จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 1206-1210
บทที่ 1206 : หาเรื่องตายเอง (3)
อย่างไรก็ตาม…
ในขณะที่หนิงเยี่ยอยู่ห่างจากหญิงวัยกลางคนเพียงครึ่งก้าวร่างชราพลันแวบผ่านหน้านางไปราวสายลม
ปัง!
ฝ่ามือของหลงหยันปะทะร่างของหนิงเยี่ยอย่างแรงพร้อมเสียงดังลั่นยามนี้ร่างของหนิงเยี่ยพลันลอยกลับหัว ก่อนจะตกลงบนพื้นด้วยท่าทางที่น่าอับอายอย่างยิ่ง ความแรงของการตกมากพอที่จะทำให้พื้นโรงเตี๊ยมสั่นสะเทือนเลยทีเดียว
พุ่ฟ!
หนิงเยี่ยกระอักเลือดออกมาเต็มปากใบหน้าของนางบิดเบี้ยว นัยน์ตาของนางเป็นสีแดง ขณะจับจ้องหญิงวัยกลางคน
ที่สุดหญิงวัยกลางคนก็ตั้งสติได้นางรีบกล่าวว่า “เป็นนาง นางขอให้ข้าแอบอ้างเป็นแม่ของเจ้า เพื่อพยายามขับไล่เจ้าไปจากหญิงผู้นี้ ! ข้าตกลงรับทำเรื่องนี้เพราะข้าโลภเห็นแก่เงิน ข้ามีความผิดสมควรตาย ได้โปรด ! บุตรชายของข้าบริสุทธิ์อย่าทำร้ายเขา !”
ฟุ่บ!
หญิงวัยกลางคนคุกเข่าลงบนพื้นอีกครั้งพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลอาบหน้า นางร่ำร้องอ้อนวอน
ไป๋หยานเก็บยาพลางยิ้มพร้อมเอ่ยถามว่า “เหตุใดเมื่อครู่นี้ เจ้าจึงไม่ยอมเปิดโปงนาง ?”
“นาง… ” ความตื่นตระหนกปรากฏในดวงตาของหญิงวัยกลางคน“ นางยังมีบิดาอยู่ข้างนอก หากเกิดอะไรขึ้นกับนาง บิดาของนางจะสังหารครอบครัวของข้าทั้งครอบครัว ข้าไม่อยากให้บุตรชายของข้าต้องมาตาย ข้าจึงไม่กล้าเปิดเผยเรื่องของนาง ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดปล่อยข้าไปเถิด”
ไป๋หยานยิ้มเยาะ”เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดเลยงั้นหรือ ? หากมิใช่เป็นเพราะแม่ของข้าไว้ใจข้ามาก สิ่งที่พวกเจ้าสมคบคิดกันมาคงจะสำเร็จไปแล้วใช่หรือไม่ ?
หญิงวัยกลางคนทรุดลงกับพื้นนัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความเสียใจ
“แม่นางไป๋บุตรชายของข้าบริสุทธิ์ ข้าขอเพียงเจ้าอย่าทำร้ายครอบครัวของข้า”
ไป๋หยานเหลือบมองหญิงวัยกลางคน”ข้าจะไม่ทำร้ายพวกเขา แต่ข้าจะทำให้พวกเขาสูญเสียความทรงจำ หลังจากนั้นพวกเขาจะจำเจ้าไม่ได้อีกเลย”
แววตาของหญิงวัยกลางคนรู้สึกเจ็บปวดหากแต่นางรู้ว่า นี่นับเป็นความเมตตาที่มากสุดแล้วสำหรับความผิดที่นางก่อ น่าเสียดายที่ครอบครัวของนางจะจำนางในฐานะสมาชิกคนหนึ่งในของครอบครัวไม่ได้อีกต่อไป …
“หยานเอ๋อยาของเจ้าให้ผลดีเช่นนี้จริง ๆ หรือ ?” ไป๋หนิงจ้องมองถุงเก็บของของไป๋หยานตาไม่กะพริบ “หากข้าให้ยาเม็ดนี้แก่ศัตรูของข้า ลูกของศัตรูของข้าก็จะถูกวางยาด้วยงั้นหรือ ?”
ไป๋หยานละอายใจ”เมื่อครู่นี้…ข้าเพียงโกหกนาง จะมียาเช่นนั้นได้ยังไง ?”
ไป๋หนิงตะลึง
หญิงวัยกลางคนก็ตะลึง…
หนิงเยี่ยเงยหน้าขึ้นมองไป๋หยานใบหน้าของนางแลดูสิ้นหวัง
นางว่าไงนะ? นี่นางโกหกงั้นรึ ?
กล้ามากพวกเขาทุกคนถูกหญิงผู้นี้หลอกงั้นรึ ?
ไป๋หยานแตะจมูก“ท่านแม่ เชื่อจริง ๆ หรือ ?”
ปากของไป๋หนิงกระตุกนางจะตอบไป๋หยานอย่างไรดี ? สรุปแล้วนางถูกหลอกจริงงั้นหรือ ?
ผู้ใดจะคิดว่าสตรีที่แลดูจริงใจผู้นี้จะโกหกตาใส?
ตรงกันข้ามกับป้านชิงเฉิงและหลงหยันซึ่งเคยเห็นนิสัยแท้จริงของไป๋หยานมาแล้ว เช่นนั้นทั้งคู่จึงไม่ประหลาดใจแต่อย่างใด ที่ไป๋หยานพูดโกหก
”เจ้า… เจ้าโกหกข้างั้นหรือ ?” เสียงของหญิงวัยกลางคนสั่นระริก นิ้วที่นางชี้ไป๋หยานสั่นระริก
นางเปิดโปงหนิงเยี่ยเพียงเพราะเรื่องโกหกนี้จริงหรือ ?
ไป๋หยานยิ้มเอ่ยกล่าวว่า”หากข้าไม่ทำเช่นนี้ เจ้าจะยอมเปิดเผยผู้บงการตัวจริงงั้นหรือ ? ไม่มีสัจจะในหมู่โจร อย่าคิดว่าเจ้าหลอกลวงเก่งคนเดียวสิ … ”
หญิงวัยกลางคนหลับตาลงในยามนี้หัวใจของนางรู้สึกหมดหวังมากกว่าที่เคย
หนิงเยี่ยจ้องไป๋หยานด้วยแววตามาดร้ายกระทั่งไป๋หนิงหันมาจ้องนาง นางจึงค่อยรู้สึกตัว นางรีบถลาเข้าไปหาไป๋หนิงพลางกอดต้นขาไป๋หนิงแน่น
บทที่ 1207 : หาเรื่องตายเอง (4)
“ท่านอาหนิง…ข้าไม่ได้ทำเรื่องนี้จริงๆ นะ ไม่ใช่ข้าแน่ ต้องมีคนใส่ร้ายข้า ท่านต้องเชื่อข้านะ … ”
ไป๋หนิงขมวดคิ้ว”เจ้าจะให้ข้าเชื่อใจเจ้าได้อย่างไร ? นอกจากเจ้า และบิดาของเจ้าแล้ว ใครเลยจะรู้ว่าข้ามีสมบัติใดอยู่ในมือ ?”
“ท่านอาหนิง… ”
หนิงเยี่ยปล่อยมือนางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่เย็นชาของไป๋หนิง
ใบหน้านี้ไม่อ่อนโยนเฉกเช่นอดีตอีกต่อไปแล้วมันถูกแทนที่ด้วยความเย็นชา
มันเย็นเยือกจนจับหัวใจของนางราวถูกแช่แข็ง
”หนิงเยี่ยเจ้าทำให้ข้าผิดหวังจริง ๆ ตั้งแต่เด็กข้าเคยสั่งสอนเจ้าเช่นไร ? ข้าสอนเสมอว่าให้เจ้าเป็นคนใจกว้าง เจ้ากลับตอบแทนข้าด้วยพฤติกรรมเช่นนี้กระนั้นหรือ ?” ไป๋หนิงสะบัดแขนเสื้อของนางด้วยความโกรธ สีหน้าของนางแลดูผิดหวัง
แม้ว่านางจะรู้มานานแล้วว่าหนิงเยี่ยอาจไม่ได้เป็นหนิงเยี่ยเช่นที่นางคาดคิด หากแต่ไป๋หนิงก็มักจะมองว่าหนิงเยี่ยเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่อารมณ์ร้ายไปหน่อยเท่านั้น
ไม่เคยคิดเลยว่านางจะทำสิ่งนี้ได้!
หนิงเยี่ยยิ้มนางยิ้ม ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืนจากพื้น รอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวด และความสิ้นหวังอย่างไม่สิ้นสุด
”ใช่นับแต่ข้ายังเด็ก ท่านสอนให้ข้าเป็นคนเปิดเผย และใจกว้าง หากแต่ท่านปฏิบัติกับข้าเช่นไร ตลอดหลายปีที่ผ่านมาข้าอยู่เคียงข้างท่าน ปฏิบัติต่อท่านไม่ต่างจากมารดาผู้ให้กำเนิด แต่ท่าน…ท่านกลับปฏิบัติกับข้าเหมือนเป็นคนอื่นเสมอมา !”
“ท่านเพิ่งสูญเสียบุตรสาวของตนท่านจึงดูแลข้าอย่างใกล้ชิดมาก เมื่อครั้งที่ข้ายังเด็กโดยที่ท่านเองก็ไม่รู้ตัว หากแต่ท่านไม่รู้หรอกว่าการดูแลเช่นนี้ ส่งผลร้ายแรงสำหรับข้าผู้ซึ่งไม่เคยมีแม่ !”
หนิงเยี่ยหลับตาลงอย่างเศร้าโศกน้ำตาไหลซึมลงบนใบหน้าของนาง
แม้ว่าไป๋หนิงจะสูญเสียความทรงจำหากแต่นางก็ยังคิดว่านางยังมีบุตรสาว เช่นนั้นนางจึงปฏิบัติต่อหนิงเยี่ย และรักหนิงเยี่ยไม่ต่างจากบุตรสาวโดยไม่รู้ตัว
ด้วยเหตุนี้หนิงเยี่ยจึงมีความสุขกับความรักที่ได้รับและแน่นอนว่านางย่อมไม่ต้องการแบ่งปันให้กับผู้ใด !
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรักของไป๋หนิงที่มีต่อไป๋หยานความรักของแม่ที่มีต่อลูกนั้นมากเกินไป ! กระทั่งทำให้หนิงเยี่ยริษยาจนคลั่ง !
”นี่คือเหตุผลที่เจ้าทำเรื่องเหล่านี้กระนั้นรึ?” ไป๋หนิงสูดลมหายใจเข้าลึก พร้อมกับเอ่ยถามอย่างผิดหวัง
หนิงเยี่ยส่ายศีรษะพร้อมกล่าวเยาะหยัน “ท่านอาหนิง ข้าปฏิบัติกับท่านอย่างดีมาก ทั้งบิดาของข้าก็ปฏิบัติต่อท่านดีมากเช่นกัน เหตุใดท่านถึงได้ปิดบังพวกเราหลายต่อหลายอย่าง เช่นเดียวกับสัตว์อสูรของท่าน มันเคยบอกว่า มันจะตอบแทนท่าน มันยินดีที่จะรับใช้บุตรสาวของท่านในอนาคต เป็นเพราะเหตุนี้ท่านจึงไม่เต็มใจที่จะรับข้าเป็นบุตรสาวใช่หรือไม่ ? ”
ไป๋หนิงอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจนางมองหนิงเยี่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ
หลังจากนั้นไม่นานนางก็กล่าวอย่างสิ้นหวัง “ที่ข้าไม่ยอมรับเจ้าเป็นบุตรสาว เพราะจิตใต้สำนึกของข้าบอกข้าว่า ข้ามีบุตรสาวอยู่แล้ว เหตุใดข้าถึงต้องรับคนอื่นเป็นบุตรสาวอีกล่ะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสัตว์อสูรเลย เจ้าคิดมากเกินไป”
หนิงเยี่ยกำหมัดแน่นนางจ้องมองไป๋หนิงด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ
”ต่อให้ไม่มีสัตว์อสูรตัวนี้? ข้าก็อยู่กับท่านมานานหลายปีแล้วยังเทียบไม่ได้กับบุตรสาวตัวจริงของท่านอีกกระนั้นหรือ ? เหตุใดท่านถึงเอาแต่ห่วงใยนางหมาป่าตาขาวอกตัญญูที่ทอดทิ้งท่านไป ? ข้ามีอะไรไม่ดีพองั้นหรือ ? ท่านอาหนิงบอกข้าที ข้าจะได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง !”
นางหมาป่าตาขาวอกตัญญูที่ทอดทิ้งไป๋หนิง?
ประโยคนี้ทำให้ไป๋หยานหรี่ตาลงนางมองหนิงเยี่ยด้วยแววตาวาววับทันที
”เจ้ายังไม่เคยพบเจอญาติของนางเลยเจ้ารู้ได้อย่างไรว่านางถูกญาติของนางทอดทิ้ง ? ในความคิดของข้ามีคนบางคนคิดไม่ซื่อกับนาง เช่นนั้นจึงทำให้นางสูญเสียความทรงจำ เพื่อป้องกันไม่ให้นางออกติดตามหาญาติของตนเอง”
บทที่ 1208 : หาเรื่องตายเอง (5)
“เจ้าพูดอะไรไร้สาระ!” หนิงเยี่ยหันไปจับจ้องมองไป๋หยาน แววตาของนางแดงฉาน ขณะจ้องมองใบหน้าที่สวยงามนั้น
ในความคิดของนางทุกอย่างเป็นเพราะการปรากฏตัวของไป๋หยาน นางทำให้ตัวข้า…หนิงเยี่ยถูกทอดทิ้ง !
ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของนาง!
“ญาติของท่านอาหนิงไม่สมควรเรียกว่าญาติพวกเขาทอดทิ้งนาง มาตอนนี้ครั้นพวกเขารู้ถึงความแข็งแกร่งของนาง พวกเขาก็ต้องการกลับมาหานาง ฮ่าฮ่า เรื่องบ้า ๆ เช่นนี้เกิดขึ้นในโลกนี้ได้อย่างไร ?”
หนิงเยี่ยยิ้มประชดประชันนัยน์ตาที่แดงก่ำของนางหันไปจับจ้องมองไป๋หยาน สายตาของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
”เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าญาติของนางทอดทิ้งนาง?”
”แน่นอนข้ารู้”หนิงเยี่ยบีบฝ่ามือแน่น “หากมิใช่เป็นเพราะญาติของนางทอดทิ้งนาง เหตุใดนานถึงเพียงนี้ พวกเขาถึงไม่ออกติดตามหานาง ? นางสูญเสียความทรงจำไม่ได้หมายความว่าญาติของนางจะลืมนางด้วยนี่ สาเหตุที่พวกเขาไม่มาหานางก็เพราะพวกเขาทอดทิ้งนางมากกว่า !”
“แต่สิ่งที่ข้าไม่คาดคิดก็คือเวลาที่เราอยู่ร่วมกันมานานหลายปีกลับไม่มีอาจเทียบได้กับญาติทางสายเลือด แม้ว่าญาติเหล่านั้นจะไม่เคยให้ความอบอุ่นแก่นางเลยแม้แต่น้อยก็ตามที !”
ไป๋หยานไม่ได้กล่าวคำใดนางมองหนิงเยี่ย ส่วนโค้งตื้น ๆ จากการเย้ยหยันตรงมุมริมฝีปากของนางเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
หนิงเยี่ยเงยหน้าขึ้นมองไป๋หยานแสงเย็นวาบวับในดวงตาของนาง
“ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังรู้ด้วยว่าเดิมทีลูกสาวหมาป่าตาขาวอกตัญญูนั่น ทอดทิ้งท่านอาหนิงไป พอมาถึงตอนนี้เมื่อนางรู้ว่าท่านอาหนิงครอบครองสิ่งใด นางก็รีบกลับมาหาท่านอาหนิง ฮ่า ๆ มันช่างน่าขันจริง ๆ หากข้าเป็นท่านอาหนิงล่ะก็ ข้าจะขอไม่รู้จักลูกสาวคนนี้อีกต่อไป !”
เสียงหัวเราะของหนิงเยี่ยกระแทกกระทั้นแดกดันนางมองไป๋หนิงด้วยแววตาปวดร้าวเศร้าสร้อย
“ท่านอาหนิงเราสองพ่อลูกใจดีกับท่านมาก เหตุใดท่านถึงปฏิบัติกับพวกเราเช่นนี้ หรือเพียงเพราะข้าไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของท่าน ? บิดาของข้าเคยบอกไว้นานแล้วว่ามารดาผู้ให้กำเนิดข้าได้ล่อลวงเขา ตลอดเวลาที่ผ่านมาผู้ที่เขารักอย่างแท้จริงมีเพียงท่านเท่านั้น !”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมารดาของนางเป็นเพียงสาวใช้ตัวเล็ก ๆ ทั้งนางก็ไม่เคยพบหน้าแม่เลยนับตั้งแต่นางยังเป็นทารก ดังนั้นในความคิดของนาง คนเช่นนั้นไม่คู่ควรเป็นแม่ของนาง
ท่านอาหนิงเท่านั้นที่คู่ควรจะเป็นแม่ของนาง!
ไป๋หนิงขมวดคิ้วเล็กน้อยนางมองใบหน้าที่เกือบเหมือนคนเสียสติของหนิงเยี่ยพลางส่ายศีรษะ ทอดถอนหายใจ
“ก้าวแรกผิดก้าวต่อไปก็ย่อมพลาด บางทีข้าไม่ควรให้ความสำคัญกับเจ้ามากจนเกินไปนับแต่แรก หาไม่ตอนนี้นิสัยของเจ้าอาจจะไม่ผิดเพี้ยนเช่นนี้”
ยามนี้ไป๋หนิงรู้สึกผิดหวังในตัวหนิงเยี่ยอย่างสิ้นเชิง
ไม่ว่าไป๋หยานจะทำอะไรกับหนิงเยี่ยไป๋หนิงก็จะไม่อ้อนวอนแทนนางอีก !
”ไม่…ไม่ใช่เช่นนั้น!” หนิงเยี่ยตื่นตระหนก นางก้าวไปข้างหน้าพลางคว้าแขนเสื้อของไป๋หนิง นางกัดริมฝีปากแน่น ใบหน้าของนางซีดเผือด “ท่านไม่ผิด ญาติ ๆ ของท่านต่างหากที่เป็นฝ่ายผิด พวกเขาเป็นหมาป่าตาขาว … ”
ปัง!
หนิงเยี่ยกล่าวยังไม่ทันจะจบประโยคร่างเล็ก ๆ ก็รีบวิ่งลงมาจากชั้นบนอย่างรวดเร็ว พร้อมกับชกเข้าที่หน้าอกของหนิงเยี่ยทันที
เท้าของหนิงเยี่ยพลันเซถอยหลังไปสองสามก้าวเลือดทะลักเต็มปาก กระทั่งแทบจะไหลออกมา นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวของนางหันไปจับจ้องเจ้าซาลาเปาน้อยที่อยู่เบื้องหน้า
เด็กน้อยตัวอ่อนนุ่มผิวขาวอมชมพูราวหยกเนื้อดีริมฝีปากของเขาเป็นสีชมพู นัยน์ตาข้างหนึ่งเป็นสีแดงขุ่นมัว ส่วนนัยน์ตาอีกข้างดำขลับ บริสุทธิ์และแวววาวราวกับดวงดารายามรัตติกาล
ยามนี้นัยน์ตาของเจ้าซาลาเปาน้อยเต็มไปด้วยความโกรธเขาจ้องมองหนิงเยี่ยอย่างดุดัน
บทที่ 1209 : หาเรื่องตายเอง (6)
”หญิงสารเลวอย่ารังแกหม่ามี้ และท่านยายของข้านะ หากเจ้ากล้ารังแกพวกนางอีก ข้าจะให้เสี่ยวหลงเอ๋อกินเจ้าซะ !”
ครั้นเขากล่าวเช่นนี้แม้เสียงของเจ้าซาลาเปาน้อยจะยังไม่บรรลุนิติภาวะ ทว่าประกายแสงที่โหดร้ายในแววตาของเขากลับเด่นชัดมาก กระทั่งทำให้ผู้คนรู้สึกสั่นสะท้าน
ไป๋หนิงหันศีรษะมามองอย่างงงๆ นางมองเจ้าซาลาเปาน้อยอย่างแปลกใจที่ได้เห็นสีหน้า ท่าทางไม่พอใจของเจ้าซาลาเปาน้อยเช่นนั้น
หากนางได้ยินไม่ผิดเด็กชายตัวน้อยเรียกท่านอาหนิงว่ายายของข้าใช่หรือไม่ ? ไม่ใช่ท่านยายคนสวยอีกแล้ว ?
”เจ้าว่ากระไรนะ?”
หนิงเยี่ยก้าวไปข้างหน้าด้วยความโกรธสองมือของนางยื่นออกไปที่ไป๋เสี่ยวเฉิน ราวต้องการจะฉีกเด็กชายตัวเล็กน่ารักคนนี้ออกเป็นชิ้น ๆ
อย่างไรก็ตาม…
ก่อนที่นางจะทันได้เข้าใกล้ไป๋เสี่ยวเฉินร่างของหลงหยันก็กระพริบ ออกมาขวางกั้นไป๋เสี่ยวเฉินไว้แล้ว
ครั้นรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันน่ากลัวของชายชราผู้นี้หนิงเยี่ยก็ตัวสั่นสะท้าน นางก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ความตื่นตระหนกปรากฏในดวงตาของนาง
ด้วยความแข็งแกร่งของชายชราผู้นี้นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเป็นแน่ เช่นนั้นนางจึงทำได้เพียงมองไป๋หยานแม่-ลูกด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว
ทว่า…
ไป๋หยานไม่ทันสังเกตเห็นแววตาของหนิงเยี่ยนางจ้องมองเจ้าซาลาเปาน้อยข้างกาย พลางลูบศีรษะเล็ก ๆ ของเขานางยิ้มพร้อมกับเอ่ยถาม “เฉินเอ๋อ…แม่บอกให้เจ้ารอที่ห้องไม่ใช่หรือ ? เหตุใดจึงออกมาที่นี่ล่ะ ?”
เดิมทีแววตาของไป๋เสี่ยวเฉินน่ากลัวมากแต่หลังจากได้ยินถ้อยคำของไป๋หยาน เขาก็ก้มศีรษะลงราวกับเด็กที่กระทำความผิด
”หม่ามี้เฉินเอ๋อขอโทษ ตอนแรกเฉินเอ๋อพยายามอดกลั้นแล้ว แต่เฉินเอ๋อทนไม่ไหว หญิงสารเลวคนนี้ใส่ร้ายหม่ามี้ของเฉินเอ๋อ เมื่อครู่นี้นางยังดูถูกท่าน ว่าเป็นหมาป่าตาขาวเห็นได้ชัดว่านางต่างหาก คือหมาป่าตาขาวผู้อกตัญญูตัวจริง”
สมองของไป๋หนิงแทบระเบิดนางยังคงไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เฉินเอ๋ออ้างว่าหนิงเยี่ยดูถูกหยานเอ๋อว่าเป็นหมาป่าตาขาว?
แต่สิ่งที่หนิงเยี่ยเพิ่งพูดถึงคือบุตรสาวแท้ๆ ของนาง เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับไป๋หยานได้ ?
แท้จริงแล้วใช่ว่าไป๋หนิงคิดอะไรไม่ออก หากแต่ … ในใจของนางเพียงไม่อยากจะเชื่อ นางกลัวมากว่าจะเป็นเพียงความเข้าใจผิด เช่นนั้นนางจึงบังคับตนเองไม่ให้คิดเช่นนั้น
หากเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดนางคงจะหมดสิ้นหวัง ?
ความรู้สึกสิ้นหวังนี้นางไม่อยากลิ้มรสอีกแล้ว
ในทางตรงกันข้ามน้ำเสียงไร้เดียงสาของไป๋เสี่ยวเฉินกลับดังก้องเข้ามาในหูของหนิงเยี่ย ทำให้นางก้าวถอยหลังไปอีกสองสามก้าว ใบหน้าของนางซีด เหงื่อเย็นไหลลงมาจากหน้าผาก นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
หญิงผู้นี้เป็นบุตรสาวแท้ๆ ของท่านอาหนิงตามที่บิดาของนางบอกจริง ๆ
อย่างไรก็ตามนางกับบิดาอยู่กับท่านอาหนิงมาตลอดหลายปี หญิงผู้นี้ไม่เคยปรากฏตัวเลยแม้สักครั้ง เหตุใดจู่ ๆ หญิงผู้นี้ถึงได้รับแต่สิ่งดี ๆ เช่นนี้ ?
”ท่านแม่”ไป๋หยานลูบศีรษะเล็ก ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉิน นางจ้องมองหนิงเยี่ย เอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ “หากข้าจัดการนาง ไม่ทราบว่าท่านแม่จะทุกข์ใจหรือไม่ ?”
ไป๋หนิงผงะนางมองหนิงเยี่ย ก่อนจะเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นนางก็ส่ายศีรษะ “นั่นเป็นเพราะนางสมควรได้รับกรรมนั้นแล้ว ไม่อาจโทษผู้ใดได้”
ก่อนหน้านี้นางเคยให้โอกาสเด็กคนนี้แล้วหากแต่เด็กคนนี้ไม่รับ ตรงกันข้ามเด็กคนนี้กลับทำในสิ่งที่โหดร้ายยิ่งกว่าเดิม
ครานี้นางไม่อาจให้อภัยหนิงเยี่ยได้อีก
”ท่านอาหนิง!” หัวใจของหนิงเยี่ยสั่นสะท้าน ใบหน้าของนางตื่นตระหนก นางคุกเข่าลงต่อหน้าไป๋หนิงน้ำตาไหลพรากอย่างน่าสงสาร “ข้ารู้ว่า ข้าทำผิดไปแล้ว ได้โปรดเห็นแก่ที่ข้าอยู่กับท่านมานานหลายปี ท่านให้อภัยข้าสักครั้งจะได้หรือไม่ ?”
ไป๋หนิงส่ายศีรษะ”ข้าเตือนเจ้าแล้ว หากแต่เจ้าไม่ฟังข้า เช่นนั้นไยข้าจึงต้องให้อภัยเจ้าอีก ?”
ผู้ใดจะว่านางโหดร้ายหรือไร้ความรู้สึกก็ตามที หากแต่นางก็ไม่ต้องการให้ใครมาทำร้ายหยานเอ๋อ
แม้ว่าคนๆ นั้นจะเป็นหนิงเยี่ยที่นางเลี้ยงดูมาก็ตาม …
บทที่ 1210 : ปล่อยสายเอ็นยาวเพื่อตกปลาใหญ่* (1)
ปล่อยสายเอ็นยาวเพื่อตกปลาใหญ่สำนวนหมายถึงแผนระยะยาวเพื่อผลตอบแทนอันยิ่งใหญ่
ใบหน้าของหนิงเยี่ยแข็งค้างนางกัดริมฝีปากแน่น นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาของนางจับจ้องมองไป๋หนิงด้วยความเศร้าโศก หัวใจของนางราวกับถูกดาบแทงอย่างแรง ใบหน้าของนางซีดลงด้วยความเจ็บปวด
นางทำพลาดเพียงเล็กน้อยเหตุใดท่านอาหนิงถึงไม่ยอมให้อภัยนาง ?
นั่นเป็นเพราะหญิงผู้นี้?
หนิงเยี่ยละสายตาจากร่างของไป๋หนิงหันไปจับจ้องมองใบหน้าของไป๋หยานความริษยาในแววตาของนางไม่ต่างกับไฟที่ลุกโชติช่วง ราวกับว่าจะสามารถกลืนกินผู้คนได้ทันที
ทว่าสุดท้ายนางก็ระงับความโกรธที่กำลังจะพรั่งพรูออกมาพลางกัดริมฝีปากเอ่ยกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าท่านอาหนิงไม่อภัยให้ข้า เพราะเป็นการยากที่จะหาเหตุผลมาอธิบายให้เจ้าฟัง หากแต่หลายปีที่ผ่านมา ผู้ที่ท่านอาหนิงเรียกว่าญาติพวกนั้นก็ไม่เคยมาตามหาท่านอาหนิง ข้าต่างหากที่อยู่กับนาง และข้าก็เคารพรักนางเสมือนบุตรสาวคนหนึ่ง ”
ไป๋หยานนิ่งเงียบพลางจ้องมองหนิงเยี่ยซึ่งยามนี้คุกเข่าต่อหน้านางด้วยสายตาเฉยเมย
หนิงเยี่ยเย้ยหยันเอ่ยวาจาประชดประชัน “พวกเขาทอดทิ้งท่านอาหนิงตั้งแต่แรกแล้ว ทั้งยังไม่เคยปรากฏกายออกมาเลย ก็แล้วเหตุใด จู่ ๆ พวกเขาถึงกลับมาปรากฏตัวอีกเล่า ?”
ไป๋หยานหรี่ตาลงเล็กน้อยนางแน่ใจว่าหนิงหยวนรู้ว่านางเป็นบุตรสาวของไป๋หนิง หากแต่ …
เหตุใดหนิงเยี่ยถึงมั่นใจนัก?
เพียงแค่อาศัยใบหน้าที่คล้ายคลึงของนางกับไป๋หนิงก็ไม่อาจพิสูจน์สิ่งใดได้ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือหนิงเยี่ยได้พบกับหนิงหยวนแล้ว !
ครั้นนึกถึงสิ่งนี้ไป๋หยานก็กลอกตาไปมาสองสามครั้ง พลันมุมปากของนางก็ยกโค้งน้อย ๆ “ท่านแม่ หนิงเยี่ยอยู่เป็นเพื่อนท่านมานานหลายปีแล้ว เช่นนั้นข้าจะทำเพียงขับไล่นาง นับจากนี้นางและท่านไม่มีสิ่งใดต่อกันอีกต่อไป !”
ไป๋หนิงผงะนางคงไม่คาดคิดว่า ไป๋หยานจะปล่อยหนิงเยี่ยไปง่าย ๆ เช่นนี้ ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในแววตาของนาง
”หยานเอ๋อเจ้าจะไม่ทำอะไรนางเลยหรือ ?”
ไป๋หยานยิ้ม”ข้าปล่อยนางไป ไม่ได้บอกว่าข้าจะไม่จัดการอะไรกับนาง ท่านแม่ ท่านไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องนี้ ให้ข้าจัดการเอง”
ไป๋หนิงอ้าปากอยากจะกล่าวอะไรบางอย่างแต่หลังจากได้เห็นรอยยิ้มบาง ๆ ของไป๋หยาน นางก็กลืนคำพูดเข้าปากไป
”ตกลงข้าจะไม่ยุ่งเรื่องนี้หากแต่ … ” ไป๋หนิงหันหน้าไปมองหนิงเยี่ยที่ยามนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาพลางถอนหายใจ “นางอยู่กับข้ามานาน หาก… เจ้า หากเจ้าต้องการทำอะไรนาง ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้นางทรมานมากนัก”
ร่างของหนิงเยี่ยแข็งค้างนางหันไปมองไป๋หนิงด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ ริมฝีปากของนางสั่นระริก น้ำตาไหลพรากจากดวงตาของนาง
“ท่านอาหนิง… ”
นางกระซิบน้ำเสียงค่อนข้างเศร้าแม้กระทั่งเสียงของนางก็ขาด ๆ หาย ๆ นัยน์ตาที่สิ้นหวังของนางจับจ้องมองไป๋หนิงอย่างเว้าวอนยิ่งกว่าเดิม
ไป๋หนิงหลับตานางไม่มองหนิงเยี่ยอีกต่อไป
ครั้นเห็นเช่นนี้หนิงเยี่ยก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนจากพื้น นางยิ้มอย่างเศร้า ๆ ที่สุดก็หันไปมองไป๋หยานด้วยสายตาเศร้าโศก ก่อนจะตัดใจเดินออกจากโรงเตี๊ยมอย่างช้า ๆ
ร่างของหนิงเยี่ยห่างออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่นางจากไปไป๋หนิง ก็ลืมตาขึ้นพลางถอนหายใจหนัก ๆ
”นางทำให้ข้าผิดหวังอย่างที่สุด”
บางทีก่อนหน้านี้ไป๋หนิงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งนางจะผิดหวังในตัวหนิงเยี่ย และพฤติกรรมของหนิงเยี่ยจะเลวร้าย กระทั่งนางไม่อาจให้โอกาสได้อีก
ไป๋หยานไม่กล่าวคำใดนางหรี่ตาลงเล็กน้อย ปรากฏแสงเย็นวาบในดวงตาที่เย็นชาของนาง “หลงหยันตามนางไป”
มุมปากของหลงหยันกระตุกแม้เขาจะไม่เต็มใจนัก หากแต่ที่สุดเขาก็ต้องเดินออกไป เพียงพริบตาก็หายลับไปจากสายตาของไป๋หยาน …
เนื่องจากหนิงเยี่ยไม่อยู่แล้วฝูงชนที่มุงดูต่างก็แยกย้ายกันไปหมด ห้องโถงทั้งห้องจึงเหลือเพียงไป๋หยานและไป๋หนิง