จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 826-830
บทที่ 826 : เขาคือราชาแห่งแดนอสูร (5)
เสียงของไป๋เสี่ยวเฉินนั้นช่างอ่อนเยาว์มากแม้ว่าถ้อยคำเหล่านี้จะเป็นเพียงภาษาเด็ก ๆ แต่ก็ทำให้ใบหน้าของเหอฉูฉู่เปลี่ยนไปทันที
”อาวุโสเหว่ย!”
เหอฉูฉู่กัดฟันพลางออกคำสั่งอย่างเย็นชา
อาวุโสเหว่ยพยักหน้าเล็กน้อยเขากวาดสายตามองผู้อาวุโสอีกฝ่าย จากนั้นก็มองไปที่ตี้คังผู้ซึ่งลอยตัวอยู่ในอากาศว่างเปล่า
“ราชาแห่งแดนอสูรช่างแตกต่างจากสัตว์อสูรทั่วไปจริงๆ หากเจ้ายอมแพ้คุณหนูของข้า แน่นอนว่าเจ้าย่อมจะได้ผลประโยชน์มากมาย” ใบหน้าของ อาวุโสเหว่ยนั้นมืดมน และเย็นเยือกลงเล็กน้อย
น่าเสียดายที่คนบนอากาศไม่ได้ใส่ใจอะไรเขาเลย
ไป๋หยานร่อนลงมานางตรงเข้าไปหาผู้อาวุโสสี่ จากนั้นก็หยิบยาอายุวัฒนะออกจากแขนเสื้อของตน ก่อนจะยัดเข้าไปในปากของผู้อาวุโสสี่
หลังจากนั้นเพียงครู่เลือดของผู้อาวุโสสี่ก็หยุดไหล
”ราชินี…”เสียงของผู้อาวุโสสี่สั่นเครือ น้ำตาเอ่อคลอเบ้า นางตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น “ในที่สุด ท่านก็กลับมาแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น องค์ราชาไม่ได้ทำจริง ๆ พระองค์ถูกใครบางคนใส่ร้าย อาวุโสรองเองก็ถูกหลอกใช้ด้วยเช่นกัน ทั้งเขาก็ได้ชดใช้โทษแล้ว”
ไป๋หยานมองสีหน้าซีดๆ ของผู้อาวุโสสี่ พลางถอนหายใจเบา ๆ “ข้ารู้แล้ว… ”
”เช่นนั้น… ” นางหยุด ก่อนจะกล่าวต่อว่า “ข้าจึงกลับมา”
ผู้อาวุโสสี่อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ในที่สุดราชินีก็กลับมา แดนอสูรก็จะกลับคืนสู่ความสงบแล้ว องค์ราชาก็ไม่ต้องบ้าคลั่งอีก
นางจำสภาพขององค์ราชาตอนที่ทรงทราบว่าราชินีทรงทิ้งเขาไปได้ดี
และนาง… ไม่อยากเห็นฉากที่สะเทือนใจเช่นนั้นอีก
”นังมนุษย์ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามาจากที่ใด และเหตุใดจู่ ๆ เจ้าถึงกลายเป็นราชินีแห่งแดนอสูรไปได้” ครั้นเหอฉูฉู่เห็นคนเหล่านี้ไม่สนใจนาง ส่วนอาวุโสเหว่ยก็ยังคงมีสีหน้าเคร่งขรึม นางก็กล่าวเยาะขึ้นว่า “บางทีอาจเป็นเพราะเจ้าใช้ความงดงามยั่วยวนเขา”
บูม!
ทันใดนั้นเองก็มีสายลมกระโชกมาจากด้านข้าง กระทั่งเหอฉูฉู่หันไปมองด้วยความประหลาดใจ แต่ก็เห็นเพียงพลังที่มองไม่เห็นมาถึงตัวนาง และกระเพื่อมก่อตัวขึ้นในอากาศ นางไม่สามารถหลบได้ ส่งผลให้ร่างของนางลอยละลิ่วราวว่าวสายป่านขาด เลือดสาดกระเซ็นราวสายฝน ก่อนจะร่วงหล่นกระแทกพื้นอย่างงงงัน
”คุณหนู!” อาวุโสเหว่ยโกรธมาก เขาหันไปหาบุรุษเรือนผมสีเงินยวง พลางกัดฟันกล่าวว่า “เจ้าทำร้ายคุณหนู เจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต !”
ความโกรธแผ่ซ่านในใจของเขาเขาไม่สนกลิ่นอายอันตราย และทรงพลังของตี้คัง เขาพุ่งตัวเข้าหาตี้คัง พร้อมกับกางกรงเล็บราวนกอินทรีโฉบเหยื่อ กำลังจะคว้าลำคอของตี้คัง
ตี้คังมองดูเขาอย่างเย็นชารัศมีที่มืดมนห่อหุ้มอาวุโสเหว่ยไม่ต่างกับตาข่ายยักษ์เลือน ๆ ในคลองสายตา เขายังคงเห็นแสงสีเงินจากตาข่ายยักษ์ลาง ๆ …
อั้ก!
ก่อนที่ทุกคนจะทันได้เห็นว่าเกิดสิ่งใดขึ้นพวกเขาก็เห็นอาวุโสเหว่ยเลือดพุ่งกระจาย ร่างของเขาพ่นเลือดออกมาไม่ต่างกับน้ำพุราวกับมีกระบี่แหลมคมนับไม่ถ้วนแทงเข้าไปในร่าง เลือดสีแดงสดทะลักออกมาไม่หยุด
เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่งบริเวณตีนเขากลายเป็นเงียบสงบ …
บรรดาคนที่เหอฉูฉู่พามานั้นต่างก็ตกตะลึงพวกเขาต่างก็มองใบหน้าที่งดงาม และมืดมนของชายผู้นั้นด้วยความประหลาดใจ
ในบรรดาพวกเขาเห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสเหว่ยแข็งแกร่งที่สุด แต่ขนาดว่ามีพลังมากมายเช่นนี้อาวุโสเหว่ยก็ยังไม่อาจเทียบได้กับการเคลื่อนไหวเพียงครั้งของชายผู้อยู่เบื้องหน้าเลยกระนั้นรึ ?
ราชาแห่งแดนอสูรนั้นมีอานุภาพเพียงใดกันแน่?
”เจ้าไม่ได้มาจากแดนสวรรค์”น้ำเสียงของตี้คังฟังดูหดหู่ “พูดมาสิ พวกเจ้ามาจากที่ใด ?”
ผู้อาวุโสสามตัวสั่น”องค์ราชา ทรงรับสั่งว่าพวกเขาไม่ได้มาจากแดนสวรรค์กระนั้นหรือ ?”
”ใช่แล้ว”ตี้คังเยาะ “ผู้คนในแดนสวรรค์ต่างก็รู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของอาณาจักรอสูรของข้าเป็นอย่างดี พวกงี่เง่าเหล่านั้นไม่มีความกล้ามากพอที่จะเข้ามาสร้างปัญหาในแดนอสูรเป็นแน่”
***จบบทเขาคือราชาแห่งแดนอสูร (5)***
บทที่ 827 : สิ้นเปลืองพลังงาน (1)
ไม่ได้มาจากแดนสวรรค์กระนั้นรึ?
ทุกคนต่างก็ประหลาดใจชั่วขณะนี่นางไม่ได้มาจากแดนสวรรค์กระนั้นหรือ ? … ยังมีโลกอื่นที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อีกหรือไร ?
ตี้คังค่อยๆ ปล่อยไป๋หยานออกจากอ้อมแขน จากนั้นก็เดินเข้าไปหาเหอฉูฉู่ที่ทรุดอยู่กับพื้น
ทันใดนั้นกลิ่นอายที่หดหู่ก็แผ่กระจายออกมาจากร่างของเขาเขากดร่างของนางราวกับภูเขาลูกยักษ์ ทำให้สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางเงยหน้าขึ้นมองดูบุรุษที่หล่อเหลาไร้ผู้ใดเทียบด้วยความพิศวง
”ในโลกนี้นอกเหนือจากแดนมนุษย์ แดนอสูร และแดนสวรรค์แล้ว ยังมีโลกใต้พิภพและโลกวิญญาณอีก แดนอสูรอยู่ตรงกลางระหว่างโลกวิญญาณและแดนสวรรค์ เช่นนั้น … เจ้าคงจะเป็นคนจากโลกวิญญาณสินะ”
ถ้อยคำของตี้คังมิใช่ประโยคคำถามแต่เป็นคำยืนยัน
น้ำเสียงของเขาไม่เจือความคลางแคลงสงสัยแม้เพียงน้อยนัยน์ตาเรียวคมของเขาเต็มไปด้วยประกายแสงทรงอำนาจ
ภายใต้สายตาที่หยิ่งยโสของเขาเหอฉูฉู่ตัวสั่นเทา นางกัดริมฝีปากขาวซีดของนางแน่น ใบหน้าของนางแสดงออกถึงความสยองขวัญ
”เจ้า… เจ้ารู้ได้อย่างไร ?”
โลกวิญญาณอยู่สุดขอบแดนอสูรคล้ายกับว่า แดนอสูรเป็นหนทางเดียวจากโลกวิญญาณเพื่อออกไปสู่โลกภายนอก ทว่าน่าเสียดายที่แดนอสูรถูกผนึกตั้งแต่เมื่อพันปีก่อน และนั่นส่งผลให้ถนนทั้งสองด้านถูกปิดกั้น เช่นนั้นโลกวิญญาณจึงไม่ได้ออกสู่โลกภายนอกเป็นเวลาหลายปีเช่นกัน
หากมิใช่เพราะผนึกถูกทำลายนางคงไม่สามารถออกมาได้ …
“ข้าบอกไปแล้วไงว่าคนในแดนสวรรค์ไม่มีความกล้าพอที่จะมาสร้างปัญหาที่แดนอสูร !” ตี้คังเดินไปหยุดที่ด้านหน้าเหอฉูฉู่
ครั้นรู้สึกถึงลมหายใจที่รุนแรงของเขาหัวใจของเหอฉูฉู่ก็ยิ่งตื่นตระหนก “พวกเจ้า รีบมาปกป้องข้า !”
บรรดาผู้อาวุโสของนางต่างก็ตัวสั่นพวกเขามองแผ่นหลังของบุรุษที่ทรงอำนาจผู้นั้น ก่อนจะพยายามก้าวออกมาข้างหน้า
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะน้อยๆ ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้เหล่าผู้อาวุโสตกตะลึงเล็กน้อย
”มาสร้างปัญหาให้คนของข้าเจ้าถามความคิดเห็นของข้าหรือยัง ?” มือของไป๋หยานลูบศีรษะของไป๋เสี่ยวเฉิน รอยยิ้มนั้นสดใสสว่างไสวยิ่งกว่าแสงแดดในฤดูใบไม้ผลิ
หนึ่งในผู้อาวุโสมองไป๋หยาน”เจ้าก็แค่ระดับซุนเจี่ย จะมาเทียบอะไรกับเราได้”
”ข้าทำไม่ได้แต่พวกเขาทำได้” ไป๋หยานชี้ไปที่ผู้อาวุโสแห่งแดนอสูร แววตาของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มมั่นใจ
รอยยิ้มนี้พร่างพราวมากทำให้เหล่าอาวุโสพวกนี้โกรธจัด
”อย่าคิดว่าอาวุโสเหว่ยตายแล้ว พวกเราจะไม่สามารถรับมือคนจากแดนอสูรเหล่านี้ได้นะ ! อย่างไรเสียพวกเขาก็ต้องพ่ายแพ้พวกเรา !”
ในแดนอสูรพวกเขากลัวก็เพียงราชาอสูรเท่านั้น พวกเขาไม่เกรงกลัวผู้ใด และไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาเลย !
ไป๋หยานหยุดให้ความสนใจกับอาวุโสเหล่านี้ นางหยิบขวดยาออกมาจากถุงเก็บของ ก่อนจะโยนมันใส่มือของผู้อาวุโสสี่
”นี่…” ผู้อาวุโสสี่หยิบยาอายุวัฒนะขึ้นมาด้วยสีหน้าตื่นตกใจ นางมองไป๋หยานอย่างงง ๆ
ไป๋หยานยิ้มแผ่วเบา”ยาอายุวัฒนะนี้ ข้าปรุงมันขึ้นมาเองตอนอยู่ในตำหนักเซียนพยัพหมอก เรียกว่า ยาหวู่เฉิง ! ยาอายุวัฒนะนี้ไม่สามารถเปลี่ยนความแข็งแกร่งของเจ้า ทว่ามันสามารถเปลี่ยนคุณสมบัติทางกายภาพของเจ้า อาทิเช่นผู้อาวุโสสี่อยู่ในระดับเกิ่งเจีย หลังจากกินยานี้เข้าไปความแข็งแกร่งทางกายภาพของเจ้า และแม้กระทั่งความแข็งแกร่งของแขนของเจ้าก็สามารถต่อสู้กับระดับเฉินเจี่ยได้ !”
เฮือก!
ทุกคนต่างก็อ้าปากค้างพวกเขาหันมองหน้าไป๋หยานที่มีรอยยิ้มบนใบหน้าอย่างตกใจ
กำลังแขนและร่างกายเทียบเท่าระดับเฉินเจี่ยมียาวิเศษเช่นนี้ในโลกด้วยกระนั้นหรือ ?
ไป๋หยานไม่ได้อธิบายเพิ่ม
เพราะคิดว่ายาเม็ดนี้เป็นเพียงยาเม็ดระดับเจ็ด มันพัฒนาร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้น หากแต่เปลี่ยนได้แต่ความแข็งแกร่งทางกายภาพ เช่นร่างกาย และท่อนแขน ทว่าไม่อาจเปลี่ยนความแข็งแกร่งไปสู่ระดับเฉินเจี่ยได้
”นอกจากนี้นี่คือยารักษาระดับแปด ข้าเก็บมาเพียงบางส่วนหลังจากใช้กับชิงอี้ ตอนนี้ข้าขอมอบให้เจ้า อย่าได้ดูถูกว่ามันเป็นเพียงยาเม็ดขั้นแปด เพราะประสิทธิภาพของมันยอดเยี่ยมมาก มันคงมีประโยชน์สำหรับระดับเกิ่งเจี่ยของเจ้า พวกเจ้าเองก็คงเห็นชัดแล้วว่าผู้อาวุโสสี่ฟื้นฟูอาการมาได้อย่างไร ?”
***จบบทสิ้นเปลืองพลังงาน (1)***
บทที่ 828 : สิ้นเปลืองพลังงาน (2)
ไป๋หยานยิ้มน้อยๆ พลางเยาะเย้ยซ้ำ “นอกจากนี้ ยังมีส่วนประกอบจากสมุนไพรชั้นเยี่ยมเจ็ดชนิด เพื่อฟื้นฟูพลังลมปราณจึงแตกต่างจากยาอายุวัฒนะอื่น ๆ ทั้งนี้ข้ายังมียาอายุวัฒนะระดับห้า ระดับหก อีกมากมาย ยาพวกนี้สามารถบำรุงร่างกายได้ล้ำลึก ข้าจะมอบให้พวกเจ้าทั้งหมด”
“ทว่าข้ามีเงื่อนไขเพียงข้อเดียวคือ หากเจ้ากินมันลงไปแล้ว ต้องฆ่าคนพวกนี้ให้ตายให้หมด”
ผู้อาวุโสสี่และคนอื่นๆ ถือยาเม็ดที่ไป๋หยานโยนมาให้ด้วยใจพลุ่งพล่านราวกับฉีดเลือดไก่ ทุกคนต่างก็ตื่นเต้น พวกเขาดูราวกับหมาป่าหิวโหย กำลังจ้องมองมาที่ผู้อาวุโสซึ่งเคยแสดงท่าทางก้าวร้าวพวกเขาเมื่อไม่นานนี้
”คนพวกนี้กล้าเข้ามาในแดนอสูรของข้าสร้างปัญหาให้พวกเรา เราต้องฆ่าพวกมัน ล้างแค้นให้แก่สหายที่ตายไป !”
”ใช่เราต้องการแก้แค้น สัตว์อสูรที่บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิต เราต้องฆ่าพวกมันทุกคนที่สร้างความโกลาหลในครั้งนี้ !”
เหล่าผู้อาวุโสแห่งแดนอสูรพุ่งเข้าหาผู้อาวุโศจากโลกวิญญาณที่กำลังวิ่งหนีตี้คังอย่างดุเดือด
ผลที่ตามมาจากการใช้ยาเม็ดเสริมสมรรถภาพก็คือร่างกายของเหล่าผู้อาวุโสจะได้รับการเพิ่มระดับความแข็งแกร่งขึ้นไปเป็นระดับเฉินเจี่ยและอยู่ยงคงกระพัน เช่นนั้นผู้ที่อยู่ต่ำกว่าระดับเฉินเจี่ยลงมา…ย่อมจะไม่สามารถทำร้ายพวกเขาได้อีกต่อไป !
และแม้ว่าพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บทว่าก็ไม่เป็นไร เพราะพวกเขายังมียารักษาอาการที่ ไป๋หยานมอบให้ หลังจากกินยาแล้วพักสักครู่ พวกเขาก็จะสามารถต่อสู้ต่อได้ !
แม้ว่าพลังลมปราณจะหมดไป หากก็ยังมียาเม็ดวิญญาณที่สามารถกู้คืนพลังลมปราณ ถึงจะมีไม่มากนัก ทว่าก็เพียงพอสำหรับพวกเขาที่จะจัดการกับเหล่าอาวุโสเหล่านี้ …
ไป๋เสี่ยวเฉินไม่รู้ไปหาม้านั่งมาจากที่ใดเขาเอามานั่งลงตรงด้านข้าง พลางถือขวดยาไว้ในมือ เขย่าขวดยากุ๊กกิ๊ก ๆ ใบหน้าของเขาเปื้อนรอยยิ้มร่าเริงราวกับการต่อสู้เบื้องหน้าเขาเป็นการแสดงชั้นยอด
เสี่ยวหลงเอ๋อจ้องมองขวดยาในมือของไป๋เสี่ยวเฉินน้ำลายของนางแทบหก
ไป๋เสี่ยวเฉินไม่ได้ตระหนี่เหมือนเมื่อก่อนเขาเทยาเม็ดในขวดออกมา จากนั้นก็ส่งให้กับหลงเอ๋อ
”หากเจ้าอยากกินก็บอกข้าได้นี่คือขนมที่หม่ามี้ให้ข้า ข้ายังมีอีกเยอะ”
สำหรับสาวๆ แล้ว ไป๋เสี่ยวเฉินจะใจดีมาก เพราะเขามีความฝันอันเนิ่นนาน นั่นคือต้องการมีน้องสาวที่น่ารัก
“ขอบพระทัยองค์ชาย” เสี่ยวหลงเอ๋อยิ้มกว้าง นางลากเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ เพื่อดูการแสดง และกินยา
ครานี้บริเวณเชิงเขาจึงมีเพียงเสียงเคี้ยวยาเม็ดดังกรอบแกรบ ๆ ไปทั่ว…
ผู้อาวุโสเหล่านั้นหมดหวัง
เมื่อสัตว์อสูรเหล่านี้ได้กินยาเม็ดพวกเขาก็มีพลังราวกับวัว ร่างกายของพวกเขาแข็งแกร่งไม่ต่างกับเหล็ก แม้สุดท้ายพวกเขาจะได้รับอันตราย พวกเขาก็จะรีบใช้ยาทันที เพื่อที่จะทำการต่อสู้ได้ต่อไป
เมื่อเป็นเช่นนั้นจะต่อสู้กับคนพวกนี้ได้เยี่ยงไร ? ผู้ใดจะสามารถต่อสู้กับคนบ้าคลั่งพวกนี้ได้เล่า ?
”คุณหนูเราไม่อาจต้านทานไหวอีกต่อไปแล้ว” อาวุโสผู้ซึ่งสวมเสื้อเหลืองยิ้มอย่างขมขื่น
ครานี้ต่อให้ไม่มีราชาแห่งแดนอสูร พวกเขาก็คงต้องตายด้วยน้ำมือของตาเฒ่าเหล่านี้เป็นแน่
ใบหน้าของเหอฉูฉู่ก็แสดงออกถึงความสิ้นหวังเช่นกัน
หญิงผู้นี้สามารถปรุงยาเม็ดที่มีประสิทธิภาพมากมายได้อย่างไร? แล้วบุตรชายของนางกับสาวใช้ ต่างก็กินยาอายุวัฒนะแทนของว่างกระนั้นหรือ ?
แม้แต่ในอาณาจักรวิญญาณของพวกนางยาเม็ดอาวุวัฒนะนับเป็นของหายาก ! มีผู้มีอิทธิพลมากมายพร้อมจะยอมแลกทุกสิ่งทุกอย่าง เพียงเพื่อให้ได้ครอบครองยาเม็ดเดียวเท่านั้น !
“อย่าหยุดสิสู้กันต่อไป !” ครั้นไป๋เสี่ยวเฉินเห็นว่าเหอฉูฉู่ และคนอื่น ๆ กำลังถอยหนี เขาก็รีบกระโดดลงจากเก้าอี้ ยกมือขึ้นเท้าสะโพกทันที “คนสารเลวเหล่านี้กล้าที่จะให้ป๊ะป๋าของข้าไปเป็นสัตว์เลี้ยง ทั้งยังต้องการทำให้ครอบครัวของเราแตกแยก เฉินเอ๋อจะไม่ยอมให้พวกเขาออกไปจากแดนอสูรของเรา เจ้าจะต้องไม่ปล่อยพวกเขาไป !”
ไป๋เสี่ยวเฉินเป็นถึงองค์ชายน้อยแห่งแดนอสูร ถ้อยคำจากปากเขามีความสำคัญมาก เช่นนั้นผู้อาวุโสสี่ และคนอื่น ๆ จึงไม่ยอมรามือ ทว่ากลับโจมตีอย่างรุนแรงมากยิ่งขึ้น
***จบบทสิ้นเปลืองพลังงาน (2)***
บทที่ 829 : สิ้นเปลืองพลังงาน (3)
ต่อให้เป็นนักรบที่แข็งแกร่งสักเพียงใดเมื่อหมดเรี่ยวหมดแรง ก็ย่อมไม่เหลือสิ่งใดนอกเสียจากเป็นขยะ !
อาวุโสสกุลเหอไม่เหมือนผู้อาวุโสแดนอสูรที่มียาอายุวัฒนะนับไม่ถ้วนใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมดเช่นนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถประคองตัวเองได้อีกต่อไป การเคลื่อนไหวของพวกเขาชะลอตัวลงเรื่อย ๆ
ส่วนบรรดาองครักษ์ที่เหอฉูฉู่นำมาด้วยนั้นหวงฉีและหลงเทียนช่วยกันกำจัดไปจนหมดแล้ว
อั้ก!
ในที่สุดอาวุโสคนหนึ่งก็ไม่สามารถต้านทานไหวกระบี่ในมือของผู้อาวุโสสี่แห่งแดนอสูรแทงผ่านทะลุหน้าอกของเขา เลือดพวยพุ่งออกมาย้อมเสื้อผ้าของเขาจนแดงฉาน
ร่างของเขาร่วงลงมาจากอากาศที่ว่างเปล่าก่อนจะกระแทกลงกับพื้นอย่างเงียบ ๆ
”วิ่ง!”
ครั้นเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีแล้วเหล่าอาวุโสคนอื่น ๆ ต่างก็หันหลังกลับและพยายามหนี
น่าเสียดายที่ผู้อาวุโสสี่และคนอื่น ๆ ไม่ได้ให้โอกาสพวกเขาเลย ทันทีที่ผู้อาวุโสเหล่านั้นหันหลังกลับ ผู้อาวุโสแดนอสูรก็ล้อมกรอบพวกเขาไว้หมดแล้ว
“คิดจะหนีกระนั้นรึ? พวกเจ้าไม่ได้ทำตัวอหังการมาก่อนหรอกหรือ ? ทั้งยังต้องการให้ราชาของเราเคารพคุณหนูของเจ้าในฐานะสัตว์เลี้ยงด้วยมิใช่หรือ ? จริงหรือไม่ ? เหตุใดจึงคิดจะหนีเสียแล้วล่ะ ?”
ใบหน้าของอาวุโสโลกวิญญาณเหล่านี้เริ่มซีดเซียวพวกเขาหันมองไปที่ผู้อาวุโสสี่ซึ่งขวางทางข้างหน้าพวกเขา และผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ที่รายล้อมพวกเขาทั้งซ้ายขวา ชั่วขณะนั้นพวกเขาก็ตัดสินใจวิ่งไปที่ด้านหลังภูเขาศักดิ์สิทธิ์โดยไม่ลังเล
บางทีภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกนี้อาจเป็นเพียงโอกาสเดียวของพวกเขา…
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วอาวุโสเหล่านี้ก็รีบวิ่งขึ้นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ภายหลังจากเข้าสู่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว พวกเขาก็หันกลับมามองลงมาด้านล่าง
พวกเขาจึงเห็นว่าผู้อาวุโสสี่ไม่ได้ไล่ล่าพวกเขาอีกต่อไปคนพวกนั้นยืนกอดอกคอยดูสถานการณ์อยู่ด้านล่าง
ครั้นเห็นรอยยิ้มของผู้อาวุโสแดนอสูรในใจของพวกเขาก็เริ่มนึกสงสัย ทว่าพวกเขาก็ไม่มีเวลาคิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้นัก พวกเขาหันหลังกลับ และเดินลึกเข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์เรื่อย ๆ …
”รนหาที่ตายเองนะ!” ผู้อาวุโสสี่ยกยิ้มเย้ยหยัน
ก้าวล่วงเข้าสู่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ยังคิดว่าจะมีชีวิตรอดออกมาได้อีกกระนั้นหรือ?
ขณะที่ถ้อยคำของผู้อาวุโสสี่จบลงเสียงนกก็ร้องดังเซ็งแซ่ไปทั่วทั้งภูเขา ทันใดนั้นเองลำแสงพระเพลิงก็พวยพุ่งออกมา เปลวไฟปกคลุมไปทั่วทั้งภูเขา
ภายในเปลวไฟนั้นวิหคอัคคีขนาดใหญ่กางปีก โผบินพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
นางกระพือปีกภายใต้ปีกของนาง อุณหภูมิที่ร้อนไม่ต่างกับนรกพลันแผ่ออกมา นั่นทำให้อาวุโสทั้งหลายหยุดชะงักลงทันทีด้วยความสยองขวัญ
ด้วยอุณหภูมิขนาดนี้พวกเขารู้สึกได้ว่า เพียงไม่ช้าพวกเขาคงจะถูกย่างจนสุกอย่างแน่นอน …
จบแล้ว!
คำสองคำนี้ปรากฏขึ้นในใจของอาวุโสทุกคน
ความหวาดกลัวที่รุนแรงทำให้พวกเขาไม่สามารถขยับตัวได้แข้งขาของพวกเขาสั่น ปัสสาวะพลันไหลออกจากเป้า
พวกเขาไม่คาดหวังว่าจะมีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวอย่างนี้อยู่บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์พวกเขาจะใช้อะไรมาต่อต้านสัตว์อสูรที่ทรงพลังเช่นนี้ได้เล่า
วิหคอัคคีส่งเสียงร้องดังก้องขึ้นอีกครั้งพร้อมกันนั้นเปลวไฟก็แผ่กระจายออกไปเผาผลาญร่างของเหล่าผู้อาวุโส …
เพียงชั่วอึดใจวิหคอัคคีก็ถอนเปลวไฟกลับคืน บรรดาเหล่าผู้อาวุโสต่างก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่านปลิวว่อนไปทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์
เหอฉูฉู่ตกตะลึงนางลืมแม้กระทั่งจะเอ่ยขอความเมตตา ทำได้เพียงจ้องมองวิหคอัคคีที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวกลางอากาศบางเบา
ทุกคนที่ติดตามนางมาต่างสูญสลายหายไปเพียงชั่วพริบตากระนั้นรึ? ทิ้งให้นางอยู่คนเดียวเช่นนี้ได้อย่างไร ?
”ราชินี”
แม่เฒ่าหวงกลับมารู้สึกตัวนางรีบเดินเข้าไปหาไป๋หยานด้วยความตื่นเต้น “หลานสาวของข้า เสี่ยวหยิงอยู่ที่ใด ?”
ไป๋หยานหันไปมองแม่เฒ่าหวง”ไม่ต้องห่วง เสี่ยวหยิงกับเสี่ยวมี่อยู่ด้วยกัน ทั้งคู่อยู่ในที่ที่ปลอดภัย ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้กลับมาพร้อมข้า หากแต่หลังจากนี้ข้าจะไปรับพวกเขาด้วยตนเอง”
***จบบทสิ้นเปลืองพลังงาน (3)***
บทที่ 830 : สิ้นเปลืองพลังงาน (4)
”อยู่กับหลานเขยในอนาคตของข้ากระนั้นรึ?” แม่เฒ่าหวงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เยี่ยมมาก ! ราชินีท่านทำถูกแล้ว แม่เฒ่าอย่างข้าโล่งใจแล้ว”
หลานเขยในอนาคตกระนั้นรึ?
ปากของไป๋หยานกระตุกสองสามครั้งนางไม่รู้ว่า เมื่อไหร่เสี่ยวมี่จะยอมรับ หวงเสี่ยวหยิง
ข้าเกรงว่าเส้นทางการไล่ล่าสามีของหวงเสี่ยวหยิงจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
”ป๊ะป๋าวายร้าย”ไป๋เสี่ยวเฉินโยนขวดยาทิ้ง พลางวิ่งไปหาตี้คัง “เราจะทำอย่างไรกับหญิงสารเลวคนนี้ดี ?”
ตี้คังกวาดสายตาเย็นชาไปทางเหอฉูฉู่ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์ “ฆ่าซะ”
“แค่ฆ่านางง่ายๆ ก็ไม่สนุกสิ” ไป๋เสี่ยวเฉินหัวเราะเยาะ “นางมาอาณาจักรอสูรสังหารผู้คนของเราไปเป็นจำนวนมาก ต้องมีคนเกลียดนางมากแน่ ๆ แบบนี้จะดีกว่าไหม ส่งตัวนางไปให้กับญาติของผู้ตาย พวกเขาต้องสูญเสียคนที่เขารักไป ให้พวกเขาจัดการนางเองจะดีกว่าไหม ?”
ตี้คังวางมือบนศีรษะของไป๋เสี่ยวเฉิน”ตกลง แล้วแต่เจ้า”
ครั้นกล่าวจบตี้คังก็หันไปมองผู้อาวุโสแห่งแดนอสูร พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก “พวกเจ้าไม่ได้ยินที่องค์ชายพูดกระนั้นหรือ ?
”พะยะค่ะองค์ราชา”
ผู้อาวุโสทั้งหลายต่างคุกเข่าลงพลางกล่าวด้วยความเคารพ
”ผู้อาวุโสสี่เจ้าอยู่ก่อน ข้ายังมีภารกิจบางอย่างที่ต้องทำ เจ้าอยู่ที่นี่กับราชินีและองค์ชาย หากพวกเขาถูกรังแกอีก ข้าจะจัดการเจ้า !”
”รับทราบ”
ผู้อาวุโสสี่แสดงความเคารพขณะรับคำสั่ง
ตี้คังจูบหน้าผากของไป๋หยานทีท่าของเขาไม่ข่มเหงคุกคามเฉกเช่นเคย แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “หยานเอ๋อ คอยข้าก่อนนะ ข้าจะรีบกลับมาหาเจ้าเมื่อข้าเสร็จงาน”
”ได้สิท่านไปเถิด”
ไป๋หยานยิ้ม
ตี้คังอดใจไม่ไหวแล้วเขาโอบเอวของไป๋หยาน รั้งร่างของนางเข้ามาในอ้อมแขน พลางก้มลงจูบริมฝีปากของนาง
เขาจูบอย่างจริงจังจนบรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนเป็นความหวิวหวาม
ฉากที่ทั้งสองโอบกอดและจูบกันนั้น สวยงามยิ่งกว่าภาพวาด งดงามน่าทึ่ง กระทั่งทำให้ทุกคนแทบลืมหายใจ
หลังจากผ่านไปชั่วครู่หนึ่งตี้คังก็ปล่อยหญิงสาวในอ้อมกอด เขาขยับเสื้อคลุมสีม่วงของเขาให้เข้าที่ ก่อนจะเดินช้า ๆ ไปตามทางบนภูเขา หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ลับหายไปต่อหน้าทุกคน …
”ผู้อาวุโสสี่”ไป๋หยานขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากตี้คังจากไป “ตอนนี้บอกข้าเกี่ยวกับความแข็งแกร่งในปัจจุบันของแดนอสูรนี้หน่อย”
ผู้อาวุโสสี่ผงะนางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยตอบว่า “นับแต่อาณาจักรอสูรถูกผนึกเมื่อหลายปีก่อน ทุกคนในอาณาจักรอสูรต่างก็ถูกจำกัดการฝึกฝน เช่นนั้นหลายปีที่ผ่านมา จึงไม่มีผู้ใดสามารถเข้าถึงระดับเฉินเจี่ยได้ ตอนนี้ มี เพียงท่านราชาครู, ท่านวิหคอัคคี และผู้อาวุโสใหญ่เท่านั้นที่เข้าถึงขั้นเฉินเจี่ยได้”
ไป๋หยานขมวดคิ้วด้วยกำลังของแดนอสูรในวันนี้ คงเป็นเรื่องยากยิ่งที่จะโจมตีอาณาจักรสวรรค์
”ทว่า… ” ผู้อาวุโสสี่ไตร่ตรองครู่หนึ่ง “หนึ่งร้อยปีที่ผ่านมานี้ องค์ราชาทรงค้นพบดินแดนลับ ทุก ๆ ปีพระองค์จะคัดเลือกคนเข้าไปฝึกในดินแดนลับ ว่ากันว่า ณ ดินแดนลับแห่งนั้นจะสามารถทำให้คนทะลวงเข้าสู่ระดับเฉินเจี่ยได้ หากแต่ ก็ใช่ว่าจะโชคดีนัก เพราะทุกครั้งที่มีคนถูกส่งเข้าสู่ดินแดนลับ องค์ราชาก็ต้องใช้พละกำลังมากมายมหาศาล เช่นนั้นองค์ราชาจึงเลือกเฉพาะสัตว์อสูรที่มีความสามารถพิเศษบางคนเท่านั้นเข้าไปฝึกฝนในดินแดนลับ”
”ในดินแดนลับระดับที่เราจะสามารถฝึกฝนได้ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเราเอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับดินแดนลับ”
ไป๋หยานเงียบไป
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตี้คังกล่าวว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงของแดนอสูรไม่ได้อยู่ที่นี่ที่แท้เป็นเพราะสิ่งนี้นี่เอง …
”ราชินี…”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์
ไป๋หยานหันหน้ามองไปโดยรอบจึงเห็นวิหคอัคคีกลายร่างเป็นมนุษย์มองมาที่นางด้วยความตื่นเต้น
***จบบทสิ้นเปลืองพลังงาน (4)***