จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 1296-1300
บทที่ 1296 : แผนการแก้แค้น (1)
“หยานเอ๋อ … ”
เสียงของชายหนุ่มทุ้มต่ำทว่าเต็มไปด้วยเสน่ห์ ริมฝีปากของเขายกยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มนี้ดูเหมือนมีพลังวิเศษ ทำให้ใบหน้าของไป๋หยานเผยยิ้มออกมาโดยไม่ตั้งใจ
นางยิ้มสดใสราวกับดวงอาทิตย์ส่องแสง ก่อนจะวิ่งเข้าหาอ้อมแขนของชายที่อยู่เบื้องหน้า นางยกมือทั้งสองขึ้นโอบกอดเขาไว้นางแน่น
อ้อมกอดของชายผู้นี้อบอุ่นเฉกเช่นเคย ส่งผลให้จิตใจและร่างกายของนางผ่อนคลายลง
รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าเล็ก ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉิน เขาไม่ได้กล่าวคำใด เขาจับจูงมือหลิงเอ๋อน้อย พลางก้าวไปยืนข้าง ๆ ไป๋หยาน
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่”
ข้างหลังเขามีแป้งนึ่งก้อนเล็ก ๆ ยื่นมือน้อย ๆ ออกมา เจ้าแป้งนึ่งก้อนเล็กต้องการให้ไป๋เสี่ยวเฉินจูงมือเขาไปด้วย
หากแต่ไป๋เสี่ยวเฉินกลับทำเพียงแค่เหลือบมองเจ้าแป้งนึ่ง “มาเองสิ”
หยาดน้ำตาของเทียนเทียนแทบร่วงหล่นด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “พี่ใหญ่จูงแต่หลิงเอ๋อ แต่กลับไม่จูงข้า พี่ใหญ่ไม่ชอบข้างั้นหรือ ?”
“ไม่ใช่…เพราะหลิงเอ๋อเป็นเด็กผู้หญิง จึงจำเป็นที่จะต้องเอาใจนาง เจ้าเป็นผู้ชาย เจ้าก็ต้องรู้จักเดินมาเอง”
ยามนี้ ไป๋เสี่ยวเฉินดูเหมือนจะลืมไปแล้วว่า ตอนที่เขาอยู่ในวัยเดียวกับเทียนเทียนนั้น เขาก็พยายามร้องขอให้ไป๋หยานอุ้มตลอดทั้งวัน และเขาก็ไม่เคยอยากจะเดินเองเลย
ตอนนี้ ไป๋เสี่ยวเฉินเป็นพี่ชายแล้ว เช่นนั้นเขาจึงต้องแสดงรัศมีความเป็นพี่ชายของตนออกมา
เทียนเทียนกะพริบตากลมโต พี่ชายของข้าพูดถูก ข้าเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิงที่บอบบางเหมือนหลิงเอ๋อ
ดังนั้น เทียนเทียนจึงหดมือกลับ และก้าวเท้าตามไป๋เสี่ยวเฉิน
ทว่าเขาบังเอิญสะดุดเข้ากับกิ่งไม้ที่อยู่ใต้เท้า แม้เขาอยากจะร้องไห้สักเพียงไรก็ตาม หากแต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่ไป๋เสี่ยวเฉินพูดกับเขา เขาก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ปัดมือก่อนจะรีบสาวเท้าก้าวตามให้ทัน
“หม่ามี้กอดแต่ป๊ะป๋าไม่กอดหลิงเอ๋อ” หลิงเอ๋อน้อยเบะปากอย่างผิดหวัง นางปล่อยมือของไป๋เสี่ยวเฉินเดินเซไปเซมา เข้าไปหาไป๋หยาน จากนั้นนางก็พยายามแทรกตนเองเข้าไปกั้นกลางระหว่างคนทั้งสอง
เนื่องจากมีร่างที่อ่อนนุ่มแทรกตัวผ่านเข้ามา ไป๋หยานและตี้คังจึงถูกบังคับให้แยกจากกันโดยปริยาย
“หม่ามี้” หลิงเอ๋อน้อยใช้มือเล็ก ๆ ของนางจับนิ้วของไป๋หยาน นางเงยใบหน้าที่เป็นสีชมพู และอ่อนโยนขึ้นมองอย่างน่าสงสาร “หม่ามี้กอดหลิงเอ๋อด้วยสิ”
ป๊ะป๋าหน้าไม่อาย อายุก็มากแล้ว ยังให้หม่ามี้กอดอยู่ได้
ตี้คังขวางเจ้าเปาหวานน้อยตรงหน้า พลันใบหน้าที่งดงามของเขาก็ดำคล้ำทันที “เฉินเอ๋อ…พาน้องสาวของเจ้าออกไปก่อน”
ที่ผ่านมาแค่ลูกชายคนเดียวก็มากพอแล้วที่จะมาแย่งภรรยาของเขา ทว่าตอนนี้แม้แต่ลูกสาวก็ยังมาร่วมแย่งนางด้วย เจ้าเด็กน้อยนี่ลืมไปแล้วหรือไรว่า ผู้ใดกันที่เช็ดฉี่เช็ดอึให้เจ้า ?
ไป๋เสี่ยวเฉินเดินเข้าไปหาหลิงเอ๋อ เขาย่อตัวลงนั่งยอง ๆ พลางมองเจ้าเปาหวานน้อย
ต้องบอกก่อนว่า เจ้าเปาหวานน้อยของเราได้รับการถ่ายทอดใบหน้าที่ขาวเนียน และงดงามมากตั้งแต่อายุยังน้อย ใบหน้าของนางเป็นสีชมพู นัยน์ตาของนางกลมโตราวผลองุ่น อีกทั้งริมฝีปากของนางก็ยังเป็นสีชมพูราวกับกลีบดอกท้อ
“หลิงเอ๋อ…พี่ชายจะพาเจ้าไปเล่นดีหรือไม่ ? หม่ามี้กับป๊ะป๋ามีเรื่องที่จะต้องปรึกษาหารือกัน เราอย่าอยู่รบกวนพวกเขาที่นี่เลย”
หลิงเอ๋อน้อยกัดนิ้ว พลางเอียงคอด้วยทีท่าน่ารัก “มีผลไม้ให้หลิงเอ๋อกินมั้ย ?”
“สิ่งใดที่หลิงเอ๋อต้องการ พี่ชายจะนำมาให้เจ้า”
หัวใจของไป๋เสี่ยวเฉินละลายทันทีที่ได้เห็นเปาหวานน้อยนี้ หากทำได้เขาก็อยากเก็บจันทรา และดารามาให้นางด้วย
สิ่งใดที่เขาสามารถทำให้นางพอใจ สิ่งใดที่ทำแล้วจะได้รับรอยยิ้มจากนาง เขาก็พร้อมยอมทำทุกอย่าง ทุกอย่างสุดแต่นางจะต้องการ
บทที่ 1297 : แผนการแก้แค้น (2)
“งั้นหลิงเอ๋ออยากกินผลไม้ลูกเล็ก ๆ พี่ใหญ่พาหลิงเอ๋อไปเก็บผลไม้นั่นหน่อย”
หลิงเอ๋อน้อยยื่นมือเล็ก ๆ ทั้งสองข้างออกไปคล้องคอไป๋เสี่ยวเฉิน
ไป๋เสี่ยวเฉินลุกขึ้นยืนพร้อมกับอุ้มเจ้าเปาหวานน้อย เขาหันกลับไปมองเทียนเทียน “เทียนเทียน เจ้าไปกับข้า ไปหาผลไม้ให้น้องสาวกินด้วยกัน”
เทียนเทียนเชื่อฟังไป๋เสี่ยวเฉินเป็นอย่างดี เช่นนั้นหลังจากได้ยินคำสั่งของไป๋เสี่ยวเฉิน เขาก็เดินตามหลังพี่ชายไป
เนื่องจากเจ้าแป้งนึ่งน้อย ไม่ชำนาญในการเดินเขา เขาจึงตีลังกาไปสองสามรอบ หากแต่เขาก็ไม่ได้หลั่งน้ำตา เขากลับลุกขึ้นยืนและก้าวต่อไป
ตั้งแต่ต้นจนจบ ไป๋เสี่ยวเฉินไม่ได้ยื่นมือเข้าช่วยเขาเลย
ไป๋หยานยิ้ม ขณะมองไปยังทิศทางที่ซาลาเปาสามก้อนเดินจากไป นางเอ่ยปาก “ข้ารู้สึกว่า เวลานี้เฉินเอ๋อเติบใหญ่ขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว และเขาเป็นพี่ชายที่สามารถดูแลน้องสาว สั่งสอนน้องชายได้แล้ว”
บางทีอาจมีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ที่ทำให้เจ้าซาลาเปาน้อยที่ติดแม่เติบโตเป็นลูกผู้ชายที่สมบูรณ์
ทว่า…
เจ้าซาลาเปาน้อยก็ยังคงน่ารักไร้เดียงสา และผูกพันกับแม่ไม่เสื่อมคลาย สายตาที่เขามองไป๋หยานไม่เคยเปลี่ยนแปลง …
อย่างไรก็ตามในฐานะพี่ชาย เขาต้องเป็นตัวอย่างให้น้องชาย และน้องสาว
“ตี้คัง” ไป๋หยานหันหน้ามามองตี้คังอย่างช้า ๆ ประกายแสงวาบขึ้นมาในดวงตาของนาง “มีจดหมายจากราชครูมาบ้างหรือไม่ ? เขาพบวิธีที่จะทำลายผนึกของเสี่ยวอวิ๋นแล้วหรือยัง ?”
ตี้คังพยักหน้าเล็กน้อย “เมื่อไม่นานมานี้ ราชครูส่งจดหมายมา เขาพบสถานที่ที่ซึ่งเขาสามารถใช้ทำลายผนึกเสี่ยวอวิ๋นได้ ทว่าสถานที่นั้นเต็มไปด้วยอันตราย ยามนี้เขายังไม่ต้องการให้เสี่ยวอวิ๋นรับรู้”
ไป๋หยานเม้มปาก นางหรี่ตาลงเล็กน้อย ประกายแสงเย็นวาบผ่าน “มีสิ่งใดเกิดขึ้นในแดนอสูรกระนั้นรึ ?”
“คนจากพระราชวังศักดิ์สิทธิ์ของแดนสวรรค์ยังไม่ได้โจมตีแดนอสูร นอกจากนี้คนที่พวกเขาต้องการจัดการจริง ๆ ก็คือพวกเรา”
เช่นนั้นตราบใดที่เรายังไม่ลงจากเขา คนเหล่านั้นก็จะไม่ทำอะไรแดนอสูร
ครั้นได้ยินเช่นนี้ไป๋หยานก็รู้สึกโล่งใจ
“ตี้คัง ท่านช่วยข้าหน่อย ช่วยพาเทียนเทียนกับหลิงเอ๋อกลับไปที่แดนอสูรที จากนั้นท่านก็ไปท้าทายพวกพระราชวังศักดิ์สิทธิ์ ! ต้องมีพวกปรมาจารย์อย่างน้อยสองหรือสามคนมาที่แดนอสูรอย่างแน่นอน !”
ตี้คังขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไป๋หยาน เจ้าต้องการทำอะไร ?”
ไป๋หยานหัวเราะเยาะ “ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเรา เราไม่สามารถโค่นล้มพวกเทวาคารได้ทั้งหมด ทว่าอย่างน้อยข้าก็สามารถทำให้พวกเขาสูญเสียได้บ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ !”
“จะอันตรายเกินไปหรือไม่ ?” ตี้คังก้าวเข้าไปใกล้ไป๋หยานอีกสองสามก้าว เขาขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม “อย่างไรเสีย ข้าก็ไม่ต้องการให้เจ้าได้รับอันตราย”
“ไม่ต้องกังวล…ครั้งนี้แม้ว่าจะอันตรายไปสักหน่อย หากแต่ข้าก็หนีรอดได้แน่ ๆ ยิ่งไปกว่านั้น ท่านเพียงต้องช่วยข้านำทางพวกปรมาจารย์นั่นมา และข้าแน่ใจว่าจะทำให้พวกเขาต้องกระอักเลือด !”
นางจะไม่มีวันลืมแววตาคู่นั้น แววตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก !
นางไม่มีวันลืมว่า ในความฝัน เพื่อช่วยนางแล้ว คนเหล่านั้นตายเช่นไร !
เทวาคาร …
ความเกลียดชังที่นางมีต่อพวกเทวาวคารไม่อาจลบเลือน จำต้องใช้เลือดของพวกเขา มาชะล้างความเกลียดชังในใจของนาง !
“ข้า…ข้าเชื่อในตัวเจ้า”
ตี้คังเงียบไปชั่วขณะ สายตาของเขายังคงจับจ้องมองใบหน้าที่สวยงาม และดึงดูดใจของไป๋หยาน เขาอดไม่ได้ที่จะประคองใบหน้าของนาง พลางกดจูบลงบนริมฝีปากของนาง
จากนั้น ตี้คังก็ยกมุมริมฝีปากขึ้น
รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยเสน่ห์ล่มบ้านล่มเมือง ไม่ว่าผู้ใดเห็นก็เป็นต้องหลงใหลพร่ำเพ้อ
“ข้าจะรอเจ้ากลับมา”
ไป๋หยานกำหมัดแน่น ความโกรธที่อยู่ในใจของนางพลันเอ่อล้นออกมาราวกับสายน้ำหลาก “ตี้คัง..อย่างไรก็ตามพวกปรมาจารย์เหล่านั้นล้วนเป็นเทพขั้นสูง ท่านเพียงต้องถ่วงเวลาพวกเขาไว้เท่านั้น ข้าจะใช้วิธีอื่นเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเขา … ”
บทที่ 1298 : แผนการแก้แค้น (3)
“อืม”
หากสิ่งนี้สามารถช่วยนางให้ได้ระบายความโกรธแค้นบ้าง เขาก็ยินดีที่จะตามใจนางสักครั้ง
“อย่างไรก็ตาม ข้ารับปากเจ้าได้ ทว่าเพื่อความมั่นใจ เจ้าต้องให้เฉินเอ๋ออยู่ข้างกายเจ้าด้วย”
“ข้ามีเรื่องอื่นให้เฉินเอ๋อทำ ตี้คัง…เชื่อใจข้า ! ตอนนี้มีเทียนเทียน หลิงเอ๋อเพิ่มขึ้นมา ข้าต้องพยายามอย่างหนัก เพื่อให้พวกเขามีชีวิตที่สงบสุข !”
แสงเย็นวาบผ่านนัยน์ตาของไป๋หยาน พลันเจตนาสังหารก็แผ่ออกจากร่างของนาง ทำให้เกิดสายลมกระโชกแรง
หลังจากกล่าวจบ นางก็เงยหน้าขึ้น จุมพิตริมฝีปากของชายผู้เป็นที่รัก
จูบนี้เต็มไปด้วยความคิดถึง โหยหาเสียจนตี้คัง ไม่สามารถควบคุมหัวใจที่กระสับกระส่ายของตนได้ เขาหมุนร่างของไป๋หยานพิงกับต้นไม้ที่อยู่ข้างหลัง พลางจูบหญิงที่เขารักอย่างดูดดื่ม
“หยานเอ๋อ ครั้งนี้ข้าจะตามใจเจ้า แต่หากเจ้าพลาด ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้เจ้าละจากสายตาได้อีกเลย”
หญิงผู้นี้คือชีวิตของเขา !
หากมิใช่เพราะพลังแค้นที่หายไปก่อนหน้านี้ เขาคงจะไม่ยอมให้นางแก้แค้นเช่นนี้ เพราะเขากลัวเหลือเกินว่านางจะจ่อมจมอยู่กับความเศร้าโศก และความโกรธไปชั่วชีวิต
“นอกจากนี้ เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เผชิญหน้ากับพวกปรมาจารย์เหล่านั้น หากเจ้าพบเจอพวกเขา จงจำไว้ว่าต้องหนีออกมาทันที ! ข้าจะมารับเจ้าโดยเร็วที่สุด !”
นี่คือสิ่งที่ตี้คังขีดกรอบไว้ให้นาง
ไป๋หยานยกยิ้ม “ข้าเข้าใจแล้ว ท่านกลับไปก่อนเถิด รอท่านจากไปได้สักพัก ข้าจึงจะไปที่เทวาคาร”
ย้อนกลับไปช่วงเวลานั้น ไป๋หนิงก็เคยไปทำลายเทวาคารมาแล้ว ครานี้นางจะทำให้เลือดนองเทวาคารบ้าง !
ก่อนจาก ตี้คังก้มลงจูบไป๋หยานอีกครั้ง นิ้วเรียวยาวของเขาปัดเส้นผมดำขลับเหนือคิ้วของนางอย่างอ่อนโยน “ข้าจะรอเจ้าที่แดนอสูร”
และนี่เป็นโอกาสเดียวที่เขาจะมอบให้ไป๋หยาน
“หากเจ้าได้รับบาดเจ็บ ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าทำอะไรคนเดียวอีกต่อไป เช่นนั้นเจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดีเข้าใจหรือไม่ ข้าไม่ต้องการเห็นเจ้าเป็นเช่นนั้นอีก”
ร่างของไป๋หยานแข็งค้าง ในขณะที่นางต้องการจะกล่าวบางอย่าง ตี้คังก็ก้าวจากไปตามทิศทางที่ไป๋เสี่ยวเฉินและลูก ๆ ของเขาเดินล่วงหน้าไปแล้ว ร่างสง่างามครอบงำโลกค่อย ๆ หายไปจากสายตาของนาง
นางยืนนิ่งไม่รู้สึกตัวอยู่อีกเป็นเวลานาน …
“หวู่หวู่”
จู่ ๆ เสียงร้องครางก็ดังขึ้นจากข้างกายนาง พร้อมกันนั้นจิ้งจอกฟ้าก็ใช้อุ้งเท้ากอดไป๋หยานราวกับต้องการพูดอะไรบางอย่าง
ไป๋หยานก้มลงมองจิ้งจอกฟ้า พลางเอ่ยถามว่า “มีอะไรหรือ ?”
จิ้งจอกฟ้ายังคงส่งเสียงครางอีกสองสามครั้ง ก่อนจะวิ่งไปข้างหน้าสองก้าว มันส่งสัญญาณให้ไป๋หยานตามมันไป
ไป๋หยานสะดุ้ง นางรีบเดินตามจิ้งจอกฟ้าไปโดยไม่ลังเล เพียงไม่ช้าก็ไปถึงปากทางเข้าถ้ำ
ถ้ำนี้อยู่ไม่ไกลจากสถานที่ที่ซึ่งไป๋หยานเข้าสันโดษ หากแต่ไป๋หยานแน่ใจว่านางไม่เคยเห็นถ้ำนี้มาก่อน
“จิ้งจอกฟ้า ถ้ำนี้มีอะไรหรือ ? เหตุใดข้าจึงไม่เคยเห็นมาก่อนเลยล่ะ ?”
จิ้งจอกฟ้าร้องออกมาอีกสองสามครั้ง
ไป๋หยานขมวดคิ้ว “เจ้าหมายถึง จู่ ๆ ถ้ำนี้ก็ปรากฏขึ้น หลังจากที่ข้าทะลุไปถึงระดับเทพขั้นกลางได้กระนั้นรึ ?”
ดวงตาของจิ้งจอกฟ้าสว่างวาบขึ้น มันพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
ไป๋หยานเม้มริมฝีปาก “ถ้าเช่นนั้น ก็น่าที่จะมีอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น ยังมีเวลาก่อนที่ตี้คังจะพาพวกตาแก่นั่นมา พวกเราเข้าไปดูกันเถอะ”
ครั้นกล่าวจบไป๋หยานก็ก้าวเข้าไปในถ้ำ
ภายในถ้ำว่างเปล่า มีเพียงเสียงสะท้อนของฝีเท้ายามก้าวย่าง ทว่าใช้เวลาเดินเพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงน้ำไหลจากสะพานเล็ก ๆ ข้างหน้า ราวกับว่าจู่ ๆ มันก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าอย่างฉับพลัน
ไป๋หยานไม่หยุด ยังคงเดินหน้าต่อไป เพียงครู่ก็มีโพรงปรากฏขึ้นตรงหน้า นางก้าวเข้าโพรงอย่างช้า ๆ ชั่วขณะนั้นเอง สถานที่ราวกับแดนสวรรค์พลันปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตานาง
บทที่ 1299 : แผนการแก้แค้น (4)
“นี่มัน…”
ไป๋หยานตกตะลึง
เพราะตรงหน้าของนางคือดินแดนแห่งขุมทรัพย์ซึ่งเต็มไปด้วยสมุนไพรชั้นดีจำนวนนับไม่ถ้วน มันกำลังโบกกิ่งใบพลิ้วไสว ส่องแสงเป็นประกายภายในดินแดนแห่งขุมทรัพย์นี้
ไป๋หยานรีบหยิบตำราออกมาจากถุงเก็บของ ๆ นาง
ตำราเล่มนี้ นางนำออกมาจากโลกใต้ดินในเวลานั้น เนื่องจากองค์ประกอบยาที่จำเป็นในการปรับแต่งยาอายุวัฒนะในตำรานี้นั้นหายากมาก เช่นนั้นนางจึงไม่สามารถปรุงยาอายุวัฒนะได้
ไม่คาดคิดเลยว่าในสถานที่แห่งนี้ นางจะพบสมุนไพรมากมายที่มีอยู่แต่ในตำนานเท่านั้น
ยามนี้ไป๋หยานรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที นัยน์ตาของนางจับจ้องมองสถานที่อันล้ำค่าแห่งนี้อย่างมุ่งมั่น แววตาของนางเต็มไปด้วยความสุข
“พลังวิญญาณที่นี่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ จึงมีสมุนไพรหายากมากมาย”
การเพาะปลูกของมนุษย์ และสัตว์อสูรอาศัยพลังฉี
อย่างไรก็ตาม…
การปรุงยาต้องมีพลังวิญญาณที่สมบูรณ์
ภายในดินแดนอันล้ำค่าแห่งนี้ไม่ว่าสมุนไพรหายากนั่นจะเติบโตได้ยากเพียงใด ก็สามารถเติบโตงอกงามได้อย่างปลอดภัยที่นี่
“ยาเม็ดโพธิสัตว์ เพิ่มความรวดเร็วในการฝึกฝนของผู้กินมากกว่าร้อยเท่า การฝึกฝนเดิมใช้เวลากว่าร้อยปีจึงจะสำเร็จ หากกินยานี้เข้าไปจะทำให้สามารถฝึกสำเร็จได้ในช่วงระยะเวลาแค่เพียงปีเดียว ทว่าน่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งของข้าจะต้องถึงเทพระดับสูงเป็นอย่างน้อยจึงจะสามารถปรับแต่งยาโพธิสัตว์นี้ได้
ไป๋หยานกำตำรายาในมือแน่น เนื่องจากยาเม็ดเหล่านี้ต้องการสมุนไพรคุณภาพเยี่ยม นางจึงไม่ได้ศึกษาตำรายานี้เลย ทว่าตอนนี้เมื่อเห็นสูตรยาในตำรา นางก็เริ่มจะรู้สึกกระวนกระวาย
“ในตอนนี้ ข้ายังไม่อาจปรับแต่งยาเม็ดโพธิสัตว์ได้ต้องหาสูตรยาเม็ดชนิดอื่นที่เหมาะสมกับข้ามากกว่านี้” ไป๋หยานกวาดตามอง ก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้าหน้าหนึ่ง “ยาเม็ดทองคำ สามารถเพิ่มความรวดเร็วในการฝึกฝนได้สิบเท่า สามารถใช้ได้เฉพาะกับระดับต่ำกว่าเทพขั้นกลาง หากทะลวงผ่านระดับกลางไปแล้วก็ไร้ซึ่งประโยชน์
หัวใจของไป๋หยานตื่นตะลึง หากถ้ำนี้ปรากฏขึ้นก่อนหน้านี้ นางก็จะใช้เวลาเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น ในการก้าวจากระดับต่ำไปยังระดับสูงของเทพขั้นกลาง
น่าเสียดายที่ตอนนั้นนางไม่เห็นถ้ำนี้ …
หากมิใช่เพราะอัสนีบาต ที่เกิดจากการที่นางทะลุเข้าสู่ระดับเทพเจ้าขั้นสูง นางคงจะไม่พบถ้ำที่ซ่อนอยู่นี้เป็นแน่
“เอ๊ะ ! ยาเม็ดฟ้าบันดาล ช่วยให้เทพขั้นกลางสามารถทะลุทะลวงไปถึงเทพขั้นสูงได้กระนั้นหรือ ?”
ไป๋หยานหายใจหนัก ๆ
เรียกได้ว่าเมื่อต้องการต้นไม้ต้องการฝน ฝนก็มา…! จู่ ๆ ดินแดนขุมทรัพย์แห่งโอสถก็ปรากฏขึ้น เมื่อนางต้องการ
ในดินแดนล้ำค่านี้ นางพบสมุนไพรที่จำเป็นต้องใช้สำหรับปรุงยาฟ้าบันดาล
ไป๋หยานรีบหยิบเตาหลอมยาออกมา หยิบองค์ประกอบยาที่ต้องใช้ในการกลั่นทีละชิ้นจากดินแดนขุมทรัพย์ และวางพวกมันไว้ข้างเตาหลอมยา …
สีหน้าของนางค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมมากขึ้น นางหยิบองค์ประกอบยาใส่ลงไป ขณะเดียวกันมืออีกข้างก็ยกขึ้นโบกเหนือเตาหลอม …
*****
ณ แดนอสูร
นับตั้งแต่ตี้คังจากไป ที่นี่ก็ไม่เคยสงบสุขเลย โดยเฉพาะคนในวังอสูร ที่มักจะทะเลาะตบตีกันทั้งต่อหน้าและลับหลังอยู่เสมอ ด้วยหวังที่จะได้ครองตำแหน่งพระสนมของราชาอสูร !
ขณะนี้…ในวังอสูรนางกำนัลสองคนกำลังกระซิบกระซาบแก่กันพลางถอนหายใจ
“ราชาและราชินีไม่ได้ประทับอยู่ในวังนานแล้ว กระทั่งถึงตอนนี้ทั้งสองพระองค์ก็ยังไม่เสด็จกลับมาเลย ไม่รู้ว่าจะเสด็จกลับมาเมื่อไร ?”
“นี่…เจ้าจะบอกว่าราชินีเป็นคนดีถึงเพียงนี้ เหตุใดราชาถึงทรงมีพระดำริที่จะคัดเลือกพระสนมใช่หรือไม่ ? สนมพวกนั้นจะเทียบกับราชินีผู้งดงามได้อย่างไร ? ในความคิดของข้าไม่มีหญิงใดในโลกนี้ดีไปกว่าราชินี”
“แล้วหากพระสนมเหล่านั้นโค่นราชินีลงได้ล่ะ องค์ชายน้อยจะเป็นเช่นไรต่อไป ? ข้าโตมาจนขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยเห็นเด็กคนไหนสุภาพ และน่ารักเท่าองค์ชายน้อยเลย … ”
ในขณะที่นางกำนัลทั้งสองกำลังถอนหายใจอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงตวาดเยือกเย็นดังขึ้น เสียงตวาดนั้นส่งผลให้พวกนางตัวสั่นสะท้าน กระทั่งไม้กวาดเกือบหลุดมือ
“พวกเจ้าทำความสะอาดเรียบร้อยดีหรือยัง ? มัวแต่เพ้อเจ้ออะไรกันอยู่ ?”
บทที่ 1300 : แผนการแก้แค้น (5)
ใบหน้าของนางกำนัลเปลี่ยนเป็นซีด ครั้นได้เห็นเงาที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า สีหน้าของพวกนางก็แลดูน่าเกลียดยิ่งขึ้น
สตรีเหล่านี้ถูกคัดเลือกให้เข้าวังอสูร กล่าวกันว่าพวกนางมาที่นี่เพื่อดูแลองค์หญิงน้อย ทว่าทุกคนต่างรู้ฐานะแท้จริงของพวกนางดี !
เมื่อองค์ราชาเสด็จกลับมา พวกนางจะได้รับตำแหน่งพระสนม และพวกนางจะได้ถวายการรับใช้ราชาร่วมกับราชินี !
“แม่นางมู่เสวี่ย พวกเราไม่ได้พูดอะไร”
ใบหน้าของนางกำนัลซีด นางก้มศีรษะลง ไม่กล้าที่จะสนทนากันอีก
ใบหน้าของมู่เสวี่ยเย็นชา “พวกเจ้าไม่เคยออกไปพบเจอโลกกว้าง ไม่รู้หรอกว่าสตรีหน้าตาสวยงามจริง ๆ นั้นเป็นเช่นไร ? ยิ่งไปกว่านั้นลูกชายที่เกิดจากมนุษย์ก็เป็นเพียงขยะเท่านั้น ! มีแต่พวกเจ้าแหละที่คิดว่าเด็กนั่นมีค่า !”
ครั้นได้ยินเช่นนี้ใบหน้าของนางกำนัลทั้งสองก็ยิ่งดูน่าเกลียดขึ้นอีกมาก ทว่าด้วยความกลัวฐานะของมู่เสวี่ยพวกนางจึงไม่กล้าแก้ตัว
“รีบไปทำงานต่อได้แล้ว ! ขืนพวกเจ้ายังขี้เกียจอีก ข้าจะกราบทูลองค์ราชา และจะให้พระองค์จัดการกับพวกเจ้า !” มู่เสวี่ยตะคอกอย่างเย็นชา
นางกำนัลทั้งสองรีบย่อตัว พลางก้าวถอยออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะเกรงว่ามู่เสวี่ยจะไปฟ้องราชา
และ…
เหตุผลที่มู่เสวี่ยหยิ่งผยองก็คือ นางเชื่อมั่นว่านางจะได้เป็นพระสนม นางมักจะยกองค์ราชาขึ้นข่มขู่ผู้อื่นเสมอ พิสูจน์ได้ว่านางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับราชา
ทุกคนจดจำได้ว่า ราชาเสด็จไปยังเผ่าที่มู่เสวี่ยอยู่ ก่อนที่พระองค์จะเสด็จจากไป เช่นนั้นพวกเขาจึงเชื่อข่าวลือนี้มากยิ่งขึ้น …
ในเวลาเดียวกัน
บนภูเขาด้านหลังของวังอสูร ประตูที่ถูกปิดมาเกือบสองปี ที่สุดก็เปิดออก
ร่างชราก้าวผ่านประตูออกมา พร้อมรอยยิ้มแห่งชัยชนะ
“ผู้อาวุโสใหญ่”
ทันทีที่เห็นการปรากฏตัวของชายชรา ทหารยามที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูก็ก้าวไปข้างหน้า พลางแสดงความเคารพ
“อืม”
ผู้อาวุโสใหญ่พยักหน้าเล็กน้อย “ราชาเสด็จกลับมาหรือยัง ?”
“เรียน…ผู้อาวุโสใหญ่ ราชากับราชินียังมิได้เสด็จกลับมา ทว่าได้ส่งจดหมายและป้ายคำสั่งมาให้เมื่อไม่นานมานี้ พระองค์ไม่ได้บอกเราว่า ทรงประทับอยู่ที่ใด เพียงแค่บอกว่า หากแดนอสูรตกอยู่ในอันตราย เราต้องทำลายป้ายคำสั่ง จากนั้นพระองค์ก็จะปรากฏกายเอง … “
มุมปากของผู้อาวุโสใหญ่กระตุก ราชาและราชินีเสด็จจากไปนานแล้ว ยังไม่เสด็จกลับมาอีกหรือ ?
“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว แต่นี่ราชาและราชินีก็เสด็จจากไปนานมากแล้ว ข้าคิดว่าคงใกล้จะเสด็จกลับมากันแล้วล่ะ ว่าแต่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับแดนอสูรในช่วงที่ข้าเข้าสันโดษบ้าง ?”
“เรียน ผู้อาวุโสใหญ่ ผู้คนในอาณาจักรสวรรค์โจมตีเรารุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ โชคดีที่เราทุกคนช่วยกันรับมือไว้ได้ นอกจากเรื่องนี้ ก็ยังมีเรื่องที่จะคัดเลือกพระสนม ไม่ทราบว่าจะถูกตัดสินก่อนที่ราชาจะเสด็จกลับมาหรือไม่ ?”
คัดเลือกพระสนมกระนั้นรึ ?
ผู้อาวุโสใหญ่ตกตะลึง ราชาต้องการคัดเลือกพระสนม เหตุใดเขาถึงไม่ทราบเรื่องนี้เลยล่ะ ?
“เจ้าบ้า !”
ผู้อาวุโสใหญ่ตวาดออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด เขาเอ่ยกล่าวด้วยความโมโห “ผู้ใดบอกเจ้ากันว่าราชาจะทรงคัดเลือกพระสนม ราชากับราชินีทรงรักกันอย่างลึกซึ้ง เหตุใดราชาถึงต้องคัดเลือกพระสนมด้วยเล่า ?
ทหารยามยืนงงงัน
ราชาไม่ได้ทรงมีแผนการคัดเลือกพระสนมกระนั้นหรือ ? เช่นนั้นสตรีที่ผู้อาวุโสใหญ่พากลับมาล่ะ ?
“เจ้าบ้า เจ้าพวกบ้าเอ๊ย !” ใบหน้าของผู้อาวุโสใหญ่เปลี่ยนเป็นดำคล้ำเครากระดิก “หากราชาทรงต้องการคัดเลือกพระสนมจริง พระองค์จะทรงรอจนถึงวันนี้หรือ ? และด้วยบุคลิกหยิ่งผยองเช่นราชินีจะทรงถวายการปรนนิบัติพระสวามีร่วมกับผู้อื่นได้อย่างไร ?”
ทหารยามเนื้อตัวสั่นเทา เขาคุกเข่าลงบนพื้นทันทีด้วยความตกใจ
ครั้นคิดได้ว่าข่าวลือเหล่านั้นแพร่กระจายไปทั่วแดนอสูรแล้ว หยาดเหงื่อเย็น ๆ พลันผุดขึ้นที่หลังของเขา หัวใจของเขาสั่นไหว
จบแล้ว !
เวลานี้ พวกเขาจบสิ้นแล้ว เสร็จแน่ ๆ !
“บอกข้ามาสิว่า ผู้ใดเป็นคนบอกเจ้าว่าราชาจะทรงคัดเลือกพระสนม” ผู้อาวุโสใหญ่คว้าคอเสื้อของทหารยามขึ้นมาด้วยความโกรธ “ไอ้งั่งนั่นต้องการให้ข้าตายใช่หรือไม่ ?”