จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 1046-1050
บทที่ 1046 : ไป๋เสี่ยวเฉินหายตัวไป (4)
ด้วยคำสั่งนี้สัตว์อสูรทั้งหมดต่างก็รีบวิ่งกรูไปที่ภูเขาอย่างรวดเร็วพร้อมกับส่งเสียงตะโกนอย่างกระหายเลือดดังกึกก้องไปทั่ว บรรยากาศเต็มไปด้วยไอสังหาร
ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆแม้ในยามพระอาทิตย์ตก ท้องฟ้าที่งดงามกลับดูคล้ายจะถูกย้อมด้วยเลือด ทำให้ที่นี่แลเหมือนทุ่งสังหารที่อบอวลไปด้วยกลิ่นคาวโลหิต
ร่างของตี้คังลอยขึ้นสู่อากาศว่างเปล่าเขาก้มลงมองผู้คนเบื้องล่างด้วยใจจดจ่อ ขณะเดียวกันก็เลิกคิ้วมองชนเผ่าเล็ก ๆ ในหุบเขา
“ผู้ใดกันกล้ามาสร้างปัญหาที่เผ่าเวหาของข้า!”
ทันใดนั้นเสียงตวาดโกรธเกรี้ยวก็ดังก้องขึ้นทั่วท้องฟ้าแม้แต่พระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินก็ยังต้องตื่นตกใจด้วยเสียงตวาดนั่น
จู่ๆ ร่างในอาภรณ์สีแดงสดใสก็พุ่งออกมาด้านหน้า
นางเป็นสตรีที่งดงามและดูทรงอำนาจ นัยน์ตาของนางโฉบเฉี่ยวดุร้าย ทว่าเปี่ยมเสน่ห์ เรือนผมสีดำยาวสลวยราวแพรไหมก็ปลิวสยายไปกับสายลม
ท่าทางของนางเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวทว่าหลังจากเห็นบุรุษรูปงามในอาภรณ์สีม่วงเบื้องหน้า สีหน้าของนางก็แลดูตกใจ นัยน์ตาเฉี่ยวราวตาหงส์ของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ และตกตะลึง
นางอยู่ในสถานที่โดดเดี่ยวแห่งนี้มานานหลายปีแล้วนางไม่เคยพบเห็น … บุรุษที่หล่อเหลาถึงเพียงนี้ เขาแลดูน่าหลงใหล ยิ่งเสียกว่าเด็กชายน้อยที่นางพามาเมื่อไม่กี่วันก่อนอย่างเห็นได้ชัด
”หนุ่มน้อยหากเจ้ามาเยือนเผ่าเวหาของข้า ก็ควรแจ้งให้ข้าทราบล่วงหน้า ชายชาตรีเช่นเจ้าไม่ควรตะโกนโหวกเหวกหมายสังหารเผ่าเวหาที่มีแต่สตรีของเรา”
หญิงสาวหายจากอาการประหลาดใจอย่างรวดเร็วนางเลียริมฝีปากสีแดงของนาง พลางหัวเราะเยาะ
ตี้คังสังเกตเห็นสายตาของหญิงผู้นี้ได้ทันทีชั่วขณะนั้นความรังเกียจก็เอ่อล้นในใจของเขา น้ำเสียงของเขาเย็นชาลงเล็กน้อย ขณะเอ่ยกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว “คืนโอรสของข้ามา แล้วราชาผู้นี้จะไว้ชีวิตเจ้า !”
”ฮ่าฮ่าฮ่า!”
หญิงผู้นั้นหัวเราะราวกับนางได้ยินเรื่องตลก รอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยอาการดูหมิ่น นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยอาการเยาะเย้ย
“สุดหล่อเผ่าเวหาของเราล้วนแล้วแต่เป็นอิสตรี พวกเราโดดเดี่ยว ทั้งทุกข์ทรมานมานานหลายปี เช่นนั้นบุรุษทุกคนที่ผ่านมาจะกลายเป็นของเล่นของสาว ๆ เผ่าเวหาเรา เมื่อท่านมาถึงที่นี่แล้ว เหตุใดท่านจึงจะรีบจากไปล่ะ ? เหตุใดไม่อยู่สนุกกับสาว ๆ ของเราก่อน ?”
นางปิดบังประกายแสงเย็นในแววตาของตนพลางขยิบตาให้ตี้คัง พลันรอยยิ้มที่เปี่ยมเสน่ห์ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่งดงามของนาง
แววตาของตี้คังเย็นชาลงทันทีที่เขาโบกมือ พลังอันรุนแรงก็พุ่งเข้าใส่หญิงผู้นั้น
ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไปทันทีนางตกใจ และรีบหลบออกด้านข้าง ทว่าก็ยังหนีไม่พ้นการโจมตีของตี้คัง
เสียงดังปังพลังกระแทกเข้าที่หน้าอกของนาง ส่งผลให้นางถอยหลังไปสองก้าว ความตื่นตระหนกปรากฏในดวงตาของนาง
“เหตุใด… เหตุใดเสน่ห์ของเผ่าเวหาเราจึงทำอะไรท่านไม่ได้ ?”
ในโลกนี้ไม่ว่าจะเผ่าพันธุ์ใดที่ศึกษาทักษะการใช้เสน่ห์ ทั้งไม่ว่าจะใช้ทักษะเสน่ห์อย่างไร ก็ไม่อาจเปรียบเทียบกับทักษะเสน่ห์ของเผ่าจิ้งจอกได้หรอก
ตี้คังเองก็เป็นสมาชิกของเผ่าจิ้งจอกอีกทั้งสตรีเผ่าจิ้งจอกเหล่านั้นก็ล้วนล้มเหลวในการหว่านเสน่ห์ใส่เขา เขาจะถูกคนพวกนี้ล่อลวงได้อย่างไร ?
”บอกมาว่าเฉินเอ๋ออยู่ที่ใด?”
ตี้คังเดินเข้าไปใกล้หญิงผู้นั้นอีกสองก้าวนัยน์ตาเรียวคมของเขาเต็มไปด้วยประกายแสงเย็น กลิ่นอายของเขาดึงดูดใจมาก ทว่านางก็ยังคงมีเหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นบนหน้าผากของนาง
”ข้า…เมื่อไม่นานนี้ข้าจับเด็กผู้ชายได้สองคนข้าไม่รู้ว่าที่ท่านพูดถึงคือคนไหน ?”
นางเอ่ยถามน้ำเสียงสั่นเครือ
ใบหน้าของตี้คังยังคงไร้สิ้นความรู้สึกทั้งน้ำเสียงของเขาก็ยังคงเย็นชา “โอรสของราชาย่อมเป็นคนโดดเด่นที่สุดท่ามกลางฝูงชน”
บทที่ 1047 : ไป๋เสี่ยวเฉินหายตัวไป (5)
”ที่ท่านพูดถึง… คือเด็กน้อยที่น่ารักน่าเอ็นดูนุ่มนวลกว่าเทวดาตัวน้อยคนนั้นใช่หรือไม่ ?”
หญิงสาวตัวสั่นไม่เหลือความเย่อหยิ่งยโสเช่นที่เคยมีอีกต่อไป
นางรู้สึกว่าแววตาของตี้คังกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้นางหนาวสะท้านไปทั้งร่าง กระทั่งต้องโอบกอดตนเองแน่น
“เขา… ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ที่ห้องบูชายัญ”
เมื่อตี้คังได้ยินเช่นนั้นเขาก็ถอนแรงกดดัน
ครั้นหญิงสาวคิดว่านางรอดตายแล้ว น้ำเสียงเย็นชาของชายหนุ่มก็ดังขึ้นจากด้านข้างอีกครั้ง
”เฝ้าดูนางไว้!” ตี้คังสั่งสัตว์อสูรที่อยู่ข้างหลังเขาอย่างเย็นชา จากนั้นสายตาที่เย็นเยือกและทรงอำนาจของเขาก็จ้องมองหญิงผู้นั้นเขม็ง
”หากเส้นผมของโอรสข้าร่วงแม้เพียงเส้นข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ เจ้าจะต้องตายไร้ที่กลบฝัง ! เช่นนั้นเจ้าควรสวดอ้อนวอนให้เขาไม่เป็นอันตรายใด ๆ เลยจะดีกว่า เพื่อที่เจ้าจะได้อยู่รอดด้วยอาการครบ 32 !”
ในเมื่อนางกล้าแตะต้องไป๋เสี่ยวเฉินเผ่าเวหาก็ถูกลิขิตแล้วว่าจะต้องอันตรธานจากโลกนี้ตลอดกาล
ไม่ว่าเฉินเอ๋อจะบาดเจ็บหรือไม่ก็ตาม! เขาก็จะไม่ปล่อยให้เผ่าเวหารอดไปได้แม้สักคนเดียว !
สถานที่ซึ่งเผ่าเวหาใช้ทำการบูชายัญอยู่ไม่ไกลจากหุบเขานี้นัก
ในโถงบูชายัญแห่งนี้มีห้องเล็กๆ สลัว ๆ อยู่ด้วย ยามนี้มือของไป๋เสี่ยวเฉินถูกมัดไว้ด้านหลัง ปากของเขาถูกปิดด้วยผ้าเช็ดหน้าสีขาว เขาซุกตัวอยู่ในมุมมืด
เขาเงี่ยหูฟังอย่างเงียบๆ สักพัก เมื่อเห็นว่าคนของเผ่าเวหาจากไปแล้วนัยน์ตาของเขาพลันสว่างไสวขึ้น
ไป๋เสี่ยวเฉินเพียงใช้กำลังนิดหน่อยเท่านั้นเชือกที่มัดมือทั้งสองข้างของเขาพลันขาดสะบั้น จากนั้นเขาก็รีบถอดผ้าเช็ดหน้าออกจากปากเล็ก ๆ ก่อนจะสาวเท้าก้าวไปหาเด็กน้อยอีกคนที่อยู่ในความมืดอย่างรวดเร็ว
เด็กน้อยอายุประมาณห้าหรือหกขวบเขาหน้าตาดี น่ารัก ทว่ายามนี้เขากำลังนอนหมดสติอยู่บนพื้นเย็น ๆ
บางทีคนเหล่านี้อาจคิดว่าเด็กน้อยคงจะไม่ตื่นขึ้นมาในเวลาอันสั้น เช่นนั้นพวกเขาจึงไม่มัดเด็กน้อยด้วยเชือก แต่กลับปล่อยให้เด็กน้อยนอนสลบอยู่บนพื้นแทน
ไป๋เสี่ยวเฉินเดินไปหาเด็กน้อยพลางเขย่าตัวเด็กน้อยเบา ๆ “ตื่น ๆ ตื่นสิ… ”
แต่เด็กน้อยยังคงหลับตาพริ้มไม่ตื่นขึ้นมา
ไป๋เสี่ยวเฉินเกาหลังศีรษะของตน”เขาน่าที่จะถูกวางยาจึงยังสลบไม่ฟื้น เมื่อครู่คนพวกนั้นก็ป้อนยาข้า โชคดีที่พิษต่าง ๆ ไม่อาจทำอะไรข้าได้ ข้าก็เลยไม่เป็นไร”
เมื่อคิดได้ดังนี้ไป๋เสี่ยวเฉินก็หยิบขวดยาจำนวนมากออกมาจากกระเป๋าเสื้อของตน เขามองขวดยาไปมาเหมือนพยายามตัดสินใจ
“ถั่วเคลือบขวดไหนนะที่สามารถล้างพิษได้นี่เป็นเพราะข้าไม่ได้ศึกษากับหม่ามี้ให้ดีเสียก่อน ข้ารู้แค่ว่า ข้าเป็นคนตะกละเห็นแก่กินเท่านั้น”
ไป๋เสี่ยวเฉินรู้สึกรำคาญใจเล็กน้อยเขาย่นจมูกเล็ก ๆ น่ารักของเขา ก่อนจะเทเม็ดยาออกมาทีละขวด
“ไม่เป็นไรไหน ๆ เจ้าก็เป็นสัตว์อสูรเช่นกัน ไม่ว่าเจ้าจะกินถั่วเคลือบมากแค่ไหนก็คงไม่เป็นไร บางทีอาจจะมีสักเม็ดที่ช่วยล้างพิษได้”
เขากรอกเม็ดยาเข้าไปในปากของเด็กชายโชคดีที่เม็ดยาเหล่านี้ละลายในปากได้ง่าย ทันทีที่เม็ดยาสัมผัสน้ำลายมันก็กลายเป็นธารน้ำใส และไหลซึมเข้าสู่ร่างกาย
โชคดีที่เด็กน้อยคนนี้เป็นสัตว์อสูรสำหรับมนุษย์แล้วหากกินยามากมายถึงเพียงนี้ เขาอาจจะธาตุไฟแตกและตายได้
เด็กน้อยค่อยตื่นขึ้นมาช้าๆ ทันทีที่เขาลืมตาขึ้น เขาก็เห็นใบหน้าน่ารักราวหยกสีชมพูปรากฏอยู่ตรงหน้า เขาพูดด้วยความประหลาดใจ “เป็นเจ้าเองหรือ ? เจ้ามาที่นี่เพื่อช่วยข้าใช่หรือไม่ ?”
รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าสีชมพูของไป๋เสี่ยวเฉินเขาเชิดคางขึ้นอย่างภูมิใจ “แน่นอนสิ หาไม่ แค่คนงี่เง่าพวกนั้น จะจับข้ามาได้อย่างไร ?”
บทที่ 1048 : ทะเยอทะยานอย่างแรงกล้า (1)
นัยน์ตาของเด็กน้อยเปล่งประกายความซาบซึ้งแต่แล้วเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขารีบกล่าวว่า “แต่คนพวกนั้นแข็งแกร่งมากนะ เจ้ารีบหนีออกไปก่อน ทิ้งข้าไว้ที่นี่คนเดียวเถิด … ”
”ไม่…หม่ามี้บอกว่าเจ้าต้องรู้จักบุญคุณคน เสือดาวน้อย เจ้าเคยช่วยข้ามาก่อน ข้าก็ต้องช่วยเจ้า”
ไป๋เสี่ยวเฉินจับมือเด็กน้อยพลางขยับตัวไปที่ประตูอย่างระมัดระวัง
เขาหันหน้าไปมองเด็กน้อยที่อยู่ด้านหลังพลางเอ่ยกล่าวเตือน “เสือดาวน้อย เจ้าตามข้ามา ข้าจะพาเจ้าออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย”
ขณะที่ไป๋เสี่ยวเฉินเดินไปที่ประตูนั้นฝีเท้าของเขาก็ช้าลง เขาก้าวไปอีกสองสามก้าว การเคลื่อนไหวของเขาแต่ละก้าวย่างช้ามาก เพราะเขากลัวว่าจะทำให้คนที่นี่รู้ตัว
มือเล็กๆ ของเขาผลักบานประตูหลายต่อหลายครั้ง ทว่าก็ยังไม่สามารถผลักเปิดออกได้ เนื่องเพราะประตูถูกล็อคจากด้านนอก
ไป๋เสี่ยวเฉินสูดลมหายใจเข้าลึกเขารวบรวมพลังลมปราณไว้ในฝ่ามือเล็ก จากนั้นก็อาศัยความพยายามอีกเพียงเล็กน้อย โซ่ที่อยู่นอกประตูพลันขาดออกจากกันอย่างเงียบ ๆ
”ไปกันเถอะ”ไป๋เสี่ยวเฉินจับมือเด็กน้อย “เสือดาวน้อย ข้าจะพาเจ้าออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย”
เขาเงี่ยหูฟังการเคลื่อนไหวด้านนอกประตูหลังจากที่เขาไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าใด ๆ เขาก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง พร้อมกับจับมือเสือดาวน้อยเดินหลบออกไปอย่างเงียบเชียบ
เผ่าเวหาจะว่าเล็กก็ไม่ใช่จะว่าใหญ่ก็ไม่เชิงโชคดีที่ก่อนหน้านี้ไป๋เสี่ยวเฉินแสร้งทำเป็นสลบ ทำให้จดจำเส้นทางที่คนเหล่านั้นพาเขาเข้ามาได้
เช่นนั้นเขาจึงหลีกเลี่ยงทีมลาดตระเวนอย่างระมัดระวังเขาค่อย ๆ เดินไปยังทิศทางที่ออกไปภายนอกเผ่า …
”ใครน่ะ?”
จู่ๆ น้ำเสียงแผ่วเบาก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เสือดาวน้อยรีบคว้าแขนเสื้อของไป๋เสี่ยวเฉินทันที ความตื่นตระหนกปรากฏบนใบหน้าที่น่ารัก และบอบบางของเขา
”ไม่ต้องกลัวข้าบอกแล้วไง ว่าจะปกป้องเจ้า”
ไป๋เสี่ยวเฉินตบไหล่เสือดาวน้อยพลางกล่าวปฏิญาณ
บางทีอาจเป็นเพราะคำมั่นของไป๋เสี่ยวเฉินทำให้ความวิตกกังวลที่เคยมีของเสือดาวน้อยค่อย ๆ ผ่อนคลายลง
เขากัดริมฝีปากสีชมพูของตนแน่นก่อนจะหันไปมองกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังเขา
กลุ่มสาวใช้ในอาภรณ์สีฟ้าแต่ละคนถือกระบี่ไว้ในมือ พวกนางกำลังจ้องมองไป๋เสี่ยวเฉิน และเพื่อนด้วยสายตาเย็นชา
”ข้าเพียงผ่านทางมาเท่านั้นพวกเจ้าปล่อยพวกเราไปจะได้หรือไม่” ไป๋เสี่ยวเฉินยิ้มอย่างไร้เดียงสา แววตาของเขาสดใส และแพรวพราวราวกับดวงดารา
เด็กชายตัวเล็กๆ ที่มีรูปลักษณ์อ่อนโยนไม่ต่างจากหยกงาม คงไม่มีผู้ใดปฏิเสธคำขอของเขาได้
ทว่า…
นี่คือเผ่าเวหา!
คนธรรมดายังเข้ามาไม่ได้นับประสาอะไรกับเดินผ่านมา
”เด็กน้อยทั้งสองนี้ดูเหมือนว่าจะถูกอาจารย์เหม่ยหลิงพากลับมาก่อนหน้านี้” สาวใช้คนหนึ่งจำไป๋เสี่ยวเฉินได้จึงรีบพูดออกมา
แน่นอนว่าเมื่อสาวใช้คนอื่นๆ ได้ยินถ้อยคำของนาง นัยน์ตาของพวกนางพลันเคร่งเครียดขึ้นทันที พวกนางจ่อดาบไปยังเด็กทั้งสอง สายตาของพวกนางเย็นชาราวกับคมดาบ
“หากข้าจำไม่ผิดอาจารย์เหม่ยหลิงน่าที่จะให้ยาพวกเจ้าแล้ว เหตุใดพวกเจ้าจึงตื่นขึ้นมาเร็วถึงเพียงนี้ ซ้ำยังหนีออกมาได้อีก ? น่าเสียดายผู้ใดก็ตามที่ตกอยู่ในเงื้อมมือของเผ่าเวหาเรา ย่อมไม่อาจมีโอกาสเล็ดรอดออกไปได้”
กล่าวจบสาวใช้เหล่านั้นก็ตรงปรี่เข้าหาไป๋เสี่ยวเฉินทันที
ประกายแสงวาบปรากฏในดวงตาของไป๋เสี่ยวเฉินเขารีบยกมือขึ้นผลักเสือดาวน้อยออกไป “เจ้าคิดว่า ข้า…องค์ชายผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนอสูรจะกลัวพวกเจ้าจริง ๆ งั้นหรือ ? หากข้ากลัวพวกเจ้า ข้าจะปกป้องหม่ามี้ของข้าได้อย่างไร ?”
บทที่ 1049 : ทะเยอทะยานอย่างแรงกล้า (2)
ชั่วขณะนั้นเองร่างเล็กๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินพลันระเบิดกลิ่นอายที่พลุ่งพล่าน และแรงกดดันนี้รุนแรงมาก ประหนึ่งพายุเฮอริเคน
ร่างเล็กของไป๋เสี่ยวเฉินยืนหยัดอยู่ภายใต้พายุรุนแรงไม่ต่างกับเรือท้องแบนที่แล่นอยู่กลางทะเล ทว่ากลับไม่หวั่นไหวใด ๆ เลย
ตูม!
ครั้นบรรดาหญิงสาวพุ่งตัวเข้าใกล้ไป๋เสี่ยวเฉินพายุลูกใหญ่ก็พัดเข้าจู่โจมทันที พวกนางถูกพายุพัดปลิวไป ขณะเดียวกันไป๋เสี่ยวเฉินก็จับมือเสือดาวน้อยอีกครั้ง
“เสือดาวน้อยพวกเราไปกันเถอะ”
ณบริเวณทางเข้าหลักของเผ่าเวหา ตี้คังเงยหน้าขึ้นมองไกลไปยังสถานที่ที่ซึ่งพายุพัดมา นัยน์ตาเรียวคมของเขาหรี่ลงเล็กน้อย ประกายแสงเย็นวาบผ่านดวงตาของเขา
“เฉินเอ๋อ…”
ร่างของเขาวูบไหวก่อนจะกลายเป็นลำแสงสีม่วงพุ่งออกไปไกลอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วอึดใจ เขาก็มายืนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังที่ถูกพายุทำลาย
ภายในซากปรักหักพังนั้นสาวใช้ทุกคนได้รับบาดเจ็บสาหัส เลือดกลบปากไร้เรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้น
ตี้คังย่างก้าวเข้าไปหาบรรดาสาวใช้อย่างช้าๆ พร้อมกับลดสายตาลงมองพวกนางที่อยู่ตรงหน้า
”บอกมาสิว่าโอรสของราชาผู้นี้อยู่ที่ใด ?”
สาวใช้เงยหน้าขึ้นด้วยความยากลำบากนางมองบุรุษหล่อเหลาเย้ายวนราวอสูรที่แลดูน่าทึ่งเบื้องหน้า ร่างของนางสั่น ขณะเอ่ยกล่าวด้วยเสียงสั่น ๆ ว่า “เขา … พวกเขาจากไปแล้ว”
“ไปไหน?”
ตี้คังเอ่ยถามอย่างงงๆ
“ข้า… ข้าเองก็เห็นไม่ชัด เมื่อครู่นี้ทั้งสายลมทั้งฝุ่นทรายพัดรุนแรงนัก และมันก็สลายหายไปหลังจากที่ข้าฟื้นขึ้นมา … ”
ร่างของสาวใช้สั่นสะท้านหัวใจของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างไม่สิ้นสุด
ตามคำบอกเล่าของอาจารย์เหม่ยหลิงเด็กทั้งสองถูกจับมาอย่างง่ายดาย เหตุใดเด็กชายตัวน้อยนั่นจึงมีพลังมหาศาลเช่นนี้
หากอาจารย์เหม่ยหลิงไม่บอกเช่นนั้นพวกนางคงจะไม่ดูถูกฝ่ายตรงข้าม กระทั่งต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
นัยน์ตาเย็นชาของตี้คังมืดมนภายใต้แววตาที่หวาดกลัวของเหล่าสาวใช้เขาค่อย ๆ ยกมือขึ้น …
ทันใดนั้นเปลวไฟก็ผุดขึ้นจากพื้นดินราวกับหินหนืดที่อยู่ลึกสุดในแกนโลกกัดเซาะหลอมร่างของพวกนางทุกคนจนสิ้น …
”องค์ราชา”
สัตว์อสูรกลุ่มหนึ่งตามมาคุกเข่าเบื้องหน้าตี้คังเพื่อรอรับคำสั่งของเขา
”ค้นหาให้ทั่วเผ่าเวหาพวกเจ้าต้องหาโอรสของข้าให้พบ ! ยามนี้เขายังไม่น่าที่จะออกไปไกลนัก !”
”ส่วนเผ่าเวหานี่… ” ตี้คังกล่าวด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง
เมื่อพวกมันกล้าแตะต้องโอรสของข้าพวกมันก็ต้องชดใช้ด้วยเลือด !
ในความเป็นจริงสัตว์อสูรมีความสามารถอย่างมากในการติดตามค้นหาผู้คน ทั้งยังสามารถติดตามหาพิกัดของกันและกันได้ตามกลิ่นที่พรรคพวกของมันทิ้งไว้ให้
น่าเสียดายที่สถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนลับในดินแดนลับแห่งนี้ความสามารถของสัตว์อสูรเหล่านี้กลับไร้ประโยชน์ …
เช่นนั้นทันทีที่ไป๋เสี่ยวเฉินมาถึงดินแดนลับแห่งนี้เขาก็มอบเครื่องรางไว้ให้ไป๋เสี่ยวเฉิน ตราบใดที่ไป๋เสี่ยวเฉินถือเครื่องรางนี้ไว้ในมือ เขาก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงร่องรอยของไป๋เสี่ยวเฉินตลอดเวลา
ผู้ใดจะรู้ว่าเจ้าตัวเล็กกลับทำเครื่องรางหายไปหาไม่เขาก็คงไม่ต้องมาตามหาบุตรชายที่ดินแดนลับแห่งนี้หรอก !
”น้อมรับคำสั่งองค์ราชา”
สัตว์อสูรทั้งหมดคุกเข่าลงกับพื้นน้อมรับคำสั่งด้วยความเคารพ
เหนือหุบเขา
ไป๋เสี่ยวเฉินจับมือเสือดาวน้อยพลางวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ครั้นเขาวิ่งออกจากเผ่าเวหามาได้ เขาก็หันหลังกลับไปมองเผ่านั่นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดตามเขามา เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“แปลกจัง…การเคลื่อนไหวของข้าเมื่อครู่น่าที่จะดึงดูดผู้มีอำนาจในแดนเวหาอย่างมากเหตุใดคนพวกนั้นไม่ตามเรามาล่ะ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินขมวดคิ้วอย่างน่ารักเขาไม่เข้าใจสิ่งนี้เลยจริง ๆ
ในเมื่อเขาคิดไม่ออกเขาจึงเลิกคิด พลันรอยยิ้มสดใสก็ปรากฏบนใบหน้าเล็ก ๆ ของเขา
บทที่ 1050 : ทะเยอทะยานอย่างแรงกล้า (3)
“เสือดาวน้อย”พวกเราปลอดภัยแล้ว”
เสือดาวน้อยกระพริบตา”ขอบคุณเจ้ามาก”
”ไม่ต้องขอบคุณข้าเจ้าเคยช่วยข้าไว้ เมื่อข้าได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านี้ เช่นนั้นข้าจะทิ้งเจ้าไม่ได้” ไป๋เสี่ยวเฉินตบหัวเสือดาวน้อยเอ่ยกล่าวราวกับผู้ใหญ่ “เสือดาวน้อยที่นี่ไม่ปลอดภัยนัก หากข้าจากไป ข้าต้องเป็นห่วงเจ้าแน่ ๆ เลย เจ้าไปกับข้าก็ได้นะ”
เสือดาวน้อยตัวสั่นเขาเงยหน้าขึ้นมองไป๋เสี่ยวเฉินพร้อมรอยยิ้มสดใส เกิดอาการสำลักในลำคอเล็กน้อย “เจ้า … ยินดีที่จะพาข้าไปด้วยงั้นหรือ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้า”หม่ามี้ข้าเป็นคนดีมากเลย นางพูดง่ายไม่ต้องกังวลหรอก”
“เจ้ารักท่านแม่ของเจ้ามากใช่หรือไม่?”
เมื่อเห็นรอยยิ้มของไป๋เสี่ยวเฉินทุกครั้งที่เขาเอ่ยถึงแม่เสือดาวน้อยพลันเกิดความรู้สึกอิจฉาขึ้นเล็ก ๆ
นับแต่เขาเกิดมาเขาไม่เคยมีญาติ เช่นนั้นเมื่อเห็นการแสดงออกของไป๋เสี่ยวเฉิน เขาจึงรู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง
ไป๋เสี่ยวเฉินเชิดคางขึ้นเอ่ยกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอนสิ ข้ารักหม่ามี้ของข้ามาก หม่ามี้ของข้าไม่เพียงแต่เป็นสตรีที่สวยที่สุดในโลก ทว่านางยังเป็นคนที่อ่อนโยนที่สุดอีกด้วย ข้ามาที่นี่ก็เพื่อพัฒนาความแข็งแกร่ง ข้าจะได้ปกป้องหม่ามี้ของข้าได้ ไม่ให้มีใครมารังแกหม่ามี้ของข้าได้อีก”
”แล้วเหตุใดข้าจึงไม่ได้ยินเจ้าพูดถึงท่านพ่อของเจ้าเลยล่ะ?”
”ป๊ะป๋าของข้างั้นหรือ?” ไป๋เสี่ยวเฉินเบะปาก “เขาเป็นคนเลวที่มาแย่งหม่ามี้ของข้าไปจากข้า แต่เพราะเขาช่วยหม่ามี้ของข้าเอาชนะคนชั่ว ๆ ได้ ข้าจึงยอมรับเขาอย่างเต็มใจ … ”
เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้วไป๋เสี่ยวเฉินก็เว้นจังหวะก่อนจะกล่าวต่อว่า
“ที่จริงแล้วป๊ะป๋าวายร้ายก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากนักหรอก เขาก็ปฏิบัติกับข้าดีมาก… ในบางครั้งอะนะ แต่เขาก็ชอบข่มเหงหม่ามี้ตลอดเวลา ทั้งยังกีดกันไม่ให้ข้านอนกับหม่ามี้อีกด้วย”
นับแต่เขามีป๊ะป๋าวายร้ายเขาก็ไม่ได้นอนเตียงเดียวกับหม่ามี้อีกเลย ป๊ะป๋าวายร้ายยึดครองหม่ามี้ของเขาตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เขาเกือบจะคิดว่าเขาถูกเก็บมาเลี้ยงเสียด้วยซ้ำ …
”เสือดาวน้อยเราไปกันเถอะ ข้าเกรงว่าพวกคนใจร้ายจะไล่ตามเรามา”
ไป๋เสี่ยวเฉินถอนหายใจพลางกัดริมฝีปาก คิ้วเล็ก ๆ ของเขาขมวดเข้าหากัน ท้ายสุดก็ยังเหลือบไปมองเผ่าเวหาที่เงียบสงบเบื้องหลัง ก่อนจะจับมือของเสือดาวน้อยพากันเดินหน้าต่อไป
ครั้นพระอาทิตย์ตกดินแสงสีแดงยามอาทิตย์อัสดงแผ่รัศมีกระจายไปทั่วท้องฟ้าภายในหุบเขา ครอบคลุมร่างน้อย ๆ ทั้งสองที่ค่อย ๆ ห่างไกลออกไป กระทั่งกลายเป็นจุดเล็ก ๆ และหายไปในหุบเขา
ไม่ไกลจากหุบเขามีเมืองหนึ่งก่อนหน้านี้เมืองนี้มีเสียงดังจ้อกแจ้กจอแจ ทว่าหลังจากร่างเล็ก ๆ ทั้งสองปรากฏขึ้นที่นี่ เมืองนี้ก็ตกอยู่ในความเงียบสงบ
สายตาของทุกผู้คนต่างจับจ้องมองเด็กตัวน้อยที่แสนน่าเอ็นดูนุ่มนิ่มราวกับหยกแกะสลักแววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เด็กคนนี้เป็นใครกันนะ? ทั้งน่ารักน่าเอ็นดู อีกรอยยิ้มของเด็กน้อยก็สดใสราวกับดวงอาทิตย์อันแพรวพราวระยิบระยับ กระทั่งทำให้พวกเขาตาพร่ามัวไปทันที
แม้แต่เด็กอีกคนก็ยังไม่อาจน่ารักเทียบเท่าเขาได้ใบหน้าเล็ก ๆ สีอมชมพูแลดูบอบบางน่ารัก ทั้งยังอ่อนโยนราวกับเด็กผู้หญิง
เสือดาวน้อยแทบจะไม่มองหน้าผู้คนหลังจากเห็นสายตางงงวยของคนเหล่านี้ ร่างของเด็กน้อยก็เบียดเข้าหาไป๋เสี่ยวเฉินมากขึ้น แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
ไป๋เสี่ยวเฉินตบบ่าเสือดาวน้อยเป็นการปลอบใจ”อย่ากลัวไปเลย ข้าอยู่ที่นี่ไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้หรอก”
ในวันนั้นหลังจากที่เสือดาวน้อยช่วยชีวิตเขาไว้ เขาก็พาเสือดาวน้อยออกมาข้างนอก แต่เพราะความประมาทของเขาทำให้เสือดาวน้อยถูกคนเหล่านั้นจับตัวไป
ท้ายสุดเพื่อตามหาสถานที่ที่ซึ่งคนเหล่านั้นจับตัวเสือดาวน้อยไปเขาจึงไม่ลังเลที่จะซ่อนความแข็งแกร่งของตน และปล่อยให้คนเหล่านั้นจับตัวเขาไปด้วย