จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 736-740
บทที่ 736 : ยกโทษให้ข้าได้หรือไม่ (1)
แม้ว่าเรื่องที่ประมุขน้อยชื่นชอบนางจะเป็นความจริงหากแต่การที่เจ้าพูดต่อหน้าบิดาของนางว่ามีคนต้องการลักพาตัวนางเช่นนี้ เจ้าไม่กลัวว่าบิดาของนางจะไปทุบประมุขน้อยหรอกหรือ ??
แน่นอนว่า…
เหวินหยุนเฟิงผู้ซึ่งคิดถึงแต่เรื่องของไป๋หนิงตอนนี้เขาได้ยินถ้อยคำของฉิวชู่หรงแล้ว เขาหันไปมองผู้เฒ่าอย่างช้า ๆ
เขารอบุตรสาวของเขามานานกว่า20 ปี กลับมีบางคนต้องการลักพาตัวนางกระนั้นรึ ?
”เอ่อ…ข้ากล่าวผิดไปกล่าวผิดไป” “ฉิวชู่หรง กล่าวด้วยสีหน้าละอาย เขารีบกล่าวต่อว่า “ไม่ว่าจะอย่างไร หยานเอ๋อก็มีฐานะสูงส่งมากในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา ไยนางจะต้องสนใจตำหนักเซียนพยับหมอกของเจ้า ? ”
ร่างของมู่เจินไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เนื่องจากนางเสียเลือดมาก จากการถูกทำร้ายในวันนี้ นางไม่สามารถกล่าวคำใดได้อีก มีเพียงสายตาแห่งความสิ้นหวังที่จ้องมองฉิวชู่หรงอย่างหม่นหมองเท่านั้น
”หยานเอ๋อเช่นนั้นก็มอบมู่เจินให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเราลงโทษดีกว่า ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นมีการลงทัณฑ์ที่โหดร้ายทารุณยิ่งกว่าที่อื่น”
”ไม่มีทาง!” ไป๋ฉางเฟิ่งกล่าวด้วยความโกรธ ทั้งไม่ยินยอม “หยานเอ๋อ สัญญาว่าจะส่งนางไปที่สำนักเวชโอสถ นี่เจ้าคิดจะปล้นคนจากข้ากระนั้นหรือ ?”
“พูดเรื่องปล้นคนกระนั้นรึ? แล้วเจ้าไม่เคยขโมยคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของข้าเลยกระนั้นสิ ?”
”ข้าบอกว่าไม่ก็คือไม่! ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าอำมหิตน้อยกว่าของข้า เมื่อนางไปถึงสำนักเวชโอสถแล้ว ข้าจะทำให้นางต้องเสียใจไปตลอดชีวิต !”
*****
ฝูงชนฟังกันเงียบ
เหวินหวู่เหว่ยหยุดร้องไห้เขามองดูชายชราทั้งสองที่ทะเลาะกันโดยไม่รู้จะทำเช่นไรดี
หากพวกเขาต่อสู้กันเพื่อลูกศิษย์ที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ทว่าชายชราทั้งสองกลับพยายามข่มกันต่อหน้าไป๋หยานเพียงเพราะต้องการแย่งนักโทษกระนั้นรึ ?
ข้าควรทำเช่นไรเพื่อชดเชยความผิดพลาดที่ผ่านมา ?
เหวินหวู่เหว่ยหันกลับมามองจุนเทียนเยว่ยามนี้สีหน้าของนางไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย เขากระแอมไอสองครั้งพลางกล่าวว่า “มู่เจินเป็นคนของตำหนักเซียนพยับหมอกเรา เช่นนั้นก็ควรลงโทษที่ตำหนักเซียนพยับหมอก เหตุใดเราไม่ … ”
”เงียบไปเลย!”
”เจ้าจะทำอะไรได้? ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับตำหนักเซียนพยับหมอกของเจ้า ! เจ้ายังกล้ามาอ้างแบบนี้อีกกระนั้นหรือ ? ผู้ใดจะรู้เกิดเจ้าปล่อยนางไปล่ะ !”
ไป๋ฉางเฟิ่งและฉิวชู่หรง ผู้ซึ่งกำลังทะเลาะกันอย่างที่ไม่มีใครสามารถห้ามปรามได้ แต่ครั้นได้ยินว่าเขากล้าที่จะเอ่ยปากให้ทิ้งมู่เจินไว้ที่นี่ ทั้งคู่ก็หันมามองเขาอย่างดุดัน พลางตวาดออกมาอย่างโกรธเคือง
ใบหน้าของเหวินหวู่เหว่ยเปลี่ยนเป็นสีแดงเขาจะอดกลั้นได้อย่างไร ในเมื่อเขาเป็นถึงผู้นำของตำหนักเซียนพยับหมอก ?
แต่เพื่อภรรยาและลูกๆ ของเขา เขาต้องอดกลั้น !
”ไว้ค่อยทะเลาะกันทีหลังเถอะข้ามาที่นี่เพื่อเอาเมล็ดองุ่นเลือด” ไป๋หยาน เหลือบมองชายชราทั้งหลาย พลางเอ่ยกล่าวออกมาด้วยความเบื่อหน่าย
“ความจำของข้าไม่ได้เรื่องเลย”จุนเทียนเยว่กล่าว พลางจ้องมองเหวินหวู่เหว่ย “เจ้ามัวทำอะไรอยู่ ?” ไม่เห็นหรือไรว่าหลานสาวของเจ้าต้องการเมล็ดองุ่นเลือด ? ยังอีก”
”อ้อ…อ้อ…”
เหวินหวู่เหว่ยรีบตอบพลางเดินไปที่ประตู เพียงไม่นานเขาก็หยิบเมล็ดองุ่นเลือดส่งให้ไป๋หยาน
ครั้นบรรดาผู้อาวุโสเห็นเมล็ดองุ่นเลือดที่เขาหยิบมาก็ต้องการที่จะอ้าปากพูดบางอย่าง หากแต่พวกเขาก็ไม่ได้กล่าวคำใดออกมา
”หยานเอ๋อ… ” รอยยิ้มประจบประแจงปรากฏบนใบหน้าของเหวินหวู่เหว่ย
”เจ้าเรียกหยานเอ๋อหรือ ?” ไป๋ฉางเฟิ่งฮึดฮัด
ฉิวชู่หรงขมวดคิ้วเช่นกัน”เจ้าควรจะเรียกว่าแม่นางไป๋ถึงจะถูก”
เหรินอี้ไม่กล่าวคำใดทว่านัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
หัวใจของเหวินหวู่เหว่ยท้อแท้เขาถูกชายชราพวกนี้ข่มเหงมากนักแล้ว !
”เมล็ดองุ่นเลือดที่เจ้าต้องการ”
จะให้เรียกแม่นางไป๋เหวินหวู่เหว่ยก็ไม่เต็มใจเรียก อย่างไรเสียนางก็เป็นหลานสาวของเขา
แต่หากเรียกว่าหยานเอ๋อตาเฒ่าพวกนี้ก็จะทำร้ายเขา
เช่นนั้นที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะไม่เรียกเสียเลย
***จบบทยกโทษให้ข้าได้หรือไม่ (1)***
บทที่ 737 : ยกโทษให้ข้าได้หรือไม่ (1)
ไป๋หยานหยิบเมล็ดองุ่นเลือดมาจากเหวินหวู่เหว่ยนางกำมันไว้ในมือแน่นพลางกล่าวว่า “ท่านปู่ ท่านย่า ท่านตา ท่านพ่อ ท่านอาจารย์ทุกท่าน ข้าขอตัวก่อน แล้วอีกไม่นานข้าจะกลับมา”
มีเมล็ดองุ่นเลือดแล้วต่อไปก็จะเป็นวิธีการรักษาไป๋เสี่ยวเฉิน
”แล้วจะจัดการเช่นไรกับมู่เจินล่ะศิษย์รัก?” ฉิวชู่หรง จ้องมองมู่เจินอย่างโกรธแค้นพลางหันไปมองไป๋หยาน ขณะเอ่ยถาม
ไป๋หยานไตร่ตรองครุู่หนึ่ง”ข้าสัญญาว่าจะมอบมู่เจินให้กับท่านตาไปแล้ว หากพวกท่านเบื่อ ๆ ก็สามารถไปที่สำนักเวชโอสถ เพื่อดูการแสดงสนุก ๆ ได้ อย่างไรก็ตามท่านตาของข้ามีฐานะที่สูงส่งคงจะยินดีต้อนรับและดูแลพวกท่านเป็นอย่างดี”
มุมปากของไป๋ฉางเฟิ่งวาดโค้งหลายครั้งอย่างต่อเนื่องหลานสาวคนนี้ช่างเข้าใจพูด ?
”แค่กๆ !” เมื่อเห็นไป๋หยานนำชิงอี้ และคนอื่น ๆ ออกไปแล้ว ฉิวชู่หรงก็กระแอมไอสองครั้ง “เหรินอี้ ตอนนี้เราจะทำอย่างไรต่อไปดีล่ะ ?”
นัยน์ตาของเหรินอี้ครุ่นคิด”เราจะทำอะไรได้นอกจากรอให้หยานเอ๋อกลับมา นอกจากนี้ข้าจะวางใจได้อย่างไร หากเราไม่เห็นว่าเฉินเอ๋อปลอดภัย”
“มีเรื่องอะไร?” ไป๋ฉางเฟิ่งตกตะลึง รีบเอ่ยถามอย่างร้อนใจว่า “เกิดอะไรขึ้นกับเฉินเอ๋อ ? เกิดอะไรขึ้นกับเขา ?”
”คราวนี้ที่หยานเอ๋อมาที่นี่ก็เพื่อหาเมล็ดองุ่นเลือดไปรักษาเฉินเอ๋อ” เหรินอี้ถอนหายใจ “และสาเหตุที่เฉินเอ๋อได้รับบาดเจ็บก็เกิดจากบิดาของเขาเอง”
แม้เขาจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นแต่ครั้นเห็นเสี่ยวมี่ได้ยินชื่อของตี้คังแล้วแสดงความโกรธแค้นออกมา เขาก็พอเดาได้ว่า การที่เฉินเอ๋อได้รับบาดเจ็บจะต้องเกี่ยวข้องกับบิดาของตน !
หากรู้เช่นนี้ในยามนั้นเขาน่าที่จะช่วยประมุขน้อย เพื่อไม่ให้หยานเอ๋อ และเฉินเอ๋อ โดนทำร้ายเช่นนี้
“เกิดอะไรขึ้น”ความโกรธแค้นของไป๋ฉางเฟิ่งลุกโหมขึ้น “เฉินเอ๋อได้รับบาดเจ็บ และตี้คังก็มีส่วนกับเรื่องนี้ ? มันจะเป็นไปได้อย่างไร ? พวกเขาเป็นพ่อลูกกัน เฉินเอ๋อ… บาดเจ็บมากเพียงใด ? ข้าไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้หยานเอ๋ออีกเป็นแน่ !”
เฉินเอ๋อ?
เมื่อได้ยินเหล่าชายชราพูดถึงชื่อนี้เหวินหยุนเฟิงผู้ซึ่งนิ่งเงียบอยู่ก็เอ่ยถามออกมาว่า “ที่พวกท่านพูดกันนั้น ตกลงเฉินเอ๋อคือ … ”
”เขาเป็นบุตรชายของไป๋หยาน”
เปรี้ยง!
ในขณะนี้แทบจะได้ยินเสียงหัวใจของเขาแตกสลายอย่างชัดเจน เหวินหยุนเฟิงขยับริมฝีปากของเขาสองสามครั้ง อย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ฉิวชู่หรงกล่าว
เขาไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ มานานกว่า 20 ปีแล้ว กระทั่งบุตรสาวมีลูกก็ยังไม่รู้เรื่อง ?
ผู้ชายเฮงซวยคนไหน? กล้าล่อลวงบุตรสาวของเขา ?
”ผู้อาวุโสฉิว…” ปากของเหวินหยุนเฟิงเต็มไปด้วยความขมขื่น ผู้ใดก็ตามที่กว่าจะได้พบบุตรสาวของตัวเองก็ลำบากยากเย็น จู่ ๆ ต้องมารู้ว่าบุตรสาวของตนเองแต่งงานแล้ว เป็นใครก็ต้องอารมณ์เสีย
ฉิวชู่หรงปราม”ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นรอหยานเอ๋อกลับมาก่อนดีกว่า”
ประโยคนี้ทำให้เหวินหยุนเฟิงที่อยากถามพลันหยุดถ้อยคำทั้งหมดไว้ เขายิ้ม พลางพยักหน้า “ได้ ข้าจะรอให้หยานเอ๋อกลับมา … ”
*****
ไกลออกไปด้านนอกเมือง ไป๋หยานเห็นร่างเล็ก ๆ วิ่งเข้ามาหานาง นางมีความสุขมาก นางอ้าแขนออกรับร่างเล็ก ๆ นั้น
”ฮืออออออ”
จิ้งจอกตัวน้อยร้องไห้ฮือๆ ขณะพุ่งเข้าสู่อ้อมแขนของนาง ร่างเล็ก ๆ ตัวนุ่ม ๆ เหมือนผ้าฝ้ายหนา ๆ แสนอบอุ่นและสบาย
”เฉินเอ๋อหลายวันมานี้เจ้าไปอยู่ที่ใด ?” ไป๋หยานกอดร่างของไป๋เสี่ยวเฉินแน่น พลางขมวดคิ้วและเอ่ยถาม
จิ้งจอกตัวน้อยนิ่งงันเขาก้มศีรษะลง หากหม่ามี้รู้ว่าเขาไปอยู่กับป๊ะป๋าวายร้ายมาตั้งหลายวัน หม่ามี้จะว่าเขาเป็นคนทรยศหรือไม่ ?
ครั้นเห็นเด็กน้อยกำลังสับสนไป๋หยานก็ไม่ถามอะไรอีก นางหยิบเมล็ดองุ่นเลือดออกมาจากมือพลางยิ้ม
***จบบทยกโทษให้ข้าได้หรือไม่ (1)***
บทที่ 738 : ยกโทษให้ข้าได้หรือไม่ (2)
”เจ้าต้องปลอดภัยตอนนี้เราพบเมล็ดองุ่นเลือดแล้ว แม่จะพาเจ้าไปหาเฟิ่งลี่เฉิน”
นางไม่ให้โอกาสไป๋เสี่ยวเฉินได้กล่าวคำใดอีกร่างของนางว่องไวราวสายลม ตรงไปยังภูเขาที่อยู่ไม่ไกลกันนัก
เขาเฉวียงซาน
เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในตำหนักเซียนพยับหมอกบางคนบอกว่าเคยเห็นเทพบุตรเทพธิดาของแดนสวรรค์อยู่ที่นั่น เช่นนั้นเฉวียงซานจึงมีชื่อเสียงมาก ผู้คนนับไม่ถ้วนปีนขึ้นไปบนยอดเขาเพื่อดูเทพบุตรและเทพธิดา
ทว่าไม่มีผู้ใดเคยไปถึงยอดเขาจริงๆ สักคน
เฉวียงซานเป็นที่ซึ่งสัตว์ประหลาด และสัตว์ร้ายจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนอาศัยอยู่ ขนาดคนที่มีความสามารถในระดับสูงยังไม่อาจผ่านไปได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ๆ ที่ยังไม่ถึงระดับสูง ๆ เลย ?
ในขณะนี้บนยอดเขาเฉวียงซาน ที่ซึ่งเต็มไปด้วยก้อนเมฆลอยละล่อง มีกระท่อมตั้งอยู่อย่างเงียบสงบ
หน้ากระท่อมชายหนุ่มถือขลุ่ยหยก เส้นผมของเขาขาวราวเทพบุตร ทั้งเสื้อคลุมของเขาก็ขาวราวหิมะ นัยน์ตาเฉยเมยแต่ทระนงนั้นเต็มไปด้วยความห่วงหาและโศกเศร้า แม้แต่เพลงที่บรรเลงจากขลุ่ยหยกนั้นก็เศร้าเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้นสายลมก็พัดมาจากข้างหลัง ขลุ่ยหยกที่ริมฝีปากของชายผู้นั้นลดลงเล็กน้อย เสียงของเขาช่างไพเราะ และบริสุทธิ์ยิ่งกว่าที่เคยได้ยินมา
”เมล็ดองุ่นเลือดหาพบหรือไม่ ?”
ไป๋หยานหยุดอยู่ข้างหลังชายผู้นั้นนางมองชายผู้หล่อเหลาที่อยู่ตรงหน้า พลางเลิกคิ้วขึ้นอย่างนุ่มนวล “หาเมล็ดองุ่นเลือดพบแล้ว ข้าจึงกลับมาพบท่านตามสัญญา ท่านจะช่วยเขาเช่นไร ?”
วันนั้นก่อนที่นางจะไปจากที่นี่เฟิงลี่เฉินบอกนางว่า หากนางพบเมล็ดองุ่นเลือด นางก็จะต้องมาหาเขาที่เขาเฉวียงซาน
มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถช่วยให้ไป๋เสี่ยวเฉินกลับมาเหมือนเดิมได้
”ส่งเมล็ดองุ่นเลือดมาให้ข้า”
ชายหนุ่มหันกลับไปมองไป๋หยานอย่างช้าๆ ด้วยดวงตาเฉยเมย หากแต่ริมฝีปากของเขายกโค้งขึ้นเล็กน้อย
ไป๋หยานลังเลทว่าก็หยิบเมล็ดองุ่นเลือดออกมา
ไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงเชื่อว่าชายผู้นี้จะสามารถช่วยไป๋เสี่ยวเฉินได้
ชายหนุ่มแย้มยิ้มพลางหยิบกริชออกมาจากนั้นก็กรีดนิ้วของตน กระทั่งเลือดไหลจากบาดแผลของเขารดลงบนเมล็ดองุ่นเลือด
”เจ้า… ”
ไป๋หยานนิ่งงันนางมองใบหน้าซีด ๆ ของชายผู้นั้น ด้วยหัวใจสั่นระริก
หากเดาไม่ผิดเฟิงลี่เฉินจะใช้โลหิตธาตุของเขาหล่อเลี้ยงเมล็ดองุ่นเลือดนั่นใช่หรือไม่ ?
แน่นอนเพียงไม่กี่อึดใจเมล็ดองุ่นเลือดก็ค่อย ๆ งอกออก ตุ่มสีแดงเลือดพลันโผล่ขึ้นท่ามกลางสายลม
”เหตุใดท่านจึงยอมช่วยข้าเช่นนี้?” หัวใจของไป๋หยานพลันรู้สึกซับซ้อนมาก
เหตุใดเขาถึงยื่นมือช่วยเหลือนางหลายต่อหลายครั้ง
นัยน์ตาของเฟิงลี่เฉินฉายแววเจ็บปวดที่มิอาจปิดบัง
ช่วยนางทำไมกระนั้นรึ?
เพราะ…เขาติดค้างนาง
”บางทีเราอาจเคยมีกรรมร่วมกันมา” เฟิงลี่เฉินเอ่ยพลางยิ้มน้อย ๆ “แม่สาวน้อย เจ้าสบายใจได้ ข้าเพียงอยากช่วยเจ้า นี่เป็นความสมัครใจของข้าเอง”
เวลาค่อยๆ ผ่านไป ภายใต้หยาดโลหิตของเฟิงลี่เฉินทำให้เมล็ดองุ่นเลือดงอกงามจนผลิดอก
ไม่นานดอกไม้ที่มีเสน่ห์งดงามก็ชูก้านเด่นท่ามกลางสายลมทั้งยังเปล่งแสงแห่งพลังวิญญาณอีกด้วย
ไป๋หยานรู้สึกว่าหากนางเฝ้ามองเมล็ดองุ่นเลือดนี้ วิญญาณของนางก็จะถูกดูดซับไป
“เมล็ดองุ่นเลือดถูกข้ากระตุ้นให้เบ่งบานแล้วเจ้าก็แค่กินมัน เพียงไม่นานนับจากนี้เจ้าก็จะสามารถฟื้นตัวได้” เฟิงลี่เฉินสะบัดนิ้ว
เมล็ดองุ่นเลือดเปลี่ยนเป็นแสงสีแดงพุ่งตรงเข้าไปในปากของจิ้งจอกน้อยทันที
จิ้งจอกน้อยรู้สึกเจ็บปวดแม้จะอยู่ในอ้อมแขนของไป๋หยานเขาอ้าปากสะอื้นไห้ นัยน์ตากลมโตคู่นั้นเต็มไปด้วยน้ำหยาดตาแห่งความเจ็บปวด และหมดสิ้นหนทาง
”เฉินเอ๋อ?” ครั้นเห็นความเจ็บปวดของไป๋เสี่ยวเฉิน สีหน้าของไป๋หยาน ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก นางเอ่ยถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า “ต้องใช้เวลานานเท่าใด ?”
***จบบทยกโทษให้ข้าได้หรือไม่ (2)***
บทที่ 739 : ยกโทษให้ข้าได้หรือไม่ (3)
ทว่า…
ทันทีที่ไป๋หยานจบประโยคไป๋เสี่ยวเฉินก็สงบลง เขานอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของไป๋หยาน พร้อมกับหลับตาลงอย่างเงียบ ๆ จากนั้นสัญญลักษณ์ที่มีลวดลายงดงามเหมือนเถาองุ่นก็ปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเขา
“เขาไม่เป็นไรแล้วเมื่อเขาหายดีเขาจะตื่นขึ้นเอง ปล่อยให้เขาได้พักผ่อนในห้องก่อน” เฟิงลี่เฉินตวัดสายตาไปมองบ้านมุงแฝกอีกด้านหนึ่ง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย ฟังดูบริสุทธิ์ และไร้ที่ติ
ไป๋หยานพยักหน้าเล็กน้อยจากนั้นก็เดินไปที่กระท่อมโดยอุ้มไป๋เสี่ยวเฉินไว้ในอ้อมแขน นางวางร่างของไป๋เสี่ยวเฉินลงบนเตียงอย่างทะนุถนอมก่อนจะเดินออกจากกระท่อม
”ท่านเป็นเช่นไรบ้าง?”
โลหิตธาตุคือพลังงานของผู้ฝึกฝนและเฟิงลี่เฉินก็สูญเสียโลหิตธาตุไปเป็นจำนวนมาก เช่นนั้นไป๋หยานจึงควรห่วงใยเขา
”แค่ก!” สายลมพัดผ่านร่างของเฟิงลี่เฉินเบา ๆ เขาไอออกมาสองครั้ง ทว่ามุมปากกลับยกยิ้มอย่างอ่อนโยน “ข้าไม่เป็นไร เจ้าอย่าได้กังวลเลย … ”
เขายกมือขึ้นอย่างเคยชินเพื่อที่จะลูบศีรษะของไป๋หยาน หากแต่เมื่อเขารู้สึกตัวว่ากำลังทำอะไรลงไปนั้น นิ้วมือของเขาพลันแข็งค้างเล็กน้อย
”ขอบคุณ”
ไป๋หยานไม่ตระหนักว่าเฟิงลี่เฉินแลดูแตกต่างไปจากเดิมนางสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะกอดเขาเพื่อขอบคุณ
”หากมิใช่เพราะท่านเฉินเอ๋อก็คงไม่กลับมาหายดีดังเดิม ทว่าข้าเองก็มักจะรู้สึกเหมือน เราเคยพบกันมาก่อน หรือท่านเคยเป็นพี่ชายของข้าในชาติก่อน ?
พี่ชาย?
ร่างของชายหนุ่มแข็งทื่อนัยน์ตาของเขาจับจ้องอยู่ที่สตรีผู้ซึ่งกำลังโอบกอดเขาอยู่ รอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏขึ้นบนมุมปากของเขา
เขามักจะคิดว่าน้องสาวตัวน้อยที่คอยติดตามเขามาตั้งแต่เด็กเมื่อโตขึ้นนางจะต้องเป็นภรรยาของเขา และในปีนั้น นางก็เกือบจะกลายเป็นภรรยาของเขาจริง ๆ แล้ว
หากเขาไม่เลือกทางผิดเขาก็คงจะไม่ต้องเสียใจมานานหลายปีเช่นนี้
“ก็อาจจะนะ”ชายผู้นั้นถอนหายใจ พลางตบหลังนางเบา ๆ
จะเป็นการดีกว่าที่นางจะลืมทุกอย่างเสียอย่างน้อยก็ดีกว่านางเกลียดเขา
*****
”หยานเอ๋อนั่นเจ้ากำลังทำอะไรอยู่”
ทันใดนั้นเองสุ้มเสียงที่คุ้นเคยพลันดังมาจากด้านหลังไป๋หยานเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด ส่งผลให้ร่างของไป๋หยานชะงักค้าง
นางเบือนหน้ากลับเล็กน้อยสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาของนางก็คือนัยน์ตาเรียวคมที่เต็มไปด้วยความโกรธ
ชายผู้นี้เกิดมาเพื่อข่มผู้คนจริงๆ แม้หน้าตาจะยังหล่อเหลาไร้ที่ติแต่ก็ดูเสื่อมโทรมกว่าเมื่อสองสามเดือนก่อนหน้านี้ หมัดของเขากำแน่น กระทั่งไป๋หยานสามารถได้ยินเสียงกระดูกดังเป๊าะ ๆ
”ตี้คัง!”
ครั้นไป๋หยานเห็นตี้คังความโกรธของนางก็พุ่งพรวดขึ้น
แม้คราก่อนตี้คังจะใช้พลังของเขาปกป้องนางหากแต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะสามารถให้อภัยเขาได้ !
นางไม่มีวันลืมว่าชายผู้นี้ปิดบังนางจนเกิดเรื่องมากมาย!
แน่นอนว่าหากตี้คังไม่ได้ช่วยชีวิตนางไว้ ในตอนนี้นางคงต้องต่อสู้กับเขาแล้ว !
บูม!
แรงผลักดันของตี้คังควบแน่นอัดอยู่ทั่วทั้งภูเขา
แววตามืดหม่นของเขาเปล่งประกายแสงเย็นยะเยือก เขาวาดมือกลางอากาศ พลันดาบยาว ๆ นับไม่ถ้วนก็มารวมตัวกันกลางอากาศจนแน่นหนา จากนั้นเขาก็ผลักดาบออกไปด้วยแรงมหาศาล
ร่างเฟิงลี่เฉินเปล่งประกายแสงแล้วก็หายไปจากสถานที่นั้นทันที
ดาบที่ทรงพลังตกลงบนภูเขาจากนั้นทั้งภูเขาก็ถูกตัดแบ่งเป็นส่วน ๆ ด้วยพลังอันแข็งแกร่ง แม้ว่าภูเขาจะสูงมาก ทว่าก็สามารถได้ยินเสียงที่ดังสนั่นได้ชัดเจน
ฝุ่นกระจัดกระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่งพายุพัดแปรปรวน
”หยุดนะ!”
ครั้นเห็นว่าชายทั้งสองกำลังต่อสู้กันใบหน้าของไป๋หยานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยนางกล่าวด้วยความโกรธว่า “หากพวกท่านต้องการจะต่อสู้ก็ออกไปให้พ้นจากที่นี่ ! หาไม่แล้วพวกท่านต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา หากเฉินเอ๋อได้รับอันตราย ! ”
ร่างของชายทั้งสองที่พุ่งเข้าหากันราวสายลมพัดแรงทว่าในเวลานี้กระแสลมทั้งหมดดูเหมือนจะหายไป ร่างของพวกเขาหายไปอย่างกระทันหัน
***จบบทยกโทษให้ข้าได้หรือไม่ (3)***
บทที่ 740 : ยกโทษให้ข้าได้หรือไม่ (4)
ตี้คังอยู่บนท้องฟ้ามือของเขาไพล่อยู่ด้านหลัง เรือนผมสีเงินยาวของเขาสวยงามและดึงดูดใจ เขาเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอาการเยาะเย้ย
”หยานเอ๋อเป็นภรรยาของข้า ต่อไปหากเจ้ากล้าแตะต้องนางอีก ข้าจะตัดมือของเจ้าซะ !”
เฟิงลี่เฉินยกริมฝีปากขึ้นยิ้มอย่างเฉยเมยแต่ก็มีเสน่ห์เหมือนเทพบุตร “หากนางยอม เจ้าก็ไม่สามารถขวางได้”
”ข้าขวางนางไม่ได้แต่ข้าก็สามารถบีบคอพวกมดแดงที่แฝงข้าง ๆ นางได้ ! มาหนึ่งก็ฆ่าหนึ่ง มาสองก็ฆ่าสอง ! นางถูกกำหนดให้เป็นภรรยาของข้าชั่วชีวิต !”
แววตาที่เย็นยะเยือกของตี้คังกราดมองไปที่เฟิงลี่เฉินจากนั้น เขาก็ก้าวลงจากฟ้า เมื่อเขามาถึงเบื้องหน้าไป๋หยาน ความเย่อหยิ่งยโสในแววตาของเขาก็มลายหายไป
นัยน์ตาเรียวคมของเขาจ้องมองใบหน้าหญิงสาวแน่วแน่
”หยานเอ๋อข้าสามารถอธิบายเรื่องทั้งหมดให้เจ้าฟังได้ ในวันนั้น … ” เสียงที่แห้งแล้งของเขาแหบพร่าเล็กน้อย เขาจับมือเรียวงามของไป๋หยานแน่น “ข้าถูกใครบางคนวางแผนใส่ร้าย ในวันนั้น ชายคนนั้นไม่ใช่ข้า ทั้งข้าก็ไม่ได้ส่งคนมาไล่ล่าเจ้า และเฉินเอ๋อ มันคือตัวปลอมที่ราชครูเตรียมไว้ให้ข้า ข้า … ”
ร่างของไป๋หยานค่อนข้างแข็งทื่ออารมณ์นับไม่ถ้วนอัดแน่นอยู่ในแววตา หัวใจที่เคยแข็งแกร่งของนาง พลันอ่อนยวบลงด้วยคำพูดของเขา
ทว่าที่สุดนางก็กล่าวออกมาคำหนึ่ง
”อืม”
อืม?
ตี้คังตกใจมาก“อืม” แปลว่าอะไร ?
”หยานเอ๋อเจ้าไม่เชื่อข้ากระนั้นหรือ ?”
”ข้าเชื่อ”
นางเคยบอกแล้วว่าหากเขาอธิบายให้นางฟัง นางจะเชื่อเขา
ทว่า…
”เจ้ายกโทษให้ข้าใช่หรือไม่?” ตี้คังมีความสุขมาก เขาจับมือไป๋หยานแน่น
ไป๋หยานเอียงศีรษะพลางมองชายเบื้องหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ลองเดาสิ ?”
”ข้า… ” นัยน์ตาของตี้คังผิดปกติเล็กน้อย “ข้าไม่เดาได้หรือไม่ ?”
”เช่นนั้นก็ออกไปจากที่นี่เสีย!” อกของไป๋หยานอัดแน่นด้วยความโกรธ นางหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับความโกรธ
ตี้คังมองไปที่ชายผู้ซึ่งยังคงยืนนิ่งอยู่บนท้องฟ้าเขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ภาพที่ไป๋หยานโอบกอดชายผู้นั้นเมื่อครู่พลันปรากฏในสมอง ทำให้ยามนี้เขารู้สึกอิจฉามาก
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าภายในใจของเขาเจ็บปวดและโกรธเคืองมากเพียงใด ? เมื่อเขาตามกลิ่นอายของเฉินเอ๋อมา และเห็นภาพเช่นนั้นเขารู้สึกอย่างไร ?
หากแต่สำหรับไป๋หยานเขาไม่อาจโกรธนางได้ เขาสามารถระบายความโกรธของเขาได้ก็แต่กับเฟิงลี่เฉินเท่านั้น
”ข้าจะไม่ไปที่ใด!” ไม่ว่าเจ้าจะไปที่ใด ข้าก็จะตามเจ้าไป หากเจ้าไปแดนสวรรค์ข้าก็จะตามเจ้าไปแดนสวรรค์ ต่อให้เจ้าไปแดนนรกข้าจะไปกับเจ้าด้วย ! เจ้ากำจัดข้าไม่ได้หรอก”
ไป๋หยานหันสายตาไปอีกทางอย่างใจเย็น”แท้ที่จริง ก่อนหน้านี้ เมื่อข้าพบกับอันตราย ท่านทิ้งพลังอันแข็งแกร่งไว้เพื่อช่วยชีวิตข้า ข้าก็เดาได้ทันทีว่า บางทีวันนั้นข้าอาจเข้าใจท่านผิดไปจริง ๆ ”
ในวันนั้นนางรู้สึกโกรธมาก โกรธจนคิดอะไรไม่ออก ต่อมาภายหลังนางก็วุ่นวายอยู่กับการรักษาเฉินเอ๋อ แน่นอนว่านางไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องในวันนั้น
จนกระทั่งพลังที่ตี้คังทิ้งไว้ช่วยชีวิตนาง
หากตี้คังต้องการสังหารนางจริงๆ เหตุใดเขาถึงต้องมอบเครื่องรางนั้นให้นาง ? นอกจากนี้เพื่อสร้างเครื่องรางนี้เขาเองก็ต้องเสียพลังงานอย่างมากเช่นกัน
”หากแต่ท่านรู้หรือไม่ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในการที่คนสองคนจะอยู่ร่วมกัน ?”
ตี้คังสั่นศีรษะอย่างไม่เข้าใจเขามองไป๋หยานด้วยความงุนงง
”ความเชื่อใจท่านปิดบังหลายสิ่งหลายอย่างกับข้า ท่านไม่สามารถบอกเล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำให้ข้าฟังได้ เช่นนั้นแล้วท่านจะมีข้าไว้เพื่ออะไร ?”
ไป๋หยานเม้มเรียวปากของนางที่สุดนางก็มองจ้องประสานตากับตี้คัง ก่อนจะเดินไปที่กระท่อมแต่เพียงลำพัง จากนั้นก็กระแทกประตูปิดลง
***จบบทยกโทษให้ข้าได้หรือไม่ (4)***