จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 611-615
บทที่ 611: การจากไปของตี้คัง (5)
ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเอง
ด้วยความแข็งแกร่งนี้นางจะสามารถต่อสู้กับทุกสิ่งด้วยพลังของตนเอง !
*****
ภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์
ในเรือนไม้ไผ่ไป๋หยานนั่งขัดสมาธิในมือของนางมียาเม็ดขั้นเทียนเจี่ยซึ่งดูเหมือนจะถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีเขียวที่เปล่งประกาย
”ยาเม็ดเทียนเจี่ยขั้นสามด้วยยาเม็ดนี้ ข้าจะก้าวขึ้นไปได้อีกระดับ”
ริมฝีปากของไป๋หยานเผยรอยยิ้มนางวางยาเม็ดใส่ปาก ครั้นยาเม็ดล่วงผ่านเข้าสู่ร่างกายชั่วระยะเวลาหนึ่ง กระแสความร้อนก็ไหลหลั่งทั่วร่างช่วยอุ่นอวัยวะภายในของนาง
ทว่าหลังจากนั้นไม่นานความอบอุ่นก็แปรเปลี่ยนเป็นความเหน็บหนาวอย่างรุนแรงส่งผลให้ร่างของนางถึงกับสั่นสะท้าน ทว่านางก็กัดฟันอดกลั้น
”ผลของยาเม็ดเทียนเจี่ยนี่สุดยอดจริง ๆ หากแต่ข้าจะไม่ยอมแพ้ !”
”ครั้งนี้ข้าต้องข้ามขึ้นสู่ระดับใหม่ !”
*****
ทุ่งบุปผาสีแดงเลือดอาบแสงจันทราสีเลือดตลอดทั้งปี ปรากฏแสงเรืองรองแปลก ๆ
ตี้คังยืนอยู่กลางทุ่งบุปผาอย่างเฉยเมยอาภรณ์สีม่วง เรือนผมสีเงินยวงราวปีศาจร้ายที่งดงามเกินพรรณนา
”ฝ่าพระบาท”
นกยักษ์สีแดงเพลิงร่อนลงมาจากท้องฟ้าก่อนจะกลายร่างเป็นมนุษย์ในอาภรณ์แดง เรือนผมสีแดง เขาคุกเข่าลงคำนับตี้คัง “คนของเราได้ค้นพบหนทางที่จะทำลายผนึกแดนอสูร หากแต่ดูเหมือนผนึกแดนสวรรค์จะแข็งแกร่งเกินไป คนของเราไม่อาจจัดการได้ ฝ่าบาทโปรดเสด็จไปทอดพระเนตรด้วยพระองค์เองเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ตี้คังขมวดคิ้วแน่นหลังจากนั้นเพียงครู่คิ้วที่ขมวดก็คลาย “เจ้าไปแจ้งท่านราชครูให้เขาแจ้งแก่หยานเอ๋อว่า ข้าต้องจากไปหลายวัน”
หากปล่อยให้หยานเอ๋อมาที่นี่ข้าเกรงว่าข้าจะมิอาจตัดใจไปจากนางได้
”ตอนนี้คนของหม่อมฉันได้ติดต่อท่านราชครูแล้ว … ” ฮัวหยูก้มศีรษะลง ” ทว่าดูเหมือนท่านราชครูจะกำลังเข้าฌาน จึงยังไม่ได้ตอบอะไรกลับมา”
”เช่นนั้นเจ้าก็ไปด้วยตนเอง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ถ่ายทอดคำพูดของข้าไปยังหยานเอ๋อแล้ว”
หลังจากตี้คังกล่าวจบเขาก็ก้าวไปข้างหน้า เพียงไม่กี่ก้าว ร่างของเขาก็หายไปจากสายตา
ปล่อยให้ฮัวหยูยืนงงอยู่ที่เดิม
สถานที่ที่ซึ่งถูกผนึกนั้นอันตรายมากต่อให้องค์ราชาเป็นผู้ลงมือเองก็ยังไม่อาจวางใจได้ ทว่ายามนี้ องค์ราชากลับใช้เขาให้ไปแจ้งราชินี
”ข้าต้องรีบแล้วไม่รู้ว่าข้าจะกลับมาทันเวลาหรือไม่ ?” ฮัวหยูขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาราวกับจะร้องไห้ เขาหันหลังกลับ ตั้งใจจะรีบไปแจ้งไป๋หยาน
เพียงทว่า…
ครั้นฮัวหยูไปได้ครึ่งทางเขาก็พบร่างที่คุ้นเคย เขาจดจำได้ทันที
”ขุนพลฮัวหยู?”
เด็กสาวผู้นั้นมองฮัวหยูแววตาของนางเปี่ยมสุข นางก้าวฉับ ๆ ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของนางไร้ทุกข์ร้อนใด ๆ “ขุนพลฮัวหยู ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ?”
ขุนพลฮัวหยูเป็นคนเพียงผู้เดียวในแดนอสูรที่องค์ราชามีรับสั่งให้ติดตามไปแดนมนุษย์ด้วยชายผู้นี้ดำรงตำแหน่งขุนพลมานานหลายปี เช่นนั้น แม้ว่าเขาเพิ่งจะกลับมาจากแดนมนุษย์ เขาก็มีชื่อเสียงมากในแดนอสูร
”ข้าจำเจ้าได้เจ้าก็คือคุณหนูเซี่ยแห่งเผ่าจิ้งจอกใช่หรือไม่ ? เจ้ามาได้ทันเวลาพอดี ข้ากำลังจะกลับวัง เพื่อแจ้งราชินีว่าองค์ราชามีกิจธุระไม่อาจประทับอยู่ร่วม ทว่าพระองค์จะเสด็จกลับมาในเร็ววันนี้ ”
เผ่าจิ้งจอกครอบครองแดนอสูรและคุณหนูเซี่ยผู้นี้ก็คือหนึ่งในราชวงศ์จิ้งจอก นอกจากนี้ก็ไม่มีชื่อของคุณหนูเซี่ยในรายชื่อสตรีที่หลงใหลองค์ราชา
เช่นนั้นสตรีผู้นี้จึงน่าที่จะเชื่อถือได้
”ไม่ต้องห่วงขุนพลฮัวหยูข้าจะส่งต่อคำพูดแทนเจ้าเอง” ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นางเอ่ยกล่าวอย่างไร้เดียงสา
***จบบทการจากไปของตี้คัง (5)***
บทที่ 612 : การจากไปของตี้คัง (6)
ฮัวหยูรู้สึกโล่งอกที่มีคนช่วยรับการไหว้วานจากเขาทำให้เขาสามารถกลับไปติดตามองค์ราชาไม่ให้พระองค์ต้องไปเผชิญอันตรายแต่เพียงลำพังได้
ในช่วงเวลาที่ฮัวหยูหันหลังกลับไปอีกทางรอยยิ้มในแววตาของแม่นางเซี่ยก็จางหายไป กลายเป็นนัยน์ตาที่เศร้าโศกของนางที่มองตามร่างฮัวหยูผู้ซึ่งกำลังจากไป
กระทั่งเขาหายลับตาไปอย่างสมบูรณ์ใบหน้าที่งดงามนั้นพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา
”เหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนั้น?”
เสียงต่ำๆ ดังขึ้นจากข้างหลัง ทำให้ชิงเซียะขมวดคิ้ว “เจ้าออกมาได้อย่างไร ? เจ้าไม่กลัวจะถูกท่านราชครูพบหรือ ?”
ริมฝีปากของชายหนุ่มกระตุก”แน่นอนว่าเจ้าย่อมไม่เอ่ยปาก แจ้งราชครูเป็นแน่ เช่นนั้นตอบข้ามาก่อน ว่าไยจึงทำเช่นนี้ ?”
สายตาของชิงเซียะเต็มไปด้วยความเย้ยหยันนางหันหน้ากลับไปช้า ๆ พลางจ้องมองใบหน้าที่แลดูธรรมดา ๆ ซึ่งอยู่เบื้องหน้า
ภายในถ้ำใบหน้าของชายหนุ่มถูกปกคลุมไปด้วยหมอกเลือนลางตลอดทั้งปี ครั้นออกจากถ้ำ จึงสามารถแลเห็นใบหน้าที่ชัดเจนของเขาได้
ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดท่านราชครูถึงเลือกคนผู้นี้ให้เป็นตัวแทนขององค์ราชาเขาจะเทียบกับองค์ราชาที่หล่อเหลาผู้นั้นได้อย่างไร ?
”เจ้าไม่ได้ช่วยข้าเลยจนกระทั่งถึงตอนนี้ข้าจึงต้องลงมือเอง โชคดีที่สวรรค์อยู่ข้างข้า จึงให้องค์ราชาเสด็จจากที่นี่ไป” ชิงเซียะกล่าวเย้ยหยัน
ชายผู้นั้นขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า”โชคดีที่ขุนพลฮัวหยูไม่ได้อยู่แดนอสูรเสียนาน ทั้งเขาก็เคยพบคุณหนูเซี่ยแค่เพียงครั้ง หาไม่แล้วถึงเจ้าจะแปลงเป็นนาง ก็ย่อมจะถูกจับได้”
”อย่าคิดว่าข้าโง่ในเมื่อข้ากล้าที่จะแปลงเป็นนาง ข้าย่อมมั่นใจ” ชิงเซียะกล่าว ประกายตาพร้อมกับรอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย “ข้าจับจิ้งจอกสาวตัวหนึ่งมาถลกหนัง จากนั้นก็เย็บหนังของนางขึ้นเป็นชุด ก่อนจะสวมใส่มัน เช่นนั้นข้าจึงปลอมเป็นนางจิ้งจอกนี่ได้ ข้าต้องการลอบเข้าไปในพระราชวัง หากแต่ไม่คิดว่าจะใช้มันเพื่อการนี้ได้ด้วย”
พวกอสูรไม่เคยจดจำใบหน้าเพราะใบหน้าเป็นเรื่องง่ายที่จะปลอมแปลง ทว่ากลิ่นจะไม่เปลี่ยนแปลง
”ข้ายังรู้อีกด้วยว่าฮัวหยูเคยพบกับแม่นางเซี่ยเพียงระยะไกล ๆ เท่านั้นทั้งไม่เคยสัมผัสนางเลย หาไม่ข้าจะกล้าแปลงเป็นนางหรือ ?”
สีหน้าของชายหนุ่มแลดูไม่ดีเอามากๆ เมื่อรู้ว่าชิงเซียะถลกหนังสมาชิกคนหนึ่งของเผ่าเขามาใช้ในอุบายนี้ เขาขมวดคิ้วแน่น “อย่าลืมนะ ข้าเองก็เป็นเผ่าจิ้งจอกเช่นกัน”
”เชอะ”ชิงเซียะเบะปากประชดประชัน “เจ้าเคยเป็นจิ้งจอก ทว่าตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะยังจำบรรพบุรุษของเจ้าได้ โชคไม่ดีที่แม้เจ้าจะจำได้ ทว่าเผ่าจิ้งจอกก็ไม่มีผู้ใดสนใจเจ้า … ”
“ยิ่งไปกว่านั้นเหตุที่ข้าปลอมเป็นเผ่าจิ้งจอกก็เพราะว่าองค์ราชาจะได้ไว้วางพระทัยข้ามากกว่าผู้ใดด้วยเหตุที่เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับพระองค์ แต่หากข้าปลอมเป็นคนเผ่าอื่น เกรงว่าข้าจะทำไม่สำเร็จ”
”เจ้าต้องการจะทำสิ่งใดต่อไป?” น้ำเสียงของชายหนุ่มแฝงความสิ้นหวัง
ชิงเซียะแค่อยากจะจากไปนางลดสายตาลงเล็กน้อย “พิธีการต่าง ๆ ก็เสร็จสิ้นแล้ว ทั้งเจ้าก็ไม่คิดจะช่วยข้า เช่นนั้น ข้าทำได้เพียงดำเนินการตามแผนที่ข้าวางไว้ ข้าไม่มีวันยอมแพ้ชายผู้นั้น !”
นางรักเขาเข้ากระดูกดำ
และนางเชื่อว่าไม่มีผู้ใดในโลกนี้ที่รักเขาได้มากกว่านาง!
เพื่อเขาแล้วนางยินดีที่จะทำทุกอย่างโดยไร้ซึ่งการเรียกร้องตลอดกาล !
*****
ข่าวการจากไปของตี้คังไป๋หยานย่อมไม่ทราบ เพราะนางเองก็เข้าฌานเป็นเวลาถึงครึ่งเดือน
กระทั่งครึ่งเดือนถัดมาเสียงดังลั่นก้องกังวานผ่านท้องฟ้า พลันพลังชี่แท้ก็ลอยล่องท่ามกลางความว่างเปล่า ก่อนจะค่อย ๆ จางหายไป
จบบทการจากไปของตี้คัง (6)
บทที 613 : การจากไปของตี้คัง (7)
ภายนอกกระท่อมไม้ไผ่…ตี้เสี่ยวอวิ๋นกำลังเล่นกับไป๋เสี่ยวเฉินและหลงเอ๋อโดยมีเสี่ยวมี่นอนหลับอย่างสงบอยู่ในอ้อมแขนของนาง จู่ ๆ นางก็ต้องตกใจกลัวกับเสียงก้องกัมปนาท มือของนางสั่นระริก เสี่ยวมี่ผู้ซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของนาง ถึงกับกลิ้งตกลงสู่พื้นอย่างน่าอนาถ
ครั้นตี้เสี่ยวอวิ๋นหันไปมองอย่างช้าๆ นางก็เห็นประตูกระท่อมไม้ไผ่เปิดออกเบา ๆ พลันหญิงสาวในอาภรณ์สีแดงเลือดนก ก็ปรากฏขึ้นในคลองจักษุของนาง
“พี่สะใภ้ท่านก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้วกระนั้นหรือ ?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นกระพริบนัยน์ตากลมโตสวยของนาง พลางเอ่ยถามอย่างคาดหวัง
ครั้นเห็นสายตาของตี้เสี่ยวอวิ๋นไป๋หยานก็พยักหน้าช้า ๆ “ข้าเพิ่งก้าวขึ้นสู่ระดับซุ่นเจี่ย”
หลังจากนี้นางก็จะขึ้นถึงขั้นหวางเจี่ย
”พี่สะใภ้ยอดเยี่ยมไปเลย !” ตี้เสี่ยวอวิ๋นกระโดดตัวลอยอย่างตื่นเต้น “ขอแสดงความยินดีด้วย”
ไป๋เสี่ยวเฉินกล่าวยกย่องนางอย่างภูมิใจ “หม่ามี้ของเฉินเอ๋อเก่งที่สุด”
ครั้นเขาพูดจบเขาก็รีบวิ่งเข้าหาอ้อมแขนของไป๋หยาน ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ภาคภูมิใจนั้นพลันแปรเปลี่ยนเป็นน่าสงสาร “หม่ามี้เข้าฌานนานครึ่งเดือน เฉินเอ๋อคิดถึงหม่ามี้มาก … ”
”แม่ก็คิดถึงเฉินเอ๋อที่สุด”ไป๋หยานลูบศีรษะเล็ก ๆ ของเจ้าซาลาเปาน้อยพลางยิ้ม “ว่าแต่ตี้คังไปที่ใด ?”
”ข้าไม่ได้เห็นป๊ะป๋านานมากแล้วเช่นกัน… ”
พูดแปลกๆ ไป๋หยานขมวดคิ้ว เฉินเอ๋อไม่เห็นตี้คังนานมากแล้วงั้นรึ ?
เป็นเวลานานกว่าที่นางจะคลายคิ้วที่ขมวดแน่น”บิดาของเจ้า… แม่คิดว่าเขาคงกำลังยุ่งเกี่ยวกับงานราชกิจ เช่นนั้นเพื่อชดเชยให้กับเจ้า แม่จะพาเจ้าออกไปเล่นนอกวัง ดีหรือไม่ ? ”
นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินสดใสขึ้นทันที”ดีจัง หม่ามี้จะพาเฉินเอ๋อออกไปเดินเล่น”
“ไปกันเถอะ”ไป๋หยานจูงมือไป๋เสี่ยวเฉินข้างหนึ่ง และจับจูงหลงเอ๋ออีกข้างหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวว่า “แม่จะพาพวกเจ้าไปเล่น”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นมองเด็กน้อยทั้งสองที่ไป๋หยานจับจูงพลางเบะปากอย่างน้อยใจ “พี่สะใภ้แล้วข้าล่ะ ?”
ไป๋หยานหยุดนางหันกลับมามองตี้เสี่ยวอวิ๋น “เจ้ากับเสี่ยวมี่ก็ตามมาด้วยสิ”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นเบ้ปากหากแต่ก็อุ้มเสี่ยวมี่ขึ้นมา พลางรีบไล่ตามไป๋หยานไป “พี่สะใภ้ เฉินเอ๋อ รอข้าด้วย”
ไม่รู้ด้วยเหตุใดนางมักรู้สึกว่านับแต่วันที่หลงเอ๋อปรากฏตัว นางก็ตกกระป๋อง
เดิมทีตี้เสี่ยวอวิ๋นต้องการจะบ่นเรื่องนี้แต่เพียงในใจ ทว่ากลับพลั้งเผลอหลุดปากออกมา ทำให้เสี่ยวมี่ที่อยู่ในอ้อมแขนถึงกับหันมอง
”ท่านเคยเป็นคนโปรดด้วยงั้นรึ?”
จะตกกระป๋องได้อย่างไรหากไม่เคยเป็นคนโปรด ?
ใบหน้าของตี้เสี่ยวอวิ๋นเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ”หากเจ้าไม่พูด ก็ไม่มีผู้ใดว่าเจ้าเป็นใบ้หรอกนะ !”
ช่างเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับองค์หญิงเช่นนางเพราะแม้แต่เสี่ยวมี่ก็ยังกล้ารังแกนาง
องค์หญิงท่านคิดว่า กำเนิดแท้จริงของหลงเอ๋อคืออะไร ? เสี่ยวมี่กล่าว หลังจากเริ่มไตร่ตรองได้ครู่หนึ่ง
นายหญิงไม่เคยสนใจคนแปลกหน้าอย่าว่าแต่ปล่อยให้คนแปลกหน้ามาอยู่ข้างกายนาง ทว่านางกลับไม่สนใจกฎเกณฑ์ข้อนี้เมื่อได้พบหลงเอ๋อ
”นางจะกำเนิดมาจากอะไร? ก็นางเป็นคุณหนูเล็กเผ่ามังกรมิใช่รึ ? แต่นั่นเป็นเรื่องอดีตไปแล้ว บัดนี้เผ่ามังกรได้เปลี่ยนผู้นำแล้ว” ตี้เสี่ยวอวิ๋นมองเสี่ยวมี่อย่างสงสัย พลางขมวดคิ้วอย่างสับสน
“ช่างเถิด”เสี่ยวมี่พูด
ลืมเสียเถอะคนอย่างตี้เสี่ยวอวิ๋นจะไปรู้อะไร มันต่างหากที่ไม่น่าไปถามนางเลย
มีเพียงท่านราชครูและวิหคอัคคีเท่านั้นที่รู้ทุกเรื่อง หากแต่กลับไม่พูดอะไรเลย
*****
นอกพระราชวังราชอาณาจักรอสูร
ภายในตลาดที่จ้อกแจ้กจอแจไป๋เสี่ยวเฉินจับมือไป๋หยานแน่น พลางมองไปรอบ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกจากวังหลังจากที่เขามาถึงที่นี่ แน่นอนว่าทุกอย่างเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเขา
”หม่ามี้แดนอสูร และแดนมนุษย์ไม่แตกต่างกันเลยเนอะ”
อย่างไรก็ตามเพียงผ่านไปครู่หนึ่ง หัวใจของไป๋เสี่ยวเฉินก็เปลี่ยนจากความตื่นตาตื่นใจกลายมาเป็นความผิดหวัง เขาหันไปมองใบหน้าที่งดงามของมารดาที่อยู่เคียงข้าง
***จบบทการจากไปของตี้คัง (7)***
บทที่ 614 : ความพ่ายแพ้ของชิงเซียะ (1)
”หม่ามี้?”
ครั้นเห็นไป๋หยานยืนงงไป๋เสี่ยวเฉินก็ขมวดคิ้วที่น่ารักของตน มีประกายใคร่สงสัยในแววตาของเขา
เกิดอะไรขึ้น
เสียงนุ่มๆ อ่อนหวานของเจ้าซาลาเปาน้อยทำให้ไป๋หยานสงบลง นางยิ้มพลางแตะศีรษะเล็ก ๆ ของเขา “แม่ไม่เป็นไร เจ้าไปเดินเล่นกับท่านอาหญิงของเจ้ากับหลงเอ๋อก่อนเถอะ แม่อยากอยู่คนเดียว”
ตั้งแต่นางออกจากวังนางก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ หากแต่นางก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด
”อืม…”
ไป๋เสี่ยวเฉินเหลือบนัยน์ตากลมโตยกขนตางอนยาวของเขาขึ้นอย่างสดใสและไร้เดียงสา “เฉินเอ๋อจะไม่รบกวนหม่ามี้ ถ้าหม่ามี้มีอะไรไม่สบายใจ ก็บอกเฉินเอ๋อได้ ถึงเฉินเอ๋อจะเป็นผู้ชายตัวเล็ก ๆ แต่เฉินเอ๋อก็จะพยายามปกป้องหม่ามี้ให้ได้”
หัวใจของไป๋หยานพลันรู้สึกอบอุ่นนางโน้มกายลงจูบหน้าผากของไป๋เสี่ยวเฉินเบา ๆ
”ไปเถอะแม่จะตามไปพบเจ้าทีหลัง”
”บ๊ายบาย…หม่ามี้”
ไป๋เสี่ยวเฉินทำสัญญาณโบกมืออำลาพลางคว้ามือหลงเอ๋อเดินไปหาตี้เสี่ยวอวิ๋น “ท่านอาหญิงไปกับเฉินเอ๋อปะ”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นน้ำตาไหลในที่สุดนางก็รู้สึกว่านางพอจะมีประโยชน์บ้าง
เพียงแต่??
”เกิดอะไรขึ้นกับพี่สะใภ้?” นัยน์ตากลมโตอันงดงามของนางเต็มไปด้วยความสงสัย ขณะเอ่ยถามอย่างลังเล
ไป๋เสี่ยวเฉินส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า”ไม่รู้สิ บางทีหม่ามี้อาจจะคิดถึงป๊ะป๋าวายร้ายอยู่ก็เป็นได้ … ”
เขาเม้มปากแน่นก่อนจะก้มหน้าลงอย่างหงุดหงิด
ในอดีตไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหม่ามี้หม่ามี้ก็จะไม่ปิดบังเขา หากแต่ตอนนี้หม่ามี้มีบางอย่างในใจ แต่กลับไม่ยอมบอกเขา
“ท่านอาหญิง”ไป๋เสี่ยวเฉินพูดหลังจากเงียบไปนาน เขาเงยหน้าขึ้นพลางเอ่ยถามต่อไปว่า “ป๊ะป๋าวายร้ายบอกกับเฉินเอ๋อว่า เมื่อเฉินเอ๋อมาถึงแดนอสูร เฉินเอ๋อจะสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองได้ อาหญิงรู้ไหมว่า เฉินเอ๋อจะพัฒนาความแข็งแกร่งได้อย่างไร ?”
”เอ่อ… ” ตี้เสี่ยวอวิ๋นเกาศีรษะ “มีเพียงเสด็จพี่ของข้า และท่านราชครูเท่านั้นที่รู้”
ไป๋เสี่ยวเฉินถอนหายใจดูเหมือนว่าเขาจะต้องไปหาป๊ะป๋าวายร้ายเพราะมีเพียงป๊ะป๋าวายร้ายเท่านั้นที่สามารถช่วยเขาพัฒนาความแข็งแกร่งของตนได้
*****
ณภูเขาสูงเทียมเมฆ ด้านหนึ่งของภูเขามีทุ่งบุปผา
บุปผาสีแดงสดใส สดชื่น
หญิงสาวกำลังยืนพิงต้นไม้แก่ๆ นางวางมือไว้หลังศีรษะ นัยน์ตาของนางหรี่ลงเล็กน้อย ขณะมองจันทราสีเลือดบนท้องฟ้า พลันรอยยิ้มสดใสเบิกบานก็ปรากฏในแววตาของนาง
อาภรณ์แดงของนางแผ่กระจายเหนือมวลบุปผายิ่งพิศก็ยิ่งงดงามเกินกว่าบุปผาทั้งมวล “งามเกินบรรยาย” สี่พยางค์นี้ก็ยังไม่สามารถใช้อธิบายความงามของนางได้
”ทิวทัศน์ของแดนอสูรแตกต่างจากแดนมนุษย์จริงๆ ตอนนี้ข้าพักผ่อนเพียงพอแล้ว ควรกลับไปสมทบกับพวกเฉินเอ๋อเสียที” ไป๋หยานค่อย ๆ ยืดกาย ยืนขึ้นอย่างแช่มช้าเพื่อที่จะผละจากไป
ทว่าทันใดนั้นเองเสียงกราดเกรี้ยวพลันดังมาจากด้านหน้า นัยน์ตาของไป๋หยานหรี่ลง ประกายแสงเย็นยะเยือกฉายวาบในดวงตานาง
”ผู้ใดกันออกมาเดี๋ยวนี้นะ !”
ท่ามกลางมวลบุปผาหญิงสาวในชุดสีน้ำเงินก้าวออกมาช้า ๆ ใบหน้าของนางเย็นชา นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
ไป๋หยานตระหนักได้ถึงเจตนาร้ายของหญิงสาวทันทีที่ทั้งคู่สบสายตากันนางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นว่า “มีอะไร ?”
”ราชินี”
ชิงเซียะหัวเราะน้อยๆ รอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยการเสียดสีและเยาะหยันนางกล่าวด้วยทีท่าเย้ย “หม่อมฉันมาที่นี่วันนี้ก็เพื่อทูลบางอย่างให้พระองค์ทรงทราบ เพื่อที่ว่าพระองค์จะไม่ได้ไม่ต้องมานั่งงมอยู่ในหุบเขาเช่นนี้ … ”
”มีอะไร?” ครั้นไป๋หยานได้ยินถ้อยคำของชิงเซียะ นางก็กล่าวออกมาอย่างไม่กระตือรือร้นนัก พลางเอนตัวลงไปพิงต้นไม้แก่ ๆ ที่อยู่ข้างหลังนางอย่างเฉื่อยชา
จบบทความพ่ายแพ้ของชิงเซียะ (1)
บทที่ 615 : ความพ่ายแพ้ของชิงเซียะ (2)
”หม่อมฉันแค่เห็นใจพระองค์”นางกล่าวพลางหลุบตาลง ใบหน้าของนางแสดงความเห็นอกเห็นใจ “หม่อมฉันไม่แน่ใจว่า พระองค์จะรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างองค์ราชากับหม่อมฉันหรือไม่ ?”
ไป๋หยานหันไปมองชิงเซียะพลางกล่าวพร้อมยิ้มเยาะ “ตี้คัง เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้างั้นรึ ? คงมิใช่เป็นศัตรูกันหรอกนะ ?”
ยามนี้สีหน้าของชิงเซียะเปลี่ยนเป็นเครียดนางมองใบหน้ายิ้ม ๆ ของไป๋หยาน พลันความโกรธของนางก็ลุกโชนขึ้น
โดยทั่วไปแล้วเมื่อสตรีได้ยินว่าสามีมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นนางย่อมจะโกรธ หรือระแวง ทว่าหญิงผู้นี้เหตุใดไม่เป็นเช่นนั้น !
ชิงเซียะฉีกยิ้มกว้าง”ราชินี…อย่าทรงจริงจังจนเกินไปนัก พระองค์คิดว่าองค์ราชาจะมีสตรีเพียงผู้เดียวจริง ๆ กระนั้นหรือ ? หม่อมฉันขอทูลความจริงกับพระองค์ องค์ราชากับหม่อมฉันชอบพอกันนับแต่ยังเยาว์ หม่อมฉันต้องหลบเร้นในมุมมืดมาเป็นเวลาถึงสองปี หาไม่ตำแหน่งราชินีจะต้องเป็นของหม่อมฉันไม่ใช่ของพระองค์ !
ยิ่งพูดมากนางก็ยิ่งโกรธ ยิ่งกระสับกระส่ายมากขึ้น ราวกับว่าไป๋หยานเข้ามาแทนที่นางจริง ๆ
เพียงทว่า…
หลังจากนางกล่าวจบไป๋หยานก็ยังคงยิ้มละไม ใบหน้าของไป๋หยานยิ่งแดงก็ยิ่งงดงาม
”เจ้าพูดจบแล้วใช่หรือไม่? หากพูดจบแล้ว ข้าจะได้ไป”
ไป๋หยานค่อยๆ ยืดตัวบิดขี้เกียจอย่างช้า ๆ ราวกับว่านางไม่ได้ใส่ใจคำพูดของชิงเซียะเลย
”พระองค์ไม่เชื่องั้นหรือ?” ชิงเซียะยิ้มเยาะ “เหตุใดพระองค์ถึงคิดว่าพระองค์สมควรแก่ตำแหน่งราชินี ? เพียงเพราะคำทำนายในแดนอสูรเท่านั้นน่ะหรือ องค์ราชาจึงต้องรอราชินีที่ถูกลิขิต องค์ราชาต้องรอจนกว่าพระองค์จะปรากฏตัว องค์ราชาจะรอได้หรือ ? คำทำนายที่ว่ามีเพียงพระองค์เท่านั้นที่จะทำให้แดนอสูรรอดพ้นภัยพิภัยได้ในกาลข้างหน้า”
ไป๋หยานก้าวออกไปสองสามก้าวสายตายังคงจับจ้องมองชิงเซียะ “เจ้าพูดต่อสิ”
“โอ้! พระองค์ก็แค่โชคดี ที่องค์ราชาปฏิบัติต่อพระองค์ดีถึงเพียงนี้ นั่นเป็นเพราะองค์ชายน้อย องค์ราชาจึงต้องใส่พระทัยพระองค์มากกว่าผู้ใด หากองค์ชายน้อยไม่ติดพระองค์แจ คิดหรือว่าองค์ราชาจะตามตื๊อพระองค์ ?”
”ฝ่าบาทต้องการอภิเษกสมรสกับพระองค์และที่ทรงทำดีกับพระองค์ก็เพียงเพราะต้องการให้พระองค์ประทับอยู่ในแดนอสูร หาไม่แล้วแดนอสูรนี้ก็คงจะไม่มีที่ว่างสำหรับพระองค์”
ทั่วทั้งหุบเขาพลันเงียบกริบ
เงียบเสียจนชิงเซียะได้ยินเสียงเต้นของหัวใจตน
ปัง!
ทันใดนั้นเองหินก้อนหนึ่งก็ลอยละลิ่วมา เพราะชิงเซียะมัวแต่สนใจไป๋หยาน เช่นนั้นนางจึงไม่ทันรู้ตัวเมื่อหินนั่นลอยมา
กระทั่งรู้สึกเจ็บศีรษะนางจึงได้หันไปมอง นางเห็นเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังโกรธ ยืนอยู่ไม่ไกลกันนัก
”หญิงชั่วเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ข่มขู่ราชินี !”
ไป๋หยานขมวดคิ้วพลางกวาดตามองเด็กหญิงตัวเล็กที่อยู่ไม่ไกล “หลงเอ๋อ ไยเจ้าจึงมาที่นี่ได้ เฉินเอ๋อกับเสี่ยวอวิ๋นล่ะอยู่ที่ใด ?”
”ข้าอาศัยโอกาศที่องค์ชายกำลังเลือกซื้อของขวัญให้ราชินีแอบวิ่งหนีมา” ใบหน้าอมชมพูของมังกรน้อยเต็มไปด้วยความโกรธ นางหยิบหินขึ้นมาจากพื้นดินอีกครั้ง จากนั้นก็ขว้างไปที่ชิงเซียะอย่างแรง
ชิงเซียะหัวเราะเยาะนางยกมือขึ้นหยุดหิน ที่หลงเอ๋อขว้างมา พร้อมกันนั้นก็ส่งหินก้อนเดียวกันนี้กลับไปโจมตีเด็กหญิงที่ยืนนิ่งอยู่
”หลงเอ๋อ!”
นัยน์ตาของไป๋หยานเปล่งประกายดุดันนางยกมือขึ้นรั้งหลงเอ๋อเข้าสู่อ้อมแขน นัยน์ตาของนางเย็นชา ขณะจับจ้องชิงเซียะ
”เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อที่เจ้าพูดงั้นหรือ ? ข้าเชื่อแต่คำพูดของตี้คังเท่านั้น”
นางปล่อยเด็กหญิงตัวน้อยในอ้อมแขนพลางมองชิงเซียะที่ยืนอยู่เบื้องหน้านาง “คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้ !”
”เจ้า… ”
ชิงเซียะอยากจะตะโกนออกมาทว่าทันใดนั้นนางก็รู้สึกถึงแรงกดดันจากไป๋หยานช่างเป็นแรงกดดันที่แข็งแกร่งมาก
***จบบทความพ่ายแพ้ของชิงเซียะ (2)***