จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 64
บทที่ 64 : แก้แค้นให้หม่ำมี้ (2)
“ยิ่งไปกว่านั้น … ” ครั้นเห็นถึงความกังวลที่ยังไม่หายไปจาก
แววตาของบุตรสาว หยูฮูหยินก็กล่าวสาทับ “อย่าลืมสิว่า
ตอนนี้รั่วเอ๋อ เป็นชายาเอกขององค์รัชทายาทแห่งอาณาจักร
หลิวฮั่ว สักวันนางอาจจะได้เป็นฮองเฮาของอาณาจักรนี้
ส่วนจื่อเอ๋อในวันหน้านางก็จะได้เป็นชายาของอ๋องคัง ถึงเวลา
นั้นสตรีใดจะสาคัญ และมีอานาจเท่าเจ้า ? ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของหยูหรงก็ผ่อนคลายลง ที่สุดนาง
จึงพยักหน้าเห็นชอบ “จริงสิ ข้ายังมีบุตรสาวที่มีสถานะสูงส่ง
อีกสองคน ในวันข้างหน้าพวกนางจะต้องขึ้นสู่จุดสูงสุดของ
อาณาจักรนี้ ซึ่งนางแพศยาไป๋หยานไม่มีทางเทียบได้..”
ไป๋รั่วถูกกาหนดให้เป็นฮองเฮาแล้ว นางจะเป็นสตรีที่ทรง
เกียรติสูงสุดบนแผ่นดินนี้
ขณะที่ไป๋จื่อเองก็กาลังจะได้เป็นชายาของอ๋องคัง
แม้ว่าสถานะของตี้คังนั้นจะด้อยกว่าองค์รัชทายาท ทว่าเขาก็
แข็งแกร่งมาก หากไป๋จื่อได้อภิเษกสมรสกับอ๋องคัง แน่นอน
ว่านางก็จะได้เป็นแม่ยายของทั้งองค์รัชทายาท และอ๋องของ
อาณาจักรนี้
“แต่ทว่า…” ดูเหมือนหยูหรงจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“อ๋องคังจะยินยอมอภิเษกสมรสกับจื่อเอ๋อเช่นที่พวกเรา
ต้องการหรือไม่ล่ะ ?”
หยูฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะเยาะเบา ๆ “เจ้าอย่าคิดเพียงว่าอ๋องคัง
นั่นเปี่ยมด้วยอานาจสามารถกระทาทุกสิ่งได้ตามใจชอบ เขา
ได้ขึ้นเป็นอ๋องก็เพียงเพราะได้รับการแต่งตั้งเท่านั้น ที่สุด
อานาจบารมีทั้งหมดก็ได้มาเพราะฝ่าบาทโปรดปราน วันใดที่
รั่วเอ๋อได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นฮองเฮาออกราชโองการสัก
ฉบับ เขาจะทากระไรได้ กล้าขัดราชโองการกระนั้นหรือ ?”
แม้ว่าฮ่องเต้จะให้เกียรติอ๋องคังมาก ทว่าตี้คังก็ไม่อาจเทียบ
กับคนในราชวงศ์ได้
หยูหรงหัวเราะ “ที่ท่านแม่กล่าวมาก็ถูก มีรั่วเอ๋ออยู่ข้างเรา ก็
ไม่จาเป็นต้องกลัวว่าอ๋องคังจะไม่ยอมอภิเษกกับจื่อเอ๋อของ
เรา ข้าเคยพ่ายแพ้ให้แก่หลานเยี่ย ทว่าบุตรสาวของข้า
จะต้องได้ดีกว่าลูกของนางในทุกด้าน แม้แต่เรื่องการสมรสก็
ต้องเหนือกว่าลูกของนาง”
ครั้นเห็นบุตรสาวของนางคิดได้เช่นนั้น ใบหน้าของหยูฮูหยินผู้
เฒ่าพลันผ่อนคลายลง หากแต่ทันใดนั้นเอง นางก็สังเกตเห็น
ความเคลื่อนไหวภายนอก นางหรี่ตาลงทันทีพร้อมกับตะคอก
ออกไปว่า “นั่นผู้ใด ?”
ภายนอกมีเพียงความเงียบ
หยูฮูหยินผู้เฒ่าให้สัญญาณสาวใช้ข้างกาย สายตาหญิงชรา
ฉายประกายที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร “เปิดประตู ข้าจะดูสิ
ว่า ผู้ใดกันกล้าที่จะลอบดักฟังเรา !”
“เจ้าค่ะ นายหญิง”
สาวใช้รับคาสั่ง ก่อนจะเดินไปที่ประตู แล้วเปิดมันออก
ราตรีนี้เงียบสงบ
ภายใต้แสงจันทราอันเย็นยะเยือก สุนัขจิ้งจอกสีเงินยวงยืนอยู่
ตรงประตูทางเข้า
ขนของเจ้าจิ้งจอกแวววาว นุ่มนวล เงามัน น่ารักน่าเอ็นดู
หางปุกปุยราวกับปุยฝ้ายนุ่ม ๆ
จิ้งจอกที่ปรากฏกายในยามราตรีตัวนี้ เห็นได้ชัดว่ายังเป็น
เพียงลูกจิ้งจอกตัวน้อยที่ยังไม่โตเต็มวัย
สายตาที่มันมองสตรีทั้งสองภายในห้องเต็มไปด้วยความโกรธ
เคือง
“ก็แค่สุนัขจิ้งจอก”
หยูฮูหยินผู้เฒ่าผ่อนคลายลงอีกครั้ง นางคิดว่ามีคนลอบแอบ
ฟังการสนทนาของพวกนาง ทว่ากลับเป็นเพียงลูกจิ้งจอกตัว
น้อย
“ท่านแม่ ข้าคิดว่าดวงตาของเจ้าจิ้งจอกเงินตัวนี้ … ข้ารู้สึก
คุ้นเคยมาก เหมือนเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน”
หยูหรงขมวดคิ้ว ทันใดนั้นเองใบหน้าที่แลดูกดขี่คุกคามพลัน
ปรากฏขึ้นในใจของนาง ทาให้สีหน้าของนางซีดเผือดในทันใด
ไม่ !
ข้าคงคิดมากเกินไป
จิ้งจอกน้อยตัวนี้จะคล้ายกับตี้คัง ท่านอ๋องพระราชทานคน
นั้นได้อย่างไร ?
หยูฮูหยินผู้เฒ่า ไม่ใส่ใจถ้อยคาของหยูหรง นางจ้องมอง
จิ้งจอกตัวน้อย พร้อมกับกระพริบตาสองสามครั้งราวกับ
ครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
“ข้าจาได้ว่า คราก่อนรั่วเอ๋อบอกว่า นางอยากเลี้ยงสัตว์อสูร
ทว่าน่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถเชิญผู้ฝึกสอนสัตว์อสูรมาได้
ขอบคุณสวรรค์ แม้แต่โชคก็ยังเข้าข้างเรา จึงส่งจิ้งจอกน้อย
ตัวนี้มาถึงหน้าประตูห้องของเรา !”
เป็นเรื่องยากที่จะฝึกสัตว์อสูรให้เชื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์
อสูรที่โตเต็มวัย ทว่าหากมันถูกเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเล็ก มันก็ย่อม
ต้องยอมรับนายของมัน
หลังจากได้ยินบทสนทนาของหญิงทั้งสอง ที่คิดว่าทุกสิ่งเกิด
จากโชคชะตา ดวงตากลมโตแสนสวยของเจ้าจิ้งจอกเงินตัว
น้อยพลันหรี่ลง มันถีบตัวกระโดดขึ้นเสียงดังวื้ด เพียงพริบตา
กรงเล็บนุ่ม ๆ ก็ตะปบลงบนเรือนผมของหยูหรง …