จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 616-620
บทที่ 616 : ความพ่ายแพ้ของชิงเซียะ (3)
ภายใต้แรงกดดันนี้ร่างของชิงเซียะพลันทรุดลงโดยไม่ตั้งใจ เข่าของนางงอลงแทบจะจรดพื้น
แรงกดดันหนักหน่วงเช่นนี้ทำให้นัยน์ตาของชิงเซียะปรากฏแววแห่งความสับสนขึ้นเล็กน้อยนางเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ มองสตรีในอาภรณ์สีแดงผู้หยิ่งผยอง ที่กำลังแสดงทีท่าหยามเหยียด
”คุกเข่าลง!”
ตุ้บ!
ทันใดนั้นร่างของชิงเซียะก็ทรุดลงกับพื้นน้ำตาของนางกำลังจะร่วงหล่น ใบหน้าของนางซีดเผือด นัยน์ตาของนางเปล่งประกายไม่พอใจ และคับแค้นใจ
”ราชินีไม่ช้าก็เร็วพระองค์จะต้องเชื่อถ้อยคำของหม่อมฉํน และจะรู้ว่าสิ่งที่หม่อมฉันกล่าวมาเป็นความจริง องค์ราชาเพียงพูดเท็จกับพระองค์ องค์ราชารักหม่อมฉัน !” ชิงเซียะกัดฟันกล่าวประโยคนี้ ภายใต้แรงกดดันอันยิ่งใหญ่
ทว่าหลังจากนั้นนางก็ต้องตกใจกระทั่งเหงื่อเย็นชุ่มไปทั่วทั้งแผ่นหลัง เพียงลมหนาวพัดผ่าน ร่างของนางก็สั่นสะท้าน
“หญิงสารเลว!”
หลงเอ๋อพุ่งเข้าหาชิงเซียะด้วยความโกรธนางข่วนหน้าชิงเซียะอย่างแรง
เล็บของนางแหลมคมมากทันทีที่ข่วนลงไปบนใบหน้าที่งดงามของชิงเซียะ ก็ปรากฏรอยเล็บห้ารอยขึ้นทันที
เฮือก!
ความเจ็บปวดทำให้ชิงเซียะสูดลมหายใจเย็นๆ เข้าเต็มปอด นัยน์ตาที่ชั่วร้ายจ้องมองหลงเอ๋อ สายตาไม่พอใจของพวกนางปะทะกัน
นังเด็กรนหาที่ตายสักวันหนึ่งข้าจะถลกหนังมังกรของเจ้า ให้เจ้ามีชีวิตอยู่มิสู้ตาย !
”หลงเอ๋อถอยไป”
ไป๋หยานกล่าวเบาๆ ขณะมองชิงเซียะด้วยสายตาเยาะหยัน
หลงเอ๋อถอยออกมายืนอยู่ข้างๆ ไป๋หยานอย่างชาญฉลาด ประกายแสงที่รุนแรงในแววตาของนางพลันจางหายไป พร้อมกับถ้อยคำของไป๋หยาน หลงเอ๋อก็กลับคืนสู่สภาพไร้เดียงสาเฉกเช่นเคย
“เท่าที่ข้ารู้มาเผ่าอสรพิษถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ทว่าคุณหนูรองของเผ่าอสรพิษกลับหนีไปได้” ไป๋หยาน กล่าวพร้อมกับเม้มปาก กริชในมือของนางจ่ออยู่ที่ปลายคางของชิงเซียะ “หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าก็คือคุณหนูรองของเผ่าอสรพิษใช่หรือไม่ ?”
ชิงเซียะหน้าซีดด้วยความหวาดกลัวนางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าอันงดงามที่อยู่เบื้องหน้านางด้วยความประหลาดใจ
ราชินีรู้ได้อย่างไร?
เห็นได้ชัดว่ายามนี้นางห่อหุ้มร่างตนด้วยหนังสุนัขจิ้งจอก ก็แล้วเหตุใดหญิงผู้นี้ถึงได้มองออกว่าแท้จริงแล้วนางเป็นงู ?
”หากเจ้าเป็นคนจากเผ่าพันธุ์อื่นบางทีข้าอาจจะไว้ชีวิตเจ้า โชคไม่ดีที่เจ้าคือคนจากเผ่าอสรพิษ !” ไป๋หยานกล่าวพร้อมกับหัวเราะเยาะ
ชิงหลวนจากเผ่าอสรพิษจับบุตรชายของนางไปไม่เพียงแต่บังคับให้บุตรชายของนางกินยาพิษ หากแต่ยังเรียกบรรพบุรุษเผ่าอสรพิษให้ออกมาสังหารนางอีก
นับเป็นความบาดหมางที่ไม่มีวันลบล้างได้นางจะปล่อยคนเผ่าอสรพิษไปได้เยี่ยงไร ?
ใจของชิงเซียะสั่นสะท้านใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น กระทั่งไม่อาจเปล่งเสียงออกมาได้
ไม่แปลกใจไม่แปลกใจเลย ที่ชายผู้นั้นเตือนว่าอย่ายั่วยุราชินี ทว่านางกลับอดมิได้ !
ราชินีมิใช่ผู้ที่สามารถจัดการง่ายๆ อย่างที่คิด นางมิใช่คนโง่เช่นฮัวหยู
หัวใจของชิงเซียะเต็มไปด้วยความรู้สึกสำนึกผิดนางรู้แล้วว่า นางไม่ควรปรากฏตัวขึ้นที่นี่ เพราะราชินีผู้นี้โหดร้ายมาก ทั้งยังไม่มีวันปล่อยนางไปเป็นแน่ !
”ราชินี”ชิงเซียะกล่าวอย่างนุ่มนวลเต็มไปด้วยเหตุผล “หม่อมฉันทูลพระองค์แล้วว่า หม่อมฉันมิได้หลอกลวงพระองค์ หรือเพียงเพราะหม่อมฉันเป็นงู พระองค์จึงทรงมีอคติต่อหม่อมฉันใช่หรือไม่ ? ความผิดที่ชิงหลวนกระทำไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับหม่อมฉัน หม่อมฉันเพียงมีน้ำใจจึงมาเตือนพระองค์… ”
กริชในมือของไป๋หยานกรีดลงบนแก้มของชิงเซียะชิงเซียะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย พลันรู้สึกถึงของเหลวอุ่น ๆ ไหลรินลงมา
ความรู้สึกนี้ทำให้ชิงเซียะยิ่งกระวนกระวายหนักขึ้นหากนางถูกหญิงผู้นี้ฆ่าตาย นางจะไปหว่านเสน่ห์องค์ราชาได้อย่างไร ?
”ราชินีราชินี !”
ทันใดนั้นเองทหารองครักษ์ก็โผล่ขึ้นทางด้านหลัง ใบหน้าของเขาแลดูวิตกกังวล ขณะกล่าวว่า “เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายน้อยกับองค์หญิงกำลังตกอยู่ในอันตราย”
ว่าไงนะ?
ไป๋หยานแข้งขาอ่อนกริชในมือของนางร่วงหล่น นางคว้าสาบเสื้อของทหารองครักษ์ขึ้นมาพลางกัดฟันกล่าวว่า “บุตรชายของข้าอยูที่ใด ? เสี่ยวอวิ๋นอยู่ที่ใด ? พาข้าไปหาพวกเขาเดี๋ยวนี้”
***จบบทความพ่ายแพ้ของชิงเซียะ (3)***
บทที่ 617 : ความพ่ายแพ้ของชิงเซียะ (4)
”พ่ะย่ะค่ะราชินี”
ทหารองครักษ์ลดศีรษะลงเพื่อหลบเร้นความกังวลในแววตาของตน กระทั่งไม่มีผู้ใดสามารถเห็นร่องรอยได้
*****
ทันทีที่ไป๋หยานได้ยินว่าไป๋เสี่ยวเฉินตกอยู่ในอันตรายหัวใจของนางก็ว้าวุ่น นางคิดอะไรไม่ออก แม้แต่ชิงเซียะผู้ซึ่งกำลังจะถูกนางปลิดชีวิตนางก็ยังลืม
นางรู้เพียงว่านางไม่มีวันยอมให้ผู้ใดแตะต้องบุตรชายของนางเป็นแน่!
กระทั่งร่างของไป๋หยานหายไปอย่างสมบูรณ์บุรุษในชุดยาวสีน้ำเงินเข้มก็ปรากฏตัวต่อหน้าชิงเซียะ
เขามองใบหน้าซีดๆ ของชิงเซียะด้วยสีหน้าปวดร้าวใจ “เหตุใดต้องทำเช่นนี้ เป็นยังไงล่ะ ข้าเตือนเจ้าแล้วว่า ราชินีมิใช่คนธรรมดา หากเจ้าปรากฏกายต่อหน้านาง เจ้าจะได้รับอันตราย ครั้งนี้ข้าช่วยเจ้าได้ หากแต่ครั้งหน้าเจ้าคิดบ้างหรือไม่ว่าจะมีผู้ใดช่วยเจ้าได้ ?”
ชิงเซียะกัดริมฝีปากก่อนจะโซเซลุกขึ้นจากพื้น ร่างบอบบางของนางสั่นระริก “เจ้าใช้วิธีการใดช่วยข้าเมื่อครู่นี้ ?”
”ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาข้าได้สร้างหุ่นพยนต์ขึ้นมา แล้วก็นำมาใช้ช่วยชีวิตเจ้าเมื่อครู่นี้ไง ?”
ชิงเซียะกระพริบตาปริบๆ พลางมองใบหน้าที่เหนื่อยหน่ายของชายหนุ่ม “มีหุ่นพยนต์ของเจ้าอยู่ในวังงั้นหรือ ?”
”เปล่าไม่มีหุ่นพยนต์ในวัง หากข้านำหุ่นเข้าวัง ต้องมีคนรู้แน่ ๆ “ชายคนนั้นกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบิดเบี้ยว “ทว่าข้าได้กระจายหุ่นพยนต์ไปไว้ในเผ่าต่าง ๆ เพื่อส่งข่าวให้แก่ข้า”
เขาเพียงเบื่อหน่ายชีวิตจำเจหลายร้อยปีที่ผ่านมาจึงสร้างหุ่นพยนต์เหล่านี้ขึ้น เพื่อส่งข่าว และความเป็นไปต่าง ๆ ให้เขาได้รับรู้
ตอนนี้เขาต้องนำหุ่นเหล่านั้นมาใช้นั่นแสดงให้เห็นว่า เขารักนางมากเพียงใด
เพียงเพื่อช่วยชีวิตชิงเซียะเสียสละหุ่นเหล่านั้นก็นับว่าคุ้มค่า !
”ข้าทนรอไม่ไหวแล้ว”ชิงเซียะกล่าวพร้อมกำหมัดแน่น ประกายแสงเย็นยะเยือกกระพริบในดวงตาของนาง “เมื่อไหร่เจ้าจึงจะช่วยข้า ? หากเจ้ายังไม่ลงมือ ข้าก็จะไปหาราชินีอีก ในเมื่อเจ้าอยากเห็นข้าตาย ข้าก็จะตายให้เจ้าดู ! ”
ถ้อยคำดังกล่าวทำให้หัวใจของชายหนุ่มสั่นสะท้านเขายิ้มอย่างขมขื่น ขณะมองใบหน้าที่ดุร้ายของชิงเซียะ เขาถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ตกลง ข้าจะช่วยเจ้า … ”
นี่คือโอกาสสุดท้ายของเขา
หากเขาไม่รีบลงมือองค์ราชาอาจจะกลับมา
เมื่อถึงเวลานั้นชิงเซียะจะต้องตาย !
*****
ในตลาดที่คึกคักไป๋หยานรีบตามทหารองครักษ์ไปยังทิศทางที่ไป๋เสี่ยวเฉิน และคนอื่น ๆ อยู่ ครั้นนางไปถึง นางก็พบไป๋เสี่ยวเฉิน และตี้เสี่ยวอวิ๋น ยืนอยู่กลางถนนไม่มีอันตรายแต่อย่างใด
รอบกายพวกเขามีฝูงชนรุมล้อมเพื่อมุงดูสถานการณ์
”พี่สะใภ้?”
ครั้นตี้เสี่ยวอวิ๋นแลเห็นไป๋หยานนางก็ดีใจอย่างออกนอกหน้า แต่เมื่อเห็นไป๋หยานจูงมือหลงเอ๋อมาด้วย แววตาของนางก็เปลี่ยนเป็นหม่นเศร้า
”หลงเอ๋อเจ้าหนีไปตั้งแต่ตอนไหน เฉินเอ๋อกับข้าตามหาเจ้าแทบตาย”
หลงเอ๋อกัดนิ้ว”ข้าอยากติดตามราชินี ดังนั้นข้าจึงไปหานาง”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเด็กหญิงตัวน้อยที่แสนน่ารักผู้นี้ตี้เสี่ยวอวิ๋นก็อดไม่ได้ที่จะตำหนินาง หากแต่หลังจากดุนางแล้ว หญิงสาวก็มักจะรู้สึกผิด
”เฉินเอ๋อ”
ไป๋หยานรีบวิ่งเข้าไปหาไป๋เสี่ยวเฉินนางจับร่างกระจ้อยของไป๋เสี่ยวเฉินไว้แน่น มือของนางสั่นระริก
”แม่ขอโทษแม่ขอโทษ แม่ไม่ควรทิ้งเจ้าไป เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือไม่ ?”
นางเคยเกือบจะสูญเสียเฉินเอ๋อนางไม่ต้องการพบเจอประสบการณ์เช่นนั้นอีก !
”แค่หม่ามี้ไม่ร้องไห้เฉินเอ๋อก็สบายดีแล้ว” ไป๋เสี่ยวเฉินปาดน้ำตาออกจากดวงตาของไป๋หยาน เขาเผยรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า “ยามที่ป๊ะป๋าไม่อยู่ ต่อไปเฉินเอ๋อก็เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวของครอบครัว เฉินเอ๋อต้องปกป้องหม่ามี้ และอาหญิง ดังนั้นหม่ามี้ไม่ต้องห่วงเฉินเอ๋อหรอก”
***จบบทความพ่ายแพ้ของชิงเซียะ (4)***
บทที่ 618 ความพ่ายแพ้ของชิงเซียะ (5)
ตี้เสี่ยวอวิ๋นรู้สึกอ่อนไหวนางเช็ดปลายหางตา การมีบุตรชายที่มีเหตุผล และมีน้ำใจเช่นนี้ ช่างมีความสุขหาใดเปรียบ
”ตี้เสี่ยวอวิ๋นบอกข้าทีสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ?”
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งอารมณ์ของไป๋หยานก็มั่นคงขึ้น นางมองหน้าตี้เสี่ยวอวิ๋นพลางเอ่ยถาม
“ข้าก็ไม่รู้”ตี้เสี่ยวอวิ๋นส่ายหน้า “ในแดนอสูรนี้ ด้วยกลิ่นอายโลหิตของเฉินเอ๋อกับข้า ย่อมไม่มีสัตว์อสูรตัวใดกล้ามีปัญหาด้วยแน่ แต่เมื่อครู่นี้ไม่รู้ด้วยเหตุใด จู่ ๆ คนพวกนั้นก็ไม่สนใจกลิ่นอายโลหิต เข้ามาโจมตีเฉินเอ๋อและข้า”
”งั้นรึ?”
ไป๋หยานขมวดคิ้วพลางกวาดตามองกองซากศพนัยน์ตาของนางเปล่งประกายแสงสลัว
“หุ่นพยนต์สัตว์อสูรเหล่านี้ล้วนเป็นหุ่นพยนต์ หุ่นพยนต์จะกระทำตามคำสั่งเท่านั้น เช่นนั้นพวกมันจึงไม่กลัวกลิ่นอายโลหิตของพวกเจ้า”
เมื่อครู่นี้ไป๋หยานเต็มไปด้วยอาการตื่นตระหนกเช่นนั้นนางจึงไม่มีเวลาคิดใคร่ครวญ
ทว่าตอนนี้นางเริ่มคิดออกแล้วว่ามันมีบางอย่างแปลก ๆ
ทันใดนั้นเองนัยน์ตาที่ดุดันของไป๋หยานก็เพ่งเล็งไปที่ทหารองครักษ์นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่ใด ? ถึงได้มาแจ้งให้ข้าทราบเรื่องนี้ในเวลาพอเหมาะพอเจาะเช่นนั้น ?”
ฟุ่บ!
ทหารองครักษ์คุกเข่าลงอย่างรวดเร็วร่างของเขาสั่นสะท้าน “มีสัตว์อสูรกระจายอยู่ทั่วไปในแดนอสูรนี้ ทั้งมีวิธีการมากมายที่จะติดต่อกับสัตว์อสูรเหล่านั้น เพื่อให้ทราบว่าองค์ราชินีประทับอยู่ที่ใด”
คำตอบไร้ที่ตินี้ทำเอาไป๋หยานไม่อาจตัดสินได้ว่าสิ่งใดจริง สิ่งใดไม่จริงไปชั่วขณะ
หากแต่สัมผัสที่หกบอกนางว่าเหตุการณ์ในวันนี้จะต้องมีการวางแผนไว้ล่วงหน้า
“เฉินเอ๋อเสี่ยวอวิ๋น พวกเรากลับกันก่อน ไว้ตี้คังกลับมา ค่อยหารือเรื่องนี้กันอีกที” คิ้วที่ขมวดแน่นของไป๋หยานคลายออก “นอกจากนี้ ส่งคนไปยังอีกด้านหนึ่งของภูเขาด้วย คุณหนูรองชิงเซียะของเผ่าอสรพิษปรากฏตัวขึ้นที่นั่น หากพบนางให้จับตัวมาทันที”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจว่า”พี่สะใภ้ พี่พบคุณหนูรองของเผ่าอสรพิษงั้นหรือ ?
“หญิงชั่วคนนั้นใส่ร้ายองค์ราชาต่อหน้าราชินีแต่นางก็ถูกราชินีสั่งสอน “หลงเอ๋อยิ้มอย่างสดใส” นอกจากนี้ แค่องค์ราชินีตวาด นางก็ลงไปนั่งคุกเข่าแล้ว”
ราชินีทรงพลังมากข้าต้องการจะแต่งงานกับราชินีมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสิ
นัยน์ตาของหลงเอ๋อทอประกายแวววาวราวดวงดาราขณะจ้องไป๋หยานไม่กระพริบ ไม่ว่าจะมองมุมไหน ราชินีก็มีแต่จะยิ่งสวยขึ้น ๆ
”ข้าเกือบลืมไปว่าพี่ผ่านพิธีราชาภิเษกของราชวงศ์อสูรแล้วสัตว์อสูรทุกตัวไม่มีผู้ใดไม่เชื่อฟังพี่ แม้ว่าชิงเซียะจะไม่อยากยอมรับ ก็ทำไม่ได้หรอก ” ตี้เสี่ยวอวิ๋นเลิกคิ้วขึ้นพลางยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
ไป๋หยานยิ้มกว้าง”ไปกันเถอะ หมดเวลาแล้ว เราควรกลับวังเสียที”
”โอ้…”
ไป๋เสี่ยวเฉินเหมือนมีบางอย่างติดค้างในใจแต่ก็ไม่พูดออกมา
”มีอะไรหรือ?” ไป๋หยานหันไปมองไป๋เสี่ยวเฉินพลางเอ่ยถาม
”ของขวัญที่เฉินเอ๋อเพิ่งซื้อให้หม่ามี้ยับเยินหมดแล้วเพราะคนร้ายพวกนั้นเฉินเอ๋ออุตส่าห์เสียเวลาเลือกตั้งนาน”
เขาก้มศีรษะลงอย่างผิดหวังหยาดน้ำตาคลอหน่วยในดวงตาที่กลมโตของเขา
ทันใดนั้นก็มีมือยื่นออกมาดึงเขาเข้าสู่อ้อมแขน
มือของไป๋หยานลูบเรือนผมของเขาพลางเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “สำหรับแม่แล้ว เฉินเอ๋อคือของขวัญที่ดีที่สุด สิ่งอื่นใดก็ไม่สำคัญเท่าลูกแม่ … ”
ไป๋เสี่ยวเฉินเงยหน้าขึ้นใบหน้าเล็ก ๆ ที่โศกเศร้าแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มสว่างไสวราวกับแสงตะวันในทันที
”หม่ามี้ลูกอยากกลับแล้ว”
”ตกลงเรากลับกันเถอะ”
ครั้นเห็นไป๋เสี่ยวเฉินกลับมาร่าเริงแล้วใบหน้าของไป๋หยานก็ปรากฏรอยยิ้ม
ตี้เสี่ยวอวิ๋นที่ยืนอยู่ข้างหลังมองฉากอบอุ่นของสองแม่ลูก นางกำลังลังเลใจไม่รู้ว่าควรจะบอกไป๋หยานให้ทราบเกี่ยวกับเรื่องแปลก ๆ ที่ ไป๋เสี่ยวเฉิน เพิ่งพบมาหรือไม่ ?
***จบบทความพ่ายแพ้ของชิงเซียะ (5)***
บทที่ 619 : ความพ่ายแพ้ของชิงเซียะ (6)
ยามค่ำ…
จันทราปรากฏเหนือผืนน้ำ
ไป๋หยานกำลังหลับตานั่งสมาธิทันใดนั้นเองนางก็ลืมตาขึ้น พลางเอ่ยปากเบา ๆ “เสี่ยวอวิ๋น หากอยากเข้าก็เข้ามาสิ”
หญิงสาวที่อยู่ด้านนอกตกตะลึงที่สุดนางก็ตัดสินใจผลักประตู
แสงจันทราสาดส่องผ่านประตูเข้ามาใบหน้าที่งดงามของหญิงสาวในห้องทำให้ตี้เสี่ยวอวิ๋นถึงกับจิตใจสั่นไหว
หากนางเป็นเสด็จพี่นางก็ต้องรักพี่สะใภ้ของนางแทบขาดใจอย่างแน่นอน
พี่สะใภ้…ข้ามีเรื่องจะเล่าให้พี่ฟัง”ตี้เสี่ยวอวิ๋นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางถูมืออย่างไม่สบายใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสตรีที่กำลังนั่งอยู่หัวเตียงอย่างระมัดระวัง
ไป๋หยานนิ่งงัน”เจ้ามีอะไรจะบอกข้างั้นรึ ?”
“วันนี้ตอนที่เฉินเอ๋อกับข้าได้พบหุ่นพวกนั้น” ครั้นตี้เสี่ยวอวิ๋นหวนคิดถึงฉากในเวลานั้น นางก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาเล็กน้อย “หุ่นพวกนั้นก็แลดูธรรมดา ๆ ด้วยความแข็งแกร่งของข้า พวกมันไม่สามารถทำอะไรพวกเราได้แน่ … ”
“ทว่า…หุ่นพยนต์นั่นดันทำลายของขวัญที่เฉินเอ๋อเลือกไว้ให้พี่โดยไม่ตั้งใจ”
ครั้นเห็นไป๋หยานขมวดคิ้วหัวใจของตี้เสี่ยวอวิ๋นก็สั่นไหวยิ่งขึ้น “ตอนนั้น เฉินเอ๋อเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน วิธีการพูดของเขาน่ากลัวมาก เหมือนถูกอะไรบางอย่างเข้าสิง”
ไป๋หยานขมวดคิ้ว”จากที่ข้าพิจารณาสภาพการตายของคนเหล่านั้น ข้าก็พบว่าผู้ที่ลงมือช่างอำมหิตยิ่งนัก ข้ายังคิดว่ามันเป็นฝีมือของเจ้าเสียอีก”
ใบหน้าของตี้เสี่ยวอวิ๋นซีดเผือดนางเงยหน้าขึ้นมองอย่างสยองขวัญ “พี่สะใภ้ ในสายตาของพี่ เห็นข้าเป็นคนเช่นนั้นหรือ ?”
ไป๋หยานกวาดตามองตี้เสี่ยวอวิ๋นพลางจิกมุมปาก “เจ้าว่าไงล่ะ ?”
ทันใดนั้นปากของตี้เสี่ยวอวิ๋นก็บิดเบี้ยวนางอดไม่ได้ที่จะคิดถึงหลงฉางเทียนที่มีสภาพน่าสังเวชกว่านี้มากนัก
ดูเหมือนว่านางจะเป็นคนมือหนักพอควร
สิ่งที่ข้าพูดถึงคือปัญหาของเฉินเอ๋อหากเขาเป็นเช่นนั้น ข้าไม่รู้ว่าจะเป็นอันตรายหรือไม่ ? เขาเป็นหลานชายข้า ข้าไม่ต้องการให้เขาต้องตกอยู่ในอันตราย … ”
ไป๋หยานเงียบไปนาน”เวลานี้พี่ชายของเจ้าอยู่ที่ใด ?”
“เขา?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นหันหลังให้พลางกล่าวว่า “ข้าเดาว่าเขาอาจจะกักตน เพื่อใคร่ครวญเรื่องเกี่ยวการบ้านการเมืองอยู่ ? เขามักจะกักตนเป็นเวลาสิบวันสิบคืนโดยไม่เคลื่อนไหวใด ๆ”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่นานมานี้เสด็จพี่มีความประสงค์ที่จะโจมตีแดนสวรรค์ เช่นนั้นเขาอาจมัวคิดเกี่ยวกับวิธีโจมตีแดนสวรรค์อยู่ก็เป็นได้
ยามที่เขาคิดใคร่ครวญหาทางแก้ปัญหาเขามักจะไม่ยอมให้ผู้ใดรบกวน
ทว่า…
ก่อนหน้านี้ตี้เสี่ยวอวิ๋นต้องการที่จะบอกเล่าเรื่องแผนการโจมตีแดนสวรรค์ของตี้คังให้พี่สะใภ้ของนางฟัง หากแต่พี่ชายของนางกลับรีบปิดปากนางเสียก่อน
เสด็จพี่กล่าวว่าเขาต้องการที่จะให้พี่สะใภ้ประหลาดใจเช่นนั้นอย่าเพิ่งบอกข่าวเกี่ยวกับการโจมตีแดนสวรรค์ให้นางรับรู้
รอให้เขาพิชิตแดนสวรรค์ได้เสียก่อนเขาจะมอบมันให้นางด้วยตนเอง
”แล้วท่านราชครูล่ะ?” ไป๋หยานขมวดคิ้วเอ่ยถามต่อ
“ข้าเองก็ไม่เห็นท่านราชครูนานแล้วบางทีเขาอาจจะเข้าฌานอยู่ก็เป็นได้” ตี้เสี่ยวอวิ๋นกล่าวพร้อมกับเบะปาก
”เจ้าบอกข้าทีสิว่าตี้คังชอบไปที่ใด ข้าจะไปพบเขา บางทีเขาอาจจะรู้เกี่ยวกับเรื่องของเฉินเอ๋อ”
ไป๋หยานค่อยๆ ลุกจากเตียงขึ้นยืน พลางเลิกคิ้วขึ้น
ครั้นตี้เสี่ยวอวิ๋นได้ยินความประสงค์ของไป๋หยานนางก็บอกสถานที่ที่ตี้คังชอบไปบ่อย ๆ หลายต่อหลายแห่ง สุดท้าย นางก็เอ่ยถามว่า “พี่สะใภ้ ต้องการให้ข้าติดตามไปด้วยหรือไม่ ?”
”ไม่!”
ไป๋หยานส่ายศีรษะพลางก้าวไปที่ประตูช้าๆ
ไม่น่าแปลกใจเลยที่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้เรื่องที่ตี้คังออกจากวังหลวงนั่นเป็นเพราะเขามักจะหายตัวไปครั้งละนาน ๆ”
ทำให้ทุกคนในวังต่างก็คุ้นชินราวกับเป็นเรื่องธรรมดาเลยไม่เกิดความวุ่นวายใด ๆ จากการหายตัวไปของเขา
***จบบทความพ่ายแพ้ของชิงเซียะ (6)***
บทที่ 620 : จากลา (1)
บนท้องฟ้า…จันทราสีเลือดเต็มดวงลอยเด่นทาบทับพื้นหลังที่ดำสนิทก่อให้เกิดประกายแสงจางๆ พระราชวังสีเลือดก็ราวกับถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีเลือดแลดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด
ทันใดนั้นไป๋หยานก็ชะงักอาภรณ์สีแดงงดงามผ่านเข้ามาในคลองสายตาของนาง ชายผู้นั้นหันหลังให้ ท่าเรือนผมสีเงินยวงของเขากลับเปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนภายใต้แสงจันทราสีเลือด
”ตี้คัง…”
ไป๋หยานตกตะลึงบางทีอาจเป็นเพราะนางไม่เข้าใจว่า เหตุใดเวลานี้ชายผู้นี้ถึงได้มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ นางอยากจะเอ่ยถามออกไป แต่พลันเห็นชายชราคนหนึ่งรีบออกมาจากด้านหลั
”ผู้อาวุโสรองรึ?”
นางขมวดคิ้วเล็กน้อยเขาเรียกผู้อาวุโสรองออกมา ทว่ากลับไม่เข้าไปในห้องโถง เหตุใดเขาจึงต้องทำอะไรหลบ ๆ ซ่อน ๆ ในที่ห่างไกลเช่นนี้ด้วย ?
ยิ่งไปกว่านั้น…
หากเขาไม่ได้เข้าสันโดษก็แล้วเหตุใดถึงไม่ปรากฏตัวเลย หลังจากที่นางผ่านไปสู่ขั้นที่สูงขึ้น ?
แม้ในใจของไป๋หยานจะมีข้อสงสัยมากมายทว่าดูเหมือนจะมีบางอย่างมาปิดกั้นคำพูดของนางไว้
เมื่อเห็นว่าชายผู้นี้กำลังจะหันหลังกลับไป๋หยานก็รู้สึกหัวใจสั่นไหว นางรีบซ่อนตัวหลังต้นไม้ ความสงสัยในใจของนางรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ใบหน้าของนางแลดูเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย
แม้แต่ผู้อาวุโสรองเองก็ยังเต็มไปด้วยความสงสัยเขาเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ป้องกำปั้น พลางกล่าวด้วยความเคารพว่า “องค์ราชา ทรงมีพระบัญชาเรื่องใดให้กระหม่อมดำเนินการหรือ ?”
”อืม…”ชายหนุ่มเอ่ยปาก “ช่วงนี้ เจ้าส่งคนคอยติดตามราชินีมากขึ้นกว่าเดิมใช่หรือไม่ ?”
ผู้อาวุโสรองหัวเราะ”องค์ราชาช่างใส่ใจราชินีจริง ๆ ตอนนี้รอบกายราชินีมียอดฝีมือมากมาย ไหนจะองค์หญิงน้อยซึ่งกลายเป็นผู้พิทักษ์ราชินีไปแล้ว นอกจากนี้ภายในแดนอสูรนี่ พระนางย่อมไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายเป็นแน่”
”งั้นรึ?” ริมฝีปากของชายผู้นั้นโค้งขึ้นแปลก ๆ “ผู้อาวุโสรอง เจ้ารู้หรือไม่ว่า เหตุใดข้าถึงดีต่อราชินีนัก ?”
“นั่นมิใช่เป็นเพราะพระองค์ทรงรักองค์ราชินีอย่างล้ำลึกหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ผู้อาวุโสรองงงงวย เขาเงยหน้าขึ้นมองชายตรงหน้าพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย
ผู้ที่อยู่ข้างหน้าเขาคือองค์ราชาอย่างแน่นอนไม่ว่าจะเป็นท่วงท่าอากัปกิริยา หรือแม้แต่กลิ่นอายก็เหมือนกัน แต่เหตุใดองค์ราชาจึงกล่าวเช่นนี้ ?
หากมิใช่เพราะพวกอสูรไวต่อกลิ่นบางทีเขาอาจคิดว่าชายผู้นี้เป็นตัวปลอม
”รักงั้นหรือ?” ชายผู้นั้นเยาะเย้ย “เจ้าคิดว่าคนอย่างข้าจะมีความรักงั้นหรือ ? แค่นางให้กำเนิดองค์ชายน้อย และข้าก็รู้สึกขอบใจนาง แต่นางกลับไม่เกรงใจข้า กล้าไปหว่านเสน่ห์ใส่บุรุษที่ชื่อฉู่อี้เฟิงในเมืองมนุษย์ ทั้งองค์ชายยังเรียกขานชายผู้นั้นว่าพ่อบุญธรรม ข้าจะเชื่อในความบริสุทธิ์ของนางได้งั้นรึ ?”
”กระไรนะ?” อาวุโสรองหน้าเสีย
หากคนอื่นพูดเขาอาจจะไม่เชื่อ แต่นี่เป็นองค์ราชา เขาผู้ซึ่งเชื่อมั่นในองค์ราชามาโดยตลอด ย่อมไม่อาจสงสัยถ้อยคำของชายผู้นี้ได้
”ทว่า… ” ผู้อาวุโสรองลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามต่อ “เมื่อครั้งกลับมาถึงแดนอสูรองค์ราชามีประกาศิตว่า หากราชินีมีราชโองการใด ทุกผู้คนในแดนอสูรก็ไม่มีสิทธิ์ทักท้วง ส่วนรับสั่งของพระองค์ถือเป็นรอง หากพระองค์รู้ว่าราชินีทำตัวไม่สมจารีตอันดีงามของสตรี เหตุใดพระองค์ถึงมีพระบัญชาเช่นนั้น ?”
แปลก!
องค์ราชาวันนี้ดูแปลกเหลือเกิน !
ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าเรื่องของราชินีจะเป็นความจริง เหตุใดองค์ราชาถึงไม่ปรึกษาท่านราชครูหรือผู้อาวุโสใหญ่ นี่เขาเป็นเพียงอาวุโสรอง องค์ราชาจะพบเขาเพื่ออะไร ?
”เจ้าคิดว่าเมื่อราชากล่าวเช่นนั้นแล้วราชินีจะถือเป็นที่หนึ่งจริง ๆ งั้นหรือ ?” ใบหน้าของชายผู้นั้นเปลี่ยนเป็นเย้ยหยัน “อย่างไรเสียแดนอสูรนี้ ก็เป็นของข้าทั้งหมด หากข้าต้องการเอามันกลับมา ข้าจะเอากลับมาเมื่อไรก็ได้ การให้นางเป็นราชินีแห่งแดนอสูรก็เพียงเพื่อล่อหลอกให้นางมีความสุขไปวัน ๆ เท่านั้น หาไม่แล้วนางจะแต่งงานกับข้าด้วยความเต็มใจงั้นหรือ ? ”
ผู้อาวุโสรองตกตะลึงพลางก้มศีรษะลงเขาไม่เคยคิดเลยว่าจิตใจขององค์ราชาจะล้ำลึกถึงเพียงนี้
องค์ราชาสามารถแสร้งทำเป็นรักใคร่ราชินีอย่างดูดดื่มเป็นเวลาเนิ่นนานเพียงนี้
เกรงว่าคงจะไม่มีผู้ใดในแดนอสูรนี้สามารถทำได้เช่นนี้เป็นแน่
***จบบทจากลา (1)***