จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 1066-1070
บทที่ 1066 : ความโกรธของไป๋หยาน (5)
”ตี้เสี่ยวอวิ๋นเป็นผู้บอกเจ้าใช่หรือไม่ ? นางหาวิธีช่วยให้เจ้ามาที่นี่ใช่หรือไม่ ? ข้ารู้ว่าเด็กนั่นจะต้องบอกเรื่องเหล่านี้ แก่เจ้าเป็นแน่ หลังกลับออกจากที่นี่ ราชาผู้นี้จะต้องไปหักขาของเจ้าเด็กนั่นเสีย !”
ตี้คังไม่อาจควบคุมความโกรธในใจของเขาได้
ยัยเด็กตัวเหม็นคนนั้นไม่รู้รึว่าที่นี่อันตรายเพียงใด? ยังปล่อยให้หยานเอ๋อ เข้ามาที่นี่อีก หากหยานเอ๋อผมร่วงแม้สักเส้น เขาจะหักขานางซะ !
ไป๋หยานหรี่ตา”เฉินเอ๋อขาดการติดต่อ แต่ท่านกลับไม่ได้บอกข้า จะเกิดอะไรขึ้น หากเสี่ยวอวิ๋นไม่บอกเรื่องนี้กับข้า ถ้ามิใช่เพราะนาง ข้าก็คงต้องอยู่ในความมืดบอดเพราะท่าน !”
”แน่นอนเจ้าเด็กนั่นข้ากลับไปครานี้จะต้องจับนางโยงแล้วฟาดไม่ยั้ง !”
ตี้คังกัดฟันกรอด…
ไป๋หยานยิ้มเยาะพลางคว้าสาบเสื้อของตี้คัง
ใช่…นางคว้าสาบเสื้อตี้คัง
ทำเอาบรรดาสัตว์อสูรต่างหวาดผวา…
ราชาออกจะยโสปานนั้น? เขาโหดร้าย ทั้งไร้ความรู้สึกแม้แต่องค์หญิงเองก็ยังไม่กล้าที่จะทำอะไรไม่ไว้หน้าราชาเลย แล้วสตรีมนุษย์นางนี้กลับกล้าปฏิบัติต่อราชาของพวกเขาเช่นนี้ได้อย่างไร ?
ด้วยเหตุที่สัตว์อสูรเหล่านี้ไม่เคยออกจากดินแดนลับเช่นนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในแดนอสูร
พวกเขาแอบปาดหยาดเหงื่อเย็นบนหน้าผากเพราะเกงว่าราชาจะจัดการราชินีอย่างรุนแรงด้วยความกริ้ว …
”ตี้คัง!” ไป๋หยานเอ่ยถามด้วยความโกรธ “ท่านจะจับผู้ใดโยงแล้วฟาดนะ ?”
ความโกรธของตี้คังมลายหายไปทันทีที่ไป๋หยานทำเช่นนั้นเขามองสีหน้าหญิงสาวที่ใกล้จะโกรธเกรี้ยว พลางคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบตามความจริง
“ตี้เสี่ยวอวิ๋น”
ไป๋หยานหัวเราะเบาๆ น้ำเสียงของนางเย็นยะเยือก ส่งผลให้ตี้คังเริ่มนึกหวาดกลัว
“หยานเอ๋อ…ในดินแดนลับแห่งนี้มีผู้คนมากมายที่มีฝีมือเหนือระดับเทพ ข้ากลัวว่าเจ้าจะตกอยู่ในอันตราย หากมิใช่ตี้เสี่ยวอวิ๋น… ”
”เงียบเลย!”
ด้วยเสียงตะโกนที่โกรธเกรี้ยวของไป๋หยานตี้คังถึงกับปิดปากฉับทันที เขามองสีหน้าไป๋หยานอย่างระมัดระวัง
”ข้าขอถามท่านเป็นครั้งสุดท้ายว่าท่านเพิ่งบอกว่า ท่านต้องการจับผู้ใดโยงแล้วฟาดนะ ?”
”ราชาจะตีตี้… ”
ก่อนที่ชื่อของตี้เสี่ยวอวิ๋นจะหลุดจากปากเขาก็เห็นสีหน้าของไป๋หยาน เริ่มเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ ทันใดนั้นเขาก็เปลี่ยนคำพูด : “ราชาต้องการที่จะจับตัวเองโยงแล้วฟาด”
ประโยคนี้ทำให้สีหน้าของไป๋หยานดีขึ้นริมฝีปากของนางยกยิ้ม พลางตบไหล่ตี้คัง
”ดีมาก”
”เพื่อเจ้าแล้วสามีย่อมต้องทำดีมาก ๆ เสมอ หากแต่สงสัยว่าหยานเอ๋อจะตอบแทนข้าด้วยลูกสาวสักคนได้หรือไม่ ?”
“นั่นก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของท่าน”รอยยิ้มของไป๋หยานยิ่งแย่ลง
แม้ว่านางจะไม่อาจจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับตี้เสี่ยวอวิ๋นได้นางทำให้ตี้คังรู้ว่า ตี้เสี่ยวอวิ๋นเป็นคนบอกเรื่องเหล่านี้กับนาง
ทว่า…
ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะปกป้องเด็กสาวนี่?
“สามีของเจ้าทำตัวดีมากแล้วเช่นนั้นไม่รู้ว่าคืนนี้หยานเอ๋อจะให้โอกาสข้าบ้างได้หรือไม่ ?”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าที่งดงามของตี้คังน้ำเสียงของเขาฟังดูคลุมเครืออู้อี้ข้างหูของไป๋หยาน
ใบหน้าของไป๋หยานเปลี่ยนเป็นสีเข้มชายผู้นี้มักชอบแทะโลมนางเสมอทุกครั้งที่มีโอกาส…
”ไว้เราค่อยพูดถึงเรื่องนี้เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจที่นี่เถิด”
ไป๋หยานจ้องตี้คังก่อนจะเบนสายตาไปมองตงฟางเฉียนและซางหยู
ใบหน้าของชายหญิงทั้งสองแลดูน่าเกลียดมากยามนี้พวกเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็นต่อหน้าต่อตา
ราชาผู้สง่างามของแดนอสูรยามเมื่ออยู่ต่อหน้าสตรีมนุษย์ผู้นี้กลับแลดูต่ำต้อยถึงเพียงนี้เลยหรือ ?
”เฉินเอ๋อบอกข้าทีสิว่าเกิดอะไรขึ้น?” ตี้คังเอ่ยถามด้วยเสียงต่ำ ๆ อย่างเย็นชา
บทที่ 1067 : ความโกรธของไป๋หยาน (6)
ไป๋เสี่ยวเฉินเหลือบมองซางหยูและภรรยาของเขา พลางกล่าวว่า “คนพวกนี้หลอกข้ามาที่บ้านสกุลซาง จากนั้นพวกเขาก็วางยาข้า หวังทำให้ข้าสูญเสียความทรงจำ หากหม่ามี้ไม่ได้ให้ข้ากินยาตั้งแต่ยังเด็ก กระทั่งร่างกายของข้าอยู่ยงคงกระพัน บางทีพวกเขาอาจจะทำสำเร็จ … ”
แววตาของตี้คังมืดมนลงกว่าเดิมขณะเดียวกันแรงกดดันที่น่ากลัวก็แผ่กระจายออกมา
ภายใต้สายตาของตี้คังใบหน้าของซางหยูและภรรยาซีดเผือด พวกเขาปาดหยาดเหงื่อเย็น พลางกัดริมฝีปากไม่มีสุ้มเสียงใดเล็ดลอดออกมา
ไป๋หยานยิ้มเยาะ“ตี้คัง…ท่านจะจัดการ หรือว่าจะให้ข้าลงมือเอง”
”เรื่องเล็กน้อยเพียงแค่นี้ไม่จำเป็นต้องรบกวนหยานเอ๋อ” ตี้คังจับจ้องมองผู้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นดินเขม็ง พร้อมเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว ราวกลับท่อนไม้หนัก ๆ หวดลงมา
”เผ่าหมาป่าอสูรทะเยอทะยานยิ่งนักกล้ากระทำผิดใหญ่หลวงจับองค์ชายมาหวังข่มขู่ราชา ความผิดครั้งนี้ไม่อาจอภัยได้ ! จากนี้ไปราชาผู้นี้ไม่ต้องการให้มีเผ่าหมาป่าอสูรอยู่ในโลกใบนี้อีก”
“รับบัญชาองค์ราชา!”
สัตว์อสูรที่อยู่ด้านหลังเขาพร้อมใจกันกล่าวตอบรับอย่างพร้อมเพรียง เสียงของพวกเขาดังก้องไปทั่วท้องฟ้า
ซางหยูตัวอ่อนลงไปกองกับพื้นเขารู้ว่าครานี้ชีวิตของเขาจบสิ้นแล้ว …
แม้ว่าบิดาของเขาจะกลับมาก็ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้ !
”หยานเอ๋อคนของข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง เรากลับบ้านกันเถิด”
เรากลับบ้านกันเถิด…
ไป๋หยานจับมือไป๋เสี่ยวเฉินแน่นรอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าที่งดงามของนาง “ได้ เรากลับบ้านกัน … ”
”หม่ามี้…ประเดี๋ยวก่อน”ไป๋เสี่ยวเฉินสลัดมือของไป๋หยานออกเขารีบก้าวอย่างว่องไวไปหาเสือดาวน้อย เอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้มสดใส “เสือดาวน้อย เจ้าก็ไปกับเราด้วยนะ”
”ข้า…”เสือดาวน้อยกัดริมฝีปาก เสียงของเขาลอดออกมาจากปากอย่างเกรงใจ “ข้าไปด้วยได้หรือ ?”
”แน่นอนรับรองว่าสัตว์อสูรที่มีมากมายในแดนอสูรเรา ไม่มีผู้ใดกล้ารังแกเจ้าเป็นแน่ ข้ายังจะแนะนำน้องสาวที่น่ารักให้เจ้าอีกด้วย”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเล็กๆ ของไป๋เสี่ยวเฉิน เขาจับมือของเสือดาวน้อย เอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและจริงใจ
”ดีจัง”
เสือดาวน้อยพยักหน้า”ข้าอยากไปกับเจ้า … ”
ไป๋เสี่ยวเฉินจับมือเสือดาวน้อยก้าวไปหาไป๋หยานอย่างตื่นเต้น นัยน์ตากลมโตของเขาสดใส ทั้งเปี่ยมด้วยพลัง ราวกับดวงดาวระยิบระยับในยามราตรี
”หม่ามี้เสือดาวน้อยเป็นสหายที่ดีของเฉินเอ๋อ ที่เฉินเอ๋อพบที่นี่ ตอนที่เฉินเอ๋อได้รับบาดเจ็บจากการฝึก ก็ได้เสือดาวน้อยนี่แหละที่ช่วยเฉินเอ๋อไว้ เราพาเขาไปด้วยได้หรือไม่ ?”
ไป๋หยานลูบศีรษะไป๋เสี่ยวเฉินเอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “แน่นอน สิ่งใดที่เป็นความสุขของเฉินเอ๋อก็ตามนั้น”
“เยี่ยมเลย”
ไป๋เสี่ยวเฉินกอดขาของไป๋หยานพลางถูไถศีรษะเล็ก ๆ ของเขากับต้นขานาง “หม่ามี้ หลายวันมานี่เฉินเอ๋อคิดถึงท่านมากเลย เราจะไม่แยกจากกันอีกแล้วใช่หรือไม่ …? ”
”อืม…เราจะไม่แยกจากกันอีก”
ไป๋หยานกอดไป๋เสี่ยวเฉินแน่นเหตุใดหลายวันที่ผ่านมานางจะไม่คิดถึงลูกเล่า หากนางไม่อยากฝึกฝนลูกชายตัวน้อยคนนี้ บางทีนางคงอดไม่ได้ที่จะมาหาเขานานแล้ว …
ตี้คังยืนอยู่ข้างกายไป๋หยานทันทีที่เขาเห็นไป๋เสี่ยวเฉินกอดภรรยาของตนไม่ปล่อย คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว พลันแววตาของเขาก็แสดงชัดว่าไม่พอใจ
เหตุใดเขาถึงรู้สึกเสมอว่า…เขาเป็นตัวสำรองร่ำไปเมื่อบุตรชายของตนปรากฏตัว ?
”หยานเอ๋อข้าคิดว่าสภาพจิตใจของเจ้ายามนี้ยังไม่สู้ดีนัก ข้าจะพาเจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนจะดีหรือไม่?” ตี้คังจ้องมองสีหน้าที่ค่อนข้างเหนื่อยล้าของไป๋หยาน ด้วยความเป็นกังวล
ไป๋หยานยิ้ม”ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลายวันที่ผ่านมานี่ ข้าเองก็รู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา อยากจะพักผ่อนเช่นกัน”
บทที่ 1068 : ความโกรธของไป๋หยาน (7)
แม้ว่านางจะได้รับการฝึกฝนกระทั่งกลายเป็นยอดฝีมือระดับเทพ ทว่านางก็ไม่ต่างกับคนทั่วไป นางรู้สึกเหนื่อยล้า ทั้งยังปรารถนาการพักผ่อนเช่นกัน
ผู้ฝึกฝนเหล่านั้นสามารถเข้าฌานได้นานเป็นเวลาหลายเดือนโดยไม่ออกจากฌาณทั้งนี้เป็นเพราะพวกเขาสามารถดูดซับพลังลมปราณ เพื่อบรรเทาความหิว และความเหนื่อยล้าของร่างกาย เช่นนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องพักผ่อน
”เป็นเช่นนี้มาหลายวันแล้วหรือ?” ตี้คังคว้ามือของไป๋หยานอย่างห่วงใย นัยน์ตาเรียวคมของเขาเต็มไปด้วยความกังวล “เจ้าไม่สบายที่ใดหรือเปล่า เจ้าตรวจจับชีพจรสักหน่อยจะดีหรือไม่ ?”
ไป๋หยานหัวเราะ“นี่ท่านสับสนอะไรหรือไม่ ? ร่างกายของผู้ฝึกวรยุทธแข็งแกร่งมาก ผู้ที่ฝึกวรยุทธมักไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วยอะไรหรอก ข้าเองก็ไม่เคยล้มป่วยเลยนับแต่ก้าวขึ้นสู่ระดับตี้เจี่ย”
เมื่อพวกเขาก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกฝนแม้ว่าพวกเขาจะต้องกิน และพักผ่อนเช่นคนทั่วไป ทว่าความต้านทานของร่างกายก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ไป๋หยานก้าวเข้าสู่ระดับเทพแล้ว นางจะป่วยได้เยี่ยงไร ?
ทว่า…
ครั้นเห็นท่าทางเป็นกังวลของตี้คังไป๋หยานก็อดถอนหายใจไม่ได้ นางจึงยกมือขึ้นตรวจจับชีพจรตนเอง ชั่วขณะนั้นสีหน้าของนางก็นิ่งงันไป
”เป็นเช่นไรบ้าง?”
ทันทีที่เห็นการแสดงออกของไป๋หยานเปลี่ยนแปลงไปตี้คังก็อดไม่ได้ที่จะจับไหล่ของนาง น้ำเสียงที่ออกมาจากลำคอของเขาสั่นไหวเล็กน้อย
”เจ้า…ป่วยจริงหรือ? หยานเอ๋อ ข้ากลัวนะ อย่าทำให้ข้าตกใจสิ”
ต่อหน้า…ไป๋หยานความกล้าหาญของเขาแทบไม่เหลือเลย
เขากลัวว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับนางเขากังวลว่านางจะทิ้งเขาไป …
หากเป็นเช่นนั้นเขาไม่มีวันทนได้แน่
ไป๋หยานหลับตาลงช้าๆ พลางสูดลมหายใจเข้าลึก น้ำเสียงของนางสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“คังคัง… ดูเหมือนว่าข้าจะ … ท้อง ?”
ใช่…นางรู้สึกกระสับกระส่ายในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นการทำลายฐานการฝึกฝน หรือปรุงยา ทว่านางก็พยายามบังคับตัวเอง
นางคิดเพียงว่านางคงเหนื่อยล้ามากเกินไปไม่คิดเลยว่าตนเองตั้งครรภ์ …
เมื่อครั้งที่นางตั้งท้องเฉินเอ๋อนางแพ้ท้องดื่มได้เพียงน้ำชา ไม่อาจกินข้าวได้ ทั้งยังไม่สามารถทนรับรสชาติอาหารเลี่ยน ๆ ได้ ทว่าในครั้งนี้นางไร้ซึ่งปฏิกิริยาใด ๆ นั่นทำให้นางคาดไม่ถึง
หากแต่นางลืมไปว่าด้วยความแข็งแกร่งในยามนี้ของนาง นางจะมีอาการแพ้ท้องเช่นเมื่อก่อนได้เยี่ยงไร? ร่างกายของนางทนต่อการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้นานแล้ว !
“เจ้าว่ากระไรนะ?” ชั่วขณะนั้นร่างของตี้คังพลันแข็งทื่อ การเปลี่ยนแปลงนับไม่ถ้วนพลันปรากฏบนใบหน้าที่งดงามน่าทึ่งนั้น
ทั้งดีใจทั้งตื่นเต้น … หรืออาจจะไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
เขากำลังจะเป็นพ่อคนอีกครั้งงั้นหรือ?
เขาจะมีลูกสาวใช่หรือไม่?
ครั้งแรกที่หยานเอ๋อตั้งครรภ์เฉินเอ๋อเขาไม่ได้อยู่เคียงข้างนาง
ทว่าตอนนี้ในที่สุดเขาก็มีโอกาสที่จะชดเชยความผิดพลาดในครั้งนั้นแล้ว !
ไป๋หยานเขกหัวตนเองอย่างหงุดหงิด”น่าจะนานกว่าสามเดือนแล้ว หากคำนวณไม่พลาด ข้าน่าจะท้องตั้งแต่คืนแรกของเราด้วยซ้ำ นี่โชคดีนะว่าช่วงพัฒนาการปรุงยาที่เกิดสายฟ้าฟาดเมื่อไม่กี่วันก่อนนั้น ข้าสามารถต้านรับอัสนีบาตนั่นได้ เช่นนั้นข้าจึงไม่ได้ทำร้ายลูกของเรา … ”
หากรู้ว่าตั้งครรภ์นางจะเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะรับอัสนีบาตนั่น เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกของนางเป็นอันตรายจากสายฟ้าฟาด
เห็นได้ชัดว่าตี้คังยังไม่หายตื่นตกใจกับข่าวนี้ นัยน์ตาเรียวคมของเขาจับจ้องมองไป๋หยานอย่างว่างเปล่า มือของเขากดไหล่นาง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข
”หม่ามี้”ศีรษะเล็ก ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินโผล่ขึ้นด้านข้าง “เฉินเอ๋อจะมีน้องสาวแล้วใช่หรือไม่ ?”
ไป๋หยานเขกหัวไป๋เสี่ยวเฉิน”เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าจะเป็นน้องสาว ?”
”อย่างที่เฉินเอ๋อบอกในวันนั้นไงเฉินเอ๋อฝันถึงน้องสาว แม้ว่าเฉินเอ๋อจะไม่เห็นว่านางหน้าตาเป็นอย่างไร … แต่น้องสาวของเฉินเอ๋อจะต้องเป็นเจ้าหญิงตัวน้อย ๆ ที่น่ารักที่สุด ฉลาดที่สุด และสวยที่สุดในโลก”
บทที่ 1069 : ความโกรธของไป๋หยาน (8)
ในความคิดของไป๋เสี่ยวเฉินน้องสาวของเขาต้องเป็นเด็กที่ดีที่สุด เป็นการยากที่จะอธิบายความล้ำเลิศของนางด้วยคำจำกัดความทั้งหลายที่มี
”หยานเอ๋อ!”
ก่อนที่ไป๋หยานและไป๋เสี่ยวเฉินจะทันกล่าวคำใดออกมาอีก ที่สุดตี้คังก็รู้สึกตัว เขาเขย่าแขนหญิงสาวตรงหน้าเขาอย่างแรง
น้ำเสียงของเขาสั่นเครือเต็มไปด้วยความสุข “นี่คือของขวัญที่ดีที่สุดที่เจ้ามอบให้ราชา…. ต่อไปข้าจะปกป้องเจ้าสองแม่ลูก กับทั้งเฉินเอ๋อเป็นอย่างดีแน่นอน จะไม่ให้พวกเจ้าได้รับอันตรายใด ๆ ”
ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้าอย่างรวดเร็ว”เฉินเอ๋อเป็นลูกผู้ชาย เฉินเอ๋อต้องการปกป้องแม่กับน้องสาวด้วย จะไม่ยอมให้ใครมารังแกพวกนาง”
ครั้นเห็นสองพ่อลูกแล้วหัวใจของไป๋หยานพลันอ่อนยวบ นางยกมือขึ้นกดหน้าท้องแบนราบของตนเอง
คราที่เฉินเอ๋อถือกำเนิดนั้นนางอยู่เพียงลำพังคนเดียว ในครานั้นนางสาบานว่า แม้นางจะอยู่ตัวคนเดียว นางก็จะเลี้ยงดูเฉินเอ๋อให้เติบใหญ่ จะมอบความรักทั้งหมดให้กับเขา
ทว่าตอนนี้…
บางทีอาจเป็นเพราะมีตี้คังและลูกชายตัวน้อยอย่างเฉินเอ๋ออยู่เคียงข้าง เลยทำให้นางเกิดความรู้สึกแปลก ๆ
นับแต่ตั้งครรภ์กระทั่งคลอดลูกในครานี้นางจะไม่อยู่ลำพังอีกต่อไป นางไม่จำเป็นต้องทำงานหนัก ทั้งไม่ต้องเผชิญกับอันตรายตลอดเวลา
เพราะ… สามีและลูกชายของนางจะอยู่เคียงข้างนางตลอดเวลา
“ขอแสดงความยินดีต่อองค์ราชาขอแสดงความยินดีต่อองค์ราชินี…”
สัตว์อสูรทั้งหมดคุกเข่าลงพลางกล่าวด้วยความเคารพ
ตี้คังโอบกอดไป๋หยานยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางสายลมพัด แววตาของเขาแลดูโดดเด่น ทั้งน้ำเสียงของเขาก็ดังกังวาน “เพื่อเป็นของกำนัลรับขวัญธิดาของเรา การโจมตีอาณาจักรสวรรค์ต้องถือเป็นไปตามวาระแห่งชาติ ราชาผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าแม่ลูกอยู่อย่างสงบสุขอย่างแน่นอน !”
”ข้าเชื่อท่าน”
นางเชื่อเขาทั้งเชื่อว่าวันนั้นจะไม่ไกลเกิน…
แดนวิญญาณ
ภายในคฤหาสน์โอ่อ่าหรูหราเหอเฟยเสียงยืนอยู่บริเวณลานบ้าน มือของเขาไพล่หลัง เสื้อคลุมสีน้ำเงินของเขาสะบัดขึ้น ทีท่าของเขาสง่างามนิ่งตรงราวกับดาบ
ด้านหน้าเขาปรากฏกลุ่มคนยืนเรียงรายและคนเหล่านี้น่าmujจะมีฝีมืออยู่เหนือระดับเทพ พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ในอาณาจักรวิญญาณ
”พวกเจ้าทุกคนคงได้รับทราบกันแล้วว่า เมื่อไม่นานมานี้บุตรชายของข้าถูกคนจากอาณาจักรอสูรบนแผ่นดินใหญ่ตัดศีรษะ ทั้งข้าเพิ่งได้รับข่าวมาว่าราชาอสูรตี้คังไม่ได้อยู่ในแดนอสูรแล้ว”
มุมปากของเหอเฟยเสียงยกเย้ยหยันขณะเอ่ยกล่าวอย่างดุดันต่อว่า “หากไม่มีราชาอสูร แดนอสูรก็ไร้ค่า องค์หญิงน้อยที่คอยแต่สร้างปัญหา นางทำอะไรไม่เป็นหรอก เช่นนั้น … ”
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยพลางเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าตัดสินใจแล้ว ทุกคนจะต้องตามข้าไปโจมตีแผ่นดินใหญ่!”
ปาฏิหาริย์นั่นต้องเป็นของเขา เขาต้องเป็นผู้ครอบครองมัน !
หากเขาครอบครองปาฏิหาริย์นั่นเขาก็จะสามารถฝึกฝนยอดฝีมือระดับเทพโดยไม่ต้องมีทักษะลับได้
เมื่อถึงเวลานั้นอาณาจักรอสูรมีหรือจะแข่งกับเขาได้?
“ผู้น้อยยินดีปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าแดนวิญญาณ”
ทุกคนต่างก็คุกเข่าลงกับพื้นพวกเขาขานรับกันพร้อมเพรียง น้ำเสียงของพวกเขาประสานกันดังก้อง ฟังดูทรงพลังมาก
”ดี!” เหอเฟยเสียงยิ้มเยาะ “วันพรุ่ง เราจะออกเดินทาง ข้าต้องการทำลายล้างแผ่นดินใหญ่นั่นให้ราบเป็นหน้ากลอง !”
ครั้งนี้เขาไม่เพียงต้องการปาฏิหาริย์ทว่าเขายังต้องการล้างแค้นให้บุตรชายของเขาอีกด้วย
เขาจะส่งคนที่ฆ่าบุตรชายของเขาลงไปเป็นเพื่อนบุตรชายของเขาในนรก!
”ขอรับ”
เสียงของทุกคนประสานกันดังขึ้นอีกครั้ง
หลังจากกล่าวจบเหอเฟยเสียงก็หันหน้าไปทางห้องของตนที่อยู่ทางด้านปีกหลัง …
บริเวณด้านนอกลานบ้านหลิวชิงหยูแอบซ่อนตัวอยู่ หลังจากได้ยินถ้อยคำของเหอเฟยเสียง ใบหน้าของนางพลันเคร่งขรึมลง
ที่สุดนางก็เหลือบมองไปยังทิศทางที่เหอเฟยเสียงจากไปก่อนจะเคลื่อนตัวติดตามหลังเขาอย่างรวดเร็วเพียงพริบตาก็หายตัวไปจากด้านนอกลานบ้าน …
บทที่ 1070 : ความโกรธของไป๋หยาน (9)
“ลุงจุน”
หลิวชิงหยูรีบเข้าไปในห้องนางเห็นจุนห่าวกำลังนั่งสมาธิ เหงื่อจากความกังวลของนางไหลริน “เกิดเรื่องใหญ่แล้ว !”
”คุณหนูเกิดเรื่องใดขึ้น ?” จุนห่าวลุกขึ้นยืน หลังจากเห็นใบหน้าที่วิตกกังวลของหลิวซิงหยูเขาก็เอ่ยถามอย่างงงงวย
ใบหน้าของหลิวชิงหยูเปลี่ยนไป”ตาเฒ่าคนนั้นวางแผนที่จะไปแผ่นดินใหญ่ด้วยตัวเอง ข้าคาดว่าแผ่นดินใหญ่จะต้องเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ รีบไปแจ้งให้นายหญิงทราบ … ให้นางหลบไปซ่อนตัวให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้ !”
ความแข็งแกร่งของท่านพ่อเข้าถึงระดับเทพชั้นกลางไม่มีผู้ใดสามารถเอาชนะเขาได้ หากเขาไปที่แผ่นดินใหญ่ด้วยตนเองจริง ๆ ก็ไม่มีใครสามารถหลบหนีได้เป็นแน่
งานเร่งด่วนที่สุดคือให้ไป๋หยานไปหลบภัยที่แดนอสูรก่อน
อย่างน้อยเขาคงยังไม่กล้าบุกไปสร้างปัญหาที่แดนอสูรอย่างโจ่งแจ้งนัก…
“ข้าเข้าใจแล้วข้าจะไปที่แผ่นดินใหญ่เดี๋ยวนี้”
จุนห่าวลุกขึ้นยืนจากนั้นก็ก้าวออกไปนอกประตู
หลิวชิงหยูรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย นางจึงเดินตามไปด้วย ทว่าทันทีที่พวกเขาถึงประตู พวกเขาก็ถูกผู้คุ้มกันสองคนหยุดไว้
“อาวุโสจุนคุณหนู เจ้าแดนวิญญาณมีคำสั่ง ไม่อนุญาตให้ผู้ใดออกไปข้างนอกภายในสองสามวันนี้ พวกท่านทั้งสองได้โปรดกลับเข้าไปเถอะ”
ไม่อนุญาตให้ผู้ใดออกไปข้างนอกกระนั้นรึ?
แววตาของหลิวชิงหยูเย็นชานางตะโกนออกมาอย่างดุดัน “ช่างกล้านักนะ ! ข้าให้อาวุโสออกไปซื้อของให้ข้า เหตุใดเจ้าจึงไม่อนุญาตให้พวกเราออกไปข้างนอก ?”
”คุณหนูนี่เป็นคำสั่งจากท่านเจ้าแดน โปรดยกโทษให้ข้าน้อยด้วย”
ผู้คุ้มกันคุกเข่าลงข้างหนึ่งน้ำเสียงของเขาไม่ได้อ่อนน้อมหรือแข็งกร้าว
หลิวชิงหยูกระวนกระวายกระทั่งเหงื่อผุดออกมามากขึ้น นางหันไปมองจุนห่าว ที่สุดก็กัดฟัน หันกลับไปมองผู้คุ้มกันอีกครา “ข้าบอกแล้วไงว่า ข้าให้ลุงจุนไปหาซื้อของให้ข้า ไม่ช้าเขาก็จะกลับมา ออกไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้นะ”
ผู้คุ้มกันยังคงอยู่ที่ประตูไม่เคลื่อนไหวยังคงนิ่งไม่ต่างจากภูเขา ไม่ได้หวั่นไหวไปกับถ้อยคำข่มขู่ของหลิวชิงหยูเลย
แม้ว่าเจ้าแดนวิญญาณจะเพิ่งมอบอำนาจให้กับคุณหนูทว่าสุดท้ายแล้วเจ้าแดนวิญญาณก็ยังคงมีอำนาจสูงสุดในอาณาจักรวิญญาณ และเขาต้องกระทำตามคำสั่งของเจ้าแดนวิญญาณเท่านั้น
”คุณหนู!”
ครั้นเห็นว่าหลิวชิงหยูไม่อาจระงับความโกรธในใจลงได้ จุนห่าวก็รีบดึงแขนของนาง เอ่ยกล่าวด้วยเสียงเบา ๆ “ความจริงแล้วก็ไม่ใช่ของสำคัญอะไร ไว้เราค่อยไปซื้อหากันภายหลังก็ได้”
แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะเบามากทว่าเขาก็จงใจที่จะให้ผู้คุ้มกันได้ยิน
ผู้คุ้มกันยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงราวกับว่าเขาไม่ได้ยินถ้อยคำของคนทั้งสอง
หลังจากกล่าวจบจุนห่าวก็เหลือบมองหลิวชิงหยูส่งความนัยว่าต้องใช้เวลาคิดแผนการเรื่องนี้สักหน่อย
แน่นอนว่าหากพวกเขายืนกรานที่จะไปให้ได้ ย่อมจะกลายเป็นการกระตุ้นความสงสัยของเจ้าแดนวิญญาณ ซึ่งนั่นนับเป็นสิ่งที่ไม่ดีอย่างยิ่งสำหรับหญิงสาว
”เช่นนั้นก็ได้”
หลิวชิงหยูสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะค่อย ๆ หันกลับมา “ลุงจุนพวกเราไปกันเถิด”
จุนห่าวหรี่ตามองผู้คุ้มกันก่อนจะเดินตามหลังหลิวชิงหยูหายไปจากลานบ้าน
ผู้คุ้มกันมองตามทิศทางที่ทั้งสองจากไปก่อนจะแอบเรียกใครบางคนเข้ามา พลางกระซิบสองสามคำข้างหูของคนผู้นั้น
ชายคนนั้นพยักหน้าจากนั้นก็รีบเดินไปที่ห้องหนังสือของเหอเฟยเสียง …
หลิวชิงหยูรีบวิ่งไปที่ห้องถึงห้องนางก็ผลักประตูเข้าไป ก่อนจะหันหลังกลับมามองจุนห่าวที่อยู่ข้างหลังนาง พลางเอ่ยถามว่า “ลุงจุน… เราจะทำเช่นไรดี ตอนนี้นายหญิงคือความหวังเดียวของเรา หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับนาง เกรงว่าจะไม่มีผู้ใดช่วยเราได้ … “เดิมทีหลิวชิงหยูไม่พอใจไป๋หยานมาก ทว่าตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่ามีเพียงไป๋หยานเท่านั้นที่สามารถช่วยนางจัดการเหอเฟยเสียงได้