จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 1021 -2025
บทที่ 1021 : ปรุงยาสำเร็จแล้ว (1)
อาวุโสหยวนตกใจทว่าเขาไม่มีเวลาคิดสิ่งใด กรงเล็บของเสี่ยวมี่พลันตะปบลงมาอีกครั้ง เกิดเสียงดังเปรี้ยง พื้นดินตรงหน้าเขาถูกแรงกระแทก กระทั่งเกิดหลุมขนาดใหญ่
หลังจากนั้นอาวุโสหยวนที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากหลุมขนาดยักษ์นั้น ก็สัมผัสเหงื่อเย็นบนหน้าผากของเขาโดยไม่รู้ตัว
โชคดีที่เมื่อครู่เขาหลบหลีกได้เร็วหาไม่ … คาดว่าเขาคงจะกลายเป็นเนื้อบดภายใต้กรงเล็บของพยัคฆ์ขาวตัวนี้
เสี่ยวมี่คำรามพลางรีบพุ่งเข้าใส่อาวุโสหยวนอีกครั้ง มันปรากฏตัวตรงหน้าเขาทันที จากนั้นก็ตะปบอาวุโสหยวน
อาวุโสหยวนยกมือขึ้นต้านรับอย่างรวดเร็วเขาพยายามหยุดกรงเล็บของเสี่ยวมี่ ทว่าพลังจากกรงเล็บของเสี่ยวมี่ก็แข็งแกร่งเหลือเกิน กรงเล็บนี้ทำให้เขามึนงง ถึงขั้นมองเห็นดาวเต็มไปหมด
”เสี่ยวมี่เจ้ายังมัวเล่นอะไรกับเขาอยู่อีก รีบจัดการเขาไว ๆ แล้วมาช่วยข้า เหตุใดคนพวกนี้ถึงเหมือนแมลงสาบที่ฆ่าไม่ตาย ข้าทุบมันตั้งหลายครั้งแล้ว ก็ยังไม่ตาย … ”
ชิงอี้หันกลับไปเสี่ยวมี่พร้อมเอ่ยกล่าวอย่างกระตือรือร้น
ถึงตอนนี้…เสี่ยวมี่ก็หยุดเล่น มันมองอาวุโสหยวนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าอย่างดูถูกเหยียดหยาม เอ่ยกล่าวอย่างเยาะหยัน “เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า แม้ว่าพวกเจ้าจะผ่านเข้าสู่ระดับเทพก็แล้วยังไง พลังของสัตว์อสูรเรานั้นมีมากกว่ามนุษย์ หากในหมู่มนุษย์แล้วล่ะก็ไม่มีผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้”
ร่างของเสี่ยวมี่ไม่ต่างจากสายฟ้าเพียงพริบตาเขาก็วาบหายไปโผล่ด้านหลังผู้อาวุโสหยวน จากนั้นก็ซัดพลังใส่ผู้อาวุโสหยวนอย่างหนักหน่วง
อาวุโสหยวนถูกโจมตีเข้าด้านหลังอย่างรุนแรงร่างของเขาพลันถลันไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระแทกเข้ากับต้นไม้ที่อยู่ข้าง ๆ
ใบหน้าชราของเขาซีดเซียวขณะมองเสี่ยวมี่และชิงอี้ แววตาของเขาแสดงอาการตื่นตระหนก
”นายน้อยหนีไป ! ไป !”
เหอลู่พลันได้สติจากอาการตกใจเขาหันหลังกลับต้องการที่จะหลบหนีออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทว่าเขายังไม่ทันได้ก้าวออกไป สัตว์อสูรนับหมื่นที่ตี้เสี่ยวอวิ๋นนำมาก็ส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว พลางควบร่างเข้าหาเหอลู่
ปัง!
อุ้งเท้าของเสือเตะเข้าที่หน้าอกของเหอลู่ร่างของเขากลิ้งตลบไปหลายต่อหลายครั้ง ก่อนจะล้มลงต่อหน้าสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ
สัตว์อสูรเหล่านี้ไม่ได้รีบร้อนที่จะเข่นฆ่าเหอลู่ทว่าพวกมันกลับเตะเหอลู่ราวกับเตะบอล
คนจากแดนวิญญาณต้องการเข้าไปช่วยชีวิตเหอลู่ทว่าก่อนที่พวกเขาจะทันได้เคลื่อนไหวใด ๆ พวกเขาก็ถูกสัตว์ร้ายนับหมื่นตัวเหล่านั้นฉีกกระชากแยกร่างออกเป็นชิ้น ๆ ภาพฉากดังกล่าวเต็มไปด้วยเลือด และความสยดสยอง
ฉู่หรานรีบยกมือขึ้นปิดตาของฉู่อีอี้พลางเอ่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม “นี่ไม่ใช่ภาพที่เด็กสาวควรมอง เจ้าหลับตาซะ”
มุมปากของฉู่อีอี้กระตุกนางยกมือขึ้นตบหลังมือของฉู่หราน พลางจ้องบิดาของนาง ก่อนจะรีบเดินไปหาตี้เสี่ยวอวิ๋นอย่างรวดเร็ว
ครั้นเห็นฉากนองเลือดเบื้องหน้าหญิงสาวทั้งสองก็เต็มไปด้วยความเพลิดเพลินกับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกนางรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก แววตาของพวกนางแลดูสดใสตื่นเต้น
ใบหน้าของฉู่หรานเปลี่ยนเป็นสีเข้มเขาจะรู้สึกอย่างไร … เมื่อได้เห็นบุตรสาวของตนดูเหมือนจะชื่นชอบฉากเช่นนี้ ?
ไม่! ไม่มีทาง ! บุตรสาวเขาเป็นเด็กสาวควรอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน เขาไม่ต้องการให้บุตรสาวของเขาออกต่อสู้ในสนามรบ
”อะแฮ่ม!”
ครั้นอาวุโสหยวนเห็นว่าเหอลู่ถูกสัตว์อสูรเตะไปเตะมากระทั่งกระอักเลือดไม่หยุด ใบหน้าของเขาก็ซีดมาก แววตาของเขาสิ้นหวัง เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
”พวกเจ้าไม่ควรทำร้ายเขาวันนี้เขาเป็นนายน้อยแห่งอาณาจักรวิญญาณ หากแต่วันหน้าเขาจะเป็นเจ้าดินแดนแห่งอาณาจักรวิญญาณ !” ครั้นเห็นลมหายใจของเหอลู่ที่ดูเหมือนจะอ่อนแรงลงทุกที อาวุโสหยวนก็ลุกขึ้นยืนจากพื้นอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาของเขาเป็นสีแดงก่ำ เขาร้องตะโกนออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด “จงปล่อยเขาไปซะ”
เสี่ยวมี่เอียงศีรษะมองอาวุโสหยวน”นายน้อยห่วย ๆ สิ คนผู้นี้มีเพียงอาณาจักรวิญญาณของเจ้าเท่านั้นเห็นเป็นสมบัติมีค่า หากอยู่ในแดนอสูร คนเช่นนี้ไม่มีทางอยู่รอดได้ถึงสามวันหรอก”
สิ่งที่อาณาจักรอสูรยอมรับ…ก็คือความแข็งแกร่งในสถานที่ที่ซึ่งผู้อ่อนแอย่อมถูกผู้แข็งแกร่งกลืนกินเช่นนั้น ผู้ที่ไม่มีความแข็งแกร่งจะไม่มีวันอยู่รอดเกินสามวัน
บทที่ 1022 : ปรุงยาสำเร็จแล้ว (2)
”และ… ” เสี่ยวมี่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “วิญญาณของเจ้าแลดูน่าอร่อยมาก เจ้าให้ข้ากินวิญญาณของเจ้าหน่อยจะได้หรือไม่ ?”
เจ้าบอกว่าวิญญาณของข้าน่าอร่อยมากแล้วมาขอกินข้า
”พุ่ฟ!”
อาวุโสหยวนกระอักเลือดคำถามของเสี่ยวมี่ทำให้ดวงตาของเขามืดมัว เขารีบปรี่เข้าไปหามันด้วยความโกรธ
เขากำหมัดแน่นพร้อมกับรวบรวมพลังมากมายของเขาไว้ที่หมัดนั่น ก่อนจะเหวี่ยงหมัดไปที่ร่างของเสี่ยวมี่
หมัดนี้อัดแน่นไปด้วยพละกำลังทั้งหมดของเขาแม้แต่สายลมโดยรอบก็พัดรุนแรงขึ้น ใบไม้ที่ร่วงหล่นพลันถูกพลังจากหมัดของเขากวาดให้ปลิวว่อนไปในอากาศ
ปัง!
อากาศดูเหมือนจะระเบิดออกแรงกดดันทรงพลังพลันบังเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ทำให้ผู้ซึ่งมีพละกำลังต่ำกว่ารู้สึกหายใจลำบาก
“เจ้าสมควรตาย!”
พร้อมเสียงคำรามนี้อาวุโสหยวนก็ปรากฏกายหน้าเสี่ยวมี่ พลันหมัดของเขาที่มีพลังอันไร้ขีดจำกัดก็ระเบิดใส่ร่างของเสี่ยวมี่ทันที
ทันใดนั้นร่างที่ใหญ่โตของเสี่ยวมี่ก็ก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวมันสะบัดหัว ดวงตาสีฟ้าของมันจับจ้องมองอาวุโสหยวนเขม็ง
รอยยิ้มในดวงตาคู่นั้นดูเหมือนจะยั่วเย้าอาวุโสหยวน…
ด้วยเหตุที่หมัดนี้รวบรวมมาจากพละกำลังทั้งหมดของเขาอาวุโสหยวนจึงตัวสั่นสะท้าน ร่างของเขาสั่นไหวสามครั้งแลดูเหมือนจะทรุดลงกับพื้นดินให้ได้ ทว่าเขาก็ยังฝืนพยายามทรงกายไว้ ไม่ให้ล้มลงกับพื้น
ทว่าถึงกระนั้นเลือดในปากของเขาก็ยังคงไหลทะลักออกมาเรื่อยๆ ทำให้เสื้อผ้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน ใบหน้าของเขาแลดูซีดจนน่ากลัว
เสี่ยวมี่เลียอุ้งเท้าของตนก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปหาอาวุโสหยวนด้วยท่าทางสง่างาม กรงเล็บแหลมคมของมันกระซวกทะลุหน้าอกของอาวุโสหยวน ก่อนจะกระชากหัวใจของเขาออกมา
อาวุโสหยวนล้มลงกับพื้นเขาไม่สามารถกล่าวคำใดออกมาได้อีก เลือดไหลออกมาจากหน้าอกที่ถูกกระซวก ย้อมพื้นดินให้เปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน
ด้านเสี่ยวมี่ก็ยกกรงเล็บของมันขึ้นพลางดึงวิญญาณที่โปร่งใสออกจากร่างของอาวุโสหยวน
ทันทีที่คนจากอาณาจักรวิญญาณทั้งสี่ที่กำลังต่อสู้กับชิงอี้ได้เห็นภาพที่น่าหวาดกลัวนี้ ร่างของพวกเขาพลันสั่นสะท้าน ใบหน้าของพวกเขาแสดงให้เห็นชัดถึงความสยดสยอง
เขา… สามารถพรากวิญญาณมนุษย์ออกจากร่างได้จริงหรือ ? พลังนี้ช่างน่ากลัวนัก !
คนทั้งสี่หันมองหน้ากันยามนี้ไม่มีผู้ใดสนใจที่จะต่อสู้กับชิงอี้อีก พวกเขาต่างหันหลัง และวิ่งหนีไปในทิศทางที่พวกเขามา
สัตว์อสูรที่ยืนขวางทางล้วนถูกพวกเขาเข่นฆ่าด้วยดาบเดียวเลือดของสัตว์อสูรไหลนอง ร่างของสัตว์อสูรล้มลงกับพื้นเกลื่อนกลาด
ครั้นเสี่ยวมี่หันไปเห็นคนทั้งสี่จากอาณาจักรวิญญาณเข่นฆ่าสัตว์อสูรต่อหน้าต่อตามันก็โกรธจัด มันคำราม พร้อมกับพุ่งเข้าหาคนทั้งสี่ทันที
นับเป็นเรื่องยากสำหรับชิงอี้ที่จะจัดการกับคนถึงสี่คนแต่เพียงลำพังทว่าตอนนี้มีเสี่ยวมี่เพิ่มมาอีกคน ทั้งสี่คนถึงกับต้องล้มลุกคลุกคลานในระหว่างการถูกไล่ล่า แม้พวกเขาจะพยายามลุกขึ้นหลายครั้ง ทว่าก็ต้องล้มลงครั้งแล้วครั้งเล่า
”พวกมนุษย์…เจ้าช่างขวัญกล้า…กล้าที่จะกระทำกับสัตว์อสูรอย่างไม่น่าให้อภัย!” เสี่ยวมี่หรี่ตา แววตาเป็นประกายด้วยเจตนาสังหารแรงกล้า กรงเล็บที่เย็นยะเยือกปาดคอหนึ่งในนั้นแต่เพียงเบา ๆ พลันคนผู้นั้นก็เสียชีวิตภายใต้กรงเล็บของเสี่ยวมี่ทันที
แน่นอนว่าเสี่ยวมี่ไม่มีวันปล่อยจิตวิญญาณของคนเหล่านี้ไปโดยเปล่าประโยชน์จะอย่างไรก็ตาม จิตวิญญาณเหล่านี้ก็แข็งแกร่งระดับเทพ สำหรับเสี่ยวมี่แล้ว นี่นับเป็นอาหารเสริมชั้นดีเลยทีเดียว
หลังจากชิงอี้จัดการเก็บกวาดอีกสองคนที่เหลือเรียบร้อยนางก็ไม่ลืมที่จะกระชากวิญญาณของพวกเขาออกมา ก่อนจะโยนให้เสี่ยวมี่
”อาหารเสริมของเจ้า”
เสี่ยวมี่ก็ไม่มีเกรงใจมันรับวิญญาณเหล่านั้นขึ้นมากัดกินทันทีเช่นกัน
ครั้งแรกที่ตี้คังบังคับให้เขากลืนกินดวงวิญญาณเขารู้สึกรังเกียจอย่างมาก ทว่าต่อมาหลังจากได้รับประโยชน์จากวิญญาณที่ทรงพลัง เขาก็คุ้นเคยกับการใช้วิญญาณเป็นยาชูกำลังแล้ว
บทที่ 1023 : ปรุงยาสำเร็จแล้ว (3)
ตอนนี้ตี้คังไม่จำเป็นที่จะต้องบังคับเขาเขาก็จะควานหาวิญญาณด้วยตนเอง …
ฉู่หรานมองเสี่ยวมี่ที่กำลังเพลิดเพลินกับการกัดกินวิญญาณพลันมุมปากของเขาก็กระตุกสองสามครั้ง “ข้าควรจะรู้สึกเช่นไร ? ที่เสือขาวตัวน้อยก่อนนี้ … เปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ ?”
ที่ผ่านมานับประสาอะไรกับการกินวิญญาณแค่เนื้อดิบก็ไม่เคยเห็นมันกินมานานมากแล้ว ยามนี้มันกลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวมาก
ทว่าโชคดีที่เสี่ยวมี่เป็นเพื่อนมิใช่ศัตรูทำให้ฉู่หรานถอนหายใจได้อย่างโล่งอกวิญญาณของเขาน่าที่จะปลอดภัย…
อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าฉู่หรานคิดมากเกินไป เพราะแม้ว่าเสี่ยวมี่จะกินวิญญาณ ทว่ามันก็เพลิดเพลินกับยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งระดับเทพขึ้นไปเท่านั้น ฉู่หรานไม่อยู่ในสายตาของมันด้วยซ้ำไป
“เสี่ยวมี่ลากตัวนายน้อยอาณาจักรวิญญาณนั่นมาให้ข้า”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นเชิดคางขึ้นสูงพลางเอ่ยกล่าวอย่างมีอำนาจ
เสี่ยวมี่ร้องรับมันรีบวิ่งไปที่เหอลู่ซึ่งยามนี้กำลังกึ่งเป็นกึ่งตาย มันกัดแขน พลางลากเขาไปทางตี้เสี่ยวอวิ๋น
แผ่นหลังของเหอลู่เต็มไปด้วยคราบเลือดสีแดงฉานแลดูน่ากลัว
“ฟุ่บ!”
เสี่ยวมี่โยนเหอลู่ลงเบื้องหน้าตี้เสี่ยวอวิ๋นมันอดไม่ได้ที่จะขากถุยน้ำลายออกมาสองสามครั้ง พลางส่งสายตามองด้วยท่าทางรังเกียจ
ตี้เสี่ยวอวิ๋นยกมือขึ้นเท้าสะเอวก่อนจะกระทืบเท้ากระแทกลงบนซี่โครงของเหอลู่ หลังจากเจอแรงกระทืบ เหอลู่ถึงกับกระอักเลือดออกมาเต็มปาก เขาลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ
“อาวุโส…ช่วยข้าด้วย!”
ทันทีที่เหอลู่ลืมตาขึ้นเขาก็ส่งเสียงร้องโหยหวนขอความช่วยเหลือแทบขาดใจ
เสี่ยวมี่ตะคอก“เจ้าจะตะโกนทำบ้าอะไร ? ตาแก่นั่นตายไปแล้ว วิญญาณของเขาก็กลายเป็นยาชูกำลังของข้าไปแล้ว จะมีผู้ใดช่วยเจ้าอีกล่ะ ?”
อาวุโสหยวน… ตายแล้ว ?
เป็นไปไม่ได้อาวุโสหยวนอยู่ในระดับเทพ !
แม้ว่าอาวุโสหยวนจะไม่ได้ทะลวงผ่านระดับเทพนี้ด้วยตนเองหากแต่อาศัยบิดาของเขาใช้ทักษะลับในการช่วยทะลวง ทว่าอาวุโสหยวนก็จัดได้ว่ามีพลังระดับเทพ อาวุโสหยวนจะตายได้อย่างไร ?
“เจ้าโกหก..อาวุโสหยวนต้องไม่ตายยังมียอดฝีมือระดับเทพคนอื่น ๆ ในอาณาจักรวิญญาณของเราอีกเล่า พวกเขาทั้งหมดจะต้องมาช่วยข้า !”
เหอลู่ตะโกนด้วยอาการตื่นตระหนก
ใบหน้าของเขาซีดเซียวราวกับเขาไม่เชื่อในสิ่งที่เสี่ยวมี่พูด
เสี่ยวมี่เอี้ยวคอกวาดตาไปยังซากศพที่เกลื่อนกลาดอยู่ด้านหลัง“ศพของพวกเขาทั้งหมดอยู่ที่นี่ หากเจ้าไม่เชื่อก็ถ่างตาดูซะ”
เหอลู่ตัวแข็งค้างเขาหันกลับไปมองด้วยท่าทางเหมือนหุ่นยนต์ ทันใดนั้นศพจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ข้างหลังเขาพลันปรากฏขึ้นในคลองสายตา ทำให้เบ้าตาของเขาเป็นสีแดง เขาร้องตะโกนออกมาด้วยความเสียใจ
“ไม่!”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวังน้ำตาไหลพรากอาบใบหน้าที่ซีดเซียวของเขา
ก่อนหน้านี้เขารู้สึกรังเกียจอาวุโสหยวนอย่างมากหากแต่เมื่อได้เห็นร่างที่ไร้วิญญาณของอาวุโสหยวน เขาก็รู้ว่าชายชราผู้นี้สำคัญกับเขามากเพียงไร
เพราะ… หากอาวุโสหยวนตาย ย่อมแน่นอนว่าไม่มีผู้ใดช่วยเขาได้อีกแล้ว
เหอลู่คุกเข่าลงกับพื้นร่างของเขาสั่นเทา เขาไม่สนใจความเจ็บปวดทางกายอีกต่อไป น้ำตาแห่งความเจ็บปวดยังคงเอ่อล้นอยู่ในดวงตาที่ปิดสนิท
“เมื่อครู่นี้เจ้ายังบอกว่าจะทำลายแดนอสูรของข้าอย่างยโสโอหังมิใช่หรือ?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นหัวเราะเบา ๆ ขณะมองเหอลู่ผู้สิ้นหวัง “ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้าสังหารข้า เพียงขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะกล้าหรือไม่เท่านั้น ?”
เหอลู่ตัวสั่นสะท้านเขาหันไปมองตี้เสี่ยวอวิ๋นที่ยามนี้มีรอยยิ้มระบายบนใบหน้า เขารู้สึกได้ถึงความหนาวสั่นที่แล่นเข้ามาเกาะกุมหัวใจ ทำให้หัวใจของเขาหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
ฆ่านางกระนั้นรึ? ล้อเล่นน่า หากเขาลงมือทำอะไร พยัคฆ์ขาวตัวนี้ก็จะกินเขาทันที !
“ข้าน้อยตาบอดล่วงเกินองค์หญิงแล้ว โปรดปล่อยข้าไปเถิด”
เหอลู่กัดริมฝีปากพลางโขกศีรษะลงกับพื้นอย่างแรง เขารู้สึกว่ามีเลือดไหลจากศีรษะที่กระแทกลงกับพื้น ทว่าเขาก็ยังคงร้องขอให้ตี้เสี่ยวอวิ๋นให้อภัยเขาไม่หยุดปาก
บทที่ 1024 : ปรุงยาสำเร็จแล้ว (4)
ตี้เสี่ยวอวิ๋นเชิดคางสีขาวราวกับหิมะของนางขึ้นพลางมองไปที่เหอลู่ผู้น่าเวทนา นัยน์ตาที่สวยงามของนางไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ ใบหน้าขาว ๆ เล็ก ๆ ของนางก็ราวกับจะเย้ยหยันยิ่งกว่าเดิม
”ขณะที่พี่ชายของข้าเข้าสู่ดินแดนลับอาณาจักรวิญญาณของเจ้ากลับกล้าโจมตีพี่สะใภ้ของข้า เจ้าหวังจะให้ข้าปล่อยเจ้าไปงั้นหรือ ? หากข้าปล่อยเจ้าไปคนที่อาจจะตายอาจต้องเป็นข้า…ตี้เสี่ยวอวิ๋น คิดว่าข้าจะโง่ขนาดนั้นเลยหรือ ?”
หากนางกล้าปล่อยคนที่รังแกพี่สะใภ้ของนางเมื่อเสด็จพี่กลับมา แน่นอนว่านางคงต้องถูกฉีกทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย !
ดังนั้นเพื่อชีวิตของนางทุกคนในอาณาจักรวิญญาณที่มาสร้างปัญหาจะต้องถูกจัดการให้สิ้นซาก !
ตี้เสี่ยวอวิ๋นยิ้มก่อนจะหันหลังกลับไปกล่าวคำ “ท่านตาไป๋ ท่านปู่เหวิน ท่านย่าเหวิน ท่านพ่อ พวกท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่ ? เดี๋ยวคนของข้าจะแก้ปัญหาคนพวกนี้เอง พวกท่านทุกคนคงหวาดกลัวกันมาก ควรกลับไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ”
การแสดงออกของไป๋ฉางเฟิ่งแลดูผ่อนคลายลงเขาลูบเคราสีขาวของตน ใบหน้าชราของเขามีรอยยิ้ม
“เหตุใดพี่ชายของเจ้าไม่มาด้วยเล่า?”
“เสด็จพี่เข้าสู่ดินแดนลับเพื่อตามหาเฉินเอ๋อ เขาไม่ได้อยู่ในอาณาจักรอสูร หาไม่เขาคงจะมาถึงที่นี่นานแล้ว แต่ก่อนที่เสด็จพี่จะจากไปเขาได้ฝากฝังอาณาจักรอสูรไว้กับข้า ทั้งยังขอให้ข้าปกป้องพี่สะใภ้ด้วย”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นพยายามกวาดตามองหาทุกที่ทว่านางก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของไป๋หยาน ทำให้นางค่อนข้างที่จะผิดหวัง
“แล้วพี่สะใภ้ของข้าล่ะอยู่ที่ใด?”
”นาง… ” ไป๋ฉางเฟิ่งชะงัก “นางอยู่ในแดนปาฏิหาริย์”
คำว่าแดนปาฏิหารย์ ทำให้เหอลู่ซึ่งนอนอยู่บนพื้นเงยศีรษะขึ้นทันที
แน่นอนว่า…ปาฏิหาริย์นี้ถูกใช้ไปแล้วน่าเสียดายแม้ว่าตอนนี้เขาจะมักใหญ่ใฝ่สูงเพียงใด ? ปาฏิหาริย์นั้น … ก็ไม่ใช่ของแดนวิญญาณอีกต่อไป
เหอลู่ก้มศีรษะลงและไม่กล้ากล่าวคำใดอีก เพราะกลัวว่าจะดึงดูดสายตาของตี้เสี่ยวอวิ๋น และคนอื่น ๆ มาที่เขาอีกครั้ง
”ถ้าเช่นนั้นข้าจะรอพี่สะใภ้ของข้าที่นี่เพราะเกรงว่าจะมีใครกล้ามาทำให้พี่สะใภ้ของข้าเดือดร้อนอีก” ตี้เสี่ยวอวิ๋นหันไปจ้องเหอลู่ ก่อนจะสั่ง “เสี่ยวมี่ ชิงอี้ เจ้าทั้งสองฉีกร่างไอ้หมอนี่ให้เป็นชิ้น ๆ ซะ ข้าไม่อยากเห็นหน้ามันอีก !”
เหอลู่กลัวจนฉี่แทบจะราดเขาเงยหน้าขึ้นด้วยความหวาดผวา ขณะมองสาวสวยคนนั้นด้วยแววตาตื่นตระหนก
”ไม่…”
ครั้นเขาพยายามหนีกรงเล็บของเสี่ยวมี่ก็กางออก มันตะปบเขาทันทีก่อนจะเหวี่ยงไปข้างหน้า จากนั้นมันก็รีบวิ่งไปดักหน้าเหอลู่พร้อมกับกางกรงเล็บทะลวงหน้าอกของเหอลู่ บดขยี้จุดตันเถียนของเขาจนแหลกลาญอย่างรวดเร็ว
จุดตันเถียนแตกสลายหมายความว่าเขากลายเป็นคนไร้ประโยชน์แล้ว
“ระหว่างทางที่ข้ามาข้าเห็นผู้คนในดินแดนวิญญาณกำลังเข่นฆ่าชาวบ้าน แม้ว่าเราจะพยายามช่วยเหลือคนเหล่านั้น ทว่าก็ยังมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอีกนับไม่ถ้วน เมื่อเทียบกับกองซากศพเป็นหมื่น ๆ เหล่านั้น ข้าว่าโยนมันไปให้สัตว์อสูรพวกนั้นจัดการจะดีกว่า ”
ปกติแล้วสำหรับคนที่ยังเข้าไม่ถึงระดับเทพนั้น เสี่ยวมี่ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก เช่นนั้นมันจึงเสนอให้โยนเหอลู่ไปให้สัตว์อสูรเหล่านั้นกำจัดแทน
”ก็ดี”ตี้เสี่ยวอวิ๋น พยักหน้า “ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็ดูแลเขาให้ดีอย่าปล่อยให้คนจากอาณาจักรวิญญาณชิงตัวเขาไปได้ก็แล้วกัน”
”ไม่ต้องกังวลไว้ใจข้าเถอะ”
เสี่ยวมี่ตบหน้าอกของมันพลางกล่าวรับ
หลังจากพูดจบเสี่ยวมี่ก็มาถึงตรงหน้าเหอลู่ มันคาบร่างของเหอลู่ ลากเขาออกจากประตูดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปทันที
ที่ควรรู้ก็คือสมรรถภาพทางกายของเหอลู่นั้นแข็งแกร่งมากเขายังมีชีวิตอยู่ทั้งที่เสียเลือดไปมาก
”ชิงอี้ตามเสี่ยวมี่ไป”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นเลิกคิ้วเอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าจะรอ…พี่สะใภ้อยู่ที่นี่”
แท้จริงแล้วตี้เสี่ยวอวิ๋นมีความเห็นแก่ตัว นางหวังว่าทันทีที่พี่สะใภ้ของนางกลับออกมาจากแดนปาฏิหาริย์ พี่สะใภ้ของนางจะเห็นนางเป็นคนแรก ไม่ใช่สัตว์อสูรตัวอื่น …
บทที่ 1025 : ปรุงยาสำเร็จแล้ว (5)
ชิงอี้ไม่เหมือนเสี่ยวมี่นางมองความคิดของตี้เสี่ยวอวิ๋นออกอย่างรวดเร็ว นางถึงกับหัวเราะ “ได้สิ”
ครั้นชิงอี้กล่าวจบนางก็จากไปทันทีพร้อมกับเสี่ยวมี่ ส่วนสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ ก็หยุดกัดกินซากศพ ต่างนั่งลงกับพื้น รอรับคำสั่งของตี้เสี่ยวอวิ๋น
“สำหรับพวกเจ้า… ” ตี้เสี่ยวอวิ๋นลูบคาง “พวกเจ้าทั้งหมดจงไปลาดตระเวนภายในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เราฆ่านายน้อยแห่งอาณาจักรวิญญาณ เช่นนั้นพวกอาณาจักรวิญญาณจะต้องส่งคนมาที่นี่อย่างแน่นอน หากพวกเจ้าพบเห็นคนนอก ก็จงรีบมาแจ้งให้ข้าทราบทันที !”
”รับทราบ”
บรรดาสัตว์อสูรต่างตอบรับโดยพร้อมเพรียงกัน
และเสียงนี้เองที่ทำให้พื้นดินเกิดการสั่นสะเทือน ทุกคนแทบหูอื้อ กระทั่งต้องมองเหล่าสัตว์อสูรที่ทรงพลังด้วยความสยดสยอง
โชคดีที่พวกสัตว์อสูรจากไปหลังจากตอบรับคำแล้วทุกคนจึงรู้สึกโล่งอกโล่งใจอย่างเงียบ ๆ พลันศิษย์รุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์ในสามสำนักหลักต่างก็หันไปมองตี้เสี่ยวอวิ๋น ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมโดยไม่ได้นัดหมาย
”องค์หญิง”
ที่สุดชายหนุ่มหล่อเหลาผู้หนึ่งก็รวบรวมความกล้าลุกขึ้นยืนก่อนจะเอ่ยถามอย่างเขิน ๆ ว่า “ขอบคุณ องค์หญิงที่ช่วยพวกข้าในวันนี้ ข้าอยากจะเชิญท่านรับประทานอาหารร่วมกันสักมื้อจะได้หรือไม่ ?”
แววตาของตี้เสี่ยวอวิ๋นพลันสว่างไสวขึ้น”เจ้าจะเลี้ยงข้า
?มีของอร่อยงั้นหรือ ?”
เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างเขินๆ “มีร้านอาหารอยู่นอกภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี่ ไก่ตุ๋นยาจีนของที่ร้านนั้นอร่อยมาก ผู้คนต่างก็พากันไปกินอาหารที่ร้านนั้นอย่างเนืองแน่น และตัวข้าก็รู้จักเจ้าของร้านอาหารนั่นเป็นอย่างดี ข้าสามารถพาท่านไปที่นั่นได้”
แววตาของตี้เสี่ยวอวิ๋นพลันสว่างไสวขึ้นสิ่งที่นางไม่อาจหักห้ามใจได้ที่สุดในชีวิตก็คืออาหาร
“แล้วเราจะไปกันเมื่อไหร่ล่ะ?”
นางมองชายหนุ่มด้วยท่าทางกระตือรือร้น
ครั้นคนอื่นๆแลเห็นตี้เสี่ยวอวิ๋นยอมรับการนัดหมายครั้งนี้ พวกเขาต่างก็รู้สึกไม่พอใจชายหนุ่มผู้นั้น พวกเขารู้สึกว่าเมื่อครู่นี้ไม่ควรเอาแต่เขินอาย กระทั่งไม่กล้าที่จะเอ่ยชักชวนนางไปกินอาหารร่วมกัน
“เฟิงเสี่ยวหลิงนั่นเจ้าคิดจะทำอะไร ?”
ทันทีที่ฉู่อีอี้เห็นตี้เสี่ยวอวิ๋นสาวงามที่สวยแต่โง่เขลาผู้นี้แทบจะยอมขายตัวเพื่ออาหาร นางก็จ้องมองชายหนุ่มขี้อายด้วยความหมั่นไส้
”ข้าขอเตือนเจ้าก่อนนะว่าอย่าทำอะไรไม่ดีกับนาง หาไม่ ข้าจะให้ท่านพ่อของข้าขับเจ้าออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทันที !”
เฟิงเสี่ยวหลิงตัวสั่นสะท้านเขากลัวฉู่อีอี้เกินกว่าที่จะกล่าวคำใดออกมา
”ส่วนเจ้าตี้เสี่ยวอวิ๋น !”
ฉู่อีอี้กำลังจะโวยวายใส่ตี้เสี่ยวอวิ๋นทว่าฉู่หรานรีบดึงแขนเสื้อของนาง พลางกระแอมไอออกมาสองครั้ง “อีอี้ นางเป็นองค์หญิงแห่งแดนอสูร น้องสะใภ้ของไป๋หยานนะ เจ้า … ”
ก่อนที่ฉู่หรานจะทันกล่าวจบฉู่อีอี้ก็สะบัดมือของเขาออก พลางจ้องมองตี้เสี่ยวอวิ๋น ด้วยสีหน้าท่าทางขึงขัง นางสั่งสอนตี้เสี่ยวอวิ๋น
”ใครชวนไปไหนเจ้าก็ไปงั้นหรือ? ยายโง่…เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่ เวลามีชายแปลกหน้าเข้ามาหาเจ้า เจ้าก็ต้องอยู่ให้ห่างจากพวกเขาเอาไว้ เพื่อไม่ให้พวกเขาเอาอาหารอร่อย ๆ มาหลอกเจ้า”
ฉู่หรานรู้สึกหวาดกลัวแทนฉู่อีอี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขารู้จักตัวตนของตี้เสี่ยวอวิ๋น เขาเกรงว่าบุตรสาวของเขาที่ไม่รู้อะไรควรไม่ควร จะไปทำให้ตี้เสี่ยวอวิ๋นขุ่นเคือง
น่าเสียดายที่ฉู่หรานไม่ทราบว่าครั้งที่สองสาวพบกันครั้งแรกนั้น ฉู่อีอี้และตี้เสี่ยวอวิ๋นเคยทะเลาะกัน หากเขารู้..เขาคงจะเป็นลม …
“เหตุใดเจ้าต้องโกรธด้วยล่ะ?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นมองฉู่อีอี้อย่างงง ๆ เห็นได้ชัดว่า นางยังไม่เข้าใจว่านางทำอะไรผิด
ชายคนนั้นก็มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่หรือ? คนของฉู่อีอี้เองจะมาทำร้ายอะไรนางหรือ ? นอกจากนี้ด้วยความสามารถของนาง ผู้ใดจะทำร้ายนางได้ล่ะ ?
”เจ้าอยากกินอะไรล่ะ? ข้าจะไปกับเจ้าเอง” ฉู่อีอี้กัดฟัน “อย่าลืมเรามีกันสามคน สามสาวทลายฟ้า เสี่ยวหยุน…เจ้าก็ไปกับพวกเราด้วย”
สามสาวทลายฟ้า?
ฉู่หรานมองฉู่อีอี้ด้วยความตกใจเหตุใดชื่อนี้จึงให้ความรู้สึกน่ากลัวจัง ?