จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 1246-1250
บทที่ 1246 : สามเดือน (4)
ทันใดนั้นเองก็มีแสงสีทองส่องลงมาจากฟากฟ้าเลือดสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนหลั่งไหลท่วมร่างของนาง ทำให้พลังในร่างของนางพุ่งพล่าน ราวกับน้ำพุที่ไหลผ่านร่างกาย ยามนี้นางรู้สึกสบายมาก
จากนั้น…
พลังลมปราณในร่างของนางก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ความแข็งแกร่งของนางเพิ่มจากระดับเทพพื้นฐานขั้นต้นไปสู่ขั้นกลาง ไปขั้นสูง กระทั่งถึงระดับเทพกลางขั้นต้น …
ไป๋หยานตกตะลึงนางยังคงไม่เข้าใจ เหตุใดนางถึงทะลุได้หลายขั้น หลังจากที่เลือดสีทองเข้าสู่ร่างของนาง ?
เกิดอะไรขึ้นในโลกภายนอก?
…
ในเวลาเดียวกันท้องฟ้าเหนือแดนอสูร ฟ้าร้องฟ้าผ่าเลื่อนลั่น และรุนแรงหนักกว่าที่พวกเขาเคยพบเห็นมาก่อน
เสียงฟ้าร้องสายฟ้าฟาด ส่งผลให้บ้านเรือนพังทลายกลายเป็นซากปรักหักพัง กระทั่งถึงห้องที่ไป๋หยานพักอยู่
ครั้นสัตว์อสูรทั้งหมดหายจากอาการหวาดกลัวต่างก็รีบวิ่งไปที่ห้องนั้นอย่างรวดเร็ว พวกเขาเห็นตี้คังอุ้มหญิงสาวที่งดงามไร้ที่เปรียบยืนอยู่เหนือซากปรักหักพังโดยไม่สนใจเสียงฟ้าร้องสายฟ้าฟาด นัยน์ตาของเขาจับจ้องมองสตรีในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน
”ราชาใช้เลือดขององค์เองเพื่อช่วยราชินีทำให้ราชินีมีพละกำลังมหาศาล” ผู้อาวุโสใหญ่ถอนหายใจเล็กน้อย หลังจากยืนดูอยู่ด้านหลังฝูงชน “ทว่าอย่างไรเสีย ยามนี้ราชินีก็จำเป็นที่จะต้องได้รับเลือด เพราะนี่นางก็หลับใหลมาสามเดือนแล้ว”
ในวันนั้นไป๋หยานสามารถทะลุเข้าสู่ระดับนักบุญได้ก็โดยการได้รับแก่นแท้ของสัตว์อสูรโบราณในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทว่าแก่นแท้ และเลือดนั้นก็ไม่อาจเทียบกันได้
แก่นแท้เป็นเพียงแก่นแท้ของการเพาะปลูกที่รวบรวมไว้ที่แกนกลางของสัตว์อสูรทว่าเลือดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในร่างกายของสัตว์อสูร นอกจากนี้ตี้คังยังเป็นผู้ให้เลือดแก่นางเอง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังที่ทรงอำนาจอย่างมากของเลือดเหล่านั้น
เป็นเรื่องธรรมดาที่ไป๋หยานจะสามารถบุกทะลวงเข้าสู่ระดับสูงขึ้นเรื่องๆ ได้ทันทีโดยผ่านแก่นแท้ และเลือดของเขา
”ราชา!”
องครักษ์รีบวิ่งมาใบหน้าเขาซีดเผือดปกคลุมไปด้วยเหงื่อเย็น เต็มไปด้วยความวิตกกังวล เขากล่าวกระหืดกระหอบ “องค์ชายรู้สึกตัวตื่นแล้ว ทว่าอาการของพระองค์กลับแปลกไป ราวกับว่าทรงเสียพระสติไปแล้ว”
หากตี้คังไม่ได้ยินคำพูดขององครักษ์เขาก็ยังคงจะจับจ้องมองสตรีในอ้อมแขนของเขาอยู่เช่นนั้น ริมฝีปากของเขายกโค้งพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย
“หยานเอ๋อ…เจ้าหลับมานานพอแล้วนี่ก็เกินสามเดือนแล้ว หากเจ้าไม่ตื่นอีกบางที … ไม่ใช่เฉินเอ๋อที่เป็นบ้า แม้แต่ข้าก็คงจะบ้าตามไปด้วย”
บางทีอาจจะเป็นเพราะคำพูดของเขาไป๋หยานที่หลับตาสนิทพลันขนตาสั่นระริกอีกครั้ง
ทัณฑ์อัสนีบาตบนท้องฟ้าค่อยๆ หายไป เผยให้เห็นท้องฟ้าสีเทา และพระราชวังอสูรก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบ …
ภายใต้สายตาที่จับจ้องมองมาอย่างอ่อนโยนของตี้คังไป๋หยานก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ใบหน้าของนางไม่ได้ซีดจากการหลับใหลมานาน หากแต่กลับยังคงแดงก่ำ
“ตี้คัง…”
เสียงพึมพำเบาๆ ที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนนี้ ทำให้ตี้คังค่อย ๆ เคร่งขรึมขึ้น เขาตื่นตะลึงกระทั่งไม่อาจซ่อนไว้ได้ …
”หยานเอ๋อ…เจ้าตื่นแล้ว!”
ริมฝีปากของเขายกขึ้นแย้มยิ้มเรือนผมสีเงินของเขากำลังพริ้วไหวไปตามสายลมพัดแรง เส้นผมของเขายุ่งเหยิงเล็กน้อยไม่เหลือความสง่างามเฉกเช่นเคย
อย่างไรก็ตาม…
ครั้นไป๋หยานเห็นสภาพที่ทรุดโทรมของตี้คังหัวใจของนางก็ปวดร้าว มือของนางลูบไล้ใบหน้าของเขาเบา ๆ คิ้วของนางขมวดเล็กน้อย “ท่านกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ?”
“ข้ากลายเป็นเช่นนี้แล้วหยานเอ๋อยังจะรักข้าอยู่หรือไม่ ?”
“ไม่ว่าท่านจะเป็นเช่นไรข้าก็รัก”
ไม่ว่าเขาจะหล่อเหลาไร้ที่เปรียบหรือทรุดโทรมเช่นไร ตราบใดที่เขายังเป็นเขานางก็รัก…
ตี้คังยกยิ้มอีกครั้ง
รอยยิ้มของเขายังคงเต็มไปด้วยความสวยสดงดงาม
ตอนที่ 1247 สามเดือน (5)
“หากแต่ข้า … ข้าเต็มใจที่จะอยู่เคียงข้างหยานเอ๋อของข้าด้วยใบหน้าหล่อเหลางดงามที่สุด หากไม่มีหยานเอ๋ออยู่ข้างกายข้าอีกต่อไป ข้าจะเป็นเช่นไร ?
สตรีห่วงรูปลักษณ์ของตนเอง บุรุษก็ไม่ต่างกัน
ไป๋หยานยิ้ม รอยยิ้มของนางสดใสราวกับดวงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิอันงดงาม
“ทว่า เมื่อครู่นี้ข้าดูเหมือนจะฝันถึงเฉินเอ๋อสองคน คนหนึ่งคือเฉินเอ๋อที่เคยอยู่กับข้า ส่วนอีกคน … ข้าไม่เคยพบเขามาก่อน หากแต่เขาทำให้ข้ารู้สึกปวดร้าวใจเหลือเกิน”
มือของตี้คังที่จับแขนของนางกำแน่นขึ้น ประกายแปลก ๆ สว่างวาบในแววตาของเขา เขาเงียบไป
ชั่วขณะนั้นหัวใจของไป๋หยานก็กระตุก นางดึงแขนเสื้อของตี้คังแน่น “ท่านรู้ใช่หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ?”
ตี้คังเงียบ
หลังจากนั้นไม่นานเสียงของเขาก็ดังก้องไปทั่วลานอีกครั้ง
“หยานเอ๋อ ยังจำได้หรือไม่ว่า ครั้งหนึ่งเจ้าเคยฝัน ในความฝันนั้นเจ้าตั้งครรภ์ ทว่าเจ้ากลับเสียชีวิต…”
หัวใจของไป๋หยานเจ็บปวด
สนามรบสีเลือดสำหรับไป๋หยานเป็นเพียงความฝัน เรียกมันว่าความฝันก็คงไม่ผิด
ทว่าต่อมานางก็ค่อย ๆ รับรู้ว่า แท้จริงแล้วความฝันนั้นเป็นเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในชาติภพก่อนของนาง …
เพราะความรู้สึกนั้นสมจริงมาก มากกระทั่งนางเจ็บปวดทุกครั้ง
“เขาเสียชีวิตโดยไม่ตั้งใจ ความเจ็บปวดเช่นนั้นทำให้เขาเสียใจมาก และความเสียใจนั้นก็กลายเป็นความคับแค้น กระทั่งติดตามกลับชาติมาเกิดกับเจ้า”
ความหมายก็คือไป๋เสี่ยวเฉินมีวิญญาณเพียงดวงเดียว ทว่าเขาตายอย่างน่าอนาถ ก่อนที่เขาจะทันได้ถือกำเนิด ซึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกไม่พอใจและคับแค้นใจ ความคับแค้นนั้นจึงติดตามมาด้วยพร้อมการกลับชาติมาเกิดของเขา ทำให้มีบุคลิกที่แตกต่างกันสองบุคลิก …
“ความเกลียดชังนั่นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ตามวันเวลา เช่นนั้นเฉินเอ๋อจึงไม่สามารถควบคุมพลังแค้นที่เกิดจากความแค้นครั้งนั้นได้ ข้าต้องการควบคุมพลังแค้นนั่น หากแต่ก็ทำได้เพียงชั่วคราว … “
ตี้คังกอดร่างของไป๋หยานแน่น “เขาไม่ควรถูกกระตุ้นอีกต่อไป หาไม่เด็กคนนั้นจะปรากฏตัวอีกครั้ง”
หัวใจของไป๋หยานตึงเครียด “แล้วเฉินเอ๋อล่ะ?”
“หยานเอ๋อ…ไม่ต้องกังวล เพราะพลังแค้นนั้นไม่มีจิตวิญญาณ เขาไม่สามารถแทนที่เฉินเอ๋อได้ หากวิญญาณของเฉินเอ๋อสลายไป เขาก็จะตายไปพร้อมกับเฉินเอ๋อ อย่างไรก็ตามการมีอยู่ของเขาสามารถครอบงำได้เพียงร่างของเฉินเอ๋อเท่านั้น ด้วยเหตุนี้…ข้าจึงต้องหาทางทำให้พลังแค้นนั้นหายไปตลอดกาล !”
หายไปตลอดกาล ?
ใบหน้าของไป๋หยานเปลี่ยนเป็นซีดขาวอย่างฉับพลัน ขณะเดียวกันดวงตาที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลของเด็กน้อยก็ปรากฏขึ้นในความคิดของนาง หัวใจของนางราวกับถูกมือบีบจนแน่น อึดอัดกระทั่งหายใจไม่ออก
“หยานเอ๋อ เขาไม่มีวิญญาณไม่มีชีวิต เป็นเพียงร่องรอยของความแค้น ข้ารู้ว่าเจ้ารับไม่ได้ ทว่า … ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่ใช่เฉินเอ๋อ เขาเป็นเพียงพลังแค้น ข้าต้องกำจัดเขา”
ไป๋หยานส่ายหน้า นางจับแขนเสื้อของตี้คังแน่น “หาวิธีอื่นต้องมีวิธีอื่น เขาน่าสงสารมาก ข้าจะทิ้งเขาได้อย่างไร ? อย่างไรเสียเขาก็ … เป็นลูกของข้า”
แม้ว่าเขาจะไม่มีวิญญาณ ไร้ซึ่งชีวิต แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่เกิดจากความแค้นเขาก็ … เรียกนางว่าแม่
เขายังรู้จักความเจ็บปวด รู้จักที่จะเสียใจ สำหรับเด็กน้อยคนนี้ นางจะโหดร้าย ปล่อยให้เขาหายไปตลอดกาลได้อย่างไร ?
ครั้นตี้คังเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของไป๋หยาน เขาก็เม้มริมฝีปากเล็กน้อย “อืม…เจ้าไม่ต้องการให้เขาหายไป เช่นนั้นข้าก็จะพยายามคิดหาวิธีอื่น จะต้องมีวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเรา”
***จบบท **
ตอนที่ 1248 สามเดือน (6)
ร่างของไป๋หยานสั่นสะท้าน นางซุกศีรษะลงในอ้อมแขนของตี้คัง แววตาของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ตี้คัง ข้าขอโทษ … “
“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษข้า ข้าไม่อยากให้เจ้าเสียใจ เช่นนั้นเพื่อเจ้าแล้ว ข้ายินดีทำทุกอย่างที่เจ้าต้องการ !”
ครั้นได้ยินบทสนทนาระหว่างคนทั้งสอง ผู้อาวุโสใหญ่ก็อ้าปากอยากจะกล่าวบางอย่าง หากแต่หลังได้เห็นใบหน้าที่มั่นคงของตี้คัง เขาก็กลืนสิ่งที่เขาอยากกล่าวลงคอไป
ด้วยความรักที่ราชามีต่อราชินีแล้ว พระองค์ย่อมจะไม่ปฏิเสธคำขอใด ๆ ของนาง
ทว่า…
แม้ว่าจะมีพลังแค้นอยู่ในร่างขององค์ชาย หากแต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่พลังแค้นนั่นจะครอบครองร่างเดียวกันกับองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นเพียงร่องรอยแห่งความแค้นเท่านั้น
ไม่ว่าราชาจะมีพระราชอำนาจมากมายสักเพียงใดก็ตาม ทว่าก็ยังมีบางสิ่งที่เขาไม่อาจรับมือได้
“ราชา…”
องครักษ์ที่อยู่ด้านข้างเอ่ยกล่าวขึ้นอย่างสั่นสะท้านว่า “องค์ชายกำลังเสียพระสติ พระองค์ … พระองค์จะเสด็จไปทอดพระเนตรองค์ชายหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ?”
ทันใดนั้น ตี้คังก็นึกถึงเรื่องของไป๋เสี่ยวเฉินขึ้นมาได้ เขาพึมพำในลำคอ อยากจะกล่าวบางอย่าง ทว่าสตรีที่อยู่ในอ้อมแขนของเขากลับผละออกจากอ้อมแขนของเขาอย่างรวดเร็ว พลางตะโกนเสียงดังลั่น “นำทางไว ๆ อย่าช้า !”
“พ่ะย่ะค่ะ ราชินี”
องครักษ์ปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผากตนเองอย่างหวั่น ๆ
ทุกครั้งที่อยู่เบื้องพระพักตร์ราชินี องค์ราชาจะไม่สนพระทัยองค์ชายเลย
โชคดีที่ราชินีเป็นเพียงมารดาธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่รักลูกมาก หาไม่องค์ชายคงจะน่าสงสารมาก …
…
ภายในห้อง…
ไป๋เสี่ยวเฉินนั่งอยู่ข้างเตียงอย่างง ๆ ทั่วทั้งห้องยุ่งเหยิงไปหมด ครั้นได้ยินเสียงฝีเท้าที่ด้านนอกประตู เขาก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาเงยหน้าขึ้นมองทันที
ชั่วขณะนั้นเอง ร่างที่ร้อนรนของไป๋หยานก็ผ่านเข้ามาในสายตาของเขา เขาดีใจมาก เขารีบลุกขึ้นยืน และพุ่งเข้าหาไป๋หยานหมายจะถลาเข้าไปในอ้อมแขนของนาง ทว่าทันใดนั้นเขาก็เห็นท้องของไป๋หยานที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าก่อนหน้านี้สองถึงสามเท่า เขาพลันหยุดชะงักอย่างรวดเร็ว
“หม่ามี้”
เขาตะโกนออกมาอย่างภักดี ราวกับสุนัขตัวเล็ก ๆ ที่กระดิกหางรอเจ้านาย นัยน์ตากลมโตกระพริบวิบวับ ยามที่เงยหน้าขึ้นมองไป๋หยาน
หลังจากที่ไป๋หยานเห็นว่าไป๋เสี่ยวเฉินกลับคืนสู่รูปลักษณ์ที่ไร้เดียงสา และเต็มไปด้วยชีวิตชีวาเช่นก่อนหน้านี้แล้ว หัวใจที่ตึงเครียดของนางพลันผ่อนคลายลง หากแต่นางก็ยังเห็นว่านัยน์ตาของเด็กชายยังคงเป็นสีแดงข้างหนึ่ง ดำข้างหนึ่ง นางพลันขมวดคิ้วแน่นขึ้น
ไป๋หยานไม่สนใจเรื่องนั้นมากนัก นางโอบไป๋เสี่ยวเฉินเข้ามาสู่อ้อมแขนอย่างแนบแน่น พลางกอดร่างเล็ก ๆ ของเขาอย่างแรง
“หม่ามี้ เป็นอะไรหรือ ? เฉินเอ๋อหายใจแทบไม่ออกแล้ว”
ใบหน้าสีชมพู และอ่อนโยนของไป๋เสี่ยวเฉินแดงระเรื่อ เห็นได้ชัดว่าไป๋หยานทำเขาหายใจไม่ออก
“เมื่อครู่ พวกเขาบอกว่าเฉินเอ๋อเสียสติไปแล้ว เจ้าทำให้แม่ของเจ้ากลัวแทบตายเลย โชคดีที่เจ้าสบายดี … “
“อ้อ !” ไป๋เสี่ยวเฉินจีบปากจีบคอกล่าว “ไอ้นั่นมันอยากจะยึดร่างของเฉินเอ๋อ เฉินเอ๋อเลยเตะมันออกไปแล้ว หม่ามี้ เฉินเอ๋อไม่ยอมให้ใครมาทำให้หม่ามี้เสียใจ เฉินเอ๋อเองก็จะไม่ทำให้หม่ามี้เสียใจเช่นกัน”
ท้ายที่สุด สิ่งที่แฝงอยู่ในร่างของไป๋เสี่ยวเฉินก็เป็นเพียงร่องรอยความแค้น และภายใต้สถานการณ์ปกติพลังแค้นนั่นก็ไม่สามารถขโมยวิญญาณของไป๋เสี่ยวเฉินไปได้ ตราบใดที่ไป๋เสี่ยวเฉินไม่ได้รับการกระตุ้นใด ๆ ไป๋เสี่ยวเฉินก็จะยังคงเป็นไป๋เสี่ยวเฉินคนเดิม
หัวใจของไป๋หยานรู้สึกไม่ดีนัก “เฉินเอ๋อ…ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นลูกของแม่นะ”
“ไม่” ไป๋เสี่ยวเฉินส่ายศีรษะ “หม่ามี้ เมื่อครู่นี้ เฉินเอ๋อเห็นหม่ามี้ในความฝันกับไอ้นั่น ในฝันเขาดูปกติมาก แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาคิดจะแย่งร่างของเฉินเอ๋อ เฉินเอ๋อก็รู้สึกได้ว่าเขาบ้าคลั่งมาก เขาจำใครไม่ได้เลย เฉินเอ๋อกลัวว่าเขาจะทำร้ายหม่ามี้ … “
ไป๋หยานไม่ได้กล่าวอะไรมาก ทุกครั้งที่นางนึกถึงนัยน์ตาคู่นั้น หัวใจของนางก็จะเจ็บปวด
“หม่ามี้ ทำไมเฉินเอ๋อตื่นขึ้นมาแล้วเห็นท้องของหม่ามี้ใหญ่ขึ้นมากเลยล่ะ น้องสาวของเฉินเอ๋อกำลังจะออกมาแล้วใช่หรือไม่ ?” สายตาของไป๋เสี่ยวเฉินเคลื่อนไปจับจ้องมองท้องของไป๋หยาน ประกายแวววาวพลันปรากฏขึ้นในดวงตากลมโตของเขา
***จบบท***
บทที่ 1249 : นางตายแล้ว (1)
ไป๋หยานถึงกับผงะ นางสังเกตเห็นว่าครรภ์ของนางใหญ่ขึ้นมาก นัยน์ตาของนางเปล่งประกายประหลาดใจ “ตี้คัง…นี่ข้าหลับไปนานเพียงใดแล้ว ?”
“สามเดือน” ตี้คังจ้องสตรีที่อยู่ข้างกายเขาด้วยสายตาอ่อนโยน เอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
ครั้นได้ยินเช่นนี้ ไป๋หยานก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกโดยไม่รู้ตัว โชคดีที่นางตื่นขึ้นมาในเวลาที่เหมาะสม หาไม่หากนางยังไม่ตื่นเกรงว่า นางกับลูกสาวคงจะต้องตกอยู่ในอันตราย
“ตี้คัง สัญญากับข้าสิว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายหน้า ท่านจะต้องปลุกข้า ข้าไม่ต้องการให้ลูกของข้าต้องตกอยู่ในภยันตรายใด ๆ ทั้งสิ้น”
ตี้คังจับมือของไป๋หยานไว้แน่น “ข้าขอโทษ ข้าไม่สามารถปกป้องเจ้าได้… “
ถ้า … ถ้าเขาสามารถปรากฏตัวได้เร็วกว่านี้ หยานเอ๋อคงจะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนั้น
“ตี้คัง ท่านไม่ต้องตำหนิตนเอง เป็นข้าที่ทิ้งท่านไปเอง ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับท่าน”
ไป๋หยานหันไปมองไป๋เสี่ยวเฉินที่อยู่ข้าง ๆ พลางยกมือขึ้นลูบศีรษะเขาเบา ๆ “เฉินเอ๋อ ไม่เป็นไรนะ หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก อย่าให้เขาออกมาอีก ตกลงหรือไม่ ?”
อย่างไรก็ตาม นางก็ยังเป็นห่วงไป๋เสี่ยวเฉินมากกว่าอยู่ดี หากพลังแค้นเกิดขึ้นในใจของเขาอีก หากความแค้นนั้นเข้าครอบงำร่างของเขาได้จริง บางที…นางจะไม่ได้เห็นเจ้าซาลาเปาน้อยที่น่ารักเต็มไปด้วยชีวิตชีวาเช่นนี้อีกต่อไป
และผลที่ตามมานี้ก็คงเกินกว่าที่นางจะทนรับได้
ไป๋เสี่ยวเฉินกอดเอวของไป๋หยาน เขาเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าจะทำร้ายทารกในครรภ์ของนาง
“หม่ามี้ เฉินเอ๋อบอกแล้วว่าจะปกป้องหม่ามี้ หาก … หากเขาสามารถปกป้องหม่ามี้ของเฉินเอ๋อได้ เฉินเอ๋อก็ยินดีที่จะหายตัวไป”
ซาลาเปาน้อยหรี่ตาลง ทว่าน่าเสียดายที่เมื่อเด็กชายคนนั้นครอบครองร่างของเขา เขาก็จะกลายเป็นคนที่จำอะไรไม่ได้เลย และหากเขาอยากจะรู้สึกตัว เขาก็เหลือเพียงวิธีเดียวที่จะทำได้ …
ก็แค่ … แค่เขาต้องจากแม่เขาไปตลอดกาล
เขาไม่เต็มใจ แต่เขาจะทำอย่างไร ?
นัยน์ตากลมโตของไป๋เสี่ยวเฉินเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา เขากอดไป๋หยานด้วยความโศกเศร้า
เขาไม่กลัวความตาย หากแต่เขากลัวว่าจะไม่ได้เจอแม่ของเขา …
“เฉินเอ๋อ” ไป๋หยานลดตัวลงโอบกอดร่างที่อ่อนนุ่มของเจ้าซาลาเปาน้อย นางไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเขา จึงเอ่ยกล่าวด้วยความโล่งใจเช่นเคย “เจ้าจะไม่หายไปหรอก เจ้าจะต้องอยู่กับแม่ตลอดไป และแม่จะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปเป็นเด็ดขาด”
รอยยิ้มที่สดใสพลันปรากฏบนใบหน้าเล็ก ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉิน “อืม…เฉินเอ๋อรักหม่ามี้มาก เฉินเอ๋อจะทิ้งหม่ามี้ของเฉินเอ๋อไปได้ไง เฉินเอ๋อไม่ยอมหรอก”
นอกจากนี้เขายังไม่ได้ดูแลน้องสาวของเขาเลย จะเป็นอย่างไรถ้าไอ้นั่นที่ยึดครองร่างของเขามารังแกน้องสาวของเขาล่ะ ?
เช่นนั้น …
เขายังมีความผูกพันกับโลกนี้ เขายังมีความปรารถนาอีกมากมาย กระทั่งไม่อาจตัดใจจากโลกนี้ไปตลอดกาล
“แล้วเสี่ยวหลงเอ๋ออยู่ที่ใดล่ะ ?”
จู่ ๆ ไป๋หยานก็นึกบางอย่างออก นางขมวดคิ้วน้อย ๆ “ปกติแล้ว เมื่อข้าตื่นขึ้นมา เด็กคนนั้นเป็นต้องวิ่งมาหาข้าทันที นี่ก็นานแล้ว เหตุใดข้ายังไม่เห็นนางเลย ?”
ตี้คังมองไป๋หยานด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่า เสี่ยวหลงเอ๋อไม่ได้ปรากฏตัวเลย นับแต่ไป๋หยานมาถึงพระราชวังอสูร
และเขาก็อยู่กับไป๋หยานตลอดเวลา เขาจึงเพิ่งนึกถึงเรื่องนี้ได้
“เอ่อ … ” หลงหยันยืนตัวสั่น ปากของเขากระตุกน้อย ๆ “นางจากไปแล้ว”
“จากไป ?”
หัวใจของไป๋หยานสั่นไหว แววกังวลปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง “เจ้าบอกว่าหลงเอ๋อจากไปแล้ว นางไม่คุ้นเคยกับสถานที่ใด นางจะไปไหนได้ ?”
บทที่ 1250 นางตายแล้ว (2)
“ตอนที่ข้ากลับไปหานาง นางทิ้งข้อความไว้และจากไปแล้ว”
ครั้นเห็นสีหน้ากังวลของไป๋หยาน หลงหยันก็รีบหยิบจดหมายที่เสี่ยวหลงเอ๋อทิ้งไว้ ยื่นส่งให้นาง
ไป๋หยานรับจดหมายมาอ่าน ตัวอักษรที่ชัดเจนบนจดหมายทำให้หัวใจของนางสั่นไหว พลันใบหน้าของนางก็ซีดลงทันที
หลงเอ๋อหายไป ?
ไม่ใช่ในอาณาจักรอสูรหรือแดนมนุษย์ ด้วยความแข็งแกร่งของนาง นางจะอยู่ในอาณาจักรสวรรค์นั่นได้อย่างไร?
“ตี้คัง…ส่งคนไปค้นหานางเดี๋ยวนี้ !”
น้ำเสียงของไป๋หยานสั่นสะท้าน นางเอ่ยกล่าวออกมาอย่างร้อนรน
ตี้คังรีบกอดร่างที่สั่นเทาของนาง พลางเอ่ยกล่าวเบา ๆ เพื่อปลอบโยน “ได้ ข้าจะส่งคนออกติดตามหานางเอง เจ้าไม่ต้องกังวลมากเกินไป เลือดของเด็กน้อยคนนั้นมีความพิเศษอยู่ บางทีนางอาจเป็นเชื้อสายของคนผู้นั้น บางทีที่นางจากไป สำหรับนางแล้วอาจจะเป็นโอกาสที่ดีของนาง นางเอาแต่ติดตามเราตลอดเวลาทำให้ไม่อาจเติบโตเท่าที่ควรเป็น”
“ไม่ต้องกังวลกระนั้นรึ ? จะไม่ให้ข้ากังวลได้อย่างไร ? หลงเอ๋อยังเป็นเด็ก และเป็นเพียงเด็กผู้หญิงด้วย จะเป็นอย่างไรหากนางถูกรังแก ? นางขี้ขลาดมาก นางไม่สามารถรับเรื่องที่น่าตกใจได้ แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยก็ตามที นางพบเจอเรื่องเลวร้ายมามากนับแต่นางยังเป็นเด็ก ไม่ง่ายเลยที่นางจะพบกับความสงบสุข ก็แล้วเหตุใดนางถึงได้ทิ้งเราไปอีกล่ะ ?”
แม้ว่าเสี่ยวหลงเอ๋อจะไม่ใช่บุตรสาวแท้ ๆ ของไป๋หยาน หากแต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาไป๋หยานก็ปฏิบัติกับเด็กน้อยไม่ต่างกับบุตรสาวของตนเอง หลงเอ๋อไม่เคยออกไปข้างนอกคนเดียว หากนางถูกหลอกถูกรังแก กระทั่งได้รับบาดเจ็บล่ะ ?
แม่ทุกคนย่อมเป็นห่วงลูก แม้ว่านางจะรู้ว่าลูกอยากมีอิสระ ทว่าก็ยังอดเป็นกังวลไม่ได้
หากนางสามารถปกป้องลูกได้ตลอดชีวิต นางก็พร้อมที่จะทำ ลูก ๆ จะปลอดภัยเสมอเมื่ออยู่ข้าง ๆ นาง …
“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะส่งคนออกค้นหานางเดี๋ยวนี้เลย” ตี้คังหันไปมองสัตว์อสูรที่อยู่ข้างหลัง เอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม ๆ “พวกเจ้าได้ยินที่ราชินีมีรับสั่งหรือไม่ ? ไป…รีบไปตามหาองค์หญิงหลงเดี๋ยวนี้ !”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ทันทีที่ได้รับคำสั่งของตี้คัง องครักษ์ทั้งหมดต่างก็ถอยกลับและหายตัวไปอย่างรวดเร็วต่อหน้าต่อตาของตี้คัง
ตี้คังยังคงมองไป๋หยาน เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หยานเอ๋อ ข้าส่งคนออกค้นหาแล้ว ไม่ต้องกังวลเจ้าจะได้พบนางในไม่ช้านี้”
บางที อาจเป็นเพราะเสียงที่ทุ้มต่ำ และแหบแห้งของชายหนุ่มที่ทำให้ไป๋หยานหลุดจากอารมณ์ที่หวั่นวิตกเมื่อครู่
สีหน้ากังวลของนางผ่อนคลายลง ริมฝีปากของนางห่อเล็กน้อย “ตี้คัง…เสี่ยวหลงเอ๋อไม่ได้อยากที่จะหลบซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเราตลอดเวลา ข้าเข้าใจว่าเหตุใดนางถึงเลือกทำเช่นนั้น ทว่า … นางมีจิตใจเรียบง่ายใสสะอาด ย่อมไม่เข้าใจหัวใจของผู้คนที่ชั่วช้าสามานย์ ข้าไม่อยากให้นางต้องทำความเข้าใจโลกด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไป หากเป็นเช่นนั้นข้าคงไม่อาจรับได้”
ไป๋หยานหลุบตาลงลูบท้องส่วนล่างที่ยกขึ้นอีกเล็กน้อย พลางยกมุมปากขึ้น “โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ข้าคลอดลูก ข้าก็ยังเป็นกังวลเกี่ยวกับเฉินเอ๋อ และหลงเอ๋อ ข้าอยากดูแลทั้งคู่อย่างแม่ธรรมดา ๆ ไปตลอดชีวิตมากกว่าที่จะให้พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานเจ็บปวดจากอันตรายใด ๆ”
“หม่ามี้” ไป๋เสี่ยวเฉินดึงแขนเสื้อของไป๋หยาน นัยน์ตาที่ฉ่ำวาวของเขาจับจ้องใบหน้าอันงดงามหาผู้ใดเทียบที่อยู่เบื้องหน้า “เฉินเอ๋อต้องการปกป้องหม่ามี้ และน้องหลงเอ๋อก็คิดเช่นเดียวกัน เฉินเอ๋อเชื่อในตัวนาง เมื่อนางเข้มแข็งนางจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน”
หัวใจของไป๋หยานสั่นสะท้าน นางมองเจ้าซาลาเปาน้อยตัวนุ่มนิ่ม น่ารักตรงหน้า พลันรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของนาง
“เฉินเอ๋อพูดถูก หากหลงเอ๋อยืนกรานที่จะจากไป แม้ว่าพวกเขาจะหานางพบ นางก็อาจจะไม่กลับมาพร้อมพวกเขา และข้า … ก็ไม่อยากบังคับนาง เช่นนั้นตี้คัง หลังจากที่คนของท่านพบนางแล้ว ก็ให้พวกเขาติดตามปกป้องนางอย่างลับ ๆ ก็พอ ข้าเพียงอยากรู้ว่านางปลอดภัยหรือไม่เท่านั้น”