จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 1301-1305
บทที่ 1301 : แผนการแก้แค้น (6)
ก่อนที่ราชาจะเสด็จจากแดนอสูรไป ได้มอบแดนอสูรนี้ให้เขาจัดการ ด้วยเหตุนี้หากมีข่าวลือไร้สาระเกิดขึ้นในแดนอสูร ก็เท่ากับผลักเขาลงไปในหลุมที่เต็มไปด้วยเพลิงผลาญมิใช่หรือ ?
หากราชาทรงทราบข่าวลือพวกนี้ล่ะก็ เขาเป็นต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน !
“ข้า … ข้าไม่รู้ … ” ทหารยามกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก “ก็แค่พวกเขาบอกว่าพวกสาว ๆ ที่ราชาพากลับมานั้นล้วนเป็นพระสนมของราชาทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ข้าจึงเข้าใจเช่นนั้นไปด้วย ผู้อาวุโสใหญ่ข้าไม่รู้เรื่องด้วยจริง ๆ นะ”
ผู้อาวุโสปล่อยมือ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ “เอาล่ะ เจ้าจงรีบไปตรวจสอบโดยเร็วว่า ผู้ใดเป็นคนพูดเรื่องบ้า ๆ นี่ หากจับตัวได้ว่าผู้ใดพูดก็ให้ทรมานมันซะ ! อย่าให้มันพูดได้อีกต่อไป”
จากนั้นเขาก็เงียบไปชั่วขณะหนึ่ง เกิดหลายเรื่องตลอดช่วงเวลาที่เขาเข้าสันโดษ และครั้งสุดท้ายที่ยอดฝีมือของอาณาจักรสวรรค์เข้ามาโจมตี เขาก็เป็นผู้ออกมาจัดการ ทว่าในครานั้นไม่มีผู้ใดบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาจึงไม่รู้เรื่อง ข่าวลือทั้งหลายเหล่านั้นมาก่อนเลย
หวังว่า…
ก่อนที่ราชาจะเสด็จกลับมา เขาจะสามารถหยุดข่าวลือเหล่านั้นได้แล้ว !
ทหารยามตัวสั่นเทา “ผู้อาวุโสใหญ่ … ข้าเกรงว่าจะสายเกินไปแล้ว”
ผู้อาวุโสใหญ่เลิกคิ้ว พลางมองทหารยาม “เจ้าหมายความเช่นไร ?”
“คือ … เมื่อประมาณหนึ่งปีที่แล้ว น้องเขยของราชามาที่นี่ เราบังเอิญบอกเขาไปว่า ราชาจะทรงคัดเลือกพระสนม เขาโกรธมาก ทั้งยังบอกว่าเขาจะพรากราชินีไปจากราชา”
ณ ตอนนี้ หัวใจของผู้อาวุโสใหญ่เย็นยะเยือก
น้องชายของราชินีก็รู้เรื่องนี้แล้วกระนั้นหรือ ? หากน้องชายของราชินีพบราชาล่ะก็ …
เขาคาดไม่ถึงเลย
“เช่นนั้น เจ้าก็จงส่งคนที่เคยพบน้องชายของราชินี ให้รีบไปชี้แจงกับเขาโดยเร็ว ! เจ้ากำลังสร้างปัญหาให้กับราชาแล้ว ! ข้าขอบอกเจ้าไว้เลย ! หากราชินีทรงเชื่อข่าวลือเหล่านั้นจริง ๆ ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป !”
กว่าที่คนทั้งคู่จะได้ครองคู่กันต้องผ่านความยากลำบากนานัปการ เขาจะไม่มีวันยอมให้ผู้ใดมาทำลายความสุขของคนทั้งสอง !
“ขอรับ…”
ทหารยามก้าวถอยหลังเนื้อตัวยังสั่นเทา หลังจากพ้นสายตาของผู้อาวุโสใหญ่ เขาก็รีบวิ่งลงไปที่ตีนเขาอย่างเร่งรีบ
ผู้อาวุโสใหญ่นวดขมับตนเองด้วยความปวดหัว สัตว์อสูรพวกนี้น่าเบื่อจริง พวกเขาทั้งหมดคอยแต่สร้างปัญหาให้กับราชา
ราชาไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้แต่ชาติปางก่อนกันนะ ถึงได้มีแต่สัตว์อสูรคอยให้ร้ายเขาเช่นนี้ !
หวังว่า … เรื่องนี้จะไม่รู้ไปถึงพระเนตรพระกรรณของราชาและราชินี หาไม่แดนอสูรจะต้องนองไปด้วยเลือด !
*****
ในสวนหลังพระราชวังอสูร
มู่เสวี่ยคอยสั่งการให้นางกำนัลหลายคนทำงานต่าง ๆ ชั่วขณะนั้นก็มีเสียงตะโกนดังมาจากด้านหลังอย่างดุดัน
“นั่นเจ้ากำลังทำอะไร ?”
มู่เสวี่ยตกตะลึงไปชั่วขณะ ครั้นนางหันกลับไปมอง นางก็เห็นทหารยามยืนอยู่ด้านหลัง นางห่อปากเอ่ยกล่าวอย่างเหยียดหยาม “นางกำนัลพวกนี้ล้วนแต่เกียจคร้าน ข้าเลยต้องสอนพวกนางให้ทำงานให้เรียบร้อย”
ใบหน้าของทหารยามเคร่งขรึมลง “พวกนางขี้เกียจ ก็แล้วเจ้าเล่าทำอะไรบ้าง ?”
มู่เสวี่ยตกตะลึง
นางเป็นพระสนมของราชา พวกองครักษ์เหล่านี้กล้าสั่งสอนนางกระนั้นหรือ ?
“เจ้าไม่รู้รึว่าข้าเป็นผู้ใด ?” มู่เสวี่ยชี้ไปที่จมูกของนางพลางเอ่ยถาม
ทหารยามเอ่ยกล่าวอย่างเย็นชา ‘เจ้าก็เป็นเพียงหญิงรับใช้องค์หญิงน้อยไง พวกเจ้าต่างก็เป็นนางกำนัล ก็แล้วเหตุใดถึงได้ชี้นิ้วสั่งผู้อื่น ? ไปทำงานเดี๋ยวนี้เลย !”
“เจ้า … ” ใบหน้าของมู่เสวี่ยแดงขึ้น นางกล่าวด้วยความโกรธเคือง “ข้าเป็นพระสนมของราชานะ !”
พระสนมกระนั้นรึ ?
ทหารยามกล่าวเยาะเย้ย “ข้าเพิ่งกลับมาจากการเข้าพบผู้อาวุโสใหญ่ ผู้อาวุโสใหญ่ได้บอกแล้วว่านี่เป็นเพียงข่าวลือ ราชาไม่เคยคิดรับพระสนมเลย พระองค์มีเพียงราชินีคนเดียวในวังอสูรแห่งนี้”
ใบหน้าของมู่เสวี่ยซีดลงทันที “เจ้าว่ากระไรนะ ?”
บทที่ 1302 : แผนการแก้แค้น (7)
“ผู้อาวุโสใหญ่ยังบอกว่า หากมีคนเผยแพร่ข่าวลือที่ไม่เป็นจริง หรือแม้แต่กระทำการสิ่งใดโดยอ้างถึงองค์หญิงน้อย คนพวกนั้นจะต้องถูกทรมาน !”
มู่เสวี่ยเซ นางเกือบจะล้มลงกับพื้น
เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน !
ผู้อาวุโสใหญ่ต้องเป็นพวกสุนัขรับใช้เลียแข้งเลียขาราชินีเลยมาช่วยออกตัวแทนราชินี นางจะไม่มีวันเชื่อคำพูดขององครักษ์เหล่านี้ !
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามู่เสวี่ยจะโง่ หากแต่นางก็รู้ว่าราชวังอสูรในยามนี้ ถ้อยคำของผู้อาวุโสใหญ่ถือเป็นที่สิ้นสุด นางกัดริมฝีปากของนางแน่น สัมผัสแห่งความขุ่นเคืองปรากฏในดวงตาของนาง
“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าต้องหาให้ได้ว่าผู้ใดเป็นคนเริ่มแพร่ข่าวลือใส่ร้ายราชาก่อน หากข้ารู้มันต้องได้รับโทษประหาร !”
ใบหน้าของมู่เสวี่ยซีดลง นางก้มศีรษะ พลันความตื่นตระหนกก็ปรากฏในดวงตาของนาง
หากคนเหล่านี้ต้องการตรวจสอบจริง ๆ ไม่ช้าพวกเขาย่อมต้องรู้ว่าตัวนางเองที่เป็นคนเริ่มข่าวลือนี้ เช่นนั้นนางจะไม่ยอมให้คนเหล่านี้ทำได้สำเร็จ
หลังจากกล่าวคำเหล่านั้นจบแล้ว ทหารยามก็จากไป ครั้นมู่เสวี่ยเงยหน้าขึ้นนางก็พบร่างที่องอาจยืนอยู่เบื้องหน้านาง
“ข้าเคยบอกแล้วไงว่า ราชาทรงมีรับสั่งให้พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อพิทักษ์องค์หญิงน้อยไม่ใช่เช่นที่เจ้าคิด” มู่อิงเม้มริมฝีปากของนางพลางกำหมัดแน่น “ทั้งข้าก็สัญญากับท่านแม่แล้ว ว่าจะไม่พูดเรื่องของเจ้า”
ต่อให้นางไม่พูด ก็แล้วไงล่ะ ?
หากราชาทรงสืบหา พระองค์ต้องทรงค้นพบว่าผู้ใดเป็นคนแพร่ข่าวลือ ทีนี้นางจะพูดหรือไม่ ก็มิได้แตกต่างกัน
มู่เสวี่ยจ้องมู่อิงด้วยความโกรธ นางก้าวช้า ๆ ไปหยุดข้างกายมู่อิง นางตั้งใจลดเสียงลง พลางกัดฟันกล่าว
“อาวุโสใหญ่นั่นเข้าข้างราชินี หากพระราชาไม่ได้ตั้งพระทัยที่จะรับพระสนม ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทรงให้พวกเราเข้ามาในวัง ข้าก็เพียงรอวันที่พระองค์จะเสด็จกลับมา !”
“เจ้าคิดว่า เจ้าจะสามารถรอจนกว่าวันนั้นจะมาถึงได้กระนั้นหรือ ?” มู่อิงยิ้มเยาะ “ยามนี้ผู้อาวุโสใหญ่กำลังสืบหาบุคคลที่แพร่ข่าวลือ แล้วเจ้าคิดว่าเรื่องที่เจ้าพูดไปทั่วนั่นจะไม่ถูกค้นพบกระนั้นหรือ ?”
นัยน์ตาของมู่เสวี่ยมืดมน นางเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พี่สาวอย่าลืมสิว่า สตรีที่ราชาทรงนำมานั้น มาจากเผ่าของเราทั้งหมด ชีวิตของญาติพี่น้องของพวกนางทั้งหมดอยู่ในกำมือของท่านพ่อท่านแม่ หากพวกนางกล้าเปิดปาก คนที่พวกนางรักก็ต้องตาย !”
น้ำเสียงของมู่เสวี่ยน่ากลัวมาก เพราะนางกำนัลที่เคยอยู่บริเวณโดยรอบ ต่างก็ผละจากไปแล้วจึงไม่มีผู้ใดได้ยินนาง
“หรือผู้อาวุโสใหญ่จะสามารถเข้าไปวุ่นวายในเผ่าเราได้ ? ยิ่งไปกว่านั้นผู้อาวุโสใหญ่ก็ไม่ใช่คนที่จะสังหารคนโดยไม่สนใจอะไร ตราบใดที่คนเหล่านั้นไม่ระบุตัวข้า ก็ไม่มีสิ่งใดน่ากลัวสำหรับข้า ?
หรือผู้อาวุโสใหญ่ต้องการสังหารหญิงสาวเหล่านั้นทั้งหมด ? หากเป็นเช่นนั้นข้าเกรงว่าราชาเองก็อาจไม่ประทานอภัยให้เขา !
แววตาของมู่อิงเคร่งขรึมลง “อย่าลืมนะว่ามีทหารยามอีกสองนายจากวังอสูรที่เคยได้ยินสิ่งที่เจ้าพูด”
มู่เสวี่ยยักไหล่อย่างไม่พอใจ “ข้าก็เพียงพูดว่าข้าได้ยินมาจากคนอื่นเท่านั้น เพราะผู้อาวุโสใหญ่แค่กำลังมองหาคนที่เป็นคนปล่อยข่าวคนแรก เมื่อถึงเวลานั้นก็แค่หาแพะรับบาป ข้าแนะนำอย่าริอ่านเป็นปฏิปักษ์กับข้า หาไม่หากข้าได้เป็นพระสนมคนโปรด เจ้าก็จะไม่รอดพ้นจากความตาย !”
หัวใจของมู่อิงเย็นเยียบ นางไม่เคยคิดเลยว่าคนใจร้ายเช่นนี้จะเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของนาง !
“มู่เสวี่ย…ข้าแค่ไม่เปิดเผยเรื่องของเจ้า… ทว่าหากราชาไม่ได้มีรับสั่งให้คัดเลือกพระสนม เจ้าก็เป็นพระสนมไม่ได้ เช่นนั้นเจ้าควรขอพรให้กับตนเองจะดีกว่า”
มู่อิงเหลือบมองไปที่มู่เสวี่ยเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะผละจากไป
ถึงแม้ว่า … นางจะไม่ชอบน้องสาวคนนี้เลยตั้งแต่ยังเด็ก ทว่าน้องคนนี้ก็มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับนาง นางย่อมจะไม่เปิดโปงน้อง หากแต่ในทำนองเดียวกันนางก็จะไม่ช่วยน้อง !
บทที่ 1303 : หลิงเอ๋อน้อยผู้น่ารัก (1)
ครั้นมองตามทิศทางที่มู่อิงผละจากไป มู่เสวี่ยก็กำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจ เล็บของนางจิกลงบนฝ่ามือตนเองอย่างแรงกระทั่งเลือดไหล หากแต่นางกลับไม่รู้ตัว
ความวุ่นวายจากเรื่องที่ราชาอสูรจะทรงรับพระสนมค่อย ๆ บรรเทาภายใต้ความโกรธเกรี้ยวของผู้อาวุโสใหญ่ ทว่า … อย่างที่รู้หากไม่มีลมย่อมไม่มีคลื่น หากไม่มีคนเผยแพร่ก็ย่อมไม่มีข่าวลือ
ทุกคนต่างก็เห็นว่าผู้อาวุโสใหญ่เคารพนับถือราชินีมากเพียงใด จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะทำเช่นนั้นเพื่อปกป้องราชินี ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดคิดว่าข่าวลือจะไม่เป็นความจริง โดยเฉพาะบรรดาสาว ๆ เหล่านั้นก็ยังคงฝันกลางวันต่อไป
*****
สองสามวันต่อมา เหนือแดนอสูรร่างในอาภรณ์สีม่วงยืนสงบนิ่ง ชายหนุ่มผมสีเงินเปล่งประกายอุ้มร่างเล็ก ๆ น่าเอ็นดูไม่ต่างจากตุ๊กตาไว้ในมือข้างละคน นัยน์ตาของเขาเย็นชา ขณะกวาดมองฝูงชนที่อยู่เบื้องล่าง
ผู้คนในแดนอสูรดูเหมือนจะรับรู้ถึงกลิ่นอายอันทรงพลังนี้ ต่างก็รีบเงยหน้าขึ้นมอง ชั่วขณะนั้น ใบหน้าที่งดงามไร้ที่เปรียบและน่าทึ่งนั้นก็สะท้อนอยู่ในดวงตาของทุกผู้คน พวกเขาต่างคุกเข่าลงทันทีโดยไม่รู้ตัว
ทันทีที่ผู้อาวุโสใหญ่เห็นบุรุษผู้ซึ่งปรากฏกายในอากาศว่างเปล่า เขาก็รีบวิ่งออกมาจากที่พำนักด้วยอาการร้อนรน เขาดีใจ พลางรีบป้องหมัด ร้องตะโกนแสดงความเคารพ “คารวะองค์ราชา”
บุรุษบนท้องฟ้าผู้ไม่ต่างจากพระยายมผู้เย็นชาทว่าสง่างาม กลิ่นอายของเขาครอบงำราวกับราชาผู้ครองโลก
ผู่คนต่างออกมาแสดงความเคารพเขาทีละคน ๆ เสียงของผู้คนเหล่านั้นดังก้องไปทั่วแดนอสูร
“ขอต้อนรับองค์ราชา !”
ริมฝีปากบาง ๆ ของตี้คังเม้มน้อย ๆ นัยน์ตาเย็นชาของเขากวาดลงมามอง “เกิดอะไรขึ้นกับวังอสูร ในช่วงเวลาที่ข้าไม่อยู่ ?”
ผู้อาวุโสใหญ่เกรงว่าจะมีคนพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด จึงรีบรายงานว่า “กราบทูล…องค์ราชา ที่ผ่านมา แดนอสูรสงบสุขมาก นอกเหนือจากการที่ผู้คนจากอาณาจักรสวรค์บุกรุกเข้ามาบ้างเป็นบางครั้งคราว ก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นอีก”
“เจ้าสามารถหาเบาะแสของไป๋เซียว และเสี่ยวหลงเอ๋อได้หรือไม่ ?”
การจากไปของสองคนนี้ถือเป็นเรื่องค้างคาใจสำหรับไป๋หยาน
เหงื่อเย็น ๆ ผุดออกมาบนหน้าผากของผู้อาวุโสใหญ่ เขากล่าวว่า “มีใครบางคนพบร่องรอยของหลงเอ๋อน้อย และพวกเขาทำตามรับสั่งของราชินีโดยแอบปกป้องนางอยู่ลับ ๆ สำหรับนายน้อยไป๋เซียว … “
หลังจากหยุดชั่วขณะเขากัดฟันเอ่ยกล่าวว่า “ข้ายังไม่พบ”
หากราชาทรงทราบเรื่องเกี่ยวกับข่าวลือล่าสุด พระองค์คงจะหงุดหงิดพระทัยเป็นแน่ บางทีเขาเองก็อาจจะโดนหางเลขไปด้วย ทว่าด้วยความสามารถขององค์ราชา ต่อให้เขาไม่พูดอะไร เกรงว่าที่สุดพระองค์ก็จะทรงค้นพบเรื่องนี้ได้ด้วยองค์เอง
ทว่า…
หากเขาพบผู้กระทำผิดก่อน บางทีเขาอาจจะสามารถชดเชยความผิดได้
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เขาพูดก็คือ เขาไม่พบไป๋เซียวนี่ หากแต่เขาไม่ได้บอกเลยว่าก่อนหน้านี้ไป๋เซียวไม่ได้มาปรากฏตัวที่นี่ เช่นนั้นจึงถือว่าเขาไม่ได้กล่าวเท็จต่อเบื้องพระพักตร์
ตี้คัง…เลิกคิ้ว สายตาเย็นชาของเขากวาดมองลงมาบนร่างของผู้อาวุโสใหญ่
ครั้นถูกจ้องมอง ผู้อาวุโสใหญ่ก็อดไม่ได้ที่จะเหงื่อไหลชุ่มแผ่นหลัง กระทั่งร่างกายของเขาเย็นยะเยือก
โชคดีที่ตี้คังไม่ได้กล่าวสิ่งใดมาก เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทรงอำนาจ “นี่พวกเจ้าเห็นเพียงข้าเท่านั้นงั้นรึ ?”
ทุกคนตะลึง ต่างก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่ตี้คังพูด
หลังจากนั้นสายตาของพวกเขาก็หันไปจับจ้องเจ้าแป้งนึ่งทั้งสองที่ตี้คังอุ้ม พวกเขาต่างก็เข้าใจได้ทันที …
ผู้อาวุโสใหญ่ตอบสนองไวกว่าผู้อื่น เขารีบคุกเข่าลงแสดงความเคารพอีกครั้ง “ยินดีต้อนรับองค์หญิงน้อยและองค์ชายน้อยกลับวัง”
ยินดีต้อนรับองค์หญิงน้อยและองค์ชายน้อยกลับวัง !
คนอื่น ๆ ต่างก็ปฏิบัติตามผู้อาวุโสใหญ่ทันที พวกเขาสัมผัสได้ถึงแววตาที่เฉยเมยของตี้คัง พวกเขาทุกคนต่างก็ไม่กล้ามองเจ้าแป้งนึ่งทั้งสองตรง ๆ ทำได้เพียงก้มศีรษะของพวกเขาลงเพื่อแสดงความเคารพ
บทที่ 1304 : หลิงเอ๋อน้อยผู้น่ารัก (2)
“เอ่อ” การแสดงออกของตี้คังแลดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขาเอ่ยกล่าวอย่างเศร้าหมอง “ในวันหน้า แดนอสูรนี้ นอกเหนือจากราชินีแล้ว คำสั่งขององค์ชายและองค์หญิงนับเป็นคำสั่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด หากผู้ใดกล้าขัดขืนสังหารได้ทันที !”
ประกาศิตชี้เป็นชี้ตายดังก้องไปทั่วพระราชวังอสูรอย่างน่าขนลุก
บางคนถึงกับบ่นพึมพำออกมาโดยไม่รู้ตัว ความรักที่ราชาทรงมีต่อราชินีนั้นยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ พระองค์จะทรงต้องการรับพระสนมจริง ๆ กระนั้นหรือ ?
เสี่ยวหลิงเอ๋อกำแขนเสื้อของตี้คังแน่น ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางยามต้องแสงแดดเปล่งประกายแดงก่ำ ราวกับลูกแอปเปิ้ลน้อย ๆ น่ากินมาก ไม่ว่าผู้ใดหากได้ยลเห็นก็อดไม่ได้ที่จะอยากกัดสักคำ
นี่เป็นครั้งแรกที่นางมายังสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่นางจะรู้สึกไม่สบายใจ ที่นี่มีเพียงตี้คังและเทียนเทียนเท่านั้นที่นางรู้จัก
ครั้นตี้คังก้มลงมองหน้าบุตรสาวของตนอีกครั้ง การแสดงออกของเขาก็อ่อนโยนลง “หลิงเอ๋อ…ไม่ต้องกลัวนี่คือบ้านของเจ้า และมารดาของเจ้าก็มีสิทธิ์ขาดสูงสุดในครอบครัวของเรา เจ้าสามารถทำอะไรก็ได้ตามแต่ที่เจ้าต้องการ”
“จริงหรือ ?” นัยน์ตากลมโตของเสี่ยวหลิงเอ๋อกะพริบราวกับดวงดารา
“ใช่แล้ว ในที่นี้มารดาของเจ้าใหญ่ที่สุด ตราบใดที่เจ้าไม่ยั่วโมโหแม่ คนอื่นก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้ ป๊ะป๋าจะสนับสนุนเจ้าทุกอย่างเลย”
สำหรับบุตรสาวแล้ว ตี้คังไม่ได้ดุใส่นางเช่นเดียวกับไป๋เสี่ยวเฉิน ใบหน้าที่งดงามของเขายกยิ้ม ทั้งยังเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มเบา
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของหลิงเอ๋อน้อย นางจับมือตี้คังพลางยิ้ม “หลิงเอ๋อน้อย รักหม่ามี้ที่สุด ดังนั้นหลิงเอ๋อจะไม่ยั่วโมโหนาง และพี่ใหญ่ยังบอกด้วยว่า หากเห็นคนที่มีหน้าอกบึ้บบั้บเหมือนหม่ามี้ ก็อย่าให้คนพวกนั้นเข้าใกล้ป๊ะป๋าเป็นอันขาด”
ครั้นกล่าวจบ เสี่ยวหลิงเอ๋อก็ยืดอกของนางขึ้น ซึ่งหมายความว่า ใครก็ตามที่มีเรือนร่างเช่นมารดาของนางจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้บิดาของนาง
เนื่องจาก นางยังเด็กจึงยังไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างชาย-หญิงได้ ไป๋เสี่ยวเฉินจึงจงใจอธิบายลักษณะของผู้หญิงให้นางฟัง โดยให้ยึดหลักที่ว่ามีหน้าอกแบบแม่ของพวกเขา
ใบหน้าของตี้คังเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ
หน้าอกบึ้บบั้บเช่นไป๋หยานกระนั้นรึ ? ไล่หน้าอกบึ้บบั้บไปหมายความเช่นไร ?
“พี่ใหญ่ของเจ้าสอนอะไรเจ้าอีก ?” ตี้คังเอ่ยถามพร้อมกับกัดฟัน
เด็กคนนั้นสอนอะไรน้องสาวของเขา ?
“พี่ใหญ่บอกว่าพวกที่มีหน้าอกบึ้บบั้บเหมือนหม่ามี้ หากปล่อยให้เข้าใกล้ป๊ะป๋าได้ นางก็จะกลายเป็นนางมารร้าย !”
หลิงเอ๋อน้อยกะพริบตา นางขายไป๋เสี่ยวเฉินด้วยท่าทางซื่อ ๆ
ท่าทางของนางไม่ต่างกับตอนที่ไป๋เสี่ยวเฉินขายตี้เสี่ยวอวิ๋น
“หน้าอกบึ้บบั้บคืออะไร ?” เทียนเทียนมองหลิงเอ๋อน้อยอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมข้าไม่มีหน้าอกบึ้บบั้บ และหลิงเอ๋อน้อยก็ไม่มีหน้าอกบึ้บบั้บ”
หลิงเอ๋อน้อยเกาศีรษะพลางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อว่า “บางทีหลิงเอ๋อกับหม่ามี้อาจจะไม่ใช่เพศเดียวกัน”
ใบหน้าของตี้คังเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำมากขึ้น
เขารู้สึกว่า หากปล่อยให้ไป๋เสี่ยวเฉินสอนน้องน้อยทั้งสอง ไม่ช้าก็เร็วลูกของเขาต้องเสียเด็กแน่
ตี้คังกลัวว่าเจ้าตัวน้อยทั้งสองจะพูดมากไปกว่านี้ เขารีบกล่าวพร้อมสีหน้าดำคล้ำ “เจ้าบอกว่าหิวแล้วไม่ใช่รึ ? เดี๋ยวป๊ะป๋าจะสั่งให้คนเตรียมอาหารให้พวกเจ้าเลยดีหรือไม่ ?”
ทันทีที่ได้ยินเรื่องอาหาร ความสนใจของแป้งนึ่งน้อยทั้งสองก็ถูกเบี่ยงเบนทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทียนเทียน เขายกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากตน น้ำลายแห่งความตะกละพลันไหลย้อยออกมาทันที
ตี้คังอุ้มเจ้าตัวน้อยมือละคน ก่อนจะเดินลงมาจากอากาศว่างเปล่า
เห็นได้ชัดว่า เขาก้าวไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ลงมาจากท้องฟ้าเข้าสู่ลานกว้างแล้ว
“ราชา…” ผู้อาวุโสใหญ่ปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก พลางเงยหน้าขึ้น ร้องอุทานออกมาด้วยความรู้สึกผิด
ตี้คังหัวเราะเยาะ “เหตุใดผู้อาวุโสใหญ่เห็นข้าแล้วต้องตกใจกลัวมากถึงเพียงนั้น ? มีเรื่องปิดบังข้ากระนั้นรึ ?”
บทที่ 1305 : หลิงเอ๋อน้อยผู้น่ารัก (3)
“เอ่อ … กระหม่อมจะกล้าทำเช่นนั้นได้เยี่ยงไรพ่ะย่ะค่ะ ?” ผู้อาวุโสใหญ่ยิ้มเจื่อน ๆ “พระองค์มีสิ่งใดจะบัญชาอีกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ?”
“ให้นางกำนัลที่ข้าคัดเลือกมาให้องค์หญิงน้อยในวันนั้นมารวมกันที่นี่ ข้ามีเรื่องจะสั่งการ !”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ผู้อาวุโสใหญ่ถอยห่าง
จากนั้นไม่นานภายใต้การนำของผู้อาวุโสใหญ่ หญิงสาวกลุ่มหนึ่งก็ก้าวออกมาจากประตูลานกว้าง พวกนางคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพ
“หม่อมฉันขอถวายพระพรราชา องค์หญิง องค์ชายเพคะ”
ท่ามกลางฝูงชนที่อยู่ด้านล่าง มู่เสวี่ยแทบจะกัดฟันของตนอย่างขมขื่น นางพยายามกลบความขุ่นเคืองในแววตาของนางไว้
ราชินีให้กำเนิดองค์หญิงน้อยจริงกระนั้นหรือ ?
บางที … นี่อาจเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ ! แม้ว่าราชาจะทรงมีพรสวรรค์ในการทำนาย ทว่าพระองค์ก็ไม่น่าที่จะคาดเดาเพศของเด็กได้ !
มู่เสวี่ยนั้นยังคงรู้รักษาตัวรอดเสมอ ครั้นนางได้พบตี้คัง นางก็ไม่กล้าที่จะแสดงอะไรออกมาอย่างโจ่งแจ้ง หาไม่ความคิดต่าง ๆ ในใจของนางอาจถูกตี้คังค้นพบได้ …
*****
ยามอาทิตย์อัสดง ใบหน้าของชายหนุ่มไร้ความรู้สึก นัยน์ตาเรียวคมของเขาจับจ้องมองนางกำนัลที่กำลังคุกเข่า น้ำเสียงของเขาเย็นชา
“จากนี้ไป พวกเจ้ามีหน้าที่ดูแลองค์หญิงน้อย หากองค์หญิงน้อยได้รับบาดเจ็บแม้เพียงรอยข่วน ข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้า!”
พวกนางลดศีรษะลงเนื้อตัวสั่นเทา ไม่กล้าแม้จะเงยหน้าขึ้นมองเขาอีก
“นอกจากนี้ ข้าไม่ต้องการให้ชายใดเข้าใกล้องค์หญิงน้อย ! หากผู้ใดละเมิดจะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก !”
ครั้งที่เขาเลือกนางกำนัลให้กับเสี่ยวหลิงเอ๋อ เขาก็คิดถึงเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วว่า หากให้สัตว์อสูรชายมาดูแลองค์หญิงน้อย ก็อาจมีความคิดแอบแฝงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อาจทำให้บุตรสาวของเขาถูกล่อลวงตั้งแต่ยังไม่เดียงสา
บุตรสาวของตี้คัง จะมีผู้ใดคู่ควรกับนางได้อย่างไร ?
“เพคะ”
เหล่าสาว ๆ ตอบรับ
ถ้อยคำของตี้คัง ทำให้สตรีจำนวนมากมายเหล่านั้นที่คิดหมายปองเขาเลิกคิดทันที สุดท้ายก็เป็นเพียงเรื่องที่มู่เสวี่ยพูดเองเออเองฝ่ายเดียว ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ?
ยกเว้นมู่เสวี่ย …
ครั้นได้ฟังถ้อยคำของตี้คังแล้ว มู่เสวี่ยก็แทบจะกลืนน้ำลายด้วยความหึงหวง นางกำหมัดแน่นในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกโกรธเคือง
ก็แค่มนุษย์ผู้หญิงต่ำต้อย ไม่รู้ว่าเหตุใดราชาจึงเห็นว่านังนั่นคือสมบัติล้ำค่าไปได้
แน่นอน… ไม่ว่ามู่เสวี่ยจะคิดอะไรในใจ ทว่าสีหน้าของนางก็ยังคงดูเศร้า ๆ ไม่เปิดเผยความคิดใด ๆ ออกมา
มู่อิงหันไปมองมู่เสวี่ย ครั้นเห็นว่ามู่เสวี่ยไม่ได้แสดงท่าทีใด ๆ ออกมานางก็แอบโล่งใจอย่างเงียบ ๆ
มู่เสวี่ยอาจจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนาง
นางตัดขาดกับหญิงผู้นี้ได้
หากแต่ … นางไม่ต้องการให้บิดาของนางถูกคนพวกนี้ลากลงโคลนไปด้วย นั่นเป็นเหตุที่ว่าไยนางถึงไม่เปิดโปงเรื่องของมู่เสวี่ยออกมา
“อาวุโสใหญ่ หาคนมาดูแลองค์ชายน้อยเพิ่มอีกสองสามคนนะ”
ตี้คังหันหน้าไปมองผู้อาวุโสใหญ่ “องค์ชายน้อยยังเล็กนัก และข้าไม่ต้องการให้เขาถูกสาว ๆ ล่อลวงตั้งแต่เด็กยังไม่เดียงสา”
เมื่อเขาเติบใหญ่ขึ้น เป็นธรรมดาที่เขาจะต้องสนใจเรื่องของชายและหญิง หากแต่ชั่วชีวิตของบุตรชายของเขาจะต้องมีภรรยาเพียงคนเดียว ! หากบุตรชายของเขาต้องคบหากับหญิงอื่นตั้งแต่อายุยังน้อยไร้เดียงสา วันหน้าบุตรชายของเขาอาจจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน !
คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจถ้อยคำของตี้คัง ทว่าผู้อาวุโสใหญ่รู้ว่าตี้คังหมายถึงสิ่งใด เขาพยักหน้าอย่างรีบร้อน “ราชา…กระหม่อมจะส่งองครักษ์สองสามคนไปถวายการดูแลองค์ชายน้อยเองพ่ะย่ะค่ะ”
“จัดการได้เลย”
“พ่ะย่ะค่ะ…”
ผู้อาวุโสใหญ่ป้องหมัดอีกครั้ง
เพราะไม่รู้ว่ามีองค์ชายน้อยด้วย เขาจึงไม่ได้จัดเตรียมองครักษ์ไว้ให้ โชคดีที่ในพระราชวังอสูรมีองครักษ์ฝีมือดีมากมาย เช่นนั้นผู้อาวุโสใหญ่จึงใช้เวลาไม่นานในการคัดเลือกคนมาทำหน้าที่อารักขาองค์ชายน้อย
“หลิงเอ๋อ, หลิงเอ๋อ”