จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 1171 -1175
บทที่ 1171 : เหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน (6)
ประกอบกับจนถึงวันนี้การที่พระราชวังแดนสวรรค์ไม่ตอบโต้ใดๆ ก็ยิ่งทำให้ทุกคนในแดนสวรรค์ตื่นตระหนกมากขึ้น
เช่นนั้นเมืองที่เคยมีชีวิตชีวาในอดีตจึงกลายเป็นเมืองร้างไปหลายต่อหลายเมือง
ไป๋หนิงต้องการพาหนิงเยี่ยออกไปพักผ่อนแต่ครั้นเห็นว่าอาณาจักรสวรรค์เต็มไปด้วยบรรยากาศหดหู่ ไม่น่าท่องเที่ยวผ่อนคลายเลย
นางจึงหาข้ออ้างทิ้งหนิงเยี่ยไว้ที่โรงเตี๊ยมจากนั้นนางก็เดินเล่นไปบนท้องถนน นางอดไม่ได้ที่จะสะใจกับถนนหนทางที่ดูเงียบเหงา
อาณาจักรสวรรค์อีกไม่ช้าก็เร็วจะต้องพินาศ!
และนางก็จะรอคอยวันนั้น!
”ท่านแม่!”
จู่ๆ เสียงใส ๆ ไพเราะก็ดังมาจากด้านหลัง ครั้นไป๋หนิงหันกลับไปมองนางก็เห็นเด็กหญิงผิวขาวอมชมพูน่ารักอ่อนโยนวิ่งเข้ามาสู่อ้อมแขนของนาง
ร่างของเด็กหญิงนุ่มนิ่มกรุ่นกลิ่นหอมจาง ๆ นางถักเปียสองข้างช่างน่ารักเหลือเกิน ไม่ว่าผู้ใด หากได้เห็นนางแค่เพียงแว่บเดียวก็ต้องรู้สึกรัก รู้สึกเอ็นดูได้อย่างง่ายดาย
ทว่าก่อนที่ไป๋หนิงจะทันกล่าวคำใดออกมาก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านข้าง เสียงนี้ฟังดูอ่อนเยาว์พอ ๆ กัน หากแต่กลับเต็มไปด้วนอาการนิ่งสงบที่หาได้ยากยิ่งในวัยนี้
”ยายโง่เจ้าจำคนผิดแล้ว นี่ไม่ใช่หม่ามี้”
เด็กหญิงตัวน้อยปล่อยมือด้วยความงุนงงนางเงยหน้าขึ้นมองสตรีในอาภรณ์สีน้ำเงินที่อยู่เบื้องหน้า พร้อมกับทำปากเบะ “ข้าขอโทษ ข้าจำคนผิด ท่านเหมือนแม่ของเรามากจริง ๆ”
เหมือนกันมาก?
ไป๋หนิงสะดุ้งพลางยิ้มนางก้มหน้าลงมอง ร่างเล็ก ๆ ทั้งสองสะท้อนอยู่ในดวงตาของนาง
“ไม่เป็นไรจำคนผิดเป็นเรื่องธรรมดา ว่าแต่ข้ากับแม่ของพวกเจ้าหน้าตาเหมือนกันมากกระนั้นหรือ ?”
เด็กชายตัวน้อยเดินตามหลังเด็กหญิงตัวน้อยมา
เด็กชายผิวสีชมพูนุ่มนิ่มอ่อนโยนยิ่งกว่านางฟ้าน้อยๆ คนแรกเล็กน้อย ใบหน้าขาวผ่องของเขาแลดูสง่าผ่าเผย
นัยน์ตาข้างหนึ่งของเขาเป็นสีแดงมืดมนแลดูกระหายเลือด ส่วนอีกข้างดำขลับสว่างไสวพร่างพราวราวกับดวงดาราบนท้องฟ้า
นางเพิ่งเคยเห็นเด็กประหลาดเช่นนี้เป็นครั้งแรก
ทว่าด้วยเหตุผลบางประการทันทีที่นางเห็นเด็กน้อยคนนี้ นางก็อดรู้สึกเมตตาเอ็นดูไม่ได้ แววตาของนางค่อย ๆ อ่อนลง
”ท่านกับท่านแม่ของเราหน้าตาเหมือนกันทว่าท่านแม่ของเราสาวกว่า และสวยกว่า นางเป็นสตรีที่สวยที่สุดในโลก”
ทันทีที่เขาเอ่ยถึงแม่ใบหน้าเล็ก ๆ ของเจ้าซาลาเปาน้อยก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
ในสายตาของเขาหม่ามี้ของเขาดีที่สุดเสมอ ทั้งไม่มีผู้ใดเทียบได้ !
ไป๋หนิงไม่โกรธนางยิ้มเล็กน้อย “ถ้าเช่นนั้นก็อาจเป็นเพราะโชคชะตาที่พาเรามาพบกัน แล้วแม่ของเจ้าอยู่ที่ใดล่ะ ? เจ้าพอจะให้ข้าพบนางได้หรือไม่ ?”
เด็กหญิงตัวน้อยริมฝีปากกระตุกน้ำตาร่วงเผาะ
“พวกเราพลัดหลงกับท่านแม่ท่านยายคนสวย ท่านพบท่านแม่ของเราบ้างมั้ย ?”
ท่านยายคนสวย?
ช่างเป็นคำเรียกขานที่มีเอกลักษณ์มาก…
“ในเมื่อเจ้าบอกว่าแม่ของเจ้าคล้ายกับข้ามากเช่นนั้นข้าจะช่วยพวกเจ้าตามหาแม่จะดีหรือไม่ ? ทว่าพวกเจ้ายังไม่ได้บอกชื่อของพวกเจ้ากับข้าเลย”
ไป๋เสี่ยวเฉินเหลือบมองไป๋หนิง”ข้าชื่อไป๋เสี่ยวเฉิน นางชื่อเสี่ยวหลงเอ๋อ สองคนข้างหลังคือองครักษ์ของเรา หลงหยัน และ ป้านชิงเฉิง”
หลงหยันตะลึงเมื่อได้ยินคำเรียกของไป๋เสี่ยวเฉิน
เขาเป็นเทพมังกรผู้สง่างามนี่เขากลายเป็นองครักษ์ของเจ้าหนูคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
ทว่า…
ครั้นนึกถึงอิสรภาพที่ยังคงอยู่ในมือของไป๋หยานเขาก็ต้องอดกลั้นต่อความไม่พอใจนั้นทันที
ปกป้องเด็กนี่ได้นางก็จะคืนอิสระให้กับเขา
”ชื่อของเจ้าคือไป๋เสี่ยวเฉิน เช่นนั้นก็คงเป็นพรหมลิขิตจริง ๆ เพราะข้าเองก็แซ่ไป๋ และข้าชื่อ ไป๋หนิง” ไป๋หนิงกล่าวพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ
ไป๋หนิง?
หัวใจของไป๋เสี่ยวเฉินสั่นสะท้านเขาเงยหน้าขึ้นมองสตรีที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความตกใจ
***จบบทเหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน (6)***
บทที่ 1172 : เหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน (7)
”ไป๋หนิง…ท่านชื่อไป๋หนิงงั้นรึ?” ไป๋เสี่ยวเฉินรีบดึงแขนเสื้อของไป๋หนิง น้ำเสียงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของเขาสั่นเล็กน้อย “แล้วท่านรู้จักเหวินหยุนเฟิงหรือไม่ ?”
“เหวินหยุนเฟิง?”
ไป๋หนิงขมวดคิ้วครุ่นคิดสักพัก นางรู้สึกว่าชื่อนี้ช่างคุ้นหูมาก หากแต่นางกลับจำไม่ได้ว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน ?
”ขอโทษ…ข้าไม่รู้จักเหวินหยุนเฟิง”
สุดท้ายนางก็เลิกใส่ใจ จึงตอบคำพร้อมรอยยิ้ม
ไม่รู้จักรึ?
เช่นนั้นนางจะรู้จักท่านตาหรือไม่?
ไป๋เสี่ยวเฉินกัดริมฝีปากแน่น
แค่ชื่ออาจเป็นเพียงเรื่องบังเอิญทว่าเหตุใดนางถึงดูเหมือนหม่ามี้ได้ล่ะ ?
ดังนั้นเขาจึงไม่เต็มใจที่จะปล่อยไป๋หนิงไปง่ายๆ “ท่านยายคนสวย ลองคิดทบทวนหน่อย ท่านไม่รู้จักเหวินหยุนเฟิงจริง ๆ หรือ ?”
“ข้าควรรู้จักเขางั้นหรือ?”
ไป๋หนิงเอ่ยถามอย่างสงสัย
เป็นเพราะประโยคนี้ที่ทำให้ไป๋เสี่ยวเฉินปล่อยมือมือเล็ก ๆ ของตน เขากัดริมฝีปากแน่นไม่เอ่ยกล่าวแม้สักคำ
“เสด็จพี่”
เสี่ยวหลงเอ๋อดึงมือเล็กๆ ของไป๋เสี่ยวเฉิน “เอ่อ…”
ไป๋เสี่ยวเฉินไม่สนใจคำพูดของเสี่ยวหลงเอ๋อนัยน์ตากลมโตของเขากระพริบสองสามครั้ง น้ำเสียงของเขาอ่อนลง ขณะเอ่ยกล่าวอย่างน่าสงสาร “เฉินเอ๋อเพิ่งรู้สึกว่าท่านดูเหมือนหม่ามี้มาก จึงคิดว่าท่านมีอะไรบางอย่างเหมือนกับท่านยายของเฉินเอ๋อที่หายตัวไปด้วย หากแต่ดูเหมือนว่าเฉินเอ๋อจะเข้าใจผิดไป”
ครั้นเห็นการแสดงออกที่น่าเวทนาของเด็กน้อยหัวใจของไป๋หนิงพลันอ่อนยวบ “หนูน้อย เจ้าต้องได้พบท่านแม่ และท่านยายของเจ้าอย่างแน่นอน”
”แต่… ” ไป๋เสี่ยวเฉินก้มหน้าลง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ “ยามที่เฉินเอ๋อไม่มีแม่อยู่เคียงข้าง ก็มักจะมีคนชั่วคอยกลั่นแกล้งเฉินเอ๋ออยู่เรื่อย ส่วนองครักษ์ทั้งสองคนนี้ของเฉินเอ๋อก็ไร้ประโยชน์มาก ๆ เลย”
มุมปากของหลงหยันและป้านชิงเฉิงกระตุกสองครั้ง
ไร้ประโยชน์กระนั้นรึ? แน่ใจหรือว่าพวกเขาเป็นเช่นนั้น ?
เนื่องจากหลงหยันและป้านชิงเฉิงต่างปกปิดความแข็งแกร่งของพวกเขา ดังนั้นคนอื่น ๆ จึงไม่สามารถล่วงรู้พลังที่แท้จริงของพวกเขาได้ แม้ว่าคนอื่น ๆ จะรู้ว่าพวกเขาเป็นสัตว์อสูร ทว่าคนพวกนั้นก็จะไม่มีวันรู้อะไรมากไปกว่านั้น
“เจ้าหมายถึงมีคนรังแกเจ้างั้นหรือ?” ไป๋หนิงขมวดคิ้ว เด็กน่ารักเช่นนี้ใครเห็นก็เป็นต้องรักและเอ็นดู ยังมีใครคิดจะรังแกเขาได้กระนั้นหรือ ?
ไป๋เสี่ยวเฉินสูดจมูกหยาดน้ำตาแห่งความเสียใจแทบจะร่วงหล่นแล้ว
“ท่านยายคนสวยช่วยพาข้ากับน้องสาวไปด้วยได้หรือไม่ ? พวกเราก็ไม่ต่างจากคนจรจัด พ่อก็ไม่ต้องการพวกเรา แม่ก็หายตัวไป หากท่านไม่พาพวกเราไปด้วย พวกเราเป็นต้องถูกคนเลวฆ่าอย่างแน่นอน”
สิ่งที่เขาพูดนั้นถูกต้องทั้งหมดก็ป๊ะป๋าวายร้ายไม่เคยต้องการเขา เพราะทั้งหมดที่ป๊ะป๋าต้องการก็คือหม่ามี้ของเขาเท่านั้น
ในใจของป๊ะป๋าวายร้ายเขาเองก็ไม่ต่างจากเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงเช่นนั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ร้ายป๊ะป๋าวายร้ายเลย
หัวใจของไป๋หนิงอ่อนยวบลงนางลูบศีรษะของเด็กน้อยเบา ๆ “ตกลง เจ้าสามารถติดตามข้าได้ นับจากนี้ไปข้าสัญญาว่าจะไม่มีผู้ใดทำร้ายเจ้าได้อีก”
ครั้นได้ยินถ้อยคำของไป๋หนิงใบหน้าสีชมพูของไป๋เสี่ยวเฉินพลันเผยรอยยิ้มสดใสและไร้เดียงสา
เขาดึงแขนเสื้อของไป๋หนิงนัยน์ตาดำขลับของเขาเป็นประกายแวววาว
”ขอบคุณท่านยายคนสวย”
”เจ้าทั้งสองช่างปากหวานจริง ๆ ว่าแต่ เฉินเอ๋อเกิดอะไรขึ้นกับดวงตาของเจ้า” ไป๋หนิงมองดวงตาสีแดงของไป๋เสี่ยวเฉิน นางขมวดคิ้วพลางเอ่ยถามเบา ๆ
น้ำตาของไป๋เสี่ยวเฉินร่วงหล่น
อย่างไรก็ตามน้ำตาของเขาหยาดลงมาจากนัยน์ตาดำขลับเท่านั้นในขณะที่นัยน์ตาข้างที่เป็นสีแดงยังคงแห้งผาก
”นัยน์ตาของเฉินเอ๋อถูกพิษ”เขาลูบนัยน์ตาสีแดงของตน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ “คนเลวเหล่านั้นวางยาเฉินเอ๋อ ทำร้ายเฉินเอ๋อจนเป็นแบบนี้ แต่วันหน้าหากมีท่านยายคนสวยคอยปกป้องเฉินเอ๋อ เฉินเอ๋อก็จะไม่กลัวคนเหล่านั้นอีกต่อไป”
***จบบทเหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน (7)***
บทที่ 1173 : เหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน (8)
ถ้อยคำของไป๋เสี่ยวเฉินทำให้หัวใจของไป๋หนิงอบอุ่นนางไม่เคยมีความรู้สึกผูกพันกับผู้ใดเช่นนี้มานานแล้ว …
”เด็กน้อย…ข้าจะพาเจ้าไปพักผ่อนก่อนจากนี้ไปตราบใดที่ข้ายังอยู่ ข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำร้ายเจ้า”
คำสัญญาของนางนั้นราวกับจะบอกไป๋เสี่ยวเฉิน และหลงเอ๋อ ทว่าแท้จริงแล้ว เหมือนนางจะบอกกล่าวตนเองเสียมากกว่า น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความมั่นใจ
บริเวณทางเดินของโรงเตี๊ยมหนิงเยี่ย พยายามมองลงไปด้านล่างด้วยความวิตกกังวล
ชั่วขณะนั้นนางก็เห็นสตรีในอาภรณ์สีน้ำเงินเดินเข้ามาจากด้านนอกโรงเตี๊ยม นางมีความสุขมาก นางรีบวิ่งลงบันได
แต่ครั้นวิ่งไปได้เพียงครึ่งทางนางก็หยุด…
เพราะนางเห็นเจ้าซาลาเปาน้อยสองก้อนน่ารักน่าเอ็นดูขนาบข้างกายไป๋หนิง
ซาลาเปาน้อยสองก้อนนั้นทั้งน่ารักทั้งอ่อนโยนซ้ำยังมีรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาบนใบหน้าขาวอมชมพูของพวกเขา
ทั้งคู่ขนาบข้างไป๋หนิงซ้ายคนขวาคนไม่รู้ว่าเด็กน้อยกล่าวอะไรทำให้ไป๋หนิงหัวเราะคิกคัก
รอยยิ้มของไป๋หนิงพร่างพราวกระทั่งหัวใจของหนิงเยี่ยราวโดนกระชาก มือของนางกำแน่นจนหมัดน้อย ๆ ของนางเป็นสีชมพู
นางสูดลมหายใจเข้าลึกพลางก้าวช้า ๆ เข้าไปหาคนด้านล่างพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตรบนใบหน้าเล็ก ๆ ที่บอบบางของนาง
“ท่านอาหนิงท่านกลับมาแล้วหรือ แล้วหนูน้อยสองคนนี้ คือ… ”
”อ้อ! ข้าเพิ่งเจอพวกเขาข้างนอก เด็กชายคนนี้มีชื่อไป๋เสี่ยวเฉิน ส่วนเด็กผู้หญิงคนนี้ชื่อ เสี่ยวหลงเอ๋อ ข้าคิดว่าพวกเขาไม่มีที่พัก เช่นนั้นข้าจึงคิดจะพาพวกเขากลับไปด้วย”
สิ่งที่ไป๋หนิงไม่ได้บอกหนิงเยี่ยก็คือเด็กชายน้อยที่มีชื่อว่าไป๋เสี่ยวเฉินทำให้นางรู้สึกเอ็นดูอย่างไม่มีเหตุผลดูเหมือนว่าเพียงแค่ได้พูดคุยกับเขา นางก็รู้สึกมีความสุขแล้ว
อีกทั้งความรู้สึกรื่นรมย์เช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่นางไม่เคยได้รับมาก่อนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา …
”สวัสดีน้องชาย น้องสาว ” หนิงเยี่ยหงุดหงิดทว่าก็ยังปั้นหน้าแย้มยิ้ม “ข้าชื่อหนิงเยี่ย จากนี้ไปพวกเจ้าก็เรียกข้าว่าพี่หนิงก็แล้วกันนะ”
ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตา”ท่านป้า ท่านมีความสัมพันธ์ยังไงกับท่านยายคนสวย ?”
รอยยิ้มบนมุมปากของหนิงเยี่ยแข็งค้างนางไม่สามารถปั้นหน้ายิ้มแย้มได้อีกต่อไป ยามนี้เห็นได้ชัดว่านางค่อนข้างโกรธ “เจ้าควรเรียกข้าว่าพี่สาว !”
”แต่… ” นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินแดงระเรื่อ เขาเอ่ยกล่าวอย่างน่าเวทนา “พวกเราเรียกนางว่าท่านยายคนสวย ส่วนท่านก็เรียกท่านยายคนสวยว่า ท่านอา ข้าเรียกท่านว่าท่านป้า ข้าผิดที่ใด ?”
หัวใจของไป๋หนิงอ่อนยวบลงทันทีเมื่อได้เห็นนัยน์ตาเล็ก ๆ ที่น่าสงสารของไป๋เสี่ยวเฉิน นางหันหน้าไปกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุด
”เยี่ยเอ๋อ…เฉินเอ๋อยังเด็กนัก อย่าตะคอกเขาสิ แล้วนี่เขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรผิด จริง ๆ เมื่อครู่นี้ข้าเพิ่งจะรับเด็กคนนี้เป็นหลานชาย”
ร่างของหนิงเยี่ยแข็งทื่อ
นางพยายามอย่างหนักตลอดหลายปีที่ผ่านมาทว่านางยังไม่อาจทำให้ไป๋หนิงรับนางเป็นบุตรสาวได้ หากแต่เด็กบ้านี่ไม่รู้ว่ามาจากที่ใด จู่ ๆ ไป๋หนิงกลับรับเขาเป็นหลานชายซะงั้น ?
”ท่านอาหนิง”หนิงเยี่ยระงับความโกรธในใจ พลางมองไป๋หนิงด้วยนัยน์ตาแดง ๆ “ขอโทษเป็นข้าที่ผิดเอง ข้าไม่ควรโกรธเด็ก หากแต่ …ท่านอาหนิง ท่านยังสาว เขาเรียกท่านว่าท่านยายต่อหน้าผู้คนตั้งเยอะแยะท่านไม่อายจริง ๆ กระนั้นหรือ ?”
ไป๋หนิงยิ้มพลางกล่าวว่า”ข้าอายุสี่สิบกว่าแล้ว ข้าจะยังเด็กอยู่ได้เยี่ยงไร ? หากข้ามีบุตรสาว บุตรของนางก็คงจะมีอายุเกือบเท่า ๆ นี้ เช่นนั้นจึงไม่ผิดที่เฉินเอ๋อจะเรียกข้าว่าท่านยาย นอกจากนี้ ข้ายังชอบเด็กน้อยคนนี้มากเสียด้วย”
หนิงเยี่ยกัดริมฝีปากแน่นนางลดสายตาลง ก่อนจะหลับตาด้วยความอิจฉา ริษยาและไม่พอใจ
***จบบทเหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน (8)***
บทที่ 1174 : ความริษยาของหนิงเยี่ย (1)
นางไม่สามารถขจัดบุตรสาวแท้ๆ ที่ท่านอาหนิงให้กำเนิดได้ แล้วยังต้องมาเจอเด็กบ้านี่แย่งชิงท่านอาหนิงอีก นางจะทนได้เยี่ยงไร ?
อย่างไรก็ตามนางรู้ว่าท่านอาหนิงชอบเด็กที่มีความประพฤติเรียบร้อยและเชื่อฟัง เช่นนั้นแม้ว่านางจะรู้สึกไม่พอใจ ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าไป๋หนิง นางก็ไม่กล้าแสดงออก …
”เฉินเอ๋อหลงเอ๋อ ข้าจะจัดที่พักให้เจ้าทั้งสองในภายหลัง ส่วนองครักษ์ทั้งสองของเจ้า … ” ไป๋หนิงเหลือบมองคนทั้งสองที่เดินตามหลังไป๋เสี่ยวเฉินพลางยิ้มเล็กน้อย “ข้าจะจัดให้อยู่ใกล้ ๆ พวกเจ้าก็แล้วกันนะ”
ใบหน้าเล็กๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใสราวกับดอกไม้ไฟ “ขอบคุณ ท่านยายคนสวย ท่านยาย ข้าชอบท่านมากเลย เพียงมีท่านอยู่เคียงข้าง ต่อไปเฉินเอ๋อก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีปัญหากับคนเลวพวกนั้นแล้ว”
”หนูน้อย… ” ไป๋หนิงลูบศีรษะไป๋เสี่ยวเฉินพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวล หากมีข้าอยู่ด้วย ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าทำร้ายเจ้าเป็นแน่”
หลังจากที่นางกระซิบประโยคนี้แล้วนางก็หันไปมองหนิงเยี่ย พลางยิ้มอย่างอ่อนโยน “เยี่ยเอ๋อ จากนี้ไปเด็กคนนี้จะเป็นหลานชายของข้า ส่วนเจ้าก็จะกลายเป็นท่านป้าของเขา เช่นนั้นช่วยดูแลเขาด้วย อย่าดุเขามากนักล่ะ เข้าใจหรือไม่ ?”
หนิงเยี่ยส่งสายตามองไป๋เสี่ยวเฉินด้วยเหตุผลบางประการนางรู้สึกว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กชายน้อยคนนี้แลดูแข็งกร้าว นั่นทำให้นางรู้สึกไม่มีความสุขเอาเสียเลย
ถึงกระนั้นหนิงเยี่ยก็ยังเก็บอาการมิได้แสดงท่าทีใดออกมา นางแลบลิ้นออกมาเล็กน้อย “ท่านอาหนิง ข้าจะดูแลน้องเฉินเอ๋ออย่างดี และข้าจะไม่ดุเขาอีก”
ทว่าไป๋เสี่ยวเฉินแลดูเหมือนจะต่อต้านนางรอยยิ้มที่สดใสของเขาทำให้ใบหน้าของหนิงเยี่ยเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“ท่านป้าเฉินเอ๋อหิว ท่านป้าช่วยหาอะไรให้เฉินเอ๋อกินหน่อยจะได้หรือไม่ ?”
ไอ้เด็กบ้านี่เรียกนางว่าป้าจริงๆ คิดว่ามีท่านอาหนิงคอยให้ท้ายแล้ว นางจะทำอะไรเขาไม่ได้งั้นหรือ ?
ยิ่งไปกว่านั้นเด็กคนนี้ยังขอให้นางเตรียมอาหารให้เขาอีกกระนั้นรึ?
ขณะที่ในใจของหนิงเยี่ยยังเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจนัยน์ตาของไป๋หนิงก็กวาดมามองพอดี เสียงของนางยังคงอ่อนโยนเฉกเช่นเคย “เยี่ยเอ๋อ เจ้าไปเตรียมอาหารให้พวกเขาเถอะ หนูน้อยคนนี้กำลังตามหาแม่ของเขา เขาคงจะหิวโหยมาตลอดทาง ดูหน้าเขาสิ… ซีดเชียว”
ใบหน้าของหนิงเยี่ยเปลี่ยนจากดำเป็นขาวจากขาวเป็นดำ ความโกรธในใจรุมเร้า กระทั่งนางแทบจะอดกลั้นไว้ไม่ไหวอีกต่อไป หากแต่ท้ายสุดนางก็ระงับไว้ได้
”ตกลงข้าจะไปเตรียมอาหารให้”
หนิงเยี่ยกัดริมฝีปากพลางเหลือบมองไป๋เสี่ยวเฉิน ก่อนจะรีบก้าวไปหาเสี่ยวเอ้อของโรงเตี๊ยมนี้
นางต้องการสั่งให้เสี่ยวเอ้อเตรียมอาหารทว่าเสียงนุ่ม ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินก็ดังขึ้นอีกครั้ง
”ท่านป้าข้าอยากกินขนมเค้กหอมหมื่นลี้ที่ขายบนถนนด้านตะวันออกนั่น ท่านช่วยซื้อให้ข้าหน่อยจะได้หรือไม่ ? เมื่อสักครู่ข้าเดินผ่านมาแล้วได้กลิ่นเค้กหอมหมื่นลี้มันหอมน่ากินจัง”
ร่างของหนิงเยี่ยแข็งทื่อขึ้นทันทีนางหันหลังให้ไป๋เสี่ยวเฉิน ฝ่ามือทั้งสองข้างกำแน่นจนเป็นหมัด
”ข้าจะออกไปซื้อให้”
หลังจากกล่าวจบนางก็หลังผละจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
ไป๋เสี่ยวเฉินมองตามร่างที่กำลังจากไปของหนิงเยี่ยนัยน์ตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย จากนั้นไม่นานใบหน้าเล็ก ๆ ที่น่ารักของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มบริสุทธิ์ และน่ารักอีกครั้ง
“ท่านยายคนสวยนี่ก็ค่ำแล้ว ท่านควรพักผ่อนก่อน เฉินเอ๋อจะพาน้องสาวไปพักผ่อนเช่นกัน”
ไป๋หนิงหัวเราะนางไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดเพียงได้เห็นเด็กชายน้อยคนนี้ อารมณ์ของนางพลันสดชื่นขึ้นเป็นพิเศษ ?
”ตกลง…เช่นนั้นเจ้าก็ไปพักผ่อนให้เต็มที่เถิดไว้ค่อยมาหายายทีหลัง”
หลังจากกล่าวจบไป๋หนิงก็สั่งให้เสี่ยวเอ้อเตรียมห้องให้ไป๋เสี่ยวเฉินและพรรคพวกของเขา จากนั้นนางก็เดินเข้าไปในห้องพักของนาง…
***จบบทความริษยาของหนิงเยี่ย (1)***
บทที่ 1175 : ความริษยาของหนิงเยี่ย (2)
หลังจากหนิงเยี่ยและไป๋หนิงผละจากไป ไป๋เสี่ยวเฉินก็พาเสี่ยวหลงเอ๋อไปที่ห้องพัก
ป้านชิงเฉิงและหลงหยันไม่ได้ติดตามเด็กทั้งสองอีกต่อไป ทั้งคู่เดินเข้าห้องที่อยู่ถัดไป พวกเขาต้องใส่ใจความปลอดภัยของไป๋เสี่ยวเฉินตลอดเวลา แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่กับไป๋เสี่ยวเฉิน ทว่าพวกเขาก็ต้องคอยฟังเสียงความเคลื่อนไหวของห้องตรงข้าม ……
…
ภายในห้อง
เสี่ยวหลงเอ๋อนั่งถัดจากไป๋เสี่ยวเฉินขนตายาวของนางกะพริบเล็กน้อย นางเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เสด็จพี่ คนที่ชื่อไป๋หนิงนั่นเป็นท่านยายของเราใช่หรือไม่ ? เป็นไปได้มั้ยที่จะมีคนชื่อแซ่เหมือนกันเช่นนี้ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินส่ายศีรษะ”ข้าไม่เชื่อว่าจะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้ในโลก บางทีอาจจะมีบางอย่างเกิดขึ้น ทำให้ท่านยายจำท่านตาไม่ได้ หลงเอ๋อ…เราต้องพยายามติดตามท่านยายและรอให้ท่านแม่มาตามหาเรา”
เนื่องจากไป๋หยานและหลงหยันได้ทำพันธะสัญญานายบ่าวไว้แล้ว หลงหยันอาจไม่รู้ว่าไป๋หยานอยู่ที่ใด ? ทว่าจากพันธะสัญญาไป๋หยานสามารถรับรู้การมีอยู่ของหลงหยันได้อย่างชัดเจน นางย่อมรู้กระทั่งว่าหลงหยันอยู่ที่ใด
เช่นนั้นไป๋เสี่ยวเฉินจึงตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ!
ขอเพียงหม่ามี้มานางต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่านยาย
”หลงเอ๋อเชื่อพี่นะเราจะรออยู่ที่นี่”
เสี่ยวหลงเอ๋อยิ้มรับอย่างว่าง่ายน้ำเสียงของนางอ่อนหวาน คิ้วของนางย่น นัยน์ตาของนางหยีแลดูน่ารักมาก
ปัง!
ชั่วขณะนั้นเองประตูก็ถูกกระแทกเปิดออกไป๋เสี่ยวเฉินเงยหน้าขึ้น เขาเห็นหนิงเยี่ยก้าวผ่านประตูเข้ามา
ท่าทีของนางดุร้ายขณะยื่นส่งกล่องที่อยู่ในมือให้ไป๋เสี่ยวเฉิน นางเอ่ยกล่าวอย่างโกรธ ๆ ว่า “เอ้า…เค้กหอมหมื่นลี้หอม ๆ ที่เจ้าต้องการ !”
”เร็วจังล่ะ?” ไป๋เสี่ยวเฉินเลิกคิ้วน่ารักของเขาขึ้น “เจ้าน่าจะซื้อจากร้านที่ใกล้ที่สุดไม่ใช่บนถนนฝั่งตะวันออก”
ใบหน้าของหนิงเยี่ยแลดูไม่ค่อยดีนักนางกลัวว่าจะเป็นการรบกวนไป๋หนิง นางจึงเจตนาลดเสียงของตนเองลง
”มันก็เค้กหอมหมื่นลี้เหมือนๆ กันแหละ เจ้าจะจู้จี้จุกจิกอะไรนัก แค่เด็กขอทาน เจ้าก็ต้องมีจิตสำนึกบ้าง ! ท่านอาหนิงของข้าใจดีแค่ไหนที่พาเจ้ามา หากแต่เจ้ากลับไม่รู้ว่าควรวางตัวเช่นไร !”
ไป๋เสี่ยวเฉินเหลือบมองกล่องที่ถูกทุบลงบนโต๊ะใบหน้าของเขาเคร่งขรึมลงเล็กน้อย ปรากฏแสงมืดมนในดวงตาสีแดงเลือดของเขา
”เจ้ามีความสัมพันธ์ใดกับท่านยายคนสวย?”
หนิงเยี่ยตะคอก“ข้าเป็นหลานสาวของนาง แน่นอนว่าต่อไปข้าก็จะเป็นบุตรสาวของนางด้วย”
“หมายความว่าไง?”
”เจ้าไม่เข้าใจรึว่าข้าหมายถึงอะไร? ท่านอาหนิงกำลังจะแต่งงานกับท่านพ่อของข้า เช่นนั้นนางก็จะกลายมาเป็นแม่ของข้า ต่อไปเจ้าก็ควรอยู่ให้ห่าง ๆ แม่ของข้า หาไม่ก็อย่าได้ตำหนิว่าข้าหยาบคายกับพวกเจ้าขอทานน้อยทั้งสองล่ะ !”
นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินแฝงความโกรธเกรี้ยว”เจ้าบอกว่า ท่านยายคนสวยกำลังจะแต่งงานกับพ่อของเจ้า หากนางตั้งใจจะแต่งงานกับพ่อของเจ้าจริง ๆ เหตุใดเจ้ายังเรียกนางว่าท่านอาหนิงอีกล่ะ ? ข้าว่าทุกอย่างเป็นเพียงเจ้าคิดไปเองฝ่ายเดียวเสียมากกว่า !”
แม้ไป๋หนิงจะบอกว่านางไม่รู้จักเหวินหยุนเฟิง หากแต่สัญชาตญาณก็บอกไป๋เสี่ยวเฉินว่านางคือท่านยายที่มารดาของเขาเฝ้าตามหา
ท่านตายังรอนางอยู่ที่บ้านนางจะไม่มีวันแต่งงานกับคนอื่นเป็นแน่ !
เขาจะไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำลายความสุขของหม่ามี้เป็นเด็ดขาด!
”อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็จะต้องเกิดขึ้นแน่ไม่ช้าก็เร็ว ขอทานน้อยเช่นเจ้าควรอยู่ให้ห่างจากท่านอาหนิงโดยเร็ว หากไม่อยากให้เกิดปัญหา !” หนิงเยี่ยตะคอก
นางหันหลังกลับและต้องการที่จะผละจากไป ทว่าทันใดนั้นเอง โต๊ะที่อยู่ด้านหลังของนางก็ถูกไป๋เสี่ยวเฉินพลิกจนคว่ำ
ร่างของหนิงเยี่ยแข็งค้างนางหันหน้ากลับไปมองเด็กชายตัวน้อยที่อยู่ด้านหลังด้วยความประหลาดใจ นางไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดจะทำสิ่งใด ?
หลงหยันและป้านชิงเฉิงที่อยู่ห้องติดๆ กันได้ยินเสียงเคลื่อนไหวนี้จึงรีบรุดเข้ามาดู ทั้งคู่พบหนิงเยี่ยอีกครั้ง ทันทีที่พวกเขาคิดจะลงมือ ไป๋เสี่ยวเฉินก็กวาดสายตาไปมอง สายตาของไป๋เสี่ยวเฉินหยุดการเคลื่อนไหวของพวกเขาทันที
***จบบทความริษยาของหนิงเยี่ย (2)***