จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 96-100
บทที่ 96 : เพื่อนของไป๋เสี่ยวเฉิน
เสี่ยวมี่นิ่งอึ้งพวกเขาเพิ่งจะได้ออกมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เอง นี่จะต้องกลับกันอีกแล้วเหรอ ?
ในขณะที่เสี่ยวมี่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นไป๋เสี่ยวเฉินก็เขวี้ยงจดหมายมาตรงหน้าเสี่ยวมี่ เขาลุกขึ้นยืน พร้อมกับตบกางเกงปัดเอาสิ่งสกปรกออก ก่อนจะเดินออกไปจากลานบ้าน
“นายน้อยนั่นท่านจะไปที่ใด?” เสี่ยวมี่เอ่ยถาม
ไป๋เสี่ยวเฉินหยุดเดินเขาบุ้ยปากพร้อมกล่าวว่า “วันก่อนหวังเสี่ยวผางบ้านข้าง ๆ เชิญข้าไปเยี่ยมบ้านของเขา มาวันนี้ข้าต้องไปจากที่นี่แล้ว ข้าจะไปโดยไม่ร่ำลาเขาได้อย่างไร แล้วน้องสาวของเขาหวังเสี่ยวถงก็อยากเป็นภรรยาข้า แม้ข้าจะไม่ต้องการแต่งกับนาง แต่หากข้าจากไปโดยไม่พูดไม่จา นางจะคิดเอาเองได้ว่าข้าใจเสาะ”
ครั้นกล่าวถึงตอนสุดท้ายสีหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินก็แลดูหดหู่มากขึ้นเรื่อย ๆ
ที่เกาะศักดิ์สิทธิ์เขาไม่เคยมีเพื่อนเล่นวัยเดียวกันเลยแม้สักคน ทว่าตอนนี้เขาอุตส่าห์มีเพื่อน กลับต้องพรากจากกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว
”นายน้อยข้าจำได้ว่า หวังเสี่ยวผางมอบสร้อยข้อมือทองคำให้ท่านเป็นของขวัญ หากท่านจะไปกล่าวอำลา ท่านควรนำของขวัญติดมือไปด้วยนะ” เสี่ยวมี่กล่าวเตือน
แน่นอนว่าทันทีที่ไป๋เสี่ยวเฉินได้ยิน เขาก็เคาะหัวของตนเบา ๆ ราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้
”จริงด้วยข้าลืมนำของขวัญไปให้หวังเสี่ยวผาง แต่ว่าเจ้ากินเนื้อชิ้นสุดท้ายของข้าไปแล้วนี่ ตอนนี้ข้าก็ทำได้แค่มอบขนมถั่วให้เขาเท่านั้น ไม่รู้ว่าหวังเสี่ยวผางจะชอบมั้ยนะ ?… ”
เสี่ยวมี่รีบวิ่งไปข้างๆ ไป๋เสี่ยวเฉิน มันรีบล้วงกระเป๋าของเด็กน้อยคว้าขวดยาออกมาสองขวดในทันที
”สองขวดนี้บรรจุยาบำรุงกำลังสามารถใช้ได้ทั่วไปปลอดภัยสำหรับมนุษย์ธรรมดา ๆ สามารถกินได้ แต่อย่าให้ยาอื่นมั่วซั่ว หาไม่แล้วยาอาจจะฆ่าพวกเขาได้ !”
ยาเม็ดจิตวิญญาณแบ่งออกเป็นสองชนิดหนึ่งใช้เพื่อรักษาบาดแผลของคนโดยตรง อีกหนึ่งใช้ช่วยเกื้อหนุนการฝึกฝนทักษะ และฟื้นฟูพลัง
ยาเม็ดจิตวิญญาณไม่สามารถกินเล่นๆ ได้ เพราะหากกินในปริมาณมากเกินไป ก็อาจทำให้ถึงตายได้
ทว่ายาบำรุงกำลังนั้นช่วยเสริมส่งกำลังของคนที่ฝึกฝนทักษะไม่มีผลกระทบใดมากมายนัก
ยาบำรุงกำลังจึงไม่เป็นอันตรายเหมาะสำหรับให้เป็นของขวัญคนทั่วไปได้
ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตา“เสี่ยวมี่ เจ้าไม่ต้องตามข้ามา หวังเสี่ยวถง นางกลัวเจ้า”
ครั้นได้ยินถ้อยคำดังกล่าวเสี่ยวมี่ก็จ้องมองไป๋เสี่ยวเฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นข้องใจอย่างเงียบ ๆ ทว่าในใจมันคิดตำหนิว่า นายน้อยเห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อนอย่างมัน
หากแต่ไป๋เสี่ยวเฉินไม่สนใจมองมันด้วยซ้ำเขายื่นมือเล็ก ๆ ของเขาออกไปหยิบขวดทั้งสองขึ้นมาถือไว้ แล้วในไม่ช้าเขาก็เดินหายลับไปจากประตูทางเข้า ทิ้งเสี่ยวมี่ให้มองตามหลังเขาอย่างหงุดหงิด …
บ้านสกุลหวังอยู่ติดกับคฤหาสน์โบราณของเขามีเพียงแค่กำแพงรั้วกั้นกลาง เช่นนั้นเมื่อไป๋เสี่ยวเฉินเดินออกจากบ้าน เขาก็สามารถเดินเข้าบ้านสกุลหวังได้ทันที
พวกยามของตระกูลหวังรู้จักคุ้นเคยกับเด็กน้อยเป็นอย่างดีเพราะเด็กน้อยมาเยี่ยมนายน้อย และคุณหนูของพวกเขาบ่อย ๆ พวกเขาจึงปล่อยให้ไป๋เสี่ยวเฉินเดินเข้าไปด้านในแต่โดยดี อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ไป๋เสี่ยวเฉินกำลังเดินผ่านประตูเข้าไปนั้น เด็กน้อยพลันได้ยินเสียงเพื่อนของเขาคำรามเหมือนหมูจากระยะไกล ๆ
“นี่นี่ ท่านพ่อหยุดตีข้าเถอะ ! ข้าถูกใส่ร้าย !”
ร่างอ้วนกลมราวลูกบอลกลิ้งออกมาจากตัวเรือนด้านในพุ่งตรงมาทางประตู จากนั้นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งในมือถือกิ่งไม้ก็วิ่งไล่กวดตามติดออกมาราวกับสุนัขไล่ไก่ในทุ่ง
”เด็กชั่วนี่ข้าสงสัยอยู่ว่าเอี๊ยมชั้นในของน้องสาวเจ้าหายไปที่ใด เป็นเจ้านี่เองที่เอาไปซ่อน วันนี้หากข้าไม่ตีเจ้าให้ตายแล้ว ข้าก็ไม่ใช่คนแซ่หวัง !”
ดูจากใบหน้าของบิดาหวังเสี่ยวผางแล้วเห็นได้ชัดว่าเขากำลังโกรธ
“ท่านพ่อข้าถูกใส่ร้ายจริงๆ ! ข้าจะทำเรื่องเลวร้ายเช่นนั้นได้อย่างไร ?” ขณะที่หวังเสี่ยวผางกำลังพยายามหนี เขาก็สังเกตเห็นไป๋เสี่ยวเฉิน ซึ่งยืนอยู่ที่บริเวณประตูทางเข้าพอดี นัยน์ตาของเขาเปล่งประกาย เขาวิ่งพร้อมกับร้องไห้ไปหลบอยู่ด้านหลังเพื่อนของตน “ไป๋เสี่ยวเฉิน ! ช่วยข้าด้วย ! ท่านพ่อของข้าชอบเจ้ามาก เขาจะต้องฟังคำพูดของเจ้าอย่างแน่นอน”
***จบบทเพื่อนของไป๋เสี่ยวเฉิน***
บทที่ 97 : ลูกคนอื่นดีกว่า
ไป๋เสี่ยวเฉินทำหน้าเคร่งขรึมจริงจังก่อนจะเอ่ยถ้อยคำราวกับผู้มีคุณธรรมว่า “หวังเสี่ยวผาง เจ้าทำเช่นนี้ก็ไม่ถูกต้องนัก เจ้าอาจเคยซ่อนชุดชั้นในของสาวใช้ หากแต่ทำเช่นนี้กับน้องสาวตัวเองมันไม่ดีนะรู้มั้ย ? ”
หวังเสี่ยวผางอยากจะร้องไห้เพราะเขาไม่คาดคิดว่าไป๋เสี่ยวเฉินเพื่อนของเขาจะทำกับเขาเช่นนี้
”ดูเสี่ยวเฉินสิเขาเป็นเด็กดีแค่ไหน แล้วเจ้า ! เจ้านี่มันไม่ได้ครึ่งของเขาเลย ! โอ้ ! สวรรค์ ไยข้าถึงมีบุตรชายที่นิสัยเสียเช่นนี้ ?” ใบหน้าของเจ้าบ้านหวังเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
ยังเป็นเด็กน้อยตัวแค่นี้ก็ริอ่านมักมากแล้วไม่เพียงแต่สาวใช้ในบ้านที่ตกเป็นเหยื่อของเจ้า แต่นี่เจ้ายังกล้าทำกับน้องสาวของตัวเองอีก ไม่เรียกว่าเด็กลามกแล้วจะเรียกว่าอะไร ?
ในเวลานี้หวังเสี่ยวผางรู้สึกถึงความผิดที่ตนเคยก่อไว้แต่ว่าต่อให้เขาสัปดนเพียงใด เขาก็ไม่ทำกับน้องสาวของตัวเองเป็นแน่ หากเขารู้ว่าใครเป็นผู้จัดฉากทิ้งเอี๊ยมชั้นในของน้องสาวไว้ในห้องของเขา เขาสาบานเลยว่าจะฆ่าคน ๆ นั้นอย่างแน่นอน !
”ท่านลุงหวัง”ไป๋เสี่ยวเฉินเรียกอย่างสุภาพ “ข้ามีเรื่องบางเรื่องอยากจะคุยกับเสี่ยวผาง และเสี่ยวถง ท่านค่อยจัดการเขาต่อหลังจากข้าเสร็จธุระจะได้หรือไม่ ?”
ในสายตาของไป๋เสี่ยวเฉินก่อนหน้านี้ใบหน้าของหวังตี้จวิน (บิดาหวังเสี่ยวผาง) เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ทว่ายามนี้ใบหน้าของเขากลับเปี่ยมไปด้วยความเมตตา และเอื้อเอ็นดู
“ได้ได้ ได้” เขากล่าวคำนี้ซ้ำกันถึงสามครั้งสามครา จากนั้นก็ยิ้มอย่างสดใสราวบุปผาบาน ขณะหันกลับไปจ้องมองบุตรชายตุ้ยนุ้ยของตน “เจ้าควรหัดเรียนรู้จากเสี่ยวเฉินบ้าง และอย่าหมกมุ่นกับสาวใช้ให้มากนัก หากเกิดเรื่องเช่นนี้อีก คราหน้าข้าจะหักขาของเจ้าซะ !”
เฮ้อ! เหตุใดบุตรชายของข้าถึงไม่ดีเหมือนลูกของคนอื่นบ้างนะ ข้าจะอกแตกตายกับเด็กเหลือขอคนนี้แล้ว
แววตาของหวังเสี่ยวผางแลดูหดหู่มาก“ไป๋เสี่ยวเฉิน ไยข้ามักจะรู้สึกว่าเจ้าเป็นลูกชายของท่านพ่อ ส่วนข้าเป็นเพียงเด็กที่เขาเก็บมาเลี้ยง”
”เอ่อ…” ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตา “ลืมไปได้เลย บิดาของเจ้าก็ไม่ต่างกับเจ้า เวลาเจอสาวงามบนท้องถนน เขาก็ยังคุมอาการไม่อยู่ ข้าไม่รับเขาเป็นบิดาข้าหรอก”
ราวกับหวังเสี่ยวผางเห็นทางสว่างดวงตาตี่ ๆ ที่เต็มปรี่ไปด้วยไขมัน กระทั่งแทบมองไม่เห็นของเขาพลันเริ่มเปล่งประกายแวววาว
”ไป๋เสี่ยวเฉินเจ้าคิดเช่นนั้นจริง ๆ หรือ ? ข้าเองก็ไม่ต้องการบิดาลักษณะนี้เช่นกัน ก็ถ้างั้นเหตุใดเรา… เจ้าไม่มาเป็นบิดาของข้าแทนล่ะ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินตกตะลึงตาเบิกกว้างด้วยใบหน้าใสซื่อ
จะบ้าไปแล้วหรือ? จู่ ๆ จะให้ข้ามีลูกชายซะงั้น ?
”พี่ชาย”
ทันใดนั้นเองเสียงนุ่มนวลก็ดังลอยลมมาทำเอาหวังเสี่ยวผางตัวสั่น ทั้งยังมีสีหน้าลำบากใจ
เด็กหญิงตัวน้อยแก้มยุ้ยเป็นสีชมพูน่ารักน่าเอ็นดูราวตุ๊กตาผู้มาใหม่ก็คือหวังเสี่ยวถง เทียบกับหวังเสี่ยวผางที่อ้วนกลมเหมือนลูกบอลแล้ว ทั้งสองก็แลดูแตกต่างกันมาก เด็กหญิงเดินมาพร้อมด้วยรอยยิ้มบริสุทธิ์สดใส
”พี่ชายคอยดูนะ ข้าจะบอกท่านพ่อเรื่องที่พี่พูดเมื่อกี้”
”อย่าล้อเล่นน่า!” หวังเสี่ยวผางกล่าวพร้อมยิ้มเจื่อน ๆ “อย่าบอกท่านพ่อนะ หาไม่แล้วข้าต้องโดนฆ่าแน่ ๆ”
หวังเสี่ยวถงไม่สนใจถ้อยคำของพี่ชายนางหันไปมองไป๋เสี่ยวเฉินด้วยนัยน์ตากลมโต
”เสี่ยวผางเสี่ยวถง ” ไป๋เสี่ยวเฉินเรียก พร้อมกับมองเพื่อนใหม่ทั้งสองคนด้วยท่าทีรีรอ “ข้ามาที่นี่เพื่อกล่าวคำอำลาเจ้าทั้งสอง ข้าจะไปจากที่นี่ในเร็ว ๆ นี้”
”เจ้ากำลังจะไปแล้วเหรอ?” หวังเสี่ยวผางตกใจ เขาจับมือไป๋เสี่ยวเฉินพร้อมกับทำหน้ามุ่ย “เราเพิ่งเจอกันเองนะ นี่เจ้าจะจากไปแล้วเหรอ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้าอย่างหนักแน่น”จอมวายร้ายนั่นกำลังตามหาข้า หม่ามี้ก็เลยต้องส่งข้ากลับ แต่ไม่ต้องกังวลนะ เมื่อข้าโตขึ้น และแข็งแกร่งมากพอที่จะปกป้องหม่ามี้ได้ ข้าจะกลับมาพบพวกเจ้าทั้งสองอย่างแน่นอน เมื่อถึงวันนั้นพวกเจ้าอย่าลืมข้านะ”
”แง…”หวังเสี่ยงถงร้อง ทันทีที่นางได้ยินว่าไป๋เสี่ยวเฉินจะจากไป เด็กหญิงก็น้ำตาแตก “ไป๋เสี่ยวเฉิน ข้าไม่ยอม…”
***จบบทลูกคนอื่นดีกว่า***
บทที่ 98 : ไป๋เสี่ยวเฉินเศร้า
“เสี่ยวถงอย่าร้องไห้เลย ข้ามีของขวัญมาให้เจ้าด้วยนะ” เห็นหวังเสี่ยวถงร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงดังต่อหน้า ทั้งหวังเสี่ยวผางก็เหมือนพยายามกลั้นน้ำตาตนเองไว้ ไป๋เสี่ยวเฉินก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป เขารู้สึกเสียใจเหลือเกิน เขาตัดสินใจหยิบของขวัญที่เตรียมไว้ออกมา “นี่คือขนมของข้ากับเสี่ยวมี่ ตอนนี้ข้าให้พวกเจ้า พวกเจ้าลองชิมดูสิว่าชอบหรือไม่ ?”
”ขนมอะไร?” หวังเสี่ยวถงกระพริบตาด้วยความงุนงงหลังจากได้เห็นขวดยาบำรุง “ว้าย ! เหมือนขนมถั่วเลย ! ข้าชอบขนมถั่วที่สุด”
เด็กหญิงรับขวดยาจากมือของไป๋เสี่ยวเฉินเปิดจุก จากนั้นก็เทเม็ดยาบำรุงเม็ดหนึ่งเข้าปาก
ความหวานซาบซ่านกลิ่นหอมกระจายฟุ้งออกมาทั่วปาก
”ขนมถั่วนี่อร่อยมากเลยอร่อยกว่าที่ท่านพ่อข้าซื้อมาจากตลาดซะอีก”
ครั้นหวังเสี่ยวผางเห็นของกินนัยน์ตาของเขาพลันเปล่งประกายเขารีบคว้าขวดยาบำรุงทั้งสองขวดจากมือของน้องสาว จากนั้นก็รีบเทยาบางส่วนเข้าปาก
”คืนขนมถั่วมาให้ข้าเสี่ยวเฉินมอบให้ข้านะ !”
หวังเสี่ยวถงหน้าแดงด้วยความโกรธเด็กหญิงรีบวิ่งเข้าไปหาพี่ชาย
หวังเสี่ยวผางกลอกตามอง”ข้าไม่ให้ มีไรมั้ย ? เจ้าเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเจ้ากำลังลดน้ำหนัก ? เช่นนั้นขนมถั่วทั้งหมดนี่ก็ต้องเป็นของข้า เพราะไงข้าก็อ้วนอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องกลัวอ้วนอีก”
พี่ชายน้องสาวต่างกำลังแย่งขนมถั่วกันอย่างเมามันทั้งคู่ไม่สนใจไป๋เสี่ยวเฉินเพื่อนผู้กำลังเศร้าสร้อยของพวกเขาเลย
อะไรกันนี่จู่ ๆ พวกเขาก็ไม่สนใจข้าซะงั้น ?
กะแค่ขนมถั่วไม่กี่เม็ดก็ลืมกันแล้วหรือ? …
ไป๋เสี่ยวเฉินยืนมองพี่น้องที่ยังคงวิ่งไล่กันไม่เลิกท้ายที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะจากไปอย่างเงียบ ๆ เพราะเวลานี้ขนมสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด …
เช่นนั้นไป๋เสี่ยวเฉินจึงเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ แต่เพียงลำพัง
“เชอะพวกเด็กเหลือขอ !”
เพียงชั่วครู่ที่ไป๋เสี่ยวเฉินจากไปเสียงคำรามก็ดังกึกก้องออกมาจากตัวเรือนใหญ่อีกครั้ง
หวังตี้จวินเดินออกมาด้วยความหงุดหงิดอย่างรุนแรง เขาเห็นบุตรชายตัวเอง วิ่งหนีไปรอบ ๆ พร้อมกันนั้นก็ยัดอะไรบางอย่างใส่ปาก ขณะที่บุตรสาวของเขาก็วิ่งไล่ตามติดไม่ห่าง
“เจ้ารังแกน้องอีกแล้วรึ?”
เขาหยุดหวังเสี่ยวผางจากนั้นก็คว้าตัวเด็กอ้วนขึ้นมา ในขณะที่เขากำลังจะจัดการเด็กน้อย เขาก็สังเกตเห็นขวดยาบำรุงในมือของบุตรชาย…
”ท่านพ่อ… ” หวังเสี่ยวผางเงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ เขาเห็นใบหน้าของบิดาที่กำลังอารมณ์เสีย เด็กน้อยเกิดอาการตัวสั่น เขาพยายามปกป้องตนเอง เช่นนั้นมือของเขาจึงคลายจากขวดยา ครั้นขวดยาหลุดจากมือ หวังตี้จวินก็คว้าไว้ในทันที
หวังตี้จวินโยนบุตรชายลงพื้นอย่างไร้ปรานีจากนั้นเขาก็เปิดจุกขวด ใช้จมูกดมฟุดฟิดเบา ๆ ทันทีที่ได้กลิ่นหอม นัยน์ตาของเขาพลันเปล่งประกาย เขารีบเทยาออกมาจากขวดลงบนฝ่ามือ
ยาเม็ดกลมๆ ไหลลงบนฝ่ามือของเขา นัยน์ตาของเขาวาวโรจน์ด้วยความปิติ กลิ่นหอมของยาเร่งเร้าให้เส้นประสาทของเขาสั่นระริกไปทั่วร่าง
”ผู้ใดมอบสิ่งนี้ให้เจ้า?” หวังตี้จวินหายใจเข้าลึก ก่อนจะกลับมาไถ่ถาม
แม้หวังเสี่ยวผางจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นหากแต่ก็ไม่กล้าอิดออดไม่ตอบคำ
“นี่คือของขวัญที่ไป๋เสี่ยวเฉินมอบให้เสี่ยวถงกับข้า ท่านพ่อ ท่านก็อยากกินขนมถั่วเหล่านี้ด้วยเหรอ ?”
”ขนมถั่ว”
หวังตี้จวินหวนนึกถึงภาพบุตรชายของตนกำลังยัดอะไรบางอย่างเข้าปากได้ใบหน้าของเขาเครียดลงเล็กน้อย “เอาล่ะ เช่นนั้นเมื่อครู่เจ้ากินขนมถั่วนี่ไปกี่เม็ด ?”
”เอ่อ… ” หวังเสี่ยวผางดูเหมือนไม่แน่ใจ “ข้าคิดว่าอาจจะประมาณสิบเม็ด”
”สิบเม็ด?”
ชั่วอึดใจนั้นหวังตี้จวินถึงกับนิ่งงัน
ในขณะที่หวังเสี่ยวผางยังคงไม่รู้อิโหน่อิเหน่ใดๆ หวังตี้จวินก็ค่อย ๆ ก้มตัว เขาดึงกางเกงของเด็กอ้วนลง พร้อมกระชับไม้เรียวในมือ จากนั้นก็เริ่มตีก้นบุตรชายอย่างหนัก
”ผู้ใดให้เจ้าปฏิบัติต่อยาเม็ดเหล่านี้เช่นเดียวกับขนมถั่ว! ผู้ใดให้เจ้ากินยาเม็ดเหล่านี้จนหมด ! เจ้าเด็กไม่เอาถ่าน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าได้กินเงินไปเท่าไหร่แล้ว ? ครานี้หากข้าไม่ตีเจ้าให้ตาย ข้าก็ไม่ใช่คนแซ่หวัง !”
***จบบทไป๋เสี่ยวเฉินเศร้า***
บทที่ 99 : ตี้คังมาแล้ว !
”แงงงงงงงงงงงงง!”
หวังเสี่ยวผางร่ำไห้ร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด ร่างตุ้ยนุ้ย ของเขาดิ้นไปมาไม่หยุด “ท่านพ่อ หยุดตีข้า หยุดตีข้าเถอะ ! เสี่ยวเฉิน ให้เราสองขวด ข้าเพิ่งกินไปเพียงขวดเดียว !”
และแล้ว…
ทันทีที่คำพูดของหวังเสี่ยวผางหลุดออกจากปากหวังตี้จวิน บิดาของเขาก็หยุดมือทันที เขาปล่อยตัวบุตรชาย และทิ้งไม้เรียวลงพื้น ขณะกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “เหตุใดเจ้าไม่พูดให้เร็วกว่านี้หา ? ทำให้ข้าต้องเสียแรงตีเจ้าจนเหนื่อย เอาล่ะ เอายานั่นมาให้ข้า ข้าจะริบมันไว้ทั้งหมด”
หวังเสี่ยวผางแทบจะร้องไห้เขาหยิบขวดยาอีกขวดออกมา และมอบให้บิดาอย่างไม่เต็มใจนัก
”ก็แค่นั้น…”
หวังตี้จวินทำเสียงฮึดฮัดราวไม่สบอารมณ์จากนั้นก็หยิบขวดยาหันหลังเดินจากไป โดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลังหันกลับไปมองบุตรชาย ทว่าครั้นไม่มีผู้ใดเห็น ใบหน้าเคร่งขรึมของเขาพลันเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม
ยาเม็ดบำรุงพวกนี้ล้วนทำเงินทั้งสิ้น !
นี่หากเสี่ยวผางไม่กินไปเสียเยอะเขาก็คงจะได้เงินมากกว่านี้อีกนักหนา
*****
ในเวลาเดียวกัน
ณบ้านสกุลหลาน
ที่สงบสุขและร่มเย็น
ร่างในอาภรณ์สีแดงนั่งอยู่บนยอดเขาจำลองที่ตั้งในลานบ้านภายใต้แสงแดดนางยิ่งงดงามหาที่เปรียบมิได้
”พี่ไป๋หยาน”หลานเสี่ยวหยุนค่อย ๆ ย่อกายลงนั่งข้าง ๆ หญิงสาวแสนงาม นัยน์ตาโต ๆ ของนางเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ข้าขอถามอะไรพี่หน่อยจะได้หรือไม่ ?”
”หืม?” ไป๋หยานเลิกคิ้ว พร้อมกับหันไปทางน้องสาว
”ตกลงเขาคือ… คนที่พี่มีความสัมพันธ์ด้วยใช่หรือไม่ ? อ๋องคังน่ะ ?”
นางรู้ว่าเรื่องนี้น่าอับอายมากสำหรับสตรีทุกคนเช่นนั้นนางจึงชั่งใจอยู่นานกว่าจะถามออกมาได้ และเมื่อนางเอ่ยถาม นางก็ยังเกรงว่าจะไปแตะต้องบาดแผลเก่าของลูกพี่ลูกน้องของนาง
ไป๋หยานใจสั่นทว่าสีหน้าท่าทางของนางกลับมองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ขณะถามกลับ “เหตุใดเจ้าถึงถามเช่นนั้นเล่า ?”
”เอ่อ…ข้าได้ยินมาว่า ระหว่างการประชุมขุนนางในเช้าวันนี้ อ๋องคังได้กล่าวอ้างว่า พี่คือผู้หญิงของเขา ทั้งยังบอกว่าเมื่อหกปีที่แล้วเขาโดนวางยา จึงบังคับขืนใจพี่ ! หากมีผู้ใดกล้ากล่าววาจาดูหมิ่นพี่อีก เขาจะตามไล่ล่าไปจนสุดหล้า และจะไม่หยุดล่าจนกว่าจะได้ฆ่าคนผู้นั้น” ยิ่งเด็กสาวเล่า นางก็ยิ่งตื่นเต้น ในความคิดของหลานเสี่ยวหยุน หากอ๋องคังได้สมรสกับพี่สาวของนางจริง นางก็จะสามารถเหยียบย่ำบ้านสกุลไป๋ได้
ทันทีที่ได้ยินถ้อยคำของน้องสาวไป๋หยานพลันชะงักนิ้วมือที่กำลังลูบไล้เรือนผมสีดำสนิทของตนอารมณ์หลากหลายซับซ้อนไหลผ่านหัวใจของนาง
หกปีที่แล้วนางเองต่างหากที่เป็นคนโดนยาปลุกกำหนัด ทั้งยังเป็นผู้บังคับขืนใจเขา ก็แล้วเหตุใดเขาถึงรับทุกอย่างไว้เอง
เหตุใดต้องออกรับผิดแทนนางด้วย…
หรือเพียงเพราะเขาไม่รังเกียจนาง? หากเป็นเช่นนั้น เขาก็ทำเกินไปแล้ว
”พี่ไป๋หยาน…เกิดอะไรขึ้น ?” หลานเสี่ยวหยุนเห็นลูกพี่ลูกน้องของนางมีสีหน้าแปลก ๆ จึงเอ่ยถามอย่างสงสัย
”ไม่มีอะไร… ”
ไป๋หยานขมวดคิ้วเล็กน้อย
แท้ที่จริงทันทีที่นางแยกจากตี้คัง ในใจลึก ๆ ไป๋หยานก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ยิ่งตอนนี้นางมาได้ยินข่าวจากน้องสาวอีก นางก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น แล้วนางก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้
“ไป๋เสี่ยวเฉิน…”
ทันทีที่ชื่อนี้ปรากฏขึ้นในหัวของนางไป๋หยานก็ผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว !
”พี่ไป๋หยานพี่จะไปที่ใด ?” หลานเสี่ยวหยุนรีบลุกตาม
แต่ครั้นหลานเสี่ยวหยุนกล่าวจบร่างที่สง่างามในอาภรณ์สีแดงก็หายลับไปจากสายตาแล้ว ทิ้งหญิงสาวให้ยืนงงงวยอยู่เบื้องหลัง
“พี่ไป๋หยานดูแปลกไป หรือเป็นได้ว่า…” เด็กสาวกัดริมฝีปาก “ข้าต้องรีบไปรายงานเรื่องนี้กับท่านปู่” จากนั้นนางก็รีบลงจากภูเขาจำลองที่อยู่ในลานบ้าน นางวิ่งตื๋อเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว
*****
ขณะที่ไป๋หยานรีบรุดไปยังคฤหาสน์โบราณที่นางเตรียมไว้สำหรับบุตรชายตี้คังและคนของเขาก็โอบล้อมคฤหาสน์หลังนั้นไว้แล้ว
”ท่านอ๋องโปรดมีบัญชา” องครักษ์ก้มศีรษะรอรับคำสั่งของอ๋องคัง
”พวกเจ้าทุกคนรอข้าที่นี่ข้าจะเข้าไปข้างใน” น้ำเสียงของตี้คังเย็นชาเปี่ยมด้วยอำนาจ
หลังกล่าวจบเขาก็ก้าวเข้าไปในคฤหาสน์โบราณแต่เพียงลำพัง …
***จบบทตี้คังมาแล้ว !***
บทที่ 100 : หนีเร็ว ! บิดาของท่านมาแล้ว !
เสียงที่ดังอึงอลจากนอกประตูทำให้ไป๋เสี่ยวเฉินที่กำลังน้อยใจพี่น้องตระกูลหวังถึงกับต้องขมวดคิ้วนิ่วหน้า ขณะกล่าวว่า
”เสี่ยวมี่เหตุใดข้างนอกจึงเสียงดังจัง ?
ฟิ้ว!
ลำแสงสีขาวพุ่งลงมาจากท้องฟ้าตกลงมาด้านหน้าของเด็กชาย “นายน้อยหนีเร็ว บิดาของท่านกำลังตามหาท่านอยู่ !”
อะไรนะ?
ไป๋เสี่ยวเฉินตกใจมากกระทั่งแทบพลัดหล่นจากภูเขาจำลองที่เขากำลังนั่งอยู่ ใบหน้าเล็ก ๆ น่ารักเปลี่ยนเป็นซีดเผือดไร้สีเลือด “จอมวายร้ายนั่นหาข้าพบได้อย่างไร ?”
”เลิกสนใจเรื่องนั้นเถอะตอนนี้ท่านต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อน ! ยาเม็ดที่นายหญิงมอบให้ท่านใช้ระงับกลิ่นอายอยู่ที่ใด ! รีบกินไว ๆ !”
จบกัน!
หากชายคนนั้นพบนายน้อยเขาต้องพรากนายน้อยไป ถึงตอนนั้น นายหญิงคงต้องเจ็บปวดมาก !
ไป๋เสี่ยวเฉินตื่นเต้นจนสับสนเขาหยิบขวดยาออกมา ไม่สนว่ามันเป็นยาที่เขาต้องการหรือไม่ เขารีบเปิดจุกเทยาออกมากินหนึ่งเม็ดทันที
”เสี่ยวมี่แล้วเราควรทำอย่างไรต่อดี ? ต่อให้ข้ากินยาเข้าไป หากชายคนนั้นเห็นข้า เขาก็ต้องรู้อยู่ดีว่าข้าเป็นใคร”
ตอนนี้เขาอยากจะร้องไห้เสียเหลือเกินหากหม่ามี้อยู่ที่นี่ นางจะต้องมีวิธีซ่อนตัวเขาอย่างแน่นอน
ดวงตาเสี่ยวมี่แลกราดไปมาอย่างรวดเร็วครั้นมองไปที่สระน้ำใกล้ ๆ พลันประกายความคิดก็เปล่งออกมาจากดวงตา “นายน้อยไปซ่อนตัวในน้ำนั่นก่อน ! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็อย่าได้แสดงตัว ไว้ท่านค่อยออกมาหลังจากชายคนนั้นจากไปแล้ว”
”ได้!”
ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้ารับอย่างเคร่งขรึมร่างของเด็กน้อยค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสุนัขจิ้งจอกสีเงิน จากนั้นเขาก็พุ่งตัวลงสระน้ำเขียว ๆ โดยไม่ลังเล
หลังจากร่างของเด็กน้อยจมหายไปเสี่ยวมี่ก็รู้สึกโล่งอก ทันใดนั้นเองร่าง ๆ หนึ่งก็พุ่งเข้ามาในลานบ้านราวพายุ
บุรุษผู้นั้นหล่อเหลาสง่างาม มีเอกลักษณ์ ดวงตาและคิ้วของเขาเต็มไปด้วยความองอาจภาคภูมิ ราวกับทุกย่างก้าวของเขาทำให้เกิดสายลมกรรโชกแรงตามมา
ฮัวหลัวเดินตามมาติดๆ นางกวาดตามองทั่วลานบ้าน ครั้นไม่เห็นไป๋เสี่ยวเฉิน นางก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง
”ท่านอ๋องคฤหาสน์โบราณของเราไม่มีผู้ที่ท่านตามหาหรอก ท่านกลับไปเสียจะดีกว่า”
ไม่มีงั้นเหรอ?
ตี้คังเลิกคิ้ว“ในเมื่อข้ามาแล้ว ข้าย่อมจะไม่จากไปง่าย ๆ !”
แววตาของฮัวหลัวทวีความวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้นางได้ให้คนไปแจ้งนายหญิงของนางแล้ว หากแต่ไม่รู้ว่านายหญิงจะกลับมาทันหรือไม่ ?
”ท่านอ๋องแม้ว่าท่านจะเป็นถึงอ๋อง หากแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ท่านจะสามารถบุกรุกสถานที่ส่วนตัวของผู้อื่นได้ ?” น้ำเสียงของฮัวหลัวเย็นชาเล็กน้อย “ยิ่งไปกว่านั้น หอบุปผาของข้าก็หาใช่ที่ที่ใครจะมารังแกกันได้ง่าย ๆ ! ”
ตี้คังหยุดเดินเขาแผ่แรงกดดันมหาศาลออกจากร่าง น้ำเสียงของเขาราบเรียบและเย็นชา
”หากมิใช่เป็นเพราะไป๋หยานเคยช่วยชีวิตเจ้าแล้วล่ะก็คำพูดประโยคเดียวนั่น ก็มากเพียงพอที่จะทำให้เจ้าตายได้แล้ว”
ฮัวหลัวเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ
เหตุใดชายผู้นี้จึงรู้ว่านายหญิงเคยช่วยชีวิตข้าด้วย? หรือว่าในหอบุปผาของข้ามีคนทรยศ ? ผู้ใดกันนะที่กล้าเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับนายหญิง ?
”เมี้ยว…”
ครั้นเสี่ยวมี่เห็นฮัวหลัวดื้อด้านต่อต้านตี้คังอย่างโง่เขลารนหาที่ตายเช่นนั้นเสี่ยวมี่ก็รีบหาทางดึงดูดความสนใจของชายหนุ่มทันที
“ในฐานะทายาทของเผ่าพันธุ์เสือขาวเจ้าแสร้งทำตัวเป็นแมวน้อยที่อ่อนแอได้เช่นนี้ นับว่าเก่งมาก ดู ๆ แล้วการเป็นแมวน่าจะเหมาะกับเจ้ามากกว่า”
อ๊ะ…
เสี่ยวมี่รู้สึกว่ามันมาผิดทางเสียแล้ว
หากชายผู้นี้เป็นบิดาของนายน้อยแน่นอนว่าตัวตนของเขาย่อมไม่ธรรมดาเช่นกัน มันดันแกล้งทำตัวเป็นแมวน้อยต่อหน้าเขา ช่างน่าขันเสียจริง …
”ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าอีกครั้งเด็กคนนั้นอยู่ที่ใด !”
***จบบทหนีเร็ว ! บิดาของท่านมาแล้ว !***