จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 1306 -1310
บทที่ 1306 : หลิงเอ๋อน้อยผู้น่ารัก (4)
เทียนเทียน ไม่สนใจเหล่าองครักษ์ที่ผู้อาวุโสใหญ่นำมา เขาเดินปัดเป๋ไปทางหลิงเอ๋อน้อย จากนั้นก็ยื่นมือไปหาหลิงเอ๋อเอ่ยกล่าวด้วยปากเล็ก ๆ ว่า “ข้าจะอยู่กับหลิงเอ๋อ”
“เอ่อ… ” ผู้อาวุโสใหญ่สะดุ้ง เขาหันไปมองตี้คัง
ตี้คังส่ายศีรษะซึ่งหมายความว่าจะปล่อยตามใจเด็กน้อย ขอเพียงพวกเขายังกินได้นอนหลับก็แล้วแต่พวกเขาเถอะ
“ส่วนเจ้าตามข้ามา”
ตี้คังมองผู้อาวุโสใหญ่ พลางเดินนำไปที่ห้องตำรา
เขาควรเริ่มเตรียมงานที่ไป๋หยานมอบหมายให้เขาได้แล้ว …
ผู้อาวุโสใหญ่รับคำสั่งของตี้คัง เขารีบก้าวตามราชาของเขาไป ก่อนจะหายลับไปจากสายตาของทุกคนในชั่วพริบตา
หลังจากตี้คังและผู้อาวุโสใหญ่จากไปแล้ว คนอื่น ๆ ต่างก็แยกย้าย เหลือเพียงแป้งนึ่งสองลูก กับผู้ที่ได้รับคำสั่งให้ดูแลพวกเขาเท่านั้นที่ยังคงเหลืออยู่ในลานกว้าง
“เอาล่ะ พวกเจ้าไปได้แล้ว ข้าจะดูแลองค์หญิงและองค์ชายน้อยเอง”
มู่เสวี่ยยกยิ้ม ประกายแสงวาววับไปทั่วนัยน์ตาของนาง
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในยามนี้ เห็นได้ว่าราชาทรงรักและเอ็นดูเด็กสองคนนี้มาก หากนางทำให้เด็กทั้งสองพึงพอใจได้ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจักไม่ได้เป็นพระสนมคนโปรดของราชาหรอก ?
เหล่านางกำนัลล้วนมาจากเผ่าของมู่เสวี่ย หลังจากได้ยินถ้อยคำดังกล่าว พวกนางต่างก็หันมองหน้ากันและกัน ก่อนจะก้าวถอยหลังผละจากไป
มีเพียงองครักษ์ของพระราชวังอสูร และมู่อิงเท่านั้นที่ยังนิ่งอยู่
โดยปกติแล้ว มู่เสวี่ยไม่กล้าที่จะอาละวาดใส่องครักษ์ เช่นนั้นนางจึงหันใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวไปจับจ้องมู่อิงแทน “เจ้าไม่ได้ยินข้าหรือ ? ข้าจะดูแลองค์หญิง และองค์ชายเอง พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่
มู่อิงเม้มปากไม่กล่าวคำใด นางไม่โง่พอที่จะจากไป ผู้ใดจะรู้ว่ามู่เสวี่ยจะทำร้ายองค์ชาย และองค์หญิงหรือไม่ ? หากเป็นเช่นนั้นไม่เท่ากับลากครอบครัวของนางให้ต้องตกเป็นผู้รับกรรมไปด้วยหรือ ? …
ครั้นเห็นว่ามู่อิงยังไม่ยอมขยับตัว มู่เสวี่ยก็หน้าแดงด้วยความเดือดดาล นางจ้องมู่อิงอีกครั้ง ก่อนจะหันไปมองก้อนแป้งนึ่งทั้งสอง พลางเอ่ยกล่าวโดยไร้ซึ่งรอยยิ้มว่า “องค์ชายองค์หญิง หม่อมฉันชื่อมู่เสวี่ย หม่อมฉันมีหน้าที่ถวายการดูแลทั้งสองพระองค์ หม่อมฉันจะไปปรุงอาหารอร่อย ๆ ให้นะเพคะ ฝ่าบาททั้งสองให้หม่อมฉันดูแลคนเดียวก็พอเพคะ”
มีเด็กคนไหนบ้างที่ไม่ชอบกิน ? ขอเพียงนางล่อลวงเจ้าเด็กน้อยทั้งสองนี่ด้วยอาหารอร่อย ๆ มีหรือที่พวกเด็ก ๆ นี่จะไม่เป็นพวกเดียวกับนาง ?
เทียนเทียนก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว “หลิงเอ๋อ นางยิ้มนิด ๆ น่ากลัวจริง ๆ เจ้าคิดว่านางเป็นหญิงไม่ดีแตอนที่พี่ใหญ่พูดหรือไม่ ?”
หลิงเอ๋อน้อยเหลือบมองมู่เสวี่ย นางกวาดตามองขึ้นมองลง พลางย่นจมูกเล็ก ๆ น่ารักของนาง จากนั้นก็ทำมือคะเนขนาดหน้าอกของมู่เสวี่ยสองครั้ง “แต่นางไม่บึ้บบั้บเด้งดึ๋งนี่ พี่ใหญ่กล่าวว่าคนที่หน้าอกเด้งดึ๋ง ๆ เป็นเพศเดียวกับหม่ามี้”
ใบหน้าของมู่เสวี่ยซีดลงทันที นางเพียงอกเล็กแบนไปหน่อย ทว่าเจ้าเด็กน้อยนี่กลับกระซิบกระซาบกันว่านางไม่ใช่ผู้หญิงกระนั้นรึ ?
“อ้อ”
เทียนเทียนพยักหน้าอย่างงง ๆ “ก็ไม่น่าแปลกใจนัก นางไม่ได้สวย ไม่ได้ดูดีเหมือนหม่ามี้ คงเพราะนางไม่มีนมดึ๋งดั๋งด้วยแหละ”
“เจ้า … ” ใบหน้าของมู่เสวี่ยเคร่งขรึมอีกครั้ง นางทำท่าราวกับจะโกรธ แต่ครั้นเห็นองครักษ์กำลังจ้องมองมาที่นาง นางก็กล้ำกลืนสิ่งที่นางอยากจะกล่าวก่อนหน้านี้ พลางเอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้มแห้ง ๆ “ฝ่าบาททั้งสองรับสั่งเรื่องใดกัน ? หม่อมฉันเองก็เป็นสตรีเฉกเช่นเดียวกัน”
“สตรีคืออะไร ?” หลิงเอ๋อน้อยกะพริบตา พลางถามอย่างหงุดหงิด “กินได้มั้ย ?”
จากรูปลักษณ์ของเด็กน้อย ก็ดูเหมือนว่านางเพียงถามด้วยความสงสัยไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
ทว่ามู่เสวี่ยกลับรู้สึกเสมอว่า เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เสแสร้งเก่ง หาไม่เหตุใดทุกถ้อยคำถึงราวกับจะเฉือนใจนางให้ตายไปทีละน้อย ๆ
มู่อิงมองมู่เสวี่ยด้วยใบหน้าซีดเซียว นางก้าวช้า ๆ ไปทางหลิงเอ๋อน้อยและเทียนเทียน พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าอันบอบบางของนาง “ฝ่าบาททั้งสอง ราชาทรงมีรับสั่งให้พวกหม่อมฉันถวายการดูแลทั้งสองพระองค์ นี่ก็เย็นแล้วนะเพคะ ให้หม่อมฉันนำเสด็จทั้งสองพระองค์ไปเสวยพระกระยาหารค่ำจะดีหรือไม่เพคะ ?”
บทที่ 1307 : หลิงเอ๋อน้อยผู้น่ารัก (5)
เทียนเทียนกะพริบนัยน์ตากลมโตของเขา “หลิงเอ๋อ หน้าอกของนางเด้งดึ๋งนางอาจจะเป็นหญิงไม่ดีแตอนที่พี่ใหญ่พูด ?”
ครั้นเสี่ยวหลิงเอ๋อได้ยินเช่นนี้ นางก็พิจารณามู่อิงอย่างจริงจัง “นางอาจไม่ใช่หญิงไม่ดีก็ได้ เพราะนางไม่ได้เข้าใกล้ป๊ะป๋าเรา พี่ใหญ่บอกว่าหากเรายอมให้หญิงไม่ดีเหล่านั้นเข้าใกล้ป๊ะป๋า หม่ามี้จะโกรธเรา”
สำหรับ หลิงเอ๋อน้อย ผู้ใดก็ตามที่ทำให้มารดาของนางโกรธคือตัวร้าย ! เช่นนั้นหากหม่ามี้ไม่อยู่นางต้องเชื่อฟังพี่ใหญ่ของนาง ห้ามผู้หญิงเข้าใกล้ป๊ะป๋า !
“อ้อ”
เทียนเทียนพยักหน้าทำเหมือนเข้าใจ
ป๊ะป๋าบอกว่าหลิงเอ๋อฉลาดมาก และฉลาดกว่าเขาด้วย เช่นนั้นคำพูดของหลิงเอ๋อจึงไม่มีวันผิด
โครกคราก
มีเสียงร้องดังมาจากท้องของเทียนเทียน ร่างของเขาเปลี่ยนเป็นจิ้งจอกเงินพร้อมกับค่อย ๆ ทรุดนอนลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง
มู่อิงหน้าซีดด้วยความตกใจ นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดองค์ชายน้อยจึงกลายร่างเป็นจิ้งจอก ?
“ไม่ต้องตกใจ เขาแค่หิว เวลาที่เทียนเทียนหิว เขามักจะทำแบบนี้”
เสี่ยวหลิงเอ๋อมีรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า น้ำเสียงของนางอ่อนโยนไร้เดียงสา ไร้การเสแสร้งใด ๆ ยามที่นางพูด นางดูเหมือนกับเปาหวานน้อย ๆ ที่นุ่มนวลและน่ารัก
มู่อิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางก้มหัวให้แป้งนึ่งน้อยทั้งสอง “ฝ่าบาทโปรดตามหม่อมฉันมาเถอะเพคะ”
หลิงเอ๋อคว้าหางของเทียนเทียนน้อยไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง จากนั้นก็เดินตามหลังมู่อิงไป บางทีอาจเป็นเพราะนางคิดว่าจะมีอาหารรออยู่ ทำให้นัยน์ตาของนางสว่างสดใสยิ่งกว่าค่ำคืนที่พร่างพราวไปด้วยแสงดาว
มู่เสวี่ยเฝ้าดูเจ้าก้อนแป้งน้อยจากไปพร้อมกับมู่อิง นางกัดฟันกรอดด้วยความอิจฉา
ฮึ…นังคนนี้ ปากก็บอกว่าไม่สนใจยศฐาบรรดาศักดิ์ เชอะ ? เช่นนั้นเหตุใดนางต้องเอาใจเด็กสองคนนั่นด้วยล่ะ ? ไม่ใช่อยากอยู่ในสายตาของราชาหรอกหรือ ?
ไม่พิจารณาตนเองว่าหน้าตาตนเป็นเช่นไร ? ก็แค่หญิงหน้าตาพื้น ๆ หาได้ทั่วไปตามท้องถนน คนอย่างราชามีหรือจะตาต่ำไปมองนางได้ ?
มู่เสวี่ยลดสายตาลง นางลอบมองหลิงเอ๋อน้อยที่จากไปอีกครั้ง นัยน์ตาของนางกะพริบวิบวับสองสามครั้ง
องค์หญิงน้อยช่างน่ารักงดงาม เช่นนั้นราชินีย่อมจะต้องงดงามไม่น้อยเลย เช่นนั้นเมื่อเปรียบเทียบแล้ว ราชาจะสนใจหญิงสาวหน้าตาธรรมดา ๆ เยี่ยงมู่อิงได้อย่างไร ?
ทว่าเมื่อเทียบกับราชาแล้ว องค์หญิงน้อยก็ดูคล้ายราชามาก เช่นนั้นบางทีที่เด็กหญิงนางน่ารักน่าเอ็นดูถึงเพียงนี้ ก็อาจเป็นเพราะได้เชื้อดีอย่างราชา ไม่จำเป็นต้องเพราะว่าราชินีมีเสน่ห์งดงามเลยก็เป็นได้
ทว่า…
นางก็ยังหวังว่าราชินีจะเป็นคนที่สวยงามมาก ๆ เพราะนั่นจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าราชาปรารถนาเพียงสาวงาม ทั้งนางก็มั่นใจในรูปลักษณ์ของนางมาก ทั้งยังมั่นใจมากว่านางจะกลายเป็นสนมคนโปรดของราชาได้
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้แล้ว ภาพตี้คังผู้งดงามน่าทึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจของมู่เสวี่ย ส่งผลให้แววตาของนางมุ่งมั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ
ชายผู้นี้จะต้องเป็นของนางแน่ไม่ช้าก็เร็ว ! ทั้งตำแหน่งสูงสุดจะเป็นของผู้ใดไปไม่ได้นอกจากนาง !
ไม่ว่าจะเป็นราชินี มู่อิง หรือเด็กน้อยทั้งสองก็เป็นเพียงบันไดของนาง !
มู่เสวี่ยมองตามหลังของหลิงเอ๋อน้อยเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะส่งเสียงดัง
ฮึ่มฮั่ม ราวกับนกยูงรำแพน จากนั้นก็หันหลังผละจากไป
นางไม่รู้ตัวว่าการกระทำทั้งหมดของนางตกอยู่ในสายตาขององครักษ์ และเพราะการกระทำนี้ทำให้หัวใจของพวกเขาเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย พวกเขากำลังคิดว่าจะกลับไปรายงานผู้อาวุโสใหญ่เช่นไรดี ?
*****
ณ ห้องตำรา
เบื้องหน้าตี้คัง ผู้อาวุโสใหญ่กำลังยืนตัวสั่น บรรยากาศในห้องนี้อึดอัดมาก อึดอัดกระทั่งหัวใจของผู้อาวุโสใหญ่สั่นสะท้าน
หรือว่าข่าวลือในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาได้ทราบถึงพระเนตรพระกรรณของพระราชาแล้ว ? และตอนนี้ราชาก็ทรงมีรับสั่งเรียกเขามาชำระบัญชี ?
แต่หากราชาทรงต้องการชำระบัญชีกับเขา เขาน่าที่จะถูกจัดการต่อหน้าที่ชุมนุมชนไปแล้ว พระองค์คงจะไม่ต้องเสด็จมาที่ห้องตำรา เพื่อสั่งสอนเขาเพียงลำพัง…
บทที่ 1308 : แผนยั่วยุของตี้คัง (1)
“ราชา ทรงมีสิ่งใดจะบัญชากระหม่อมรึพ่ะย่ะค่ะ ?”
ผู้อาวุโสใหญ่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ
ตี้คังยกยิ้มอย่างเย็นชา “ข้าไม่อยู่ในวังอสูรเสียนาน ไม่มีเรื่องใดเลยกระนั้นรึ ?”
ผู้อาวุโสใหญ่ตกตะลึง เขามองตี้คังด้วยความรู้สึกผิด “แท้ที่จริงหลังจากที่ราชา และราชินีเสด็จจากไป นายน้อยไป๋เซียวก็มาเยือนแดนอสูรของเรา”
ชั่วขณะนั้น นัยน์ตาเรียวคมของตี้คังพลันหรี่ลงเล็กน้อย ปรากฏแสงเย็นวาบผ่านนัยน์ตาของเขา
“ไป๋เซียวเคยมาแดนอสูรแล้วกระนั้นหรือ ?”
“พ่ะย่ะค่ะ… ” ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยตอบอย่างเกรง ๆ “เพียงแต่นายน้อยไป๋เซียวจากไป หลังจากที่รับทราบว่าพระองค์กับราชินีไม่ได้ประทับอยู่ที่นี่ และในวันนั้นกระหม่อมเองก็เข้าสันโดษ กระหม่อมจึงไม่ได้รั้งนายน้อยไป๋เซียวไว้ กว่าที่กระหม่อมจะรู้ก็เมื่อมีคนเข้ามารายงาน ทว่าตอนนั้นนายน้อยไป๋เซียวก็จากไปนานแล้ว”
ผู้อาวุโสใหญ่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หากแต่ก็ยังไม่กล้ากล่าวต่อ ด้วยเกรงว่าอาจจะพลั้งปากเผลอพูดสิ่งไม่ควรออกไป แล้วเขาจะซวยเอา
ร่างของตี้คังเต็มไปด้วยกลิ่นอายเย็นยะเยือก ภายใต้กลิ่นอายนี้ ร่างของผู้อาวุโสใหญ่สั่นสะท้าน เขาไม่กล้ากล่าวคำใดออกมาอีก
หลังจากนั้นไม่นาน ในห้องตำรา น้ำเสียงทรงอำนาจของชายหนุ่มก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เรื่องของไป๋เซียว ไว้ข้าจะส่งคนไปตามหาเขาเอง ตอนนี้เจ้าช่วยข้าทำการบางอย่างให้สำเร็จก่อน !”
“ราชาโปรดมีรับสั่ง”
ผู้อาวุโสใหญ่คุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น พลางกล่าวด้วยความเคารพ
“ร่างหนังสือตามคำพูดของข้า … สามวันให้หลัง เชิญบรรดาปรมาจารย์ของเทวาคารมาพบข้า ไม่รู้ว่าผู้คนในเทวาคารกล้าพอที่จะเผชิญหน้าข้าหรือไม่ ? !”
วิธีที่ตรงที่สุดในการดึงดูดผู้คนจากเทวาคารมายังแดนอสูร ก็คือการเขียนหนังสือท้า !
ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนต่างก็รู้จักอาณาจักรสวรรค์ดี !
คนในเทวาคารเหล่านั้นให้ความสำคัญกับการรักษาหน้ามาก และเมื่อพวกเขาถูกแดนอสูรท้าทาย พวกเขาย่อมไม่มีทางที่จะวางเฉยเป็นแน่ !
“รับทราบ”
ผู้อาวุโสใหญ่ประหลาดใจ แม้เขาจะไม่รู้ว่าตี้คังต้องการทำสิ่งใด ทว่าเขาก็คุ้นเคยกับการปฏิบัติตามคำสั่ง เช่นนั้นเขาจึงถอยหลังกลับโดยไม่ลังเลใด ๆ
ตี้คังจ้องมองตามทิศทางที่ผู้อาวุโสใหญ่จากไป พลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “หยานเอ๋อ ข้าให้โอกาสเจ้า และนี่เป็นโอกาสครั้งเดียวเท่านั้น … “
หากครั้งนี้ไป๋หยานได้รับบาดเจ็บ เขาจะไม่ปล่อยให้นางทำอะไรคนเดียวอีก ! ถึงนางจะบ่น ทว่าเขาก็ต้องมัดนางไว้ข้างกายเท่านั้น !
*****
ทันทีที่ผู้อาวุโสใหญ่ผละออกจากห้องตำรา เพื่อไปทำตามคำสั่งของตี้คัง องครักษ์ก็รีบก้าวมาข้างหน้า พลางยกมือขึ้นป้องหมัดให้เขา “ผู้อาวุโสใหญ่”
ครั้นได้ยินเช่นนี้ผู้อาวุโสใหญ่ก็หยุด เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้นกับองค์หญิงองค์ชายกระนั้นรึ ?
“เรียน ผู้อาวุโสใหญ่ ราชาทรงมีรับสั่งให้บรรดานางกำนัลที่คัดเลือกมาถวายการดูแลองค์หญิงและองค์ชาย ทว่ามีนางกำนัลคนหนึ่งชื่อมู่เสวี่ยไม่เชื่อฟังรับสั่ง นางขับไล่นางกำนัลคนอื่น ๆ ออกไป เพราะต้องการดูแลองค์หญิงองค์ชายด้วยตนเอง”
ใบหน้าของผู้อาวุโสใหญ่เคร่งขรึมลง เขามีชีวิตอยู่มานานหลายปีแล้ว เหตุใดเขาจะไม่เข้าใจแผนการตื้น ๆ เช่นนี้เล่า ?
เขาเพียงไม่รู้ว่า มู่เสวี่ยแค่อยากจะโอ้อวด หรือนางมีแรงจูงใจบางอย่างแอบแฝงอยู่ !
“ตอนนี้ข้ามีเรื่องสำคัญกว่าที่จะต้องทำ ข้าไม่มีเวลามาสนใจบรรดานางกำนัลในวังอสูร พวกเจ้าจงส่งคนคอยจับตาดูพวกนางอย่างใกล้ชิดไว้ก็แล้วกัน ข้าสงสัยว่าสาเหตุที่แดนอสูรมีข่าวลือเช่นนั้น อาจจะเกี่ยวข้องกับนางกำนัลเหล่านี้ !”
ผู้อาวุโสใหญ่หรี่ตา หากมิใช่เป็นเพราะต้องรับมือกับยอดฝีมือจากเทวาคาร บางทีเขาอาจจะลงมือจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง
ทว่าน่าเสียดาย … ยามนี้เขาไม่มีเวลาสนใจเรื่องนี้แล้ว
“ขอรับ”
องครักษ์รับคำสั่ง หลังจากนั้นก็ถอยหลังกลับไป
บทที่ 1309 : แผนยั่วยุของตี้คัง (2)
ในหุบเขาที่แลดูเหมือนดินแดนสวรรค์ หญิงผู้นั้นนั่งลงบนพื้น สายฟ้าฟาดผ่านท้องฟ้า กระแทกลงบนศีรษะของนางอย่างแรง
ภายใต้สายฟ้าฟาด ร่างของไป๋หยานสั่นสะท้าน นางรีบควบคุมเตาหลอมยาตรงหน้า ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ใบหน้าของนางแลดูน่าหลงใหล
สายฟ้าฟาดลงบนท้องฟ้ากินเวลานาน ก่อนที่จะค่อย ๆ จางหายไป จากนั้นกลิ่นยาจาง ๆ ก็ลอยออกมาจากเตาหลอมยา ทำให้จังหวะการหายใจของนางราบรื่นขึ้นเล็กน้อย
“ยาฟ้าประทาน…ในที่สุดข้าก็กลั่นสำเร็จแล้ว”
ไป๋หยานถือยาห้าเม็ดไว้ในมือ พลางหายใจออกหนัก ๆ นางลงนั่งขัดสมาธิบนพื้น จากนั้นก็หยิบยาฟ้าประทานขึ้นมากินหนึ่งเม็ด ชั่วขณะนั้นแสงจาง ๆ ก็ห่อหุ้มร่างกายของนาง ราวกับว่านางอยู่ในม่านเมฆหมอก
สัตว์อสูรแห่งเทือกเขาเทียนซานที่ซ่อนตัวอยู่แต่แรก ต่างพากันจ้องมองเม็ดยาที่อยู่ในมือของไป๋หยาน พวกมันทั้งหมดถูกดึงดูดให้เดินเข้าไปหานางอย่างช้า ๆ …
ทว่า…
ครั้นพวกมันโผล่หัวออกมา สายฟ้าบนท้องฟ้าที่หายไปพลันปรากฏขึ้นอีกครั้ง ฟ้าร้องคำรามทำให้พวกมันหวาดกลัว กระทั่งต้องรีบไปหลบซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว พวกมันต่างก็จ้องมองไป๋หยานด้วยสายตาขลาด ๆ
ฟ้าร้องฟ้าผ่าบนท้องฟ้าคำรามอยู่เพียงไม่นานก็มลายหายไป หลังจากอัสนีบาตบนท้องฟ้าหายไป ไป๋หยานก็ลืมตาขึ้น รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง
ในที่สุดนางก็ทะลุไปถึงเทพขั้นสูงระดับต่ำ !
“แต่หากข้าต้องการจัดการกับคนในเทวาคาร ข้าต้องเตรียมการอย่างอื่น เอาไว้ด้วย”
ไป๋หยานขมวดคิ้วน้อย ๆ นางพลิกดูตำราปรุงยาในมืออีกครั้ง
แม้ว่าผลของยาเม็ดทองคำจะทรงพลัง หากแต่ยามนี้นางก็ยังไม่สามารถใช้มันได้ ทว่าในวันหน้านางก็ยังมีเวลาที่จะปรุงแต่งมัน ยามนี้นางต้องหายาเม็ดที่สามารถช่วยนางในการต่อสู้ครั้งนี้ก่อน
“ยาหัวใจเหล็กสามารถทำให้หัวใจแข็งแกร่งราวเหล็กกล้า ยกตัวอย่างเช่นด้วยความแข็งแกร่งในยามนี้ของข้าคือเทพขั้นสูงระดับต่ำ หากข้าต้องปะทะกับเทพขั้นสูงกว่า แล้วข้ากินยาหัวใจเหล็กเข้าไป แม้ว่าคู่ต่อสู้จะทำร้ายหัวใจของข้า ข้าก็จะไม่เป็นไร ยาเม็ดนี้จะส่งผลยาวนานประมาณครึ่งชั่วยาม”
ครึ่งชั่วยามก็ไม่เลวนะ … การต่อสู้ปกติใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วยาม หากไม่สามารถแก้ไขได้ภายในครึ่งชั่วยาม นางก็จะหาทางหลบหนี
“ยาเม็ดไร้เงา สามารถเพิ่มความเร็วของผู้คนได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ และผลของมันจะคงอยู่เพียงครึ่งชั่วยาม หากไม่สามารถรับมือได้ ก็ใช้ยาเม็ดนี้ในการหลบหนี ยาเม็ดนี้ใช้ได้ผลดีมาก หากแต่ในการต่อสู้นั้น ถ้าคู่ต่อสู้แข็งแกร่งกว่าข้ามาก ข้าก็หมดหนทางหนีแน่ ไม่ว่าจะรวดเร็วสักเพียงใดก็ตาม”
ไป๋หยานลูบคาง พลางอ่านตำรายาต่อ
อย่างไรก็ตามสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุดก็คือ …
นัยน์ตาของไป๋หยานหรี่ลงเล็กน้อย สายตาของนางกวาดมองบรรทัดล่างสุดของหน้าตำรา
“ยาเม็ดปรมาจารย์ หลังจากกินยานี้เข้าไป เจ้าจะสามารถเข้าถึงขั้นเทพปรมาจารย์ได้ทันที ! ทว่าผลข้างเคียงนั้นร้ายแรงมาก ! ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถลุกจากเตียงได้เป็นเวลาหลายเดือน หากแต่จะสามารถกินยาชนิดนี้ได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต !”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นยาเม็ดเทพปรมาจารย์ หรือยาเม็ดพวกที่บังคับให้เพิ่มความแข็งแกร่งในเวลาอันสั้น ตลอดชีวิตนี้จะสามารถกินได้แค่เพียงครั้งเดียว
โอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิต ! หากเจ้ากินยาเม็ดที่สองจะเกิดผลกระทบอันน่าสยดสยองตามมา บางทีอาจจะไม่สามารถฟื้นตัวได้อีกตลอดกาล และหลังจากผ่านการฝึกฝนไปได้สองสามเดือน ร่างกายของเจ้าอาจได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ไป๋หยานกำหมัดแน่น แสงเย็นวาบวับปรากฏในดวงตาของนาง “ยาเม็ดนี้ต้องเก็บไว้ใช้ในภายหลัง ไม่ควรเสี่ยงใช้ในยามนี้”
ครานี้ไม่ว่านางจะต้องเสียอะไรเท่าไร นางก็ต้องทำให้พระราชวังศักดิ์สิทธิ์กระอักเลือดอย่างแน่นอน !
“หวู่หวู่”
ครั้นเห็นว่าอัสนีบาตบนท้องฟ้าหายไป จิ้งจอกฟ้าก็โผล่ออกมาอย่างขลาด ๆ มันเลียมือของไป๋หยาน พลางเงยหน้าขึ้นมองนางอย่างน่าเวทนา
บทที่ 1310 : แผนยั่วยุของตี้คัง (3)
ไป๋หยานนิ่งอึ้ง ก่อนจะเอ่ยถาม “เจ้าอยากไปกับข้างั้นหรือ ?”
จิ้งจอกฟ้าพยักหน้าอย่างแรง
นางอยู่ที่นี่มานานหลายปีแล้ว เบื่อที่จะอยู่ที่นี่แล้ว ตอนนี้นางมีโอกาสที่จะออกไปจากที่นี่แล้ว นางไม่มีวันยอมละโอกาสดี ๆ นี้ไปเป็นแน่ !
ไป๋หยานยกยิ้ม “เจ้าไม่เกลียดผู้ชายแล้วหรือ ? หากเจ้าออกจากสถานที่แห่งนี้ เจ้าจะต้องพบเจอกับผู้ชายหลายคนเลยนะ เจ้าจะสามารถควบคุมอารมณ์ของเจ้าได้งั้นหรือ ?”
ครั้นได้ยินเช่นนี้ จิ้งจอกฟ้าก็ลังเล
แน่นอนว่า มันลังเลเพียงชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าอย่างแน่วแน่
“ตกลง เช่นนั้นเจ้าก็ผูกพันสัญญากับข้า เจ้าเต็มใจหรือไม่ ?” ไป๋หยานเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ
จิ้งจอกฟ้าพยักหน้าอีกครั้ง หลังจากคบหากันมานานกว่าหนึ่งปี นางไม่เพียงแต่รู้สึกดีต่อไป๋หยาน ทว่ากับก้อนแป้งน้อยทั้งสองที่เพิ่งจากไป มันก็เริ่มคิดถึงพวกเขาแล้ว
และ…
มันตั้งใจแล้วว่าจะไปกับไป๋หยาน
“เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นอย่าฝืนสัญญาของข้า”
ไป๋หยานหลับตาลงปล่อยให้พลังจิตของนางกระจายออกไป เข้าโจมตีจิตวิญญาณของจิ้งจอกฟ้าทันที จากนั้นก็ผูกพันธสัญญาในใจของมัน
ร่างของจิ้งจอกฟ้าแข็งค้าง ดวงตาสีฟ้ากลมโตของมันช้อนขึ้นเล็กน้อย พลางจ้องมองสตรีตรงหน้าด้วยความสับสนงุนงง
เหตุใด…
เหตุใดมันถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับวิญญาณของมนุษย์หญิงผู้นี้นัก ?
มันเกิดอะไรขึ้น … ไยมันจึงจำอะไรไม่ได้เลย ?
จิ้งจอกฟ้าเขกหน้าผากตนเองด้วยความโมโห พลางสะบัดหัวอย่างแรงพยายามจะทิ้งความรู้สึกที่คุ้นเคย ทว่าก็ไม่สามารถกำจัดความรู้สึกนั้นได้
ราวกับว่า … มันเคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน
ไป๋หยานมัวแต่พะวงอยู่กับยาเม็ด เช่นนั้นนางจึงไม่เห็นความผิดปกติของจิ้งจอกฟ้า นางวางเตาหลอมยาลงอีกครั้ง ก้าวช้า ๆ เข้าไปที่ทุ่งสมุนไพรจากนั้นก็เลือกสมุนไพรทั้งหมดที่จำเป็นในการปรุงยา …
ขั้นตอนในการปรุงยาเหล่านี้ไม่ได้ซับซ้อน เฉกเช่นยาเม็ดเทียนหยวน ดังนั้นไป๋หยานจึงเพียงแค่อ่านตำรายาและปิดตำราลง จากนั้นนัยน์ตาดำสนิทของนางก็จ้องมองเตาหลอมยาตรงหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง
…
ในเวลาเดียวกันที่เทวาคาร เหล่าปรมาจารย์ของเทวาคารต่างตาเขียวปั้ดด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ไอ้สารเลวในแดนอสูรพวกนั้น มันกล้าท้าทายพวกเรา !”
น้ำเสียงของปรมาจารย์หลิงมืดมน เขากัดฟันกล่าวด้วยความเกลียดชัง และดูเหมือนว่าเขาแทบทนรอไม่ไหวที่จะทำลายคนพวกนั้นในแดนอสูร
ปรมาจารย์ซวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “พวกเราวางแผนที่จะชักชวนราชาอสูรให้มีจิ้งจอกน้อยอยู่แล้ว เราก็เพียงใช้โอกาสนี้ไปเยือนที่นั่น ทว่าราชาอสูรร้ายกาจ และเจ้าเล่ห์มาก หากไปเพียงลำพัง พวกเราคงต้องตกหลุมพรางคนอาณาจักรอสูรอย่างแน่นอน !”
“ไม่ขนาดนั้นกระมัง อาณาจักรอสูรก็เคยมีชื่อเสียงระดับเดียวกับอาณาจักรสวรรค์ เขาจะวางกับดักเรากระนั้นหรือ ?”
คนที่พูดก็คือชายชราในชุดคลุมสีน้ำเงินกรมท่า เขาขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม
“เหตุใดจะทำไม่ได้ ?” ปรมาจารย์หลิงไม่เห็นด้วยกับคำพูดของปรมาจารย์ซวน เขากล่าวเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าผู้คนในแดนอสูรนั้นแข็งแกร่งสักเพียงไหนกัน ลองย้อนกลับไปในครานั้นสิ ตี้คังหมดพลังจากการช่วยหญิงสาวผู้นั้น ! หาไม่เราคงไม่อาจผนึกอาณาจักรอสูรนั่นได้อย่างง่ายดายหรอก !”
น่าเสียดายที่พวกเขาไม่สามารถกำจัดอาณาจักรอสูรได้อย่างราบคาบ ที่สุดพวกเขาก็ทำได้เพียงปิดผนึกอาณาจักรอสูรไว้เท่านั้น และทำให้พวกสัตว์อสูรไม่มีแรงพลังที่จะพัฒนาตนเองได้อีก
“ตอนนี้…แม้ว่าอาการบาดเจ็บของตี้คังจะหายเกือบหมดแล้ว หากแต่เขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งเช่นเดิม อาณาจักรอสูรก็เป็นเพียงเสือกระดาษ ! แต่อย่าลืมว่าสุนัขจิ้งจอกนั้นมีนิสัยเจ้าเล่ห์มาก แม้ว่าราชาอสูรจะไม่ได้แข็งแกร่งนัก ทว่าก็มีแผนการในสมองมากมาย !”
เหล่าปรมาจารย์ต่างเงียบ เป็นความจริงที่ว่าราชาอสูรนั้นเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมมากมาย หากไปคนเดียวเพียงลำพัง ก็อาจตกหลุมพลางอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้