จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 86-90
บทที่ 86 : ไป๋หยานคือสตรีของข้า (1)
หนานกงหยวนลุกจากบัลลังก์ในทันทีสีหน้าท่าทางของเขาแลดูไม่ดีนัก “เกิดอะไรขึ้น ?”
ทันทีที่กล่าวจบหัวใจของเขาแทบหยุดเต้น
ด้วยเหตุที่ลำแสงสีเงินยวงพวยพุ่งลงมาจากฟากฟ้าพร้อมกับเสียงคำรามของหมาป่า
บุรุษที่แสนสง่างามผู้นั้นนั่งบนบัลลังก์ราวกับราชาผู้อยู่เหนือคนทั่วหล้า ราชาแห่งแผ่นดิน ผู้ซึ่งเป็นที่ภาคภูมิของทุกสรรพชีวิต
เส้นผมสีเงินยวงปลิวสยายตามแรงลมอย่างอิสระ บุรุษในอาภรณ์สีม่วงงามสง่า กระทั่งไม่อาจใช้ความงามใดในโลกมาเปรียบเปรย
ดวงตาเฉียงเรียวคมเปล่งประกายแห่งความองอาจทว่าปรากฏแสงแห่งความกระหายเลือดวาววับในแววตา ริมฝีปากแดงเพลิงโค้งขึ้นเล็กน้อยคล้ายจะยิ้ม
เพียงทว่า…
ในรอยยิ้มนั้นแฝงด้วยเจตนาสังหาร ภายใต้เจตนาสังหารที่เข้มข้นนั้น ก็ทำให้ผู้คนอดมิได้ที่จะก้มศีรษะลง
“อ๋องคังท่านมาที่นี่ด้วยเหตุใด ?” หนานกงหยวนเปลี่ยนอารมณ์จากเดิมทีที่เริ่มกริ้ว บัดนี้กลับเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจ จากนั้นเขาก็เหลือบไปมองหลี่กงกงผู้ซึ่งกำลังนอนกองอยู่บนพื้น เขาถึงกับขมวดคิ้ว
เจ้าขันทีโง่เง่าผู้นี้ไปกระตุ้นอะไรอ๋องคังเทพแห่งความตายกระนั้นหรือ?
หมาป่าร่อนลงมาสู่ท้องพระโรงจากนั้นก็หมอบลงกับพื้น บุรุษผู้นั่งบนบัลลังก์ลุกขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนจะก้าวเดินลงมา
เขาไพล่มือไว้ข้างหลังข้างหนึ่งขณะแผ่กลิ่นอายเย็นยะเยือกไปทั่ว
”เหตุใดข้าจึงมาที่นี่? ท่านไม่รู้จริง ๆ กระนั้นหรือ ?”
ขุนนางทุกคนต่างนิ่งงันเรื่องที่ฮ่องเต้ชื่นชมอ๋องคังมากนั้นมิใช่ความลับของเหล่าข้าราชสำนักเหล่านี้
อย่างไรก็ตามการที่อ๋องคังกล้ากล่าววาจาเช่นนี้เบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ นับเป็นครั้งแรกที่บรรดาขุนนางเหล่านี้ได้เห็น …
หนานกงหยวนขมวดพระขนงจนพระนลาฏย่นพระพักตร์แลดูไม่สบพระทัยเท่าไหร่นัก ทว่าเขาก็ไม่กล้าแสดงออก ทำได้เพียงแย้มสรวล พร้อมกับซ่อนพระอารมณ์ที่แท้จริงของตนไว้
”อ๋องคังไม่เคยเข้าร่วมประชุมข้อราชการช่วงเช้าเลยการที่ท่านมาในวันนี้ หรือมีผู้ใดทำให้ท่านขุ่นเคือง ? ”
ตี้คังเงยหน้าขึ้นมองหนานกงหยวน”ตกลงนี่ท่านรู้หรือไม่รู้กันแน่ ? หากท่านมิใช่ผู้อนุญาต เหตุใดฮองเฮาของท่านจึงกล้าจัดการอภิเษกให้ข้า ?”
กระไรนะ?
หนานกงหยวนตกพระทัยกระทั่งพระพักตร์เปลี่ยนสี ในพระอุระเต็มไปด้วยความกริ้ว
นางหญิงเฮงซวยผู้นั้นกล้าจัดการเรื่องอภิเษกให้อ๋องคัง!
แม้แต่เราเองซึ่งเป็นฮ่องเต้ยังไม่กล้ากระทำเช่นนั้นเลย !
”ส่งคนไปเชิญเสด็จฮองเฮามาที่นี่!” หนานกงหยวนกริ้วอย่างแท้จริง แม้แต่สุรเสียงของเขาก็ยังฟังเย็นชา ยามมีกระแสรับสั่ง
ขุนนางทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงความโกรธเคืองในพระสุรเสียงต่างก็ก้มศีรษะลง ไม่กล้ากล่าวคำใดออกมาอีก
เพียงชั่วอึดใจขันทีอีกคนก็เดินนำฮองเฮาผู้งามสง่าเข้ามา หนิงไต้เดินตามขันทีผู้นั้นเข้ามาอย่างแช่มช้า
นางเห็นหลี่กงกงผู้ซึ่งยังไม่สามารถลุกขึ้นจากพื้นได้แล้วนางก็มองไปที่ด้านหลังของอ๋องคัง ทันใดนั้นเองหัวใจของนางพลันเต้นตูมตาม
”ถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ”
หนิงไต้ถอนสายตานางเดินเยื้องกรายมาหยุดเบื้องหน้าพระสวามี ก่อนจะย่อเข่าลงเล็กน้อยทักทายตามมารยาท “ไม่ทราบพระองค์ทรงมีพระประสงค์สิ่งใดจึงมีกระแสรับสั่งให้หม่อมฉันเข้าเฝ้าเพคะ”
พระพักตร์ของหนานกงหยวนยามนี้กริ้วจัด“ฮองเฮา ข้าได้ยินมาว่าเจ้าจัดการอภิเษกให้กับอ๋องคังกระนั้นรึ ?”
ครั้นได้ยินเช่นนั้นหนิงไต้ก็เงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ นางเม้มปากแน่น ก่อนจะกล่าวตอบออกมาว่า “ถูกต้องแล้วเพคะ หม่อมฉันเห็นว่าอ๋องคังอยู่เพียงลำพังมานานหลายปี ซึ่งนั่นมิใช่เรื่องง่ายเลย เช่นนั้นหม่อมฉันจึงตั้งใจแบ่งเบาภาระของอ๋องคัง โดยจัดการให้บุตรสาวจากบ้านสกุลไป๋ ไป๋จื่อถวายตัวเป็นชายาของเขา ไป๋จื่อนั้นไม่เพียงแต่งดงาม นางยังเพียบพร้อมด้วยคุณธรรม ทั้งยังมากด้วยน้ำใจ คู่ควรกับอ๋องคังเป็นอย่างยิ่ง”
ครั้นหนานกงหยวนได้ยินก็ยิ่งมีโทโส”ฮองเฮาดูเหมือนว่า ที่ผ่านมาเราจะตามใจเจ้ามากเกินไปแล้ว”
”ฝ่าบาท!” หนิงไต้คุกเข่าลงด้วยความหวาดกลัว “ทรงมีพระเมตตา หม่อมฉันไม่มีทางเลือกจึงต้องกระทำเช่นนั้น อ๋องคังใกล้ชิดกับไป๋หยาน สตรีผู้นั้นมิใช่สาวพรหมจรรย์ นางมิคู่ควรกับตำแหน่งพระชายา ทว่าหม่อมฉันไม่อาจแยกอ๋องคังกับไป๋หยานได้ หม่อมฉันจึงให้ไป๋หยานแต่งเข้าเป็นพระสนมในตำหนักอ๋องคังแทน พวกนางทั้งสองต่างก็เป็นพี่น้องกันก็คงจะช่วยกันปรนนิบัติอ๋องคังได้เป็นอย่างดี เช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดกระนั้นหรือ ? ”
ถ้อยคำของนางฟังราวกับว่าการกระทำทั้งหมดนั้น เป็นไปเพื่อช่วยรักษาชื่อเสียงของราชวงศ์รวมถึงตี้คัง หาใช่ความเห็นแก่ตัวของนางเองไม่
***จบบทไป๋หยานคือสตรีของข้า (1)***
บทที่ 87 : ไป๋หยานคือสตรีของข้า (2)
ครั้นได้ยินคำแก้ตัวของฮองเฮาบรรดาขุนนางต่างก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กัน
พวกเขาทุกคนต่างเคยได้ยินมาว่าในงานเลี้ยงต้อนรับไป๋หยานค่ำคืนนั้นไป๋หยานสนิทสนมกับอ๋องคังมาก บัดนี้ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองน่าที่จะเป็นเรื่องจริงแล้ว
ทว่าไป๋หยานมีชื่อเสียงไม่ดีเป็นที่รู้โดยทั่วกันนางจะคู่ควรกับอ๋องคังกระนั้นหรือ ?
”อ๋องคังเรื่องนี้ … ” หนานกงหยวนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาอดไม่ได้ที่จะมองชายหนุ่มผู้อยู่เบื้องหน้า
นัยน์ตาเย็นยะเยือกของตี้คังมองไปทางหนิงไต้เขาเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะลดสายตามองหนิงไต้ผู้ซึ่งกำลังคุกเข่าอยู่อย่างข่ม ๆ
”ไป๋จื่อหญิงผู้นั้นไม่มีดีอะไรมากไปกว่าเป็นบุตรสาวของหญิงละโมบโลภมากอยากได้ของหมั้นของเด็กสาวกำพร้าคนหนึ่ง หญิงเช่นนี้เจ้าจะเรียกว่างดงาม เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมได้อย่างไร”
น้ำเสียงของชายหนุ่มฟังดูมืดมนกระทั่งหนิงไต้ตัวสั่นเทา
เรื่องที่บ้านสกุลไป๋ยักยอกของหมั้นของหลานเยี่ยนั้นนางย่อมรู้ดีกว่าผู้ใด ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ไป๋รั่วได้ถวายของกำนัลทั้งเครื่องประดับเงิน เครื่องประดับทองให้แก่นางมากมายหลายชิ้น ส่วนใหญ่ก็ล้วนมาจากของหมั้นเหล่านั้น
ทว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับไป๋จื่อที่ตรงไหน?
หนิงไต้ฝืนยิ้ม”ต้องมีความเข้าใจผิดบางประการเป็นแน่ นิสัยของไป๋จื่อนั้นเชื่อถือได้แน่นอน อ๋องคังท่านสามารถมั่นใจได้ว่า นอกเหนือจากรั่วเอ๋อแล้ว ไป๋จื่อเป็นสตรีที่ดีที่สุดในอาณาจักรนี้”
เมื่อมาถึงจุดนี้หนิงไต้รู้เพียงว่านางต้องผลักดันไป๋จื่อให้สำเร็จให้จงได้ นางไม่ยอมหันไปมองพระพักตร์ที่มืดมนของฮ่องเต้เลยแม้แต่น้อย
นอกจากไป๋รั่วแล้วไป๋จื่อก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วจริงหรือไม่ ? หญิงสาวทั้งสองเหมาะสมที่สุดที่จะเข้าร่วมราชวงศ์มิใช่รึ ? หญิงใดจะสามารถเทียบกับสองสาวบ้านสกุลไป๋นี้ได้กันเล่า ?
”สตรีทุกคนในโลกนี้ตายกันหมดแล้วกระนั้นหรือ? ผู้หญิงที่ทำแต่เรื่องเลวร้ายเยี่ยงหญิงสาวทั้งสองนางนี้ถึงถูกยกย่องว่าเป็นสตรีที่ดีที่สุดได้ ?” ตี้คังหัวเราะเยาะ “ในสายตาของข้า แม้แต่สุนัขตัวเมียก็ยังดีกว่าหญิงทั้งสองคนนั่น ! ”
ใบหน้าของหนิงไต้เปลี่ยนเป็นซีดเผือด
ต่อเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้เหตุใดอ๋องคังถึงกล้ากล่าววาจาไม่ไว้หน้าเช่นนี้ ?
นางกัดฟันกล่าวอย่างดุดัน”อ๋องคัง ท่านกล่าวเกินไปแล้ว ท่านให้ร้ายสตรีที่อ่อนแอเช่นนี้ได้อย่างไร ? ไป๋จื่อมีอะไรไม่ดี ? อย่างไรเสียนางก็ยังดีกว่าไป๋หยาน ! ”
ตี้คังอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เสียงหัวเราะของเขาเย็นยะเยือกเขาก้าวช้า ๆ เข้าไปหาหนิงไต้ที่ซึ่งยามนี้กำลังคุกเข่า ใบหน้าของนางไร้สีเลือดแลดูไม่ต่างจากซากศพ
”ประการแรกเรื่องอภิเษกของข้าหาได้ขึ้นอยู่กับเจ้าไม่”
ในฐานะราชันแห่งแดนอสูรทั้งมวลแค่มนุษย์ตัวเล็ก ๆ ถือสิทธิ์ใดมาตัดสินราชันของแดนอสูร ?
”ประการที่สองไป๋จื่อในสายตาของข้านั้นไม่แตกต่างจากสุนัขตัวเมียที่ติดสัด ! หากเจ้ากล้าที่จะเดินหน้าทำเรื่องโง่ ๆ เช่นนี้ต่อ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะหาสุนัขตัวผู้มาสมสู่กับนางแทน !”
หนิงไต้รู้สึกตกใจกับวาจาของตี้คังอย่างแท้จริงริมฝีปากของนางสั่นระริก นางไม่เคยคาดคิดว่าจะมีชายใดใช้ถ้อยคำหยาบคายสกปรกเช่นนี้ได้ !
”ประการที่สาม… ” ตี้คังหยุดเดิน เขามองหนิงไต้ผู้ซึ่งกำลังคุกเข่า ด้วยสายตาคุกคาม และหยามเหยียด ก่อนจะโน้มตัวลงตรงหน้าหนิงไต้ พร้อมกับกล่าวว่า “ผู้ชายของไป๋หยานที่เจ้ากล่าวถึงนั้น…ก็คือข้า !”
ตูม~! ! !
ราวกับสายฟ้าฟาดลงมากลางท้องพระโรงผู้คนในที่นั้นทั้งหมดต่างพากันตกตะลึงกับคำกล่าวของตี้คัง
ผู้ชายของไป๋หยานก็คือเขา? หมายความเช่นไร ?
”หกปีที่แล้วข้าถูกศัตรูวางยาพิษ ช่วงเวลานั้นข้าได้พบไป๋หยานโดยบังเอิญ จึงบังคับใจนางให้ทำตามความต้องการของข้าโดยที่นางก็มิได้เต็มใจ ! เช่นนั้นนับจากนี้ หากมีผู้ใดกล้าให้ร้ายนางอีก ข้าจะตามล่าคนผู้นั้นจนสุดหล้า ไม่ตายไม่เลิกรา ! ”
ตามล่าคนผู้นั้นจนสุดหล้าไม่ตายไม่เลิกรา !
ไม่ต้องสงสัยทุกคนต่างแน่ใจว่า ตี้คังจะกระทำตามที่ลั่นวาจาไว้อย่างแน่นอน !
หนิงไต้ตัวอ่อนระทวยก่อนจะล้มฟุบลงกับพื้น ร่างเปราะบางของนางสั่นเทา ใบหน้าซีดเผือดของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เป็นไปได้อย่างไร?
นั่นก็หมายความว่าชายที่พาไป๋หยานหนีก็คืออ๋องคังกระนั้นรึ? เช่นนั้นเด็กในครรภ์ของนางก็ต้องเป็นลูกของเขาด้วยงั้นสิ ?
***จบบทไป๋หยานคือสตรีของข้า (2)***
บทที่ 88 : ปลดฮองเฮา
หนีตามกัน? ….
ราวกับถูกฉีดเลือดไก่(ฉีดเลือดไก่ คือวิธีการรักษาที่นิยมในประเทศจีนช่วงทศวรรษที่ 1960 ถึงช่วงต้นของการปฏิวัติวัฒนธรรม เชื่อว่าจะทำให้ร่างกายแข็งแรงเหมือนยาวิเศษรักษาสารพัดโรค (万能) โดยฉีดเลือดไก่สดๆ เข้าทางเส้นเลือดของคน) หนิงไต้รีบลุกขึ้นจากพื้นทันที “อ๋องคัง ท่านกล่าวว่าผู้ชายของไป๋หยานก็คือท่าน เช่นนั้นผู้ใดเป็นคนพานางหนีไปเมื่อหกปีก่อนล่ะ ?”
หลายปีที่ผ่านมานี้อ๋องคังอาศัยอยู่ในเมืองนี้ เช่นนั้นเขาจะเป็นชายคนนั้นได้อย่างไร ?
”แล้วเจ้าเคยเห็นชายผู้นั้นด้วยตาตนเองหรือไม่ล่ะตอนที่ไป๋หยานหนีตามผู้ชายไปน่ะ ?” แววตาของตี้คังวาววับ มุมปากโค้งขึ้นแลดูเหมือนรอยยิ้มกระหายเลือด
บรรดาขุนนางต่างก็รู้สึกสับสน
จะว่าไปแล้วก็เป็นเช่นที่ตี้คังกล่าวมา พวกเขาเพียงได้ยินข่าวลือเรื่องที่นางหนีตามผู้ชาย ทว่าก็ไม่มีผู้ใดเคยเห็นกับตาเลยสักคน
เช่นนี้ยังต้องกล่าวคำใดอีกล่ะ?
“พอได้แล้ว!” หนานกงหยวนกระแทกโต๊ะอย่างสุดที่จะทน “ฮองเฮา เจ้ายังทำตัวน่าละอายไม่พออีกกระนั้นหรือ ? เจ้าควรกลับไปที่ตำหนักแล้วนั่งสำนึกผิด หากปราศจากคำสั่งของเรา ห้ามเจ้าออกจากตำหนักเฟิงหลวน !”
พระพักตร์ของหนิงไต้ซีดลงอีกเล็กน้อยนางก้มพระเศียรรับ “เพคะ ฝ่าบาท …. ”
อย่างไรก็ตามขณะที่นางหันหลัง เพื่อจะเดินจากไปนั้น น้ำเสียงที่เย็นชาดุดันก็ดังขึ้นจากด้านหลังอีกครา
”แค่นี้เองหรือสำหรับการที่นางพยายามจัดการเรื่องการอภิเษกของข้า?”
หนานกงหยวนนิ่งงันก่อนจะตรัสอย่างละอายใจขึ้นว่า “อ๋องคัง ฮองเฮาของเรานั้นอาจโง่เขลา และไม่รู้ดีชั่ว ทว่านางก็ยังคงเป็นพระมารดาขององค์รัชทายาท หากปลดนาง อาจจะก่อให้เกิดผลเสียต่อองค์รัชทายาทได้”
ตี้คังยิ้มอย่างโหดเหี้ยมไร้ปรานี”เรื่องนั้นเกี่ยวข้องอันใดกับข้าเล่า ?”
เรื่องของรัชทายาทอาณาจักรหลิงฮั่วเกี่ยวอะไรกับเขา?
ต่อให้อาณาจักรนี้ถูกทำลายลงก็หาได้เกี่ยวอะไรกับเขาไม่
หนานกงหยวนหลับพระเนตรลงอย่างช้าๆ ทรงนิ่งเป็นเวลานาน ก่อนจะลืมพระเนตรขึ้นอีกครา จากนั้นจึงตรัสด้วยสุรเสียงเคร่งเครียดเด็ดขาดว่า “พวกเจ้า ลากตัวฮองเฮาไร้ประโยชน์นางนี้ไปที่ตำหนักเย็น ห้ามออกจากตำหนักนั้นอีก ! และไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าเยี่ยมนางด้วย !”
ถึงยามนี้หนิงไต้ไม่อาจก้าวเดินได้อย่างมั่นคงอีกสืบไป นางเกือบจะล้มลงกับพื้น นางหันกลับไปมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ขณะเปล่งเสียงร้องออกมาว่า “ฝ่าบาท !”
ฮ่องเต้เชื่อฟังคำสั่งของอ๋องคังเรื่องนี้จะเป็นไปได้อย่างไร … ?
“พวกเจ้ายังมัวยืนเฉยอยู่ไย? ลากนางออกไปสิ !” หนานกงหยวนไม่อาจยับยั้งสิ่งใดได้แล้ว เขาหันไปทางตี้คัง “อ๋องคัง ลงโทษเช่นนี้ดีหรือไม่ ?”
ก็ดี…
ตี้คังกล่าวเยาะๆ
ในเมื่อฮองเฮากล้าที่จะตัดสินใจเรื่องการอภิเษกของเขาก็มีแต่การปลดนางเท่านั้น ถึงจะสามารถลดทอนความพิโรธของราชันอสูรลงได้
ตี้คังถอนสายตาที่เย็นชาเขาสะบัดแขนเสื้อพลางตรงไปที่เลื่อนบัลลังก์ แล้วนั่งลง
”ไปบ้านสกุลหลาน!”
ฝูงหมาป่าสีเงินต่างก็หอนรับก่อนจะทะยานตัวขึ้น กลายเป็นลำแสงสีเงินพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าในทันที
หนานกงหยวนทอดพระเนตรตามตี้คังที่ลับตาไปแล้วก่อนจะถอนพระปัสสาสะด้วยความโล่งพระอุระ เขาไม่รู้เลยว่าบนพระนลาฏยามนี้เปียกโชกไปด้วยพระเสโท
และดูเหมือนว่าพระองค์เพิ่งจะทรงตระหนักถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจของเหล่าขุนนางหนานกงหยวนรีบตรัสด้วยสุรเสียงเย็น ๆ ว่า “ปิดการประชุมเช้านี้ !”
จากนั้นฮ่องเต้ก็เสด็จออกจากท้องพระโรงโดยไม่มีกระแสรับสั่งกับผู้ใดอีกเลย
อย่างไรก็ตามหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เรื่องที่หนานกงหยวนเกรงกลัวอ๋องคังก็แพร่สะพัดไปทั่วราชอาณาจักรราวไฟไหม้ป่า
*****
ก่อนสิ้นการประชุมขุนนางในท้องพระโรงวันนี้ข่าวของไป๋จื่อที่ว่าจะได้เป็นชายาของอ๋องคังก็ดังกระฉ่อนไปทั่วเมือง
สตรีมากมายต่างก็อิจฉาริษยาไป๋จื่อทุกคนต่างก็กระหายอยากจะแทนที่นาง ทว่าผู้ใดใช้ให้ไป๋จื่อมีบิดาที่ทรงอำนาจ ทั้งยังมีพี่สาวเป็นถึงพระชายาอีกเล่า
ในขณะนี้ที่บ้านสกุลหลานไป๋หยานกำลังนอนเอนกายบนเก้าอี้ตัวยาวภายในศาลา ในมือของนางถือจดหมายที่ผูกขานกพิราบสื่อสารมา
ไป๋หยานเปิดจดหมายออกแล้วอ่านตัวอักษรที่เขียนโย้ไปเย้มาทีละบรรทัด
”หม่ามี้ลูกได้ยินมาว่า ป๊ะป๋ากำลังจะแต่งงานกับหญิงชั่วจากบ้านสกุลไป๋ หากป๊ะป๋าเต็มใจแต่งงานกับผู้หญิงเลวร้ายคนนั้น ป๊ะป๋าก็คงเป็นคนไม่มีวิสัยทัศน์ เช่นนั้นลูกคิดว่าอย่างไรเสียพ่อบุญธรรมก็ดีกว่ามาก…. ”
ลงชื่อ: ลูกชายที่น่ารัก และหล่อเหลาที่สุดของหม่ามี้ ไป๋เสี่ยวเฉิน
เนื่องจากเด็กน้อยไม่ได้รับอนุญาตให้มาพบนางเช่นนั้นเขาจึงทำได้เพียงส่งจดหมาย เพื่อสนทนากับมารดาของตนเท่านั้น
***จบบทปลดฮองเฮา***
บทที่ 89 : เป็นพระสนม ? (1)
ทันใดนั้นเองหลานเสี่ยวหยุนก็วิ่งผลุนผลันมาจากหน้าบ้าน เนื่องจากนางวิ่งมาอย่างไวมาก ทำให้เด็กสาวเกือบจะสะดุดคะมำ โชคดีที่มีสาวใช้อยู่ข้าง ๆ คอยช่วยพยุงนางไว้
”พี่ไป๋หยาน!”
หลานเสี่ยวหยุนเกาะเสาไว้ใบหน้าของนางแดงก่ำจากความเหน็ดเหนื่อย “พี่ได้ยินข่าวลือข้างนอกบ้างหรือไม่ ?”
ไป๋หยานเก็บจดหมายมุมปากของนางยกขึ้นก่อให้เกิดรอยยิ้ม “เจ้าหมายถึง เรื่องที่ไป๋จื่อจะได้เป็นชายาของอ๋องคังใช่หรือไม่ ?”
”พี่รู้แล้วกระนั้นหรือ?” หลานเสี่ยวหยุนรู้สึกโกรธตะหงิด ๆ “ไป๋จื่อ นางแพศยานั่น ก็แค่อาศัยพี่สาวของนางที่เป็นพระชายาองค์รัชทายาทเท่านั้นแหละ ในงานเลี้ยงค่ำคืนนั้น ทุกคนต่างก็เห็นว่าอ๋องคังสนใจในตัวพี่ นางก็เลยจงใจแย่งอ๋องคังเพื่อหักหน้าพี่ ! พี่ไป๋หยาน พี่ต้องไม่ยอมแพ้นางแพศยานั่นนะ !”
ไป๋หยานหัวเราะนางเท้าคางพร้อมกับโน้มตัวไปด้านข้างอย่างผ่อนคลาย “หยุนเอ๋อ เจ้าเชื่อหรือว่า คนอย่างอ๋องคังจะยอมให้ผู้อื่นควบคุม ?”
หากนางไม่รู้จักตัวตนของตี้คังดีนางก็คงจะเชื่อข่าวลือนั้นแล้วแหละ
ทว่า…
เฉินเอ๋อ…บุตรชายของนางก็เป็นจิ้งจอก หากชายผู้นั้นเป็นบิดาของบุตรชายนางจริงแล้วล่ะก็ นั่นย่อมหมายความว่าเขาก็ต้องเป็นจิ้งจอกด้วยเช่นกัน เช่นนั้นภูมิหลังของเขาย่อมไม่ธรรมดา
ต้องการควบคุมชายผู้นั้นน่ะรึก็ต้องดูว่าราชสำนักมีความสามารถพอหรือไม่ ?
”พี่ไป๋หยาน!” หลานเสี่ยวหยุนกระทืบเท้าด้วยความหงุดหงิด “ไม่ว่าอ๋องคังจะแข็งแกร่งสักเพียงใด ทว่าเขาก็เป็นเพียงอ๋องพระราชทาน หากฮองเฮามีพระเสาวนีย์ ไหนเลยเขาจะกล้าต่อต้านอำนาจของราชสำนัก เช่นนั้นข้าจึงคิดว่าเราควรจะไปหาไป๋จื่อ แล้วทำให้นางพิการซะ ! จากนั้นก็คอยดูสิว่าทางราชสำนักยังจะรับคนพิการอย่างนางไปเป็นชายาอ๋องคังอีกหรือไม่ ! ”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเนื่องจากเจ้าบ้านสกุลหลานเอาแต่นอนติดเตียงตลอดเวลา หลานเสี่ยวหยุนจึงมักถูกไป๋จื่อรังแก เมื่อเป็นเช่นนี้มีหรือที่นางจะยอมให้ไป๋จื่อสมปรารถนาในสิ่งที่ต้องการ ?
”ไม่จำเป็นต้องไปหานางหรอก”ไป๋หยานยิ้มหวานฉ่ำ “เพราะในไม่ช้านางก็จะมาหาเราเอง”
อย่างไรก็ตามทันทีที่ไป๋หยานกล่าวจบ เสียงแหลม ๆ ก็ดังทะลุทะลวงเข้ามา นั่นทำให้คิ้วเรียวงามของไป๋หยานขมวดเล็กน้อย
“ฮองเฮามีราชโองการ!”
ฮองเฮามีราชโองการรึ?
”ฮองเฮามีราชโองการใดกับสกุลหลานของเราอีก?” หลานเสี่ยวหยุนกล่าวอย่างไม่พอใจ
ในสายตาของนางฮองเฮากับบ้านสกุลไป๋ก็เป็นพวกเดียวกัน
ไป๋หยานลุกขึ้นอย่างแช่มช้าบิดร่างกายอย่างเกียจคร้าน “เราออกไปข้างนอกกันเถอะ ข้าอยากจะไปดูสิว่ามันคือเรื่องใด ?”
*****
ในขณะเดียวกันขันทีน้อยที่รับผิดชอบอัญเชิญราชโองการมายามนี้ก็กำลังยืนอยู่ในห้องโถงรับแขกพร้อมด้วยไป๋จื่อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา
ก่อนจะมาที่บ้านสกุลหลานไป๋จื่อก็ได้พบกับขันทีน้อยผู้ทำหน้าที่อัญเชิญราชโองการ นางได้รู้ความจริงจากเขาว่า ฮองเฮาไม่เพียงจะพระราชทานสมรส
ให้นางเข้าตำหนักอ๋องคังเท่านั้น หากแต่จะให้ไป๋หยานเข้าตำหนักอ๋องคังในฐานะพระสนมด้วย
สตรีที่เสียความบริสุทธิ์ไปแล้วเยี่ยงนางจะมาเป็นผู้หญิงของอ๋องคังได้อย่างไร ?
แม้แต่เป็นพระสนมก็ยังไม่คู่ควร!
สวบๆ ๆ
ภายใต้การนำของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานคนตระกูลหลานทั้งหมดต่างก็ออกมารับราชโองการ
ด้วยฐานะหนึ่งในสามตระกูลขุนนางใหญ่ในอาณาจักรนี้ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานจึงไม่จำเป็นต้องคุกเข่าต่อหน้าขันทีน้อยผู้ซึ่งทำหน้าที่ส่งสาร เขาเพียงแค่ยื่นมือด้วยทีท่านอบน้อมออกไปรับเท่านั้น
ขณะที่บรรดาบ่าวรับใช้ต่างก็คุกเข่าแสดงความเคารพ
”ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานแม่นางไป๋หยานอยู่ที่ใด ?” ขันทีผู้น้อยส่งเสียงแหลมเล็ก “ข้ามาที่นี่ก็เพื่อมอบราชโองการของฮองเฮาให้แม่นางไป๋หยาน ! ให้แม่นางไป๋หยานออกมารับราชโองการด้วย”
ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานขมวดคิ้วแน่นจนหน้าผากยับย่น “ขันทีน้อย ท่านพอจะบอกข้าหน่อยได้หรือไม่ว่าเนื้อหาในนั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องใด ? ”
”ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานข้ามาพร้อมด้วยข่าวดี ให้แม่นางไป๋หยานออกมารับราชโองการโดยเร็วเถอะ”
รึไม่จริง?
สำหรับสตรีที่สูญเสียพรหมจารีได้เป็นพระสนมของคนในราชวงศ์ก็นับว่าดีมากแล้วจริงหรือไม่ ?
ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานขยิบตาให้ชายที่อยู่ข้างๆ เขา เป็นสัญญาณให้ไปตามไป๋หยาน เขาคิดว่าน่าจะเป็นการดีที่สุด หากจะเรียกหลานสาวออกมา ก่อนที่จะตัดสินใจสิ่งใดลงไป แต่ก่อนที่บ่าวรับใช้จะทันได้ก้าวออกไป ไป๋หยานก็เดินออกมาจากด้านหลังพอดี
***จบบทเป็นพระสนม ? (1)***
บทที่ 90 : เป็นพระสนม ? (2)
”ฮึ!”
ครั้นไป๋จื่อเห็นสตรีที่นางชิงชังเดินออกมานางก็ทำเสียง “ฮึ” พร้อมกับจ้องมองอย่างโกรธแค้น
”ท่านปู่”
หลานเสี่ยวหยุนรีบวิ่งเข้าไปยืนข้างๆ ปู่ของนาง จากนั้นนางก็ปรายหางตาไปมองไป๋จื่อผู้ซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ขันทีน้อย “ไป๋จื่อ นางผู้หญิงต่ำตม ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าเข้ามาในบ้านสกุลหลานของข้า ออกไปซะ !”
ไป๋จื่อก้าวไปข้างหน้าสองก้าวนางยืดอกขึ้น ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงสูง “ก็แล้วเหตุใดข้าถึงมาบ้านสกุลหลานไม่ได้เล่า ? อีกไม่นานอาณาจักรนี้ทั้งอาณาจักรก็จะเป็นของพี่สาวและพี่เขยข้า พื้นดินของบ้านสกุลหลานนี่ย่อมต้องเป็นของข้า ! หรือไม่ หากเจ้ายั่วโมโหข้าอีกครั้ง ข้าจะจับเจ้าโยนออกจากอาณาจักรนี้ ! ”
หลานเสี่ยวหยุนใบหน้าแดงก่ำนางจ้องมองไป๋จื่ออย่างโกรธจัด อยากจะบริพาษออกไปสักพันคำ ทว่าที่สุดแล้วกลับหลุดออกมาได้เพียง 3 คำ “ไร้ยางอาย !”
ไป๋หยานมองหลานเสี่ยวหยุนแล้วนางอดไม่ได้ที่จะยิ้ม
แม้ว่าหลานเสี่ยวหยุนจะมีบุคลิกคล้ายแม่มดน้อยที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์หากแต่แท้จริง พวกนางก็มีความแตกต่างกันมากพอควร
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากแม่มดน้อยอยู่ที่นี่แล้วล่ะก็ไป๋จื่อจะต้องเป็นผู้กรีดร้องอย่างบ้าคลั่งแทน
อืม…
นางชักจะคิดถึงแม่มดตัวน้อยคนนั้นแล้วสิ
ไป๋จื่อมองหลานเสี่ยวหยุนอย่างดูถูกเหยียดหยามทว่านางขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียง นางหันกลับไปหาขันทีน้อย “เจ้าจะรออะไรอยู่อีกรีบอ่านราชโองการสิ !”
ครั้นได้ยินเช่นนั้นขันทีน้อยก็กระแอมล้างคอ ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าพร้อมประกาศว่า “ฮองเฮามีพระบัญชา ให้ไป๋หยาน บุตรสาวบ้านสกุลไป๋ ซึ่งอ๋องคังถูกตาต้องใจ อภิเษกกับอ๋องคังในฐานะพระสนม ส่วนวันและเวลาจะกำหนดขึ้นในภายหลัง”
เมื่อขันทีน้อยประกาศเสร็จเขาก็ยิ้มเจื่อน ๆ “ขอแสดงความยินดีกับท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลาน, ขอแสดงความยินดีกับแม่นางไป๋หยาน นี่นับเป็นโอกาสที่ดีจริงๆ ฮองเฮามีกระแสรับสั่งให้ข้ามามอบราชโองการให้แม่นางไป๋หยาน เช่นนี้อีกไม่ช้า ท่านก็จะได้เป็นพระสนมของอ๋องคัง นั่นหมายความว่า คุณหนูสามไป๋จื่อแห่งบ้านสกุลไป๋ก็จะเป็นนายหญิงของท่าน ท่านต้องให้ความเคารพนาง อีกทั้งไม่ควรล่วงเกินนาง นอกจากนี้เพื่อสุขภาพที่ดีของอ๋องคังสวามีของท่าน ท่านไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ร่วมราตรีกับอ๋องคัง ทั้งท่านควรต้องแนะนำอ๋องคังให้ไปนอนที่ห้องคุณหนูไป๋จื่อแทน ”
ขันทีน้อยผู้น่าสงสารยังคงทำหน้าที่ส่งผ่านพระบัญชาของฮองเฮาหากแต่เขาไม่รู้เลยว่านายหญิงของเขาโดนส่งตัวไปอยู่ตำหนักเย็นเสียแล้ว !
“หุบปาก!”
ทันใดนั้นเองเสียงโกรธเกรี้ยวก็ดังลั่นทำให้ขันทีน้อยหวาดกลัว เขาเงยหน้าขึ้นมองอย่างอกสั่นขวัญหาย
ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานกำหมัดแน่นกระทั่งมือสั่นระริก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเดือดดาล ขณะเปล่งเสียงดังก้อง “หลานสาวของข้ามิได้ตกต่ำจนถึงกับต้องถวายตัวเป็นพระสนมของผู้ใด กลับไปกราบทูลฮองเฮาของเจ้าให้เก็บราชโองการนี้คืนไป หาไม่แล้ว ข้าจะไม่ไว้หน้าราชสำนักรวมถึงฮองเฮาด้วย ! ”
ขันทีน้อยตกใจเป็นอย่างมากไป๋หยานสูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว นี่นับเป็น
เกียรติสูงส่งที่ได้เป็นพระสนมของอ๋องคัง เหตุใดท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานถึงกล้าปฏิเสธ ?
”ท่านเจ้าบ้านหลานท่าน … ” เห็นได้ชัดว่าขันทีน้อยต้องการจะกล่าวมากกว่านี้
หากแต่ก่อนที่เขาจะทันได้กล่าวคำใดไปมากกว่านี้น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านก็ดังขึ้นอีกครั้ง
”ไป,ออกไป ! หาไม่แล้วอย่าได้โทษข้าที่ไม่เกรงใจ !”
ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านปล่อยหมัดใส่ต้นไม้ที่อยู่ในลานบ้านใกล้ๆ หนึ่งหมัด ต้นไม้สั่นไหวสองสามครั้งก่อนจะล้มครืนลงมา ขันทีน้อยหวาดกลัวกระทั่งสีหน้าซีดเผือด เขารีบเร่งออกจากห้องโถงรับรอง และด้วยความรีบเร่งนั้นเองทำให้ขันทีน้อยสะดุดหกล้มหกลุกกว่าจะผ่านพ้นประตูห้องโถงรับรองไปได้
ไม่สำคัญอีกแล้วอย่างไรเสียเขาก็อ่านราชโองการจบแล้ว ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ เพื่อให้โดนคุกคามอีก …
”แค่กแค่ก !” ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานกุมหน้าอกของตนแน่น พร้อมกับไอออกมาอย่างแรงสองครั้ง
”ท่านพ่อ!”
”ท่านปู่”
หลานหยูและพวกเด็ก ๆ ต่างก็รีบวิ่งเข้าไปช่วยลูบอกตบหลังชายชราอย่างรีบเร่ง เพื่อบรรเทาความโกรธของชายชรา
”ท่านตา”ไป๋หยานเองก็เดินเข้าไปช่วยตบหลังเขาด้วยเช่นกัน “ท่านตา ท่านก็ชรามากแล้ว ท่านไม่ควรโมโหให้มากนัก อย่าโกรธคนพวกนั้นเลย”
ในที่สุดท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานก็สงบลง เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ทว่ายังกล่าวด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “หยานเอ๋อ ในคืนนั้น ข้าเห็นกับตาตนเองว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับอ๋องคังนั้นไม่ธรรมดา ทว่าเจ้าก็เป็นคนสายเลือดตระกูลหลาน ! นั่นหมายความว่าเจ้าต้องทำตามกฎของบ้านสกุลหลานเรา ! สกุลหลานเราถือว่าเป็นฮูหยินของคนยากยังดีกว่าเป็นอนุของคนรวย ! หากเจ้ายอมเป็นพระสนมของอ๋องคัง ข้าก็จะไม่นับว่าเจ้าเป็นหลานของข้าอีกสืบไป !”
***จบบทเป็นพระสนม ? (2)***