จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 74
บทที่ 74 : ไทเฮำมีรับสั่งให้เข้ำเฝ้ำ (2)
นอกจากนี้ ภายในวังก็ยังมีศัตรูของนางอยู่ด้วย
*****
ณ พระตาหนักเฟิงหลวน
สตรีผู้หนึ่งกาลังเอนกายอยู่บนเก้าอี้นุ่มอย่างเกียจคร้าน
อย่างไรก็ตามทีท่ารวมถึงอาภรณ์สีเหลืองทองของนางก็แสดง
ให้เห็นถึงสถานะอันสูงส่งของนาง
นางกานัลคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ ผู้หนึ่งถือถาดผลไม้ อีกผู้หนึ่งยก
ถ้วยน้าชาขึ้นเหนือศีรษะอย่างเคารพนบนอบ
“ฮองเฮาเพคะ พระชายาเอกขององค์รัชทายาท ขอเข้าเฝ้าเพ
คะ” นางกานัลอีกคนเดินเข้ามาในห้องอย่างระมัดระวัง
จากนั้นก็ย่อเข่าถวายบังคม
หนิงไต้รับถ้วยน้าชาจากมือของหญิงสาวข้างกาย มาจ่อที่ริม
ฝีปากก่อนจะจิบ จากนั้นก็ค่อย ๆ วางลง
“ให้นางเข้ามา”
“เพคะ ฮองเฮา” นางกานัลรับคาสั่ง ก่อนจะเดินออกไป
จากนั้นเพียงครู่ นางกานัลคนเดิมก็เดินนาไป๋รั่วเข้ามาในห้อง
“หม่อมฉันขอถวายพระพรเสด็จแม่” ไป๋รั่วย่อเข่าเล็กน้อย
พร้อมกับก้มศีรษะลง นางพยายามทาน้าเสียงให้อ่อนโยน
และผ่อนคลายที่สุดเท่าที่นางสามารถทาได้
หนิงไต้มีท่าทีผ่อนคลาย ขณะยกมือขึ้น
“รั่วเอ๋อ รีบลุกขึ้นเถอะ เจ้ามีเรื่องสาคัญอะไรถึงมาพบข้าใน
วันนี้”
ครั้นได้ยินเช่นนั้น ไป๋รั่วก็ยืดตัวขึ้น ใบหน้าอันมีเอกลักษณ์
ของนางเผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ นางก้าวเข้าไปหาหนิงไต้อย่าง
แช่มช้า
“เสด็จแม่ ประการแรก หม่อมฉันมาถวายพระพรเสด็จแม่ใน
ยามเช้า ประการที่สอง หม่อมฉันได้ยินมาว่าไทเฮามีรับสั่งให้
ไป๋หยานพี่สาวของหม่อมฉันเข้าวัง”
“ไป๋หยาน ?”
ครั้นได้ยินชื่อนี้ หนิงไต้ก็อดที่จะขมวดคิ้วมิได้ นัยน์ตาของนาง
เปล่งประกายฉายความรังเกียจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“หญิงสกปรกผู้นั้นกล้าก้าวผ่านประตูวังหลวงของเราเข้ามา
กระนั้นหรือ ? รั่วเอ๋อ นี่เจ้าอยากเจอหญิงผู้นั้นด้วยหรือ ?”
ไป๋รั่วแสดงทีท่าเหมือนลาบากใจ ก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ
ขณะจ้องมองพระพักตร์ฮองเฮา “อย่างไรเสีย นางกับหม่อม
ฉันก็เป็นพี่น้องกัน หากเป็นเพราะหม่อมฉันแย่งองค์รัช
ทายาทมาจากนาง นางจึงมีอคติกับหม่อมฉัน จนทาให้ไม่
อยากพบหน้าหม่อมฉัน หม่อมฉันจึงมาขอพระราชทาน
อนุญาตจากเสด็จแม่ ให้เราสองพี่น้องได้พบปะกัน”
“เจ้าแย่งองค์รัชทายาทมากระนั้นรึ ? ไป๋หยานนางกล้าคิด
เช่นนั้นจริง ๆ หรือ หนิงไต้ตบโต๊ะด้วยโทสะ พระพักตร์ของ
นางแลดูน่าเกลียดอย่างมาก “ข้ากับองค์รัชทายาทไม่เคย
สนใจเรื่องที่นางเป็นคนไร้ค่า ทว่าครานั้นนางกล้าสร้างความ
เสื่อมเสียให้กับราชสกุลของเราได้อย่างไร ? เห็นได้ชัดว่านาง
เป็นคนผิด ยังกล้ากล่าวตาหนิเจ้าอีกกระนั้นหรือ ?
“เสด็จแม่ โปรดระงับโทสะด้วย” ไป๋รั่วคุกเข่าพร้อมทาเสียง
สะอึกสะอื้น “ในครานั้นพี่สาวของหม่อมฉันยังเยาว์เลยไม่รู้ดีรู้
ชั่ว กระทั่งทาผิดพลาดไป หากเสด็จแม่จะกล่าวโทษนางแล้ว
โปรดตาหนิหม่อมฉันแทนเถิดเพคะ เป็นเพราะหม่อมฉันไม่
อาจห้ามปรามนางได้ทัน นางจึงทาเรื่องน่าละอายเช่นนั้นลง
ไป… ”
ฮองเฮาทอดพระเนตรไป๋รั่วผู้ซึ่งกาลังคุกเข่าอยู่เบื้องพระ
พักตร์พร้อมกับถอนพระทัยอย่างไม่รู้จะตรัสคาใดอีก “เอาล่ะ
ๆ ข้าไม่อารมณ์เสียแล้ว เจ้าลุกขึ้นเถอะ เจ้าไม่จาเป็นต้อง
รับผิดชอบเรื่องของนาง”
“ขอบพระทัยเพคะ เสด็จแม่” ไป๋รั่วลุกขึ้นช้า ๆ จากนั้นก็
กล่าวต่อว่า “ไม่ว่าพี่สาวของหม่อมฉันจะเข้าใจหม่อมฉันผิด
เพียงไร หม่อมฉันก็อภัยให้นาง เพราะมารดาของหม่อมฉัน
สอนให้หม่อมฉันรักพี่สาวมาตั้งแต่ยังเยาว์ เช่นนั้นหม่อมฉัน
จึงให้อภัยพี่สาวได้เสมอ”
ช่างเป็นน้องสาวที่น่ารัก แสนดีเสียเหลือเกิน !
หลายปีก่อน นางเป็นคนวางแผนให้ร้ายไป๋หยาน หากแต่กลับ
ได้รับการยกย่องสรรเสริฐจากทุกผู้คน เป็นนางเองที่ผลักไป๋ห
ยานตกสู่สถานการณ์เลวร้าย จากนั้นนางก็แย่งทุกสิ่งทุกอย่าง
ที่นางต้องการมาครอบครอง
“แต่” ไป๋รั่วตีหน้าลาบากใจ … “มีบางเรื่องที่หม่อมฉันไม่
แน่ใจว่าควรกราบทูลดีหรือไม่”
“รั่วเอ๋อ หากเจ้าต้องการพูดอะไร เจ้าก็พูดออกมาเถอะ พูด
ทุกอย่างที่เจ้าคิด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าให้การสนับสนุนเจ้า
เสมอ”
ดูเหมือนหนิงไต้จะพอพระทัยพระสุณิสาคนนี้ของนางมาก
เพราะหากในครานั้นพระโอรสของนางได้อภิเษกสมรสกับ
ไป๋หยาน นางคงต้องกริ้วจนเสียสติไปจริง ๆ !
ไป๋รั่วกัดริมฝีปาก “หม่อมฉันขอพระราชทานพระกรุณาจาก
เสด็จแม่ให้รับพี่สาวของหม่อมฉันเป็นพระสนมขององค์รัช
ทายาทเพคะ !”
“ว่ากระไรนะ ?” หนิงไต้เลิกคิ้ว พร้อมตรัสด้วยความกริ้ว “นาง
แพศยาสกปรกนั่นจะเข้ามาเป็นสนมร่วมราชวงศ์กับเราได้
อย่างไร ?”