จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 916-920
บทที่ 916 : คำแก้ตัวของหลิวชิงหยู (3)
ร่างของเจ้าซาลาเปาน้อยนุ่มนิ่มหอมกรุ่นทำให้จิตใจของไป๋หยานสงบลง
นัยน์ตาเรียวคมของตี้คังก้มลงมองเจ้าซาลาเปาน้อยที่พุ่งเข้าหาอ้อมแขนของไป๋หยานใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำโดยไม่ตั้งใจ เขารีบสาวเท้าก้าวไปหาไป๋หยาน จากนั้นก็อุ้มเจ้าซาลาเปาน้อยขึ้นมา แล้วโยนเด็กน้อยไปอีกทาง
“หยานเอ๋อเป็นไงบ้าง ?” ขณะที่เขามองไป๋หยาน รอยยิ้มประจบประแจงพลันปรากฏบนใบหน้างามของเขา
ด้วยรอยยิ้มนี้ทุกสิ่งในโลกพลันซีดเซียวไปหมด
ไป๋หยานกำลังจะอ้าปากกล่าวคำหลิวชิงหยูก็เดินผ่านประตูเข้ามา
ครั้นลุงจุนเห็นร่างของหลิวชิงหยูที่บอบบางราวขนนกเล็กๆ เขาก็ดีใจมาก เขารีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว “คุณหนู…ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ?”
บูม!
ตี้คังตวัดนิ้วแรงกดดันกดลงที่ขาของลุงจุนโดยตรง กระทั่งลุงจุนต้องคุกเข่าลงบนพื้นอีกครั้ง เขาปวดศีรษะจนเหงื่อเย็น ๆ แตกพลั่ก
”ข้าอนุญาตให้เจ้ายืนขึ้นแล้วกระนั้นรึ?”
เสียงของชายผู้นี้ทั้งหยิ่งผยองทั้งยโส สายตาก็เต็มไปด้วยความดูแคลน
ลุงจุนไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆ อีก เพียงหลิวชิงหยูปลอดภัยดี เขาก็ค่อยคลายใจได้มากแล้ว…
หลิวชิงหยูมองไปที่ลุงจุนนางอยากก้าวไปข้างหน้า ทว่าเมื่อคิดถึงฐานะปัจจุบันของนาง นางก็ได้แต่มองหน้าไป๋หยานอย่างขลาด ๆ และยืนอยู่ข้างหลังไป๋หยานโดยไม่กล้าเคลื่อนไหวใด ๆ
”ท่านปู่ท่านย่า ท่านช่วยแจ้งรายชื่อครอบครัวของผู้ที่ถูกตระกูลหวู่สังหาร และส่งหลิวชิงหยูไปขอขมาพวกเขาทีละคน ๆ !”
แม้ว่าหลิวชิงหยูจะไม่ได้สั่งให้ตระกูลหวู่สังหารคนทว่าในฐานะที่นางเป็นผู้บังคับบัญชาตระกูลหวู่ สิ่งที่ตระกูลหวู่ทำ นางจะบอกว่าไม่รู้ได้อย่างไร ?
หากมิใช่เป็นเพราะพลังของไป๋หยานแข็งแกร่งกว่าหลิวชิงหยูและยังมีตี้คังรั้งอยู่เคียงข้างนาง บางทีนางอาจต้องทนทุกข์ทรมานไม่ต่างจากคนพวกนั้นเช่นกัน
ดังนั้นแม้ว่าตอนนี้หลิวชิงหยูจะเป็นทาสของนาง ทว่านางก็จะไม่ปล่อยหญิงผู้นี้ไปง่าย ๆ เป็นแน่ !
ชั่วขณะนั้นสายตาของทุกคนก็หันมามารวมกันที่ใบหน้าของหลิวชิงหยูจากนั้นพวกเขาก็หันไปมองไป๋หยานที่ยืนอยู่ด้านหน้าหลิวชิงหยูด้วยความประหลาดใจ
นางหมายความเช่นไรให้หญิงผู้นี้ขอขมาทุกคนกระนั้นรึ ? แล้วหญิงผู้นี้จะเชื่อฟังพวกเขางั้นหรือ?
”เจ้าโอหังนัก!” ลุงจุนโกรธมาก “คุณหนูของเราอยู่ในฐานะใด ? เจ้ากล้าดียังไง ?…”
บูม!
ตี้คังยกมือขึ้นพลังที่มองไม่เห็นพุ่งเข้าใส่ลุงจุน ก่อนที่เขาจะทันกล่าวจบด้วยซ้ำ เขาถูกพลังของตี้คังกดลงกับพื้นอีกครั้ง ทำให้กระอักเลือดออกมาจากปากไม่หยุด
”ลุงจุน”หลิวชิงหยูมองลุงจุนผู้ซึ่งกำลังนอนอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าซีดเผือด “ไปเตรียมตัวเถิด ข้าจะไปขอขมาคนของตำหนักเซียนพยับหมอก”
”คุณหนู…?”ลุงจุนตกใจ นัยน์ตาของเขาเบิกกว้าง น้ำเสียงของเขาสั่นเทา “ท่านรู้หรือไม่ว่า ท่านกำลังพูดอะไรอยู่ ? ท่านเป็นถึง … ”
หลิวชิงหยูหยุดให้ความสนใจกับลุงจุนนางโน้มกายให้ไป๋หยานอย่างนอบน้อม “นายหญิง ข้าจะออกไปปฏิบัติตามคำสั่งท่านแล้ว ไม่ทราบนายหญิงมีอะไรจะสั่งข้าอีกหรือไม่ ?”
คำเรียกขานของนางไม่ต่างจากเสียงฟ้าร้อง ทำให้ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นนิ่งอึ้ง
หญิงผู้นี้คนในอาณาจักรแห่งวิญญาณต่างก็เรียกขานนางว่านายหญิง ทว่าตอนนี้นางกลับเรียกไป๋หยานว่านายหญิงงั้นหรือ ?
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวรวดเร็วมากกระทั่งยากที่จะตามทัน …
“คุณ…คุณหนู ?” ลุงจุนมีสีหน้าเคร่งเครียด “คุณหนู นี่ท่านกำลังล้อข้าเล่นใช่หรือไม่ ? เหตุใดท่านจึงเรียกนางว่านายหญิง ?”
แน่นอนว่าหลิวชิงหยูไม่มีหน้าที่จะบอกทุกคนว่า ที่นางต้องเรียกไป๋หยานว่านายหญิงเพราะนางถูกบังคับให้กินยาพิษ
เช่นนั้นนางจึงแก้ตัวว่า “ลุงจุน…ข้าเพียงคิดได้ว่าพฤติกรรมเดิม ๆ ของข้าผิดมากเหลือเกิน ข้าละอายใจต่อท่านแม่ และบรรพบุรุษของข้า โชคดีที่คำสอนของแม่นางไป๋ทำให้ข้ารู้แจ้ง ทำให้ข้ารู้ความผิดของข้า ข้าจึงวางแผนที่จะติดตามรับใช้นาง”
บทที่ 917 : คำแก้ตัวของหลิวชิงหยู (4)
ลุงจุนจ้องมองด้วยสายตาแข็งค้าง
ละอายใจต่อแม่นาง? ละอายใจต่อบรรพบุรุษ ? และคำพูดของคนอื่นทำให้นางรู้สึกผิด ?
นี่มัน…
คุณหนูนางเข้าใจสิ่งที่นางพูดบ้างหรือไม่นี่ ?
”คุณหนู”
สีหน้าของลุงจุนแลดูสับสนมากเขาอยากจะกล่าวอีกสักสองสามคำ ทว่าหลิวชิงหยูก็ไม่ให้โอกาสเขาได้พูดอะไรอีก
”ลุงจุนท่านเป็นคนที่ท่านแม่ของข้าทิ้งไว้ให้ หากท่านยังอยากอยู่กับข้าต่อ ก็จงตามข้ามา แต่หากท่านไม่ต้องการ ข้าก็จะไม่บังคับ”
ครั้นเห็นการแสดงออกของหลิวชิงหยูหัวใจของลุงจุนก็เต้นระรัว
นับแต่ภรรยาคนแรกของนายท่านถึงแก่กรรมเขาก็ได้รับมอบหมายให้ดูแลคุณหนู ตอนนี้คุณหนูยอมรับใช้ผู้อื่น เขาจะทิ้งนางไว้เพียงลำพังได้เยี่ยงไร ?
แต่ทว่าเขาก็ยังไม่เต็มใจที่จะเป็นทาสใคร
ลุงจุนลังเลที่จะรับคำทว่าเขาก็อดไม่ได้ที่จะปรายตามองไป๋หยานและตี้คัง
เขาเห็นชายในอาภรณ์สีม่วงที่มีสีหน้าท่าทางไร้อารมณ์ความรู้สึกทว่าแววตาที่ทรงอำนาจของชายคนนั้นยังคงมองมาที่เขาอย่างดุดัน
ใบหน้าของไป๋หยานเต็มไปด้วยรอยยิ้มทว่ารอยยิ้มนั้นทำให้เขาเย็นยะเยือก ร่างชราภาพของเขาอดไม่ได้ที่จะสั่นเทา
เขามีสีหน้าราวกับจะร้องไห้”คุณหนู ข้าจะอยู่กับท่าน ข้าจะไม่ไปไหน”
น่าขันคนกลุ่มนี้มีหรือจะปล่อยเขาไปง่าย ๆ ? คนโง่เท่านั้นที่จะฝันแบบนั้น ! คนที่รู้จักสถานการณ์ปัจจุบันต่างหากที่เป็นวีรบุรุษ ขนาดคุณหนูยังยอมจำนน จำเป็นหรือที่เขาจะต้องสละชีวิตเพียงเพื่อเป็นผู้กล้า
หลิวชิงหยูไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของลุงจุนแม้แต่น้อยนางคิดเพียงว่าเขาคงลังเลที่จะทอดทิ้งนาง ทำให้หัวใจของนางหวั่นไหว
”ลุงจุน…ในโลกนี้ท่านเป็นคนเดียวที่ไม่เคยทิ้งข้า”
ใบหน้าชราของลุงจุนแข็งค้าง
นี่เขายอมสละชีวิตเพื่อหลิวชิงหยูหรือ? ตอนนั้นเขากลับต้องการถอนตัวและผละจากไปด้วยซ้ำ ทว่าคุณหนูไม่ได้สังเกตเลยซึ่งทำให้เขารู้สึกละอายใจเล็กน้อย
”ท่านย่า”ไป๋หยานกวาดตามองคนทั้งสอง ก่อนที่จะหันไปมองจุนเทียนเยว่ นางยกริมฝีปากขึ้นยิ้ม เอ่ยกล่าวต่อว่า “ในเมื่อทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อน ก่อนไป ข้าขอมอบของขวัญวันเกิดที่ข้าเตรียมไว้ให้แก่ท่าน”
จุนเทียนเยว่นิ่งงันไปครู่หนึ่งอย่างสงสัยขณะที่ไป๋หยานเดินเข้ามาหาอย่างช้า ๆ
”นี่คือ…”
จุนเทียนเยว่มองบนฝ่ามือของไป๋หยานนางแลเห็นก้อนเล็ก ๆ ที่เปี่ยมด้วยพลังของสัตว์อยุู่ภายใน นางกระพริบตาด้วยความประหลาดใจ
”ไม่ไม่น่าใช่ของสัตว์อสูร มันไม่ควรเป็นเช่นนี้”
สิ่งที่ไป๋หยานถือไว้ในมือก็คือผลึกเวทของสัตว์ประหลาดทว่าผลึกเวทของสัตว์ประหลาดนั้นกลับมีแสงสีเหลืองจาง ๆ โอบล้อม รัศมีของแสงนั้นแผ่จากปลายนิ้วของนางส่องสว่างไปทั่วห้องโถง
”แก่นแท้สัตว์เวท!”
เห็นได้ชัดว่าลุงจุนรู้จักมันดีหลังจากเห็นสิ่งที่ไป๋หยานหยิบขึ้นมา การแสดงออกของเขาพลันแข็งทื่อ นัยน์ตาของเขาจับจ้องมองของในมือไป๋หยานไม่กะพริบ จังหวะหายใจของเขาถี่กระชั้นขึ้น
”ลุงจุนแก่นแท้สัตว์เวทคืออะไร?” หลิวชิงหยูหันไปมองลุงจุนพลางเอ่ยถาม
ลุงจุนสูดลมหายใจเข้าลึก”แก่นแท้สัตว์เวท จะมีอยู่ในร่างของสัตว์เวทที่ได้รับการฝึกฝนในยุคโบราณเท่านั้น พลังของมันจะรวมตัวกันที่แกนกลางของร่างกาย แม้มนุษย์คนใดได้บริโภคก็จะพัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก”
เหตุใดของดีเช่นนี้ถึงตกอยู่ในมือของหญิงผู้นี้ได้?
ท่าทีของคนอื่นในห้องจัดเลี้ยงเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
แม้พวกเขาจะไม่เข้าใจว่าแก่นแท้สัตว์เวทคืออะไร? ทว่าพวกเขาก็เข้าใจสี่คำนี้ได้อย่างชัดเจน “แก่นแท้สัตว์เวท”
“แก่นแท้สัตว์เวท”จะทรงพลังสักเพียงใด ในเมื่อมันสะสมมาตั้งแต่สมัยโบราณ ?
บทที่ 918 : คำแก้ตัวของหลิวชิงหยู (5)
ชั่วขณะหนึ่งที่ทุกคนมองจุนเทียนเยว่ด้วยสายตาอิจฉา
”หยานเอ๋อนี่ … สิ่งนี้สูงค่าเกินไป” จุนเทียนเยว่ยังคงตะลึง
ไป๋หยานหยุดอยู่ตรงหน้าจุนเทียนเยว่”วันนี้เป็นวันเกิดของท่าน เช่นนั้นข้าจึงเตรียมสิ่งนี้มาให้ แก่นแท้สัตว์เวทนี้ข้าตั้งใจมอบให้ท่านผู้เดียวเท่านั้น”
ความหมายก็คือมีแก่นแท้สัตว์เวทเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นซึ่งนั่นก็อยู่ในมือของนางแล้ว และคนอื่น ๆ ก็อย่าได้คิดแม้แต่จะแตะต้องมัน
ไป๋ฉางเฟิ่งกระแอมไอก่อนจะหัวเราะ “เมื่อเป็นแก่นแท้สัตว์เวทที่มีเพียงแค่หนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าก็จะไม่แย่ง เพื่อเห็นแก่วันเกิดของจุนเทียนเยว่ ทว่าอย่างไรก็ตามหลานสาวข้า ต่อไปหากเจ้ามีของดี ๆ เช่นนี้ก็อย่าลืมนึกถึงตาบ้างนะ”
“อะแฮ่ม!” ฉู่หรานป้องปากพลางกระแอม เขาประจบทันทีว่า “ไป๋หยาน ไม่เพียงแต่ท่านตาของเจ้าเท่านั้น ทว่ายังมีอาจารย์ทั้งสามของเจ้าในดินแดนศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย หากเจ้าได้รับสมบัติเช่นนี้อีก ก็โยนมาให้ข้าบ้างนะ”
วันนี้เป็นวันเกิดของจุนเทียนเยว่แก่นแท้สัตว์เวทนี้ก็เป็นของขวัญวันเกิดที่ไป๋หยานเตรียมมาให้จุนเทียนเยว่ พวกเขาจำต้องควบคุมความอยากที่ต้องการจะฉกฉวยมัน
หากแต่ครั้งต่อไปเกรงว่าพวกเขาจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เป็นแน่ …
“ไม่ต้องห่วงคราวหน้าหากข้ามีของดี ๆ ข้าจะไม่ลืมพวกท่านแน่” ไป๋หยานหันหลังกลับไปยิ้มให้ทุกคน
จากนั้นนางก็เดินกลับไปอยู่ข้างกายตี้คัง
”ตี้คัง,เฉินเอ๋อ, ข้าเหนื่อยแล้ว, กลับไปพักผ่อนกันเถอะ”
ชายหนุ่มยื่นมือออกมารั้งไป๋หยานเข้าสู่อ้อมแขนคิ้วของเขาเลิกขึ้น พลางหัวเราะ เสียงหัวเราะของเขาแหบแห้งทว่าเปี่ยมเสน่ห์
”ได้สิกลับไปนอนด้วยกันเถอะ”
ดูเหมือนว่าเขาจะเพิ่มทั้งสองคำนั่นเข้าไปอย่างจงใจมีความคลุมเครืออย่างบอกไม่ถูกในน้ำเสียงนั้น ซึ่งทำให้ผู้คนคิดลึก
ไป๋หยานจ้องมองตี้คังนางพยายามดึงมือออก ทว่ากลับถูกชายหนุ่มยึดไว้แน่นขึ้นอีก เพื่อป้องกันไม่ให้นางมีโอกาสดิ้นหนี
ไป๋เสี่ยวเฉินเดินตามคนทั้งสองไปอย่างเหงาๆ มือเล็ก ๆ ของเขาดึงแขนเสื้อของไป๋หยานเบา ๆ การแสดงออกของเขาน่าสงสาร ราวกับลูกสุนัขตัวเล็ก ๆ ที่ถูกทอดทิ้ง นัยน์ตากลมโตของเขาชุ่มด้วยหยาดน้ำตา
แน่นอนว่าทั้งป๊ะป๋าและหม่ามี้ต่างก็ต้องการเพียงกันและกัน ส่วนเขาก็เป็นลูกที่ถูกทอดทิ้ง …
”ลุงจุน…ที่ท่านพูดถึงแก่นแท้สัตว์เวทนั่นเป็นเรื่องจริงหรือ?”
เมื่อมองตามทิศทางที่ไป๋หยานจากไปแววตาของหลิวชิงหยูพลันวาววับขณะเอ่ยถาม
ลุงจุนยิ้มอย่างขมขื่นพลางพยักหน้า เขากำลังจะตอบ จุนเทียนเยว่ที่อยู่ด้านหลังก็กำลังดูดซับพลังของแก่นแท้สัตว์เวทเข้าไปในร่าง เพียงไม่ช้าพายุลูกใหญ่ก็ก่อตัวขึ้นภายในบ้าน กระทั่งหลังคาถล่มลงมา …
ภายในห้องจัดเลี้ยงทุกคนต่างตกตะลึง จุนเทียนเยว่เองก็ตกตะลึงเช่นกัน ใบหน้านางเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
ไป๋ฉางเฟิ่งเป็นคนแรกที่รู้สึกตัวเขากระทืบเท้า เอ่ยกล่าวอย่างหงุดหงิด “เสียดาย ๆ จริง ๆ นี่นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ ! หากข้ารู้ว่าแก่นแท้สัตว์เวทนี้จะช่วยให้สามารถบุกทะลวงเข้าสู่ระดับตี้เจี่ยได้โดยตรง ข้าจะแย่งมันมากินเองแล้ว”
จากระดับที่ต่ำกว่าเชิงเจี่ยก้าวเข้าสู่ตี้เจี่ยขนาดแค่เชิงเจี่ยก็ยังหาไม่พบในแผ่นดินนี้มาเนิ่นนานหลายปี เช่นนั้นระดับตี้เจี่ยย่อมถือว่าแข็งแกร่งที่สุดแล้วของแดนมนุษย์นี้ในปัจจุบัน
ทว่ากลับบุกทะลวงไปถึงระดับตี้เจี่ยด้วยแก่นแท้ของสัตว์เวทอันเดียว ช่างทรงพลังอะไรเช่นนี้ ?
”ลุงจุน…แก่นแท้สัตว์เวทนั่นสามารถทำให้ก้าวหน้าถึงระดับตี้เจี่ยได้จริงหรือ?”
นัยน์ตาของหลิวชิงหยูหรี่ลงเล็กน้อยลมหายใจของนางค่อนข้างกระชั้นถี่
”สมรรถภาพของแก่นแท้สัตว์เวทนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์จุนเทียนเยว่ นางกำลังจะบุกทะลวงได้อยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อใช้แก่นแท้สัตว์เวทนางย่อมบุกทะลวงได้อย่างแน่นอน ยิ่งถ้าเป็นสัตว์เวทโบราณที่ทรงพลัง หากท่านเคยบุกทะลวงอยู่ในระดับสูงกว่าเชิงเจี่ย บางทีการใช้แก่นแท้สัตว์เวทอาจทำให้บุกทะลวงเข้าสู่ระดับเฉินเจี่ยได้เลยทีเดียว !”
ลุงจุนถอนหายใจอย่างนุ่มนวล
บทที่ 919 : คำแก้ตัวของหลิวชิงหยู (6)
พลังของแก่นแท้สัตว์เวทนี้ยังคงไม่ดีพอหากเป็นสัตว์เวทในยุคโบราณ จะสามารถสร้างเทพเจ้าได้เลยทีเดียว
เพราะเหตุนี้สัตว์เวทเหล่านั้นจึงสูญพันธุ์โดยน้ำมือมนุษย์
แววตาของหลิวชิงหยูเคร่งขรึมลงประกายแสงเจ้าเล่ห์ส่องสว่างไปทั่วนัยน์ตาของนาง “ลุงจุนหากเราติดตามนาง เราจะบรรลุความปรารถนาของเราหรือไม่ ?”
ลุงจุนส่ายหน้า”ข้าเองก็ไม่รู้ ข้ารู้เพียงว่าสมัยนั้นอาณาจักรอสูรเรืองอำนาจเทียบเคียงได้กับดินแดนสวรรค์ ทั่งก็น่าที่จะสูงส่งยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ หากแต่เวลานั้นข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ ๆ มันก็หายไป ตอนนี้ … มันกลายเป็นราชินีแห่งโลกบางที … ในวันหนึ่ง ”
หลิวชิงหยูไม่กล่าวคำใดนางจ้องมองร่างของไป๋หยานที่ค่อย ๆ หายไปในความมืดมิดยามราตรี ประกายเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นลาง ๆ ในดวงตาที่สวยงามของนาง …
*****
ยามรัตติกาลท่ามกลางความเงียบสงบราวสายน้ำ
นิ้วเรียวยาวของตี้คังไล้ใบหน้าของไป๋หยานก่อนจะระเรื่อยลงมายังริมฝีปากสีแดงของนาง น้ำเสียงของเขาแหบห้าว
”หยานเอ๋อเรามาลองกันอีกครั้งดีหรือไม่ ?”
ไป๋หยานยิ้มราวกับดอกไม้แรกผลิ”ได้สิ”
ถ้อยคำนี้ช่างไพเราะยิ่งนักริมฝีปากของนางถูกครอบครองโดยการจูบล้ำลึกของชายหนุ่ม มือของเขาค่อย ๆ ปลดชุดของไป๋หยานออก เนื้อนวลราวหยกขาวไม่ต่างจากหิมะส่องประกายล้อแสงจันทร์สลัว
ไป๋หยานหลับตาลงช้าๆ นางกำลังรอเข้าสู่สนามรบนองเลือดนั่นอีกครั้ง เมื่อชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าของนางออกทั้งหมด นางกลับยังคงอยู่บนเตียง
โอ๊ย!
ความเจ็บปวดระเบิดออกจากภายในร่างทำให้ร่างของไป๋หยานสั่นระริก นางลืมตาขึ้น แววตาของนางว่างเปล่า งวยงง
เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดครั้งนี้นางถึงได้ล้มเหลวในการเข้าสู่สนามรบ ?
นางยังต้องการเห็นว่าชายในอาภรณ์สีขาวคือผู้ใด…?
”หยานเอ๋อข้าจะไม่ให้โอกาสเจ้าทิ้งข้าอีกต่อไปแล้ว”
ตี้คังลดสายตาลงพร้อมกับโน้มตัวลงจูบริมฝีปากของนาง ร่างของหญิงสาวที่อยู่ภายใต้ร่างเขา สะท้อนอยู่ในดวงตาเรียวคมนั่น ริมฝีปากสีแดงของเขาค่อย ๆ ลุกไล่ไปเรื่อย ๆ
ในที่สุดครานี้เขาก็สมปรารถนาแล้ว …
*****
สายลมยามราตรีพัดผ่านทั้งสองร่างค่อย ๆ เอนกายแนบชิดกันบนเตียงขนาดใหญ่ภายใต้แสงจันทร์นวล ทั่วทั้งห้องพริ้วไหวราวระลอกคลื่น สายลมเย็นชุ่มฉ่ำยามรัตติกาล …
วันต่อมา
ครั้นแสงอรุณรุ่งเบิกฟ้าไป๋หยานก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากแรงกดของร่างกายมนุษย์ นางรู้สึกราวกับว่าร่างของนางกำลังจมดิ่ง นางลืมตาขึ้นทันทีโดยไม่รู้ตัว ทั้งยังตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “ออกไปนะ !”
เมื่อคืนนี้ชายคนนี้กวนนางไม่หยุดเลยตอนนี้นางยังปวดหลังไม่หาย เขาก็คิดจะเริ่มอีกแล้วหรือ ?
”หยานเอ๋อข้าเพิ่งได้ลิ้มรสรสชาติเช่นนี้เป็นครั้งแรก…ดังนั้น … ”
”ครั้งแรกงั้นหรือ?” ไป๋หยานเย้ยหยัน “หากเป็นครั้งแรกของท่าน เช่นนั้นเฉินเอ๋อมาจากที่ใด ?”
เมื่อไป๋หยานกล่าวเช่นนั้นใบหน้าของตี้คังกลับไม่มีความละอายใด ๆ ริมฝีปากสีแดงของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสียงของเขาแหบห้าวและคลุมเครือ
”ก็ในครั้งนั้นเจ้าเป็นคนข่มเหงข้า เพราะความโกรธ ข้าก็เลยไม่รู้สึกถึงความสุขเช่นนี้ ตอนนี้เจ้าจะไม่ชดเชยให้ข้าหน่อยหรือ”
”ออกไปเลย!”
“หยานเอ๋อของข้าอารมณ์แปรปรวนจริงๆ แต่ไม่ว่าเจ้าจะอ่อนโยนหรือหงุดหงิด ข้าก็ชอบมาก มากจนข้าต้องการนอนกับเจ้าไปตลอดชีวิต”
หางคิ้วของไป๋หยานกระตุกสองสามครั้งนางจ้องมองชายหนุ่มผู้ซึ่งกำลังคร่อมร่างของนาง พร้อมกับรอยยิ้มเยาะจาง ๆ “หากท่านไม่หยุด ต่อไปข้าจะแยกห้องนอนกับท่าน”
ถ้อยคำของไป๋หยานไม่ต่างจากจี้จุดอ่อนของตี้คัง เขารีบผละออกจากร่างของนางอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นนอนกอดนางไว้แทน
”หยานเอ๋อข้ารู้สึกราวกับกำลังฝันไป … ”
***จบบทคำแก้ตัวของหลิวชิงหยู (6)***
บทที่ 920 : คำแก้ตัวของหลิวชิงหยู (7)
เสียงของเขาที่กระซิบข้างหูทำให้ร่างของไป๋หยานแข็งทื่อ
”ข้าคิดว่าชั่วชีวิตนี้แดนอสูรจะไม่มีราชินีแล้วและคำทำนายที่ราชครูกล่าวมานั้น ข้าเองก็ไม่เคยสนใจจริงจัง ทว่าเนื่องจากรูปร่างหน้าตาของเจ้า ราวกับหยั่งรากลึกในใจของข้า หากข้าถอนมันออก ก็คงจะเลือดท่วม และอาจถึงตายได้ … ”
น้ำเสียงของตี้คังอบอุ่นจริงใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนทำให้หัวใจของไป๋หยานสั่นไหว
”ผู้ใดสอนให้ท่านพูดคำพวกนี้”นางเอ่ยถาม
ใบหน้าของตี้คังเปลี่ยนเป็นสีดำ”นี่ในใจของเจ้า ข้าเป็นคนเช่นใดหรือ ?”
”เปล่าข้าเพียงรู้สึกแปลก ๆ ก็ไม่ใช่เช่นที่ท่านเคยกล่าวเสมอมา … ”
“หยานเอ๋อเจ้าเป็นคนพิเศษที่สุดสำหรับข้าเสมอ นอกจากเจ้าแล้ว ข้าไม่อาจทำเช่นนี้กับคนอื่นได้ เข้าใจหรือไม่ ?”
ในโลกนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำให้เขาพ่ายแพ้ถึงขั้นยอมละศักดิ์ศรี และทิ้งความเย่อหยิ่งของตนเอง นั่นก็คือนาง
ไป๋หยานโอบกอดตี้คังด้วยสองแขนของตน
ชายผู้นี้ทั้งเย่อหยิ่งยโส และก้าวร้าว ทว่าต่อหน้านาง เขามักจะยอมนางเสมอ ความร้ายกาจของเขาไม่เคยปรากฏออกมาให้นางได้เห็นเลย
เขาไร้หัวใจหากแต่มิใช่กับนาง
ไม่ว่าโลกจะตัดสินเขาเช่นไร? ทว่าในใจของนางนั้น ตี้คังจะเป็นคู่เคียงของนางตลอดไป
”ตี้คังท่านยังจำได้หรือไม่ ? ที่ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกท่านว่า เหตุที่เราไม่อาจประสบความสำเร็จซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นเพราะข้ามักจะเข้าสู่ความทรงจำในอดีตซึ่งคนในความทรงจำเหล่านั้นมิใช่ตัวข้า … ”
คนที่อยู่ในสนามรบนั้นมิใช่นางหากแต่เป็นชีวิตในอดีตของนาง ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับนางในชีวิตนี้เลย แม้ว่าหลาย ๆ สิ่งจะรู้สึกเหมือนกัน หากแต่ในหัวใจของไป๋หยานนั่นก็ยังคงเป็นความทรงจำของคนอื่นอยู่ดี …
”ทว่าครานี้ข้าไม่รู้ว่า เหตุใดข้าจึงไม่สามารถเข้าไปในห้วงความทรงจำนั้นได้”
นัยน์ตาของตี้คังหรี่ลงเล็กน้อยประกายแสงวาววับวาบผ่านนัยน์ตาเรียวคมของเขา เขาปลดแขนของไป๋หยาน จากนั้นก็ดึงร่างของนางเข้าสู่อ้อมแขนของเขา
”ไม่เป็นไรหากเจ้าเข้าไปไม่ได้ บางทีอาจเป็นเพราะสิ่งนั้นอาจไม่เหมาะที่จะให้เจ้าเข้าไปเห็น หรือเข้าไปดูมากเกินไป … ”
ไป๋หยานนิ่งงันนางเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้า นางสงสัยเหลือเกินว่า นั่นเป็นภาพลวงตาใช่หรือไม่ ? หากแต่นางก็รู้สึกเสมอว่าตี้คังดูเหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง
ยิ่งไปกว่านั้นครั้งแรกที่นางพูดถึงเรื่องสมรภูมินองเลือดกับตี้คังนั้น ตี้คังก็แสดงทีท่าเหมือนไม่รู้อะไร แสดงว่าต่อให้เขารู้ เขาก็คงจะไม่พูดอะไร
หรือบางทีนางอาจจะคิดมากเกินไป …
เมื่อนึกถึงชายในอาภรณ์สีขาวที่นางเห็นในสนามรบคิ้วของไป๋หยานพลันขมวด นางอยากรู้ว่าบุรุษที่ปรากฏในความทรงจำของชีวิตก่อนหน้าของนางนั้นคือผู้ใด ? และเขาทำอะไรกับนางกันแน่ ?
”หยานเอ๋อเรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องคิดมากหรอก” ตี้คังกอดร่างนุ่ม ๆ ของนางแน่น “ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ”
”ตี้คังท่านกลัวหรือ ?”
นางรู้สึกได้ถึงความตื่นตระหนกในหัวใจของเขาผ่านอ้อมแขนที่แข็งแรง และทรงพลังของชายหนุ่ม
ดูเหมือนว่าเขาจะหวาดกลัวบางอย่าง
ร่างของตี้คังแข็งทื่อขึ้นเล็กน้อยเขาก้มลงมองสตรีในอ้อมแขน “หยานเอ๋อ สัญญากับข้า เจ้าจะต้องไม่คิดถึงเรื่องนั้นอีก”
”ทำไมล่ะ?”
”เพราะ… ข้าไม่อยากให้เจ้าได้รับอันตรายใด ๆ ”
ข้าไม่ต้องการที่จะสูญเสียเจ้าอีก
”สัญญากับข้านะได้หรือไม่ ?” ตี้คังกอดร่างกายของไป๋หยานแน่นอีกครั้ง
ไป๋หยานครุ่นคิดเพียงครู่”ได้ ข้าสัญญากับท่าน … ”
นางเชื่อใจเขาเช่นนั้นนางจะไม่พยายามค้นหาคำตอบอีกต่อไป
”แต่ตี้คังข้าไม่ต้องการให้ท่านปิดบังข้า” ไป๋หยานเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่หล่อเหลางดงามของชายหนุ่ม “ยิ่งไปกว่านั้น ข้าสามารถรับเรื่องราวต่าง ๆ ได้มากกว่าที่ท่านคิด”
***จบบทคำแก้ตัวของหลิวชิงหยู (7)***