรสริมฝีปากของนางเขาก็อดไม่ได้ที่จะจูบนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไป๋เสี่ยวเฉินตกตะลึงเขาเบิกตามองด้วยความประหลาดใจ นี่ป๊ะป๋าวายร้ายรังแกหม่ามี้ต่อหน้าเขาเลยหรือ ?
โชคดีที่เสี่ยวมี่มีปฏิกริยาโต้ตอบทันควันมันกระโดดขึ้นจากพื้น พลางใช้อุ้งเท้าทั้งสองปิดตาของไป๋เสี่ยวเฉินอย่างรวดเร็ว
เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ควรเห็นภาพเช่นนี้…
”ตี้คัง!” ไป๋หยานผลักตี้คังออกอย่างรวดเร็ว พลางกล่าวด้วยความโกรธ “บุตรชายของท่านยังอยู่ที่นี่นะ !”
ต่อหน้าต่อตาเด็กน้อยเขากล้าทำเรื่องน่าละอายเช่นนี้กับนาง ไม่กลัวว่าเด็กจะเลียนแบบเรื่องไม่ดีกระนั้นรึ ?
”อืม?” ตี้คังเลิกคิ้ว พลางกวาดตามองไป๋เสี่ยวเฉิน เอื้อนเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม ๆ “เจ้าต้องการน้องสาวหรือไม่ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินสดชื่นขึ้นมาทันทีเขายกมือขึ้น ปัดกรงเล็บของเสี่ยวมี่ออก จิ้งจอกน้อยยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “ป๊ะป๋าวายร้ายกับหม่ามี้ค่อย ๆ เล่นสนุกกันไปนะ เฉินเอ๋อจะไปหาพี่วิหคอัคคี”
ก่อนที่เขาจะหันกายจากไปเขาก็ไม่ลืมที่จะลากเสี่ยวมี่ติดตามไปด้วย พลันร่างเล็ก ๆ ของเขาก็วิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาทั้งคู่ก็หายลับไปจากสายตาของไป๋หยาน
นางเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจขณะมองไป๋เสี่ยวเฉินที่หายลับตาไปแล้ว
ชั่วอึดใจไป๋หยานก็กลับมารู้สึกตัว นางจ้องมองตี้คังด้วยความโกรธ “ตี้คัง ท่าน …”
ทว่าก่อนที่จะทันได้กล่าวคำใดออกมาริมฝีปากของนางก็ถูกชายหนุ่มปิดกั้น หัวใจของนางเต้นถี่กระชั้นขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยแรงจุมพิตของเขา
*****
แดนอสูร
ภายในถ้ำอันมืดมิดบุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่บนพื้นหันหลังให้กับทางเข้าปากถ้ำ เขาหลับตาลงช้า ๆ ใบหน้าของเขาดูเหมือนจะถูกปกคลุมไปด้วยชั้นของหมอกบาง ๆ เช่นนั้นจึงไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจนนัก
***จบบทเผ่าพันธุ์พิเศษ (2)***
บทที่ 588 : เผ่าพันธุ์พิเศษ (3)
บริเวณปากทางเข้าถ้ำปรากฏเสียงฝีเท้าบุรุษผู้ซึ่งกำลังหลับตาพลันลืมตาขึ้น เขายังคงหันหลังให้กับทางเข้าปากถ้ำ ทว่าเสียงของเขากลับดังขึ้นทำลายความเงียบ
”เหตุใดเจ้าจึงกลับมาที่นี่อีก?”
ผู้ที่เดินเข้ามาในถ้ำเป็นสตรีในชุดสีเขียวใบหน้าของนางคล้ายกับชิงหลวนมาก แต่หากเปรียบเทียบกันแล้วชิงหลวนแลดูมีเสน่ห์มากกว่า ขณะที่สตรีผู้นี้แลดูเย็นชากว่าเล็กน้อย
”เผ่าอสรพิษถูกทำลายสิ้นแล้ว”
ชิงเซียะกล่าวพร้อมกับหัวเราะเยาะ”องค์ราชาเป็นผู้ทำลายเผ่าอสรพิษของเรา”
”ข้ารู้แล้ว”ชายผู้นั้นกล่าวพร้อมรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว “องค์ราชาช่างพระทัยร้ายนัก เขาไม่มีวันปล่อยให้คนเผ่าอสรพิษรอดชีวิตแม้เพียงสักคน เหตุใดเจ้ายังกล้าปรากฏตัวที่นี่อีก ? ไม่กลัวหรือไรว่าจะถูกองค์ราชาค้นพบ ?”
”ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า!” นัยน์ตาของชิงเซียะส่องประกายแสงระยิบระยับ “ในโลกนี้มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ช่วยข้าได้ !”
หลังจากกล่าวเช่นนี้แล้วน้ำเสียงของชิงเซียะก็อ่อนลงเล็กน้อย “หากเจ้ายินดีช่วยข้า ในภายหน้าไม่ว่าเจ้าปรารถนาสิ่งใด ข้าให้สัญญาว่าจะหามามอบให้เจ้า”
ร่างของชายผู้นั้นแข็งทื่อเขาเบือนหน้ากลับมาเล็กน้อย จ้องมองสายตาเย็นยะเยือกที่อยู่ด้านหลัง
”เซียะเอ๋อเจ้าควรจะทิ้งอดีตที่นี่เสีย และเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งจะดีกว่า”
”ฮ่าๆ !”
ชิงเซียะหัวเราะเยาะรอยยิ้มของนางเสียดสี เจือความขมขื่นเล็กน้อย “เจ้าไม่เข้าใจ เจ้าไม่เข้าใจความรักเลย ! มีสตรีกี่คนในโลกที่จะลืมองค์ราชาได้ เมื่อติดกับดักหัวใจของเขาแล้ว ชั่วชีวิตนี้เจ้าก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการนี้ได้ !”
ไม่เข้าใจงั้นหรือเขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร ?
ชายผู้นั้นกำหมัดแน่นหากมิใช่เพื่อชิงเซียะแล้ว ก่อนหน้านี้ เขาคงจะไม่ยอมเสี่ยงชีวิตต่อต้านองค์ราชา เพียงเพื่อช่วยเผ่าอสรพิษปล่อยให้นางหนีรอดมาได้หรอก
ท้ายสุดแล้วนางก็กลับมาที่นี่อีกจนได้
”ระหว่างราชาและราชินีเป็นเรื่องที่ถูกกำหนดไว้ก่อนแล้ว ทั้งราชครู และผู้อาวุโสต่างก็เห็นพ้องในเรื่องนี้ เจ้าจะทำกระไรได้ ?” ชายผู้นั้นยิ้มอย่างหดหู่ ทว่าก็ยังพยายามกล่าวตักเตือนนาง
“คู่สร้างคู่สมที่ถูกกำหนดไว้แล้วงั้นรึ? องค์ราชาคือเชื้อสายเผ่าจิ้งจอก ส่วนนางเป็นเพียงมนุษย์ผู้ต่ำต้อย นางจะคู่ควรกับองค์ราชาได้อย่างไร ?” แววตาชิงเซียะดุร้ายกระหายเลือด นัยน์ตาของนางเป็นสีแดงฉานราวโลหิต “ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่มีวันเชื่อ ว่าข้าจะแพ้หญิงมนุษย์ผู้นั้น ! วันนี้เจ้าต้องช่วยข้า หากเจ้าไม่ช่วยข้า ข้าก็พร้อมจะตายต่อหน้าเจ้า !”
กล่าวจบนางก็ชักดาบขึ้นพาดกับลำคอของตนเอง พลางจ้องหน้าชายผู้นั้นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความริษยา
ในโลกนี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่จะยอมยื่นมือช่วยนาง!
”เซียะเอ๋อ!” ชายผู้นั้นทั้งโกรธ ทั้งร้อนใจ “เจ้าขู่ข้างั้นรึ ?”
ชิงเซียะเหยียดยิ้มเย้ยหยัน”ข้าจำเป็นต้องทำ เพราะเจ้าเป็นเผ่าพันธุ์พิเศษในแดนอสูร ข้าคิดว่าคงไม่มีผู้ใดรู้จักเจ้านอกจากข้าและท่านราชครู หาไม่ด้วยนิสัยขององค์ราชานั้น เกรงว่าเจ้าย่อมไม่มีวันรักษาชีวิตไว้ได้เป็นแน่”
ร่างของชายผู้นั้นแข็งทื่อใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มเซ็ง ๆ
”เป็นความจริงที่ท่านราชครูสร้างข้ามาก็เพื่อให้ต่อสู้สนองคุณองค์ราชาในช่วงเวลาวิกฤติ! ทว่าด้วยนิสัยที่หยิ่งยโสขององค์ราชานั้นข้าจะได้รับพระราชานุญาตให้มีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ? หากแต่อย่าลืมสิว่า หน้าที่ของข้าคือการตายเพื่อองค์ราชา เจ้าจะให้ข้าละทิ้งแดนอสูรนี่เลยกระนั้นหรือ ? ”
ครั้งนั้นเขาได้พบกับชิงเซียะโดยไม่ตั้งใจ เพราะอยู่กับความเหงาเนิ่นนานหลายปี ทำให้สตรีผู้นี้ตราตรึง ทั้งยังฝังลึกในใจของเขาเรื่อยมา
ทว่าจะให้เขาทรยศต่อแดนอสูรเขาก็ไม่อาจทำได้
”ข้าเพียงปรารถนาเป็นราชินีและข้าก็ไม่ยอมให้เจ้าทรยศต่อแดนอสูรเป็นแน่” เสียงของชิงเซียะอ่อนลง หากแต่ดาบที่พาดคอของนางก็ยังไม่ลดลง “เจ้าจะช่วยข้าหรือไม่ ? หากวันใดข้าได้ครองตำแหน่งราชินีแห่งแดนอสูร ข้าจะให้เจ้าได้ปรากฎตัวในแสงสว่าง หากองค์ราชาตกหลุมรักข้า พระองค์ย่อมต้องเชื่อถ้อยคำของข้า เจ้าไม่ต้องกังวลหรอกว่า องค์ราชาจะไม่ทรงมีพระราชานุญาตให้เจ้าแสดงตัว … ”
เหมือนกลัวว่าชายผู้นั้นจะปฏิเสธนางรีบกล่าวชักจูงต่อ
***จบบทเผ่าพันธุ์พิเศษ (3)***
บทที่ 589 : พิธีราชาภิเษกราชินี (1)
”นอกจากนี้เจ้าไม่เกลียดท่านราชครูหรอกหรือ ? หากมิใช่เพราะเขา เจ้าคงจะไม่ต้องใช้ชีวิตที่น่าสังเวชเช่นนี้ ! แม้ว่าเจ้าจะ … ”
”เซียะเอ๋อ!” ชายผู้นั้นลุกขึ้นยืนพลางมองสตรีที่อยู่กับเขามานานหลายร้อยปี ที่สุดเขาก็ยิ้ม “ตกลงข้าจะช่วยเจ้า แต่ข้าจะช่วยเจ้าเพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นนะ การที่เจ้าจะได้พระหทัยขององค์ราชามาครองหรือไม่นั้น นั่นไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้า…”
ชิงเซียะยิ้มเป็นยิ้มที่ไม่ได้เย็นชาเฉกเช่นเคย นางวางดาบในมือลงทันที
”ขอบใจข้ารู้ว่าอย่างไรเสียเจ้าก็ต้องช่วยข้า … ”
*****
เนื่องจากประสบความสำเร็จในการกลั่นยาเม็ดเทียนเจี่ยระดับสามแล้วไป๋หยานจึงตั้งใจที่จะบุกทะลวงระดับนี้ให้เสร็จสิ้น ทว่าตี้คังไม่ยอมให้โอกาสนางเลย เขาทำการประกาศให้แดนอสูรทราบโดยทั่วกันว่า เขาจะทำพิธีราชาภิเษกราชินีให้เสร็จสิ้นในเร็ววัน
เช่นนั้นเวลาทะลวงขึ้นสู่ระดับใหม่ของไป๋หยานจึงล่าช้าออกไปอีกนาน หากแต่นางก็คิดว่าหลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้ นางก็จะเดินหน้าฝึกฝน มุ่งฝ่าทะลวงระดับที่ค้างคาไว้ได้ !
อย่างไรก็ตาม
หลังจากถ้อยคำของตี้คังป่าวประกาศไปทั่วแดนอสูรหัวใจของสตรีทั่วแดนอสูรพลันแตกสลาย พวกนางต่างก็พยายามไปที่ประตูวังหลวงแห่งแดนอสูร เพื่อหวังจะได้เห็นราชินีก่อนพิธีอันยิ่งใหญ่นั้น
น่าเสียดายที่พวกนางมิอาจแม้แต่จะเฉียดเข้าใกล้ประตูวังเลยไม่ต้องพูดถึงว่าจะได้เห็นองค์ราชินี
เมื่อเทียบกับความวุ่นวายของโลกภายนอกแล้วไป๋หยานก็กำลังมีความสุขกับการพักผ่อนในภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์
“พี่สะใภ้”ตี้เสี่ยวอวิ๋นเรียก พลางกระพริบนัยน์ตาอันงดงามของนาง ขณะหันไปมองหญิงสาวผู้นอนเกียจคร้านอยู่บนศิลาจำลอง นางเอ่ยถามว่า “พรุ่งนี้จะมีพิธีใหญ่ของพี่ พิธีราชาภิเษกพี่ขึ้นเป็นราชินี บรรดาเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ก็จะนำผู้คนของเผ่าตนมาเข้าร่วมงานด้วย เราควรจะลงจากเขา เพื่อเตรียมตัวดีหรือไม่ ?”
ไป๋หยานยืดเอวอย่างเกียจคร้านเอ่ยกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก พรุ่งนี้ไม่มีปัญหาใดแน่ ว่าแต่หวงเสี่ยวหยิง เด็กสาวผู้นั้นเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”
ครั้นได้ยินไป๋หยานเอ่ยถึงชื่อหวงเสี่ยวหยิงตี้เสี่ยวอวิ๋นพลันหวาดระแวงนางกล่าวออกมาด้วยความน้อยใจว่า “พี่สะใภ้…พี่คิดอย่างไรกับนางหรือ ? นี่ข้ายังไม่ดีพอใช่หรือไม่ ? หรือพี่ไม่รักข้าแล้ว ?”
”ข้าก็แค่ถามถึงนาง… ”
ไป๋หยานลูบคางว่ากันตามตรงนางไม่ได้รู้สึกไม่ดีกับหวงเสี่ยวหยิง เพียงทว่า เสี่ยวมี่ไม่ชอบหวงเสี่ยวหยิงก็เท่านั้น
ยิ่งเสี่ยวมี่ได้ยินว่าหวงเสี่ยวหยิงมีอายุมากกว่าเขาถึง100 ปี เขาก็หวังว่า ตลอดชีวิตนี้จะไม่ต้องพบเจอนางอีก
”พี่สะใภ้หวงเสี่ยวหยิง เป็นคนป่าเถื่อน ทั้งยังเป็นหญิงผิวขาว หน้าโง่ นมโต ไร้สมอง พี่ไม่ควรชอบนาง พี่ชอบได้เพียงข้าคนเดียวเท่านั้น”
นังเด็กบ้านั่นก่อนหน้านี้ฟังไม่ได้ศัพท์ก็มาสร้างปัญหาให้กับพี่สะใภ้ แล้วตอนนี้ยังคิดจะมาอยู่ข้าง ๆ พี่สะใภ้อีกกระนั้นรึ ?
ฝันไปเถอะครั้งนี้ข้าจะไม่ให้โอกาสนางอีกแล้ว !
ตี้เสี่ยวอวิ๋นกัดฟันอย่างแรงขณะเดียวกันนางก็บันทึกชื่อหวงเสี่ยวหยิงขึ้นบัญชีดำในใจของนางทันที
”ท่านอาหญิง”ศีรษะเล็ก ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินยื่นออกมาจากด้านข้างพลางยิ้มอย่างแจ่มใส “ท่านอากำลังพูดกับตัวเองอยู่งั้นหรือ ?”
ใบหน้าเล็กๆ ของตี้เสี่ยวอวิ๋นแข็งค้าง พลันน้ำตาแห่งความคับข้องใจก็ร่วงหล่น “เฉินเอ๋อ ในใจของเจ้า ข้าเป็นคนเช่นนั้นหรือ ?”
ครั้นไป๋เสี่ยวเฉินเห็นใบหน้าที่น่าสมเพชของตี้เสี่ยวอวิ๋นเขาก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ทว่าอย่างไรก็ตาม เขาก็ซื่อสัตย์กับตนเองเสมอ เช่นนั้นเขาจึงพยักหน้า
เปรี๊ยะ!
ชั่วขณะนั้นตี้เสี่ยวอวิ๋นพลันได้ยินเสียงหัวใจแตกสลาย นางร้องไห้ออกมาอย่างปวดร้าว พลางเช็ดน้ำตาบนใบหน้า นัยน์ตาของนางมีน้ำตาเอ่อคลอ “พี่สะใภ้ บุตรชายของพี่รังแกข้า”
”งั้นรึ?” ไป๋หยานมองเจ้าซาลาเปาน้อยที่ยืนด้านข้าง พลันนัยน์ตาของนางก็ปรากฏรอยยิ้ม “เหตุใดข้าจึงไม่เห็นเลยล่ะ ?”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นอ้าปากค้างเสด็จพี่รังแกนางคนเดียวไม่พอ สองแม่ลูกนี่ก็ยังร่วมมือกันรังแกนางอีกงั้นหรือ ?
”พวกท่านพวกท่าน … ” น้ำตาของตี้เสี่ยวอวิ๋นร่วงเผาะ “พวกท่านรอข้าก่อนเถอะ เอาไว้ให้ข้ามีลูกก่อน”
***จบบทพิธีราชาภิเษกราชินี (1) ***
บทที่ 590 : พิธีราชาภิเษกราชินี (2)
ในหัวใจของตี้เสี่ยวอวิ๋นบุตรชายของนางจะต้องเฉลียวฉลาด อีกทั้งน่ารักไม่ต่างกับไป๋เสี่ยวเฉิน และเมื่อถึงเวลานั้น หากนางถูกกลั่นแกล้ง บุตรชายของนางย่อมจะต้องยื่นมือช่วยเหลือนางอย่างแน่นอน !
น่าเสียดาย
หลังจากที่บุตรชายของนางถือกำเนิดนางถึงได้รู้ว่า ทุกอย่างช่างแตกต่างจากความคิดนางราวหน้ามือกับหลังมือเลยทีเดียว !
เมื่อวันนั้นมาถึงนางทำได้เพียงร้องไห้ ขณะมองดูบุตรชายของตนช่วยสมาชิกทั้งสามของตระกูลตี้มารังแกนาง
“ท่านอาหญิง”ไป๋เสี่ยวเฉินกล่าวพลางตบไหล่ตี้เสี่ยวอวิ๋น “หากท่านต้องการบุตรชาย ท่านต้องหาบิดาให้บุตรชายของท่านเสียก่อน ก็ท่านไม่ใช่เป็นผู้บอกข้าหรือว่าคน ๆ เดียวไม่มีทางมีลูกได้”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นเม้มริมฝีปากสีชมพูของนางพลางเอียงศีรษะหาบิดาให้ลูกนางกระนั้นรึ ? เช่นนั้นนางควรจะต้องไปขอความช่วยเหลือจากท่านราชครูแล้วล่ะสิ ?
“หม่ามี้เฉินเอ๋อหิวมากเลย” ไป๋เสี่ยวเฉินกล่าว พลางหันหน้าไปมองไป๋หยานอย่างน่าสงสาร
”แม่จะไปทำอาหารให้เจ้า”
ไป๋หยานบีบหน้าไป๋เสี่ยวเฉินพร้อมกับยิ้มนางยืนขึ้นจากศิลาจำลอง พลางเหยียดร่างสองสามครั้ง “เราไปกันเถอะ”
ใบหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินเบ่งบานเขารีบสาวเท้าก้าวตามไป๋หยาน พลางจับมือมารดาเขาไว้แน่น
ทิ้งตี้เสี่ยวอวิ๋นให้อยู่ลำพังเพียงผู้เดียวบนศิลาจำลอง
*****
พระราชวังแดนอสูร
เนื่องจากพิธีราชาภิเษกราชินีจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ทำให้วังหลวงเต็มไปด้วยเสียงดังวุ่นวายจ้อกแจ้กจอแจ
เปรียบเทียบกับความปิติยินดีของทุกคนในพระราชวังแล้วบรรดาสตรีจากทุกเผ่าพันธุ์ที่มีใจชื่นชอบในองค์ราชากลับอกหักระทมทุกข์ ส่วนใหญ่พวกนางต่างไม่ต้องการเห็นองค์ราชาที่ชาญฉลาด อีกทั้งทรงอำนาจถูกหญิงมนุษย์ฉกฉวยไป พวกนางบ้างก็ซ่อนตัวเองอยู่แต่ในบ้านแสร้งทำทีว่าไม่สบาย
แน่นอนว่าสตรีที่แกล้งป่วยนั้นฉลาดมากตรงกันข้ามกับสตรีบางคนที่พยายามลอบมองตี้คังจากสถานที่ใกล้ ๆ
บริเวณลานพระราชวังเด็กสาวตัวน้อยน่ารักกำลังเดินโซเซอยู่บนถนน ย่างก้าวของนางไม่มั่นคงนัก นางต้องยึดผนังเพื่อใช้ประคองตัวในแต่ละย่างก้าว
เมื่อเปรียบเทียบกับลูกหลานของคนจากเผ่าพันธุ์อื่นๆ ที่มีผู้คุ้มกันติดตามนับไม่ถ้วน เด็กหญิงผู้นี้ไร้ซึ่งคนคอยเคียงข้างให้การช่วยเหลือ ทั้งที่นางยังเป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อย ใบหน้าของนางแดงราวกับสะท้อนแสงจันทร์สีเลือด
ทันใดนั้นเองเงาหนึ่งพลันบดบังแสงจันทร์เบื้องหน้าเด็กหญิงตัวน้อย นางเงยหน้าขึ้น พลางเอ่ยเรียก “พี่รอง”
”ผู้ใดคือพี่รองของเจ้ากัน!”
เด็กหญิงตัวน้อยถูกหญิงสาวผู้ซึ่งมีท่าทางแกร่งกล้าขวางทางแววตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธ อีกทั้งอับอาย นางตะคอก “หากเจ้ากล้าเรียกข้าว่าพี่รองอีกล่ะก็ ข้าจะสังหารเจ้าซะ !”
”แต่พี่เป็นพี่รองของข้านี่”แววตาของเด็กหญิงตัวน้อยแลดูไร้เดียงสา ราวกับไม่รับรู้เรื่องราวใด ๆ ในโลก จากนั้นนางก็กระซิบว่า “ข้าไม่ได้เรียกผิดสักหน่อย”
ผู้คนรอบโดยรอบต่างก็ได้ยินถ้อยคำของเด็กหญิงตัวน้อย พวกเขาพากันหัวเราะอย่างเย็นชา
”นี่คือคุณหนูเล็กของเผ่ามังกรงั้นหรือ? ผู้ที่ใคร ๆ ต่างก็กล่าวขานกันว่านางไม่สามารถเดินได้อย่างมั่นคง ทั้งยังไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้นอีกด้วย !”
”ถุย! ว่ากันตามตรง นางมิใช่เพียงโง่งมไม่รู้เรื่องรู้ราวเท่านั้น นางน่ะ มีอายุน้อยกว่าพี่สาวคนรองไม่มากเท่าใด ทว่ากลับมีหน้าตา อีกทั้งรูปร่างไม่ต่างกับเด็กน้อย เช่นนั้นในเผ่ามังกรตำแหน่งของนางจึงไม่สูงส่งนักอย่างไรล่ะ”
”ฮ่าฮ่าหากข้ามีน้องสาวเช่นนี้ ข้าก็คงจะแทบบ้าเหมือนกันนั่นแหละ”
แม้ว่าเด็กหญิงตัวน้อยจะได้ยินบทสนทนาทั้งหมดอย่างชัดเจน ทว่านางก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเขาพูด นางมีนัยน์ตาขนาดใหญ่ที่งดงามหากแต่แลดูว่างเปล่า ราวกับว่านางไม่มีความคิดใด ๆ สัมพันธ์กับโลกใบนี้เลย
”พี่รอง…ข้าทำอะไรผิดไปหรือ?”
”หุบปากนะ!”เด็กสาวกระทืบเท้าด้วยความโกรธ เอ่ยกล่าวด้วยความโมโหว่า “ข้าไม่รู้ว่า ท่านพ่อมัวทำบ้าอะไรอยู่ เหตุใดเขาถึงยอมให้เจ้าเข้าร่วมพิธีนี้ด้วย หรือพ่อบ้านั่นอยากให้เจ้าเข้าตาองค์ราชา กระทั่งได้เป็นพระสนมงั้นรึ ?”
***จบบทพิธีราชาภิเษกราชินี (2)***