จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 59
บทที่ 59 : ฮัวหลัว มำม่ำซังหอบุปผำ
“พี่ไป๋หยาน … ” หลานเสี่ยวหยุนดึงแขนเสื้อของไป๋หยาน
อย่างเป็นกังวล นางเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า “หญิงผู้นี้เป็น
ใคร ? นางมาที่นี่เพื่อพบพี่กระนั้นหรือ ?”
ไป๋หยานไม่ตอบคา ทว่ากลับยิ้มให้ผู้มาใหม่ “ฮัวหลัว ดูเหมือน
เจ้าจะมาช้าไปนะ … ”
“ฮิ ฮิ ฮิ” ฮัวหลัวกระโดดลงจากนกอินทรีย์ยักษ์พร้อมกับ
หัวเราะคิกคัก “ข้าประสบปัญหาเล็กน้อยระหว่างทาง จึงเป็น
เหตุให้ข้ามาสาย แล้วนายหญิงน้อยผู้นี้ เป็นน้องสาวของท่าน
กระนั้นหรือ ? ก็ไม่เลวนะ ให้นางมาทางานกับข้าที่หอบุปผาดี
หรือไม่ ?
นัยน์ตาที่วาววับของฮัวหลัว ราวกับจะปล่อยกระแสไฟฟ้า
ออกมาได้ ขนาดหลานเสี่ยวหยุนซึ่งเป็นสตรีด้วยกันก็ยังขน
ลุก กระทั่งแทบจะล้มลงกับพื้น
“พี่ไป๋หยาน … ” หลานเสี่ยวหยุนจ้องมองฮัวหลัวอย่างไม่สบ
อารมณ์นัก นางบุ้ยปากถามว่า
“นางเป็นใคร ? และหอบุปผาคือ.. ?”
หลานเสี่ยวหยุนอยากจะถามว่าหอบุปผาคือที่ใด ? แต่แล้วก็
เหมือนจะนึกขึ้นมาได้ นางเบิกตาค้าง พร้อมกับยกมือขึ้นปิด
ปากตน
หอบุปผา ? คือหอบุปผาเดียวกับที่นางเคยได้ยินชื่อมาก่อน
หรือไม่ ?
“ฮัวหลัว หยุนเอ๋อยังเด็กอยู่เลย เจ้าไม่ควรทาให้นางกลัว”
ไป๋หยานไม่ได้รู้สึกโกรธ เพราะนางรู้จักนิสัยของฮัวหลัวดี นาง
จึงไม่คิดอะไร
นอกจากนี้ นางก็ไม่อยากใช้อานาจกับผู้ใต้บังคับบัญชาของ
นาง
“นายหญิง ข้าเพียงหยอกเย้านางเล่นเล็กน้อยเท่านั้น” ฮัวหลัว
หัวเราะคิกคักอีกครั้ง นางส่งยิ้มที่มีเสน่ห์ไปให้เด็กสาวตัวน้อย
ที่ยามนี้หลบไปอยู่ด้านหลังไป๋หยานแล้ว “ไม่ว่าข้าจะใจกล้า
บ้าบิ่นสักเพียงใด ข้าก็มิกล้าส่งน้องสาวของท่านไปรับแขกที่
นั่นหรอก”
หอบุปผา เป็นสถานที่ซึ่งผู้ชายที่มีฐานะมักเข้าไปหาความ
สาราญกับบรรดาสาว ๆ ทว่าแท้จริงแล้ว หอบุปผาเป็น
องค์กรสายลับ ถึงตอนนี้กลุ่มอานาจต่าง ๆ ในอาณาจักรนี้ ก็
ยังไม่รู้เลยว่าความลับของพวกเขาได้ถูกล้วงไปมากเพียงใด
แล้ว
แต่อย่างที่ว่า ไม่มีความลับในหมู่กลุ่มอานาจ เช่นนั้นเรื่องหอ
บุปผาจึงเป็นที่รู้กัน มีเพียงพวกชาวบ้านเท่านั้นที่คิดว่าหอบุป
ผาเป็นเพียงหอนางโลมธรรมดา ๆ เท่านั้น
และถึงแม้ว่าหลานเสี่ยวหยุนจะยังเด็ก ทว่าคุณหนูหลานก็คุ้น
กับชื่อสถานที่แห่งนี้
“พี่ไป๋หยาน นางเป็นคนจากหอบุปผากระนั้นหรือ ? ใช่หอบุป
ผาที่เขาล่าลือกันหรือไม่ ?” หลานเสี่ยวหยุนดึงแขนของไป๋ห
ยาน ริมฝีปากของนางสั่นเทา เมื่อเอ่ยถามต่อว่า “เหตุใดนาง
ถึงเรียกพี่ว่านายหญิงล่ะ ?”
“ไม่ผิด นางเป็นมาม่าซังผู้ดูแลหอบุปผา มีนามว่า ฮัวหลัว”
ไป๋หยานไม่ปฏิเสธ
คาตอบนี้ทาให้หลานเสี่ยวหยุนตกใจมาก กระทั่งเกือบจะเป็น
ลม นางไม่เคยคิดฝันเลยว่า พี่สาวของนางจะเป็นเจ้าของหอ
บุปผาที่แท้จริง
โอ้สวรรค์ ! มีอะไรในโลกนี้จะน่าตื่นเต้นตกใจมากไปกว่านี้อีก
หรือไม่ ?
“พี่ไป๋หยาน บอกข้ามาไว ๆ ว่าพี่เป็นเจ้าของหอบุปผาได้
อย่างไร ? ความแข็งแกร่งของหอบุปผาเทียบได้กับราชสานัก
เลยนะ ด้วยอานาจของหอบุปผาสามารถบดขยี้สกุลไป๋ให้
แหลกเละได้เลย”
ใบหน้าของหลานเสี่ยวหยุนแดงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความตื่นเต้น
กระทั่งหายใจเกือบจะไม่ออก
หากเรื่องนี้รู้ถึงหูท่านปู่ รับรองได้ว่าท่านปู่คงจะเป็นลมด้วย
ความตื่นเต้น
“ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังในภายหลัง” ไป๋หยานยิ้มอย่างอ่อนโยน
จากนั้นนางก็หันเหสายตากลับไปที่ฮัวหลัว “มีเรื่องหนึ่งที่ข้า
อยากให้เจ้าทา”
ทันทีที่นางได้ยินว่าไป๋หยานมีภารกิจให้นางทา ท่าทีของฮัว
หลัวก็จริงจังขึ้นทันที “นายหญิง…โปรดสั่งมา”
“ข้าสงสัยว่าการตายของมารดาข้า น่าที่จะเกี่ยวข้องกับหยู
หรง เจ้าไปตรวจสอบเรื่องนี้มาให้ละเอียด นอกจากนี้เจ้า
จะต้องสืบถามเรื่องราวของทุกผู้คนในบ้านสกุลไป๋ในช่วง
หลายปีที่ผ่านมานี้ด้วย” สีหน้าของไป๋หยานเย็นชา อีกทั้งเคร่ง
ขรึม นางกล่าวต่อว่า “รวมถึงประวัติของหยูหรงก่อนที่นางจะ
แต่งงานกับไป๋เฉิงเซียงด้วย”
ฮัวหลัวเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ นางมองไป๋หยาน
ซึ่งยามนี้มีสีหน้าเย็นชา
“ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ บ้านสกุลไป๋ ทาเรื่องชั่วช้าไว้
มากมายเสียเหลือเกินมา หากฆ่าพวกเขาทั้งหมดในเวลานี้ก็
คงไม่สาสม ข้าจะทาลายชื่อเสียงของพวกเขา จะทาให้พวก
เขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนหยัดได้อีกเลย !