จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 881-885
บทที่ 881 : โกรธจัด (3)
เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นที่นี่ เหตุใดลูกน้องของชายคนนั้นถึงได้ล้มตายมากมาย …
ราวกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ทุกสายตาของเหล่าศิษย์ต่างก็ไปรวมกันที่ใบหน้าของไป๋หยาน พลันนัยน์ตาของพวกเขาก็ยิ่งตื่นกลัวมากกว่าเดิม
ไป๋หยาน
เหตุใดหญิงผู้นี้ถึงกลับมา?
ในขณะที่เหล่าศิษย์กำลังประหลาดใจอยู่นั้นบรรดาสัตว์อสูรก็วิ่งกรูกันมาอย่างดุเดือด กระทั่งเขาทั้งลูกสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวลั่น
ในเวลาเดียวกัน…
กลุ่มเมฆสีดำขนาดใหญ่พลันลอยมาบนท้องฟ้าเมื่อเมฆสีดำใกล้เข้ามา พวกเขาก็พบว่า เมฆดำเหล่านี้ประกอบไปด้วยนก และสัตว์อสูรจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้า กระทั่งกลายเป็นความมืดทะมึนกลุ่มใหญ่พร้อมแรงกดดันมืดมิด
สายลมกระโชกแรงพัดมาสายฟ้าแลบแปลบปลาบ
อย่างไรก็ตามฟ้าแลบฟ้าร้องก็ไม่ได้โจมตีเหล่าสัตว์อสูร ทว่ากลับหายไปในอากาศว่างเปล่า …
ภายใต้สายลมแรงไป๋เสี่ยวเฉินดุจดั่งราชา ผู้บังคับบัญชาเบื้องบนของหมู่สัตว์
“พวกเจ้ามัวทำอะไรกันอยู่? ยังไม่ไปช่วยหม่ามี้ของข้าไว ๆ อีก ? หากเส้นผมของหม่ามี้ข้าร่วงแม้สักเส้น ระวังป๊ะป๋าวายร้ายจะมาถลกหนังพวกเจ้านะ
กรรร!
สัตว์อสูรทุกตัวต่างเชื่อฟังพวกมันรีบพุ่งเข้าหากลุ่มคนเสื้อเทา แม้ว่ากลุ่มคนเสื้อเทาจะแข็งแกร่งมาก ทว่าก็เป็นการยากที่จะเอาชนะสัตว์อสูรจำนวนมากได้ บางคนถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยภายใต้กรงเล็บของสัตว์อสูร
ใบหน้าของชายวัยกลางคนนั้นเริ่มเคร่งขรึมขึ้นเขาไม่อาจกลั้นใจทนไหวอีกต่อไป เขาคำรามด้วยความโกรธ “พวกเจ้าออกไปซะ l!”
สัตว์อสูรไม่เชื่อฟังชายวัยกลางคนพวกมันยังคงกัดกินชายเสื้อเทาเหล่านั้นไม่หยุด
เพียงชั่วครู่กลุ่มคนเสื้อเทาที่ถูกสัตว์อสูรนับพันตัวรุมกัด ก็ไม่เหลือรอดแม้สักราย !
”ท่านลุงนิสัยไม่ดีเมื่อไม่นานมานี้ คนจากอาณาจักรวิญญาณของเจ้าไประรานแดนอสูร ทั้งต้องการจับป๊ะป๋าของข้าไปเลี้ยง” ใบหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินมีรอยยิ้ม “แต่เจ้ายังห่างไกลจากคนเหล่านั้นมากเลย พละกำลังแค่นี้ไม่ต้องให้ถึงมือป๊ะป๋าข้าหรอก เพียงสัตว์อสูรเหล่านั้นก็มากพอที่จะจัดการกับลูกน้องของเจ้าได้แล้ว”
แม้จะเป็นคนจากอาณาจักรวิญญาณเช่นกันหากแต่ก็มีทั้งแข็งแกร่ง และอ่อนแอ เหตุที่เด็กสาวสามารถเข้าสู่แดนอสูรได้ นั่นก็เป็นเพราะคนที่นางนำไปด้วยนั้นนับว่าแข็งแกร่งอย่างมากในอาณาจักรวิญญาณ
ทว่าลูกน้องของชายวัยกลางคนเหล่านี้ไม่มีอะไรเลย…
”และ… ” แววตาของไป๋เสี่ยวเฉินแฝงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “เจ้าอาศัยคนหมู่มากมารังแกท่านตาทวดของข้า ตอนนี้ข้าอยากจะให้เจ้าลองดูสิว่า เจ้ามีคนมากกว่าหรือข้ามีมากกว่า”
หากสู้กับเหล่าสัตว์อสูรนี้ตัวต่อตัวพวกมันย่อมจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกลุ่มคนเสื้อเทา ทว่าน่าเสียดายที่ …
โลกมนุษย์ในปัจจุบันไม่ได้มีเพียงสัตว์อสูรจากป่าสัตว์อสูรเท่านั้นแม้แต่ผู้คนในแดนอสูรก็สามารถเดินทางมายังแผ่นดินใหญ่นี้ได้เช่นกัน
ดังนั้นจำนวนของสัตว์อสูรเหล่านี้จึงมีนับหมื่นแล้วพวกเขาจะไม่สามารถรับมือกับกลุ่มคนเสื้อเทาได้อย่างไร ?
”ข้าบอกให้เจ้าหยุด!”
ชายวัยกลางคนไม่สนใจไป๋เสี่ยวเฉินเลยดวงตาของเขาจับจ้องมองสัตว์อสูรซึ่งกำลังกัดกินร่างกายคนของเขาตลอดเวลา ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงกล่ำ เขายกมือขึ้น เพื่อปลดปล่อยกระแสลมที่รุนแรงราวพายุเฮอริเคน
สัตว์อสูรที่อยู่รอบนอกสุดไม่อาจต่อต้านได้พวกมันปลิวออกไปภายใต้พลังพายุเฮอริเคน ก่อนจะตกลงกระแทกพื้นอย่างงวยงง จนฝุ่นฟุ้งกระจาย
”พวกเจ้าถอยไป!”
ไป๋หยานมองชายวัยกลางคนอย่างเฉยเมยดวงตาแดงก่ำของเขายังเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร
ทันทีที่ไป๋หยานกล่าวจบกลุ่มสัตว์อสูรก็หยุดปากของพวกมันทันที พวกมันต่างก็แยกย้ายกันไป เหลือทิ้งไว้เพียงกองกระดูกบนพื้นดินที่มากมายจนน่าตกใจ
ชั่วขณะนี้ทุกคนต่างก็ตัวสั่นเทา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้รักตัวกลัวตายกระทั่งยอมทิ้งสำนักเวชโอสถ ต่างก็อดไม่ได้ที่จะถอยหลังกลับไปหลายก้าว
พวกเขากลัวว่าสัตว์อสูรเหล่านี้จะรวมตัวกันอีกครั้งและทำให้พวกเขากลายเป็นกองกระดูกขาวโพลนนั่นไปด้วย …
***จบบทโกรธจัด (3)***
บทที่ 882 : โกรธจัด (4)
”เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าพวกมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า เจ้าจึงให้สัตว์อสูรพวกนั้นล่าถอยไป เช่นนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้ารักษาชีวิตไว้ก็ได้”
ชายวัยกลางคนหรี่ตาลงเล็กน้อยมีแสงเย็นยะเยือกเปล่งออกมาจากดวงตาของเขา แสงนั้นเต็มไปด้วยเจตนาสังหารรุนแรง ทำให้บริเวณภูเขาทั้งหมดแลดูมืดหม่นน่าหวาดกลัว
“ไม่เจ้าเดาผิด” ไป๋หยานเยาะ “ที่ข้าปล่อยให้พวกมันกลับไป ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตาย เพราะไม่จำเป็น แค่จัดการเจ้า ข้าเพียงคนเดียวก็พอ !”
ใบหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไปทันทีเขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “เป็นแค่หิ่งห้อยกล้าแข่งกับแสงจันทร์ ไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้ามีเจตนาใด ! แต่ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย ข้าก็จะสนองความต้องการของเจ้า !”
ทันทีที่กล่าวจบเขาก็ลงมือ
เพียงแค่การเคลื่อนไหวของเขาสายลมก็พลันโหมแรง กระทั่งเสื้อคลุมของเขาเปิดเพยิบพยาบ
เขารวดเร็วมากราวกับสายฟ้าทั้งยังสามารถเข้าถึงตัวไป๋หยานได้ในเวลาอันสั้น
แรงกดดันที่ทรงพลังทำให้เขาแลดูเหมือนภูเขาลูกโต นัยน์ตาของเขาก้มต่ำลง ดวงตาเฉยเมยของเขาราวกำลังมองซากศพที่ตายไปแล้ว
ไป๋หยานจ้องชายผู้ซึ่งพุ่งเข้ามาหาตนด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกทันทีที่เขาใช้ฝ่ามือของเขา นางก็ขยับไปอยู่ข้างกายเขาแล้ว นางหลบฝ่ามือเขาได้อย่างง่ายดาย
ในเวลาเดียวกันกระบี่ในมือของนางก็วาดออก จากนั้นก็แทงเข้าใส่ชายวัยกลางคนอย่างรวดเร็ว
ชายวัยกลางคนตกใจทว่าก็รีบหายตัววับทันที ทำให้กระบี่ของไป๋หยาน ปะทะภูเขาที่อยู่ไม่ไกลนัก ทันใดนั้นยอดเขาก็ถูกตัด และตกลงพื้นดินดังปัง
ภายในเทือกเขาสูงเช่นนี้เมื่อยอดเขาตกลงไปที่เชิงเขา พวกเขาทุกคนย่อมจะสามารถรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของเทือกเขา ควันและฝุ่นฟุ้งกระจาย ละอองลอยล่องอยู่ในอากาศที่ว่างเปล่า
ทุกคนตัวแข็งทื่อ
ผู้ที่เคยทรยศสำนักเวชโอสถต่างก็ตัวแข็งทื่อพวกเขาหันไปมองด้วยความหวาดกลัว ภูเขาลูกนั้นถูกตัดตรงกลางต่อหน้าต่อตา พวกเขามองไป๋หยานพลางกลืนน้ำลายอย่างแรง
หญิงผู้นี้… เหตุใดถึงมีพลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้ ?
น่าเสียดายไม่ว่านางจะแข็งแกร่งเพียงใด ? นางก็ไม่สามารถเป็นคู่แข่งของชายวัยกลางคนผู้นี้ได้แน่
ทุกคนพยายามปลอบใจตนเองทว่าความหวาดกลัวในสายตา กลับทรยศพวกเขา
”เด็กคนนี้นี่…” ไป๋ฉางเฟิ่งมองภูเขาที่แยกออกพร้อมรอยยิ้มแปลก ๆ “ดูเหมือนว่าข้าคงแก่มากแล้ว จากนี้ไปโลกนี้คงเป็นของคนหนุ่มสาวแล้ว”
อาวุโสฉีผ่อนคลายความตึงเครียดที่มีในตอนแรกเขายิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้าสำนักพูดอะไรอย่างนั้น ? จะมีเด็กรุ่นใหม่คนไหนที่สามารถเทียบกับคุณหนูไป๋ได้ ? มีเพียงเจ้าสำนักที่ฉลาดเฉลียวมากเท่านั้น ถึงจะสามารถให้กำเนิดอัจฉริยะที่หาใครเสมอเหมือนอย่างคุณหนูไป๋ได้”
คำกล่าวนี้ทำให้หัวใจของไป๋ฉางเฟิ่งฟูขึ้นเขาหัวเราะร่า “ฮ่าฮ่า ใช่แล้วในโลกนี้จะมีใครมาเทียบหลานสาวของข้าได้ หากหนิงเอ๋อรู้ถึงความสำเร็จของ หยานเอ๋อในวันนี้ นางจะต้องพอใจมาก …”
“ยิ่งกว่านั้นข้าได้พูดไปก่อนหน้านี้แล้วว่า ผู้ทรยศต่อสำนักเวชโอสถจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน !” ครั้นอาวุโสฉีเห็นความกังวลในใจของไป๋ฉางเฟิ่งหายไป ทั้งกลับมาภาคภูมิ และมั่นใจเฉกเช่นเคยแล้ว เขาจึงกล่าวแดกดันอาวุโสหลินและคนอื่น ๆ
แววตาของผู้อาวุโสหลินหดหู่ลงเขาปล่อยมือจากหม้อแตก (ไม่มีทางเลือกใด) พลางกัดฟันเอ่ยกล่าวว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าไป๋หยานจะชนะ ? นางก็แค่ตัดภูเขา ไม่เห็นมีอะไรเลย !
อาวุโสฉีส่ายศีรษะสะบัดหน้าและไม่สนใจอาวุโสหลินอีกต่อไป เขาเพียงจับตามองไป๋หยาน
แท้จริงแล้วสิ่งที่ผู้อาวุโสฉีกล่าวเมื่อครู่ก็เพื่อบรรเทาความกังวลใจของไป๋ฉางเฟิ่ง ความจริงหัวใจของเขากำลังสั่นไหว ความแข็งแกร่งของชายวัยกลางคนนั้นมากมายจริง ๆ ส่วนไป๋หยาน นางนับเป็นอัจฉริยะในวัยยี่สิบต้น ๆ เท่านั้น…
***จบบทโกรธจัด (4)***
บทที่ 883 : ราชาอสูรตี้คัง (1)
เมื่อเปรียบกับความกระวนกระวายใจของสำนักเวชโอสถแล้วชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาเปลี่ยนจากการดูถูกเหยียดหยามไปสู่ความระแวดระวัง
ในขณะที่เขากำลังลังเลอยู่นั้นไม่รู้เมื่อไรที่ไป๋หยานมาปรากฏตัวต่อหน้าเขา กระบี่ในมือของนางปล่อยความรู้สึกเย็นยะเยือก ทำให้เขารู้สึกขนหัวลุกไปครู่หนึ่ง ร่างของเขากระพริบหายไปอย่างรวดเร็ เพื่อหลบคมกระบี่อันเย็นยะเยือก
บูม!
เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นอีกครั้งและภูเขาอีกลูกหนึ่งก็ถูกตัดด้วยคมกระบี่ เพียงแต่ภูเขาที่ถูกตัดยามนี้ไม่ได้ตกลงสู่พื้น มันกลับแตกกระจายในอากาศ จากนั้นก็ตกลงสู่เบื้องล่างทีละชิ้น ๆ …
ทุกคนรู้สึกเย็นยะเยือกที่ไขสันหลังและความเย็นนั้นก็แผ่กระจายไปทั่วร่าง ราวกับตัวพวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ ทั้งหนาวเย็นและน่าสะพรึง
ชายวัยกลางรู้สึกประหลาดใจเพียงครู่กระบี่ยาวของไป๋หยานก็โบกสะบัด กระบี่จากพลังฉีจำนวนนับไม่ถ้วนพลันระเบิดออก ราวกับพายุรุนแรงกำลังเริ่มก่อตัวขึ้น
ในที่สุดสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นซีดเซียว เขาพยายามโยกตัวหลบคมกระบี่ที่แสนเย็นยะเยือกเหล่านั้น
ทว่า…
ภายใต้การโจมตีของพายุกระบี่จำนวนมากเพียงนี้ร่างของชายวัยกลางคนผู้นี้ก็แลดูน่าเวทนานัก เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่น ปรากฏรอยแผลนับไม่ถ้วน
เขากัดฟันแน่นจ้องมองไป๋หยานด้วยนัยน์ตาแดงก่ำราวเลือด เลือดอึกใหญ่ขึ้นมาจ่อลำคอของเขา ยามนี้ร่างของเขาเกือบจะล้มลงกับพื้น
โชคดีที่กระบี่ลมเหล่านั้นสลายไปในที่สุดกระบี่ยาวในมือของเขาถูกบังคับให้แทงลงไปในพื้นดิน มีร่องรอยของเลือดปรากฏที่มุมปากเขา
“เมื่อครู่นี้ยามเจ้าเผชิญหน้ากับลูกน้องของข้า เจ้ายังไม่ได้แสดงพลังเต็มที่สินะ ฮ่าฮ่าฮ่า !” ชายวัยกลางคนหัวเราะเสียงดัง พลางมองใบหน้าหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าอย่างขมขื่น “คราวนี้ ข้าขอยอมรับว่าเจ้าแน่มาก !”
การที่ชายคนนี้ยอมรับความพ่ายแพ้นั่นไม่ใช่ปัญหาทว่าคนที่เป็นกังวลที่สุดก็คือพวกที่ทรยศสำนักเวชโอสถต่างหาก
อาวุโสหลินสีหน้าซีดเผือดเมื่อชายวัยกลางคนไม่อาจต้านทานไป๋หยานได้ ทั้งตอนนี้เขายังยอมรับความพ่ายแพ้อีกด้วย ร่างของอาวุโสหลินสั่นสะท้านสองสามครั้ง กระทั่งเกือบจะล้มลงบนพื้น
”ท่านหวู่ท่านจะยอมแพ้ได้อย่างไร ? ข้ารู้จักพลังของหญิงผู้นี้ดีที่สุด นางก็แค่ระดับจุนเจี่ยเท่านั้น ! แม้แต่เจ้าสำนักของเราผู้ซึ่งแข็งแกร่งกว่านางก็ยังไม่อาจเอาชนะท่านได้ !”
ใช่แล้วไป๋หยานก็แค่จุนเจี่ย ไม่น่าจะเป็นคู่แข่งของยอดฝีมือคนนี้ได้ !
หากชายผู้นี้พ่ายแพ้จริงๆ จุดจบของเขาก็คือการตายอย่างน่าสังเวช !
ยังไม่ทันที่ใบหน้าชื่นชมยินดีของอาวุโสฉีจะหุบลงเขาก็ได้ยินถ้อยคำของอาวุโสหลิน ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาตวาดลั่นด้วยความโมโห “เจ้าพูดอะไรของเจ้า ? เหตุใดคุณหนูของเราถึงเอาชนะเขาไม่ได้ ? อย่าลืมสิว่าเจ้าเคยเป็นผู้อาวุโสของสำนักเวทโอสถมาก่อน !”
นับแต่ต้นจนจบไป๋หยานไม่กล่าวคำใดเลย นางเพียงเหยียดริมฝีปากเยาะเย้ยชายวัยกลางคนที่อยู่ในสภาพน่าละอายใจเบื้องหน้านาง น้ำเสียงของนางเฉยเมย “ข้าเพียงอยากถามว่า เหตุใดคนของเผ่าวิญญาณถึงมาสร้างปัญหาที่สำนักเวชโอสถ … ”
ชายวัยกลางคนตัวสั่นเขากัดฟันแน่น
”ไม่บอกงั้นหรือ?” ไป๋หยานหัวเราะเยาะ “ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการพูด เช่นนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ข้าจะเก็บเจ้าไว้ อ้อ ! ลืมบอกไปว่า ข้าไม่เคยสังหารผู้ใดโดยปล่อยวิญญาณคนผู้นั้นทิ้งไว้ เมื่อข้าสังหาร ข้าจะทำลายวิญญาณของเจ้า ทำให้เจ้าต้องทุกข์ทรมานไม่มีโอกาสกลับชาติมาเกิดอีก”
ชายวัยกลางคนตกตะลึงเขาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าทรงอำนาจ และเฉยเมยที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความหวาดหวั่น หัวใจของเขาสั่นสะท้าน
สิ่งที่หญิงผู้นี้พูดนางต้องทำได้แน่นอน …
”ข้า… ข้าบอกแล้ว แท้ที่จริง ข้าเองก็ไม่ทราบรายละเอียดลึก ๆ เพียงเจ้านายของข้าส่งข้ามา ไม่ใช่แค่สำนักเวชโอสถ แต่รวมถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์และตำหนักเซียนพยับหมอก ต่างก็มีสิ่งที่พวกเขาต้องการ เขาจึงส่งเรามายึดสถานที่เหล่านั้น…”
***จบบทราชาอสูรตี้คัง (1)***
บทที่ 884 : ราชาอสูรตี้คัง (2)
ครั้นได้ยินถ้อยคำของชายวัยกลางคนม่านตาของไป๋ฉางเฟิ่งก็หดลงอย่างแรง ตอนนี้ เขาเอาแต่จ้องมองใบหน้าขาวซีดของชายวัยกลางคน ทว่าเขากลับไม่อาจจับสังเกตความรู้สึกในแววตาของไป๋หยานหลานเขาได้เลย
”เจ้าว่ามีใครบางคนถูกส่งไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และตำหนักเซียนพยับหมอกกระนั้นรึ ?”
ทันใดนั้นใบหน้าของนางพลันเคร่งเครียดเจตนาสังหารพุ่งออกมาจากดวงตาของนาง ร่างของนางแผ่กระจายความรู้สึกโกรธอย่างรุนแรง กระทั่งทำให้ผู้คนที่นั่นอดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลง และไม่กล้ามองนางตรง ๆ
”เจ้า… เจ้าเป็น … ”
อาจเป็นเพราะรับรู้ได้ถึงแรงกดดันจากไป๋หยานดวงตาของชายวัยกลางคนพลันเบิกกว้างด้วยไม่อยากจะเชื่อ
ทว่าเขายังไม่ทันกล่าวได้จบประโยคมือของไป๋หยานก็ตบลงบนศีรษะของเขา ทันใดนั้นเลือดก็ไหลออกมาจากหน้าผากของเขา พลันร่างของเขาก็ล้มลง
”หยานเอ๋อ?” ดูเหมือนไป๋ฉางเฟิ่งอยากจะพูดต่อ
ทว่าไป๋หยานกำหมัดแน่นนัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร “ท่านตา ท่านพักผ่อนก่อนเถิด ข้าจะไปช่วยท่านอาจารย์กับท่านพ่อก่อน !”
หากอาจารย์ไม่ช่วยชีวิตนางบางทีนางกับเฉินเอ๋ออาจตายไปแล้ว
อาจารย์ปฏิบัติต่อนางราวกับนางเป็นบุตรสาวของพวกเขาส่วนท่านพ่อก็เป็นสายเลือดเดียวกันกับนาง
นางจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดทำร้ายพวกเขา!
”ราชินีขี่ข้าไปเถอะ”
เสี่ยวหลงเอ๋อเดินไปยืนหน้าไป๋หยานนางกระพริบตาเล็กน้อย “เมื่อได้ใกล้ชิดท่าน ข้าพบว่าข้าบินได้เร็วขึ้น ทว่าความสามารถของข้าไม่เสถียรบางทีก็เร็วบางทีก็ช้า หากแต่ตอนนี้ข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุด …”
”ดี”
ไป๋หยานไม่เพิกเฉยต่อความมีน้ำใจของเสี่ยวหลงเอ๋อนางจับมือไป๋เสี่ยวเฉินเอ่ยกล่าวว่า “เฉินเอ๋อ กลับดินแดนศักดิ์สิทธิ์กัน !”
*****
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์
สูญเสียความสงบที่เคยมีมาในอดีตตอนนี้กลายเป็นสนามรบที่เต็มไปด้วยหมอกควัน
ศิษย์นับไม่ถ้วนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์กำลังจมทะเลเลือดเลือดอาบประตูทางเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์แดงฉาน
ครั้นฉู่หรานเห็นว่าศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถต้านทานผู้รุกรานเหล่านี้ได้ใบหน้าที่สง่างามของเขาก็แลดูวิตกกังวล เขากำกระบี่ในมือแน่นพลางร้องตะโกนว่า “ทุกคนถอย !”
”ท่านประมุข!”
เพียงชั่วครู่ฝูงชนต่างก็ถอยร่นกลับไป พลางหันไปมองฉู่หรานผู้ซึ่งเป็นคนออกคำสั่ง
”ผู้อาวุโสใหญ่”ฉู่หรานมองเจิ้งฉี “การต่อสู้ในวันนี้นับเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ พลังของคนพวกนี้แข็งแกร่งเกินไป หากยังปล่อยให้ดำเนินต่อไปเช่นนี้ ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายโดยไม่จำเป็น … ”
”เช่นนั้น”เขาหลับตาลงเล็กน้อย หลังจากนั้นเป็นเวลานานเขาจึงลืมตาขึ้น เอ่ยกล่าวราวกับคนไร้วิญญาณ “ท่านจงพาศิษย์ทั้งหมดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปที่เกาะศักดิ์สิทธิ์ มีการป้องกันแน่นหนาบนเกาะศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสามารถต้านทานคนเหล่านี้ได้ ส่วนที่นี่ ข้าจะขวางพวกมันไว้เอง !”
“ท่านประมุขอย่าทำเช่นนั้น !” เจิ้งฉีตกใจมาก
”นี่เป็นคำสั่ง!” ฉู่หรานสูดลมหายใจเข้าลึก เอ่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม “อัจฉริยะเหล่านี้เป็นฐานรากของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเรา หากในวันนี้ข้าไม่สามารถต้านทานศัตรูเหล่านี้ไว้ได้ อย่างมาก ข้าก็แค่ตายลงที่นี่ ในวันหน้าเจ้าก็สนับสนุนให้อี้เฟิงขึ้นเป็นประมุขแทน”
คราวนี้เขาตัดสินใจยอมสละชีพ ขอเพียงคนเหล่านี้สามารถกลับไปที่เกาะศักดิ์สิทธิ์ได้ เขายินดีทำทุกอย่างเพื่อขวางศัตรูเหล่านี้
”และ… ” ปากของฉู่หรานยกเป็นรอยยิ้ม “ฝากถ้อยคำของข้าให้ไป๋หยาน ด้วยความสามารถของนาง ไม่ช้าก็เร็วนางจะกลายเป็นเจ้าของโลกใบนี้ เมื่อถึงเวลานั้นให้นางสืบหาตัวการของผู้บุกรุกเหล่านี้ อย่าลืมล้างแค้นให้ข้าด้วย”
***จบบทราชาอสูรตี้คัง (2)***
บทที่ 885 : ราชาอสูรตี้คัง (3)
กลัวทำไมกะแค่ความตาย?
เมื่อถึงเวลานั้นไป๋หยานจะต้องแก้แค้นแทนเขาได้อย่างแน่นอน
เช่นนี้ความตายของเขาก็มีคุณค่า
”ท่านประมุขพวกเรา … ” ใบหน้าของเหรินอี้ และคนอื่นเปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาเพียงอยากจะพูดบางอย่าง ทว่าพวกเขาก็เห็นเจิ้งฉียกมือขึ้นห้ามพวกเขาไว้
”ไปพวกเรากลับไปที่เกาะศักดิ์สิทธิ์เดี๋ยวนี้”
”ท่านประมุข!”
ผู้อาวุโสที่เหลือหันมามองเจิ้งฉี
เจิ้งฉีหลับตาลงก่อนจะลืมตาขึ้นมองฉู่หรานผู้ซึ่งวิ่งเข้าไปในสนามรบด้วยความเจ็บปวดใจ
”เพื่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์พวกเราต้องถอยก่อน ! ข้าไม่อาจให้อัจฉริยะของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องมาตายที่นี่ !”
คิดว่าทิ้งฉู่หรานไว้ที่นี่แล้วเขาจะไม่ปวดร้าวใจงั้นหรือ ? ทว่าในฐานะผู้อาวุโสใหญ่ เขามีหน้าที่รับผิดชอบในการสนับสนุนฉู่อี้เฟิงขึ้นเป็นประมุขแทนที่บิดา เช่นนั้นเขาจึงตายไม่ได้ !
ท้ายที่สุด…
หากฉู่อี้เฟิงขึ้นสู่ตำแหน่งประมุขแล้วเขายังไม่ตาย เขาจะล้างแค้นให้ท่านประมุขเอง !
มีความโกรธแค้นและโศกเศร้าแผ่กระจายไปทั่วภูเขา
แม้แต่ฉู่หรานเองก็แทบจะต้านทานไว้ไม่ไหวครั้นเขายังเห็นว่าคนของเขายังไม่เคลื่อนไหว เขาก็หันหลังกลับเอ่ยกล่าวอย่างดุดันว่า “ไปซะ !”
พุ่ฟ!
ทันทีที่ฉู่หรานหันหน้ากลับไปฝ่ามือลมพลันตกลงบนไหล่ของเขา เลือดทะลักออกมาจากปากทันที เขาถอยร่นไปข้างหลังช้า ๆ
ชั่วขณะนี้ทุกคนต่างก็หนีกันไปหมดแล้ว
หากคนพวกนั้นยังอยู่ที่นี่ไม่เพียงแต่จะตายอย่างไร้ค่า ทว่ายังจะทำให้ประมุขอย่างเขาเสียสมาธิในการต่อสู้อีกด้วย
บางทีอาจเป็นเพราะทุกคนต่างก็คิดเช่นนั้นแม้พวกเขาจะไม่เต็มใจละสายตาจากฉู่หราน ทว่าก็จำต้องเดินทางเข้าไปในเกาะศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว
ตรงข้ามศัตรูไม่ได้เห็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ในสายตาของพวกเขาเลยจึงไม่ได้ขวางคนเหล่านั้นไม่ให้หลบหนี หากกลับ เล่นสนุกกับฉู่หราน ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการที่จะรู้ว่าชายผู้นี้จะยืนหยัดได้อีกนานสักเพียงใด …
ครั้นฉู่หรานเห็นผู้คนเหล่านั้นเข้าไปในเกาะศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยแล้วหัวใจของเขาก็ผ่อนคลาย เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกและหัวเราะ
”ข้าแน่ใจว่าความสามารถของข้าไม่สูงพอที่จะหยุดยั้งพวกเจ้า ทว่าข้าจะปกป้องศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดด้วยชีวิตของข้า”
ทันใดนั้นกระแสลมรุนแรงก็พัดมา เส้นผมดำขลับราวน้ำหมึกของฉู่หรานปลิวสะบัดล้อสายลม รอยยิ้มของเขาดุร้ายและดุดัน
”บรรพบุรุษเบื้องบนวันนี้ ข้าขอมอบวิญญาณของข้า ข้ายอมที่จะไม่มีวันได้กลับมาเกิดอีก เพียงแต่หลังจากข้าตาย ขอได้โปรดช่วยให้ข้าหยุดศัตรูพวกนี้ไว้ได้ด้วยเถิด !”
หลังจากฉู่หรานหัวเราะแรงกดดันของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน โลกทั้งใบพลันมืดหม่นลง สายฟ้าผ่า และเสียงฟ้าร้องดังครืน ๆ
ไม่ไกลกันนักเจิ้งฉีก็ดูเหมือนจะรับรู้ถึงบางสิ่ง เขาหยุด และหันไปมองที่ประตูทางเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ใบหน้าชราของเขาซีดเผือด น้ำตาไหลรินจากดวงตาอย่างเศร้าโศก
ท้ายที่สุดท่านประมุขก็ใช้วิธีการนั้น ?
เพื่อรักษาดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วท่านประมุขยอมจ่ายด้วยราคาที่แพงมาก !
ในวันหน้าเขาต้องทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และจากนั้นเขาจะแก้แค้นให้กับท่านประมุขดินแดนศักดิ์สิทธิ์ …
”พี่ใหญ่?” เหรินอี้พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ หากแต่เขาก็ไม่รู้ความคิดของเจิ้งฉี เขาจึงขมวดคิ้วเอ่ยถามว่า “มีอะไรผิดปกติกระนั้นรึ ?”
แววตาของเจิ้งฉีเปลี่ยนจากความเศร้าโศกในตอนแรกมาเป็นความแน่วแน่
“ไม่มีอะไร”เขาส่ายหน้า พลางจ้องมองลูกศิษย์ทุกคนที่อยู่ที่นั่น “เหตุการณ์ในวันนี้ พวกเจ้าคงเห็นแล้วว่า ท่านประมุขไม่ลังเลที่จะสละชีวิตของท่านเพื่อพวกเรา ในวันหน้า พวกเจ้าจะต้องมุ่งมั่นฝึกฝนให้ดีที่สุด และตามล้างแค้นคนพวกนี้ หนี้เลือดต้องชดใช้ด้วยเลือด การสละชีวิตของท่านประมุขจะต้องไม่สูญเปล่า !”
สายตาของเหล่าศิษย์ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนเป็นสีแดงเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังได้หยั่งรากลึกลงในใจของพวกเขา พวกเขากัดฟัน ทำให้การแสดงออกของพวกเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นยิ่งขึ้น
”เลือดต้องล้างด้วยเลือด!”
เสียงดังก้องฟ้ามาจากด้านนอกประตูทะลุเข้าไปในหูของฉู่หราน
***จบบทราชาอสูรตี้คัง (3)***