ฉันนี่แหละจ้าวนรก - บทที่ 364 ความหมายแฝง
บทที่ 364: ความหมายแฝง
ทั้งห้องถูกปกคลุมด้วยความเงียบในฉับพลัน
โจวเซียนหลงและเถาหรานต่างอ้าปากค้างด้วยความหวั่นสะพรึง พวกเขารู้ดีว่าการถือกำเนิดขึ้นของวิญญาณขั้นฝู่จวินนั้นมีความหมายว่าอย่างไรต่อมนุษยชาติ
นอกจากนี้… สัญชาตญาณของโจวเซียนหลงบอกเขาว่านี่คือสาเหตุที่แท้จริงของการตายของหลี่จีสี่!
เขาอยากรู้มากกว่านี้ แต่หลังจากเกิดความเงียบที่กดดัน โจวเซียนหลงก็ส่ายหน้าช้า ๆ “เราอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้กันตอนนี้เลย ไว้รอให้คุณดีขึ้นกว่านี้ก่อนแล้วเราค่อยคุยกันอีกครั้ง”
แต่ถึงอย่างนั้นฉินเย่ก็ไม่ยอมปล่อยมือ เขาสบตาของโจวเซียนหลงนิ่ง “ไม่… หัวหน้าครับ ฟังผมก่อน… มันมีบางอย่างที่ผมจะต้องบอกคุณตอนนี้เลย”
จากนั้น เขาก็ดึงเสื้อของตัวเองขึ้นมาถึงบริเวณอก “คุณเห็นไหมครับ?”
โจวเซียนหลงและเถาหรานมองหน้ากันและกัน ก่อนจะส่ายหน้าไปมา
เป็นอย่างที่คิด พวกคุณมองไม่เห็นมัน แต่นั่นก็ดีแล้ว เพราะนั่นหมายความว่าพวกคุณไม่มีทางตรวจสอบความจริงได้
ฉินเย่หลุบตาลงราวกับผู้ป่วยที่อ่อนแอ “ผมไม่แน่ใจนักว่ามันเกิดอะไรขึ้น… แต่สิ่งเดียวที่ผมรู้ก็คือตอนนั้นที่ผมหมดสติไป แล้วผมก็เหมือนกับตกอยู่ในความฝันที่ยาวนาน ในความฝันนั้น วิญญาณอาฆาตขั้นฝู่จวินสาปผมด้วยคำสาปที่มันเรียกว่า…สะพานนกสาลิกา”
โจวเซียนหลงทนไม่ไหวอีกต่อไป หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความร้อนรน แต่น้ำเสียงที่ออกมายังคงนิ่งเรียบดังเดิม “ไม่ต้องห่วง เสี่ยวฉิน ต่อให้คุณตกเป็นเป้าหมายของวิญญาณอาฆาตขั้นฝู่จวิน ผมก็จะส่งตัวคุณไปที่สำนักงานใหญ่ของหน่วยสอบสวนพิเศษ คุณจะปลอดภัยอย่างแน่นอนเมื่ออยู่ที่นั่น”
ไม่…อย่าเพิ่ง! เรื่องมันไม่ควรจะเป็นแบบนี้! ผมยังไม่พร้อมที่จะเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่!!!!
ฉินเย่รู้สึกราวกับมีก้อนบางอย่างมาจุกอยู่ที่ลำคอ – นี่พวกคุณกำลังแกล้งผมหรือเปล่า? พวกคุณจะแทงผมทั้ง ๆ ที่ผมยังไม่หายดี?! แถมแต่ละการโจมตียังมาถึงแบบไม่บอกกล่าว แทงเข้ามาที่ใจและกระดูกของเขาโดยตรง… นี่พวกคุณพยายามปิดกั้นทางหนีที่ผมพยายามเตรียมไว้ให้ตัวเองอยู่นะ?!
“แค่ก แค่ก แค่ก…” ฉินเย่ไอออกมาอย่างรุนแรง และเถาหรานก็รีบก้าวเข้ามาและลูบหลังของเด็กหนุ่ม จากนั้น ฉินเย่ก็นั่งพิงหลังกับหมอนของเขาและเอ่ยอย่างอ่อนแรง “นี่คือครั้งแรกของการปะทุของคำสาป และมันก็บอกผมว่าทุกอย่างที่ผมได้เห็นมาในฝันนั้นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจากจินตนาการของผมเอง นอกจากนี้ ทันทีที่ผมเข้าใกล้กับผู้ฝึกตนของแดนมนุษย์ อาการเช่นนี้ก็จะปะทุขึ้นอีกภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน”
ฉินเย่อดไม่ได้ที่จะชื่นชมความเฉลียวฉลาดของตัวเอง!
ทีนี้มาดูกันว่าพวกคุณจะยังส่งผมไปที่สำนักงานใหญ่อยู่อีกหรือไม่!
ผมอาจจะเป็นฮัสกี้ที่สามารถแทรกซึมเข้ามาอยู่ในฝูงหมาป่าได้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าผมพร้อมที่จะได้เจอกับราชาหมาป่าแล้ว!
ฉินเย่ก้มหน้าลง ประกายแห่งชัยชนะวาววาบขึ้นในส่วนลึกของแววตา
เงียบ
“เข้าใจแล้ว” ไม่กี่วินาทีต่อมา โจวเซียนหลงก็สูดหายใจเข้าช้า ๆ และกุมมือฉินเย่แน่น “เสี่ยวฉิน คุณไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่น พักผ่อนให้เพียงพอ ทรัพยากรเดียวที่พวกเราเหล่าผู้ฝึกตนมีก็คือพลังความสามารถที่เกิดขึ้นจากร่างกาย เราจะหาอาจารย์ผู้สอนคนใหม่ ส่วนคุณ…”
เขากัดฟันแน่น “เราจะระงับการสอนของคุณไปก่อน เมื่อคุณมีอาการดีขึ้นแล้ว ทางเราจะเตรียมหนังสือลาออกให้ ผมเชื่อว่าผู้อำนวยการทั้งสองของเราจะไม่มีข้อคัดค้านกับเรื่องนี้เช่นกัน และเมื่อถึงเวลานั้น พวกเราจะพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อช่วยคุณถอนคำสาปนี้”
… เดี๋ยวก่อนนะ…
ฉินเย่รู้สึกราวกับว่าตนเพิ่งถูกฟ้าผ่าลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว เขามองหน้าโจวเซียนหลงและเถาหรานอย่างเศร้าโศก เดี๋ยวนะ เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน!!!…. เรื่องมันไม่ควรจะเป็นแบบนี้! พวกคุณกำลังเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว!
ทั้ง ๆ ที่ผมได้เป็นถึงอาจารย์ผู้สอนดีเด่นที่กำลังจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองศาสตราจารย์ผู้ช่วย แต่คุณกลับบอกให้ผมยื่นหนังสือลาออก?! นี่สามัญสำนึกของความเป็นผู้นำของพวกคุณอยู่ที่ไหน?! คุณรู้หรือเปล่าว่าตัวเองจะไม่สามารถรักษาตำแหน่งของตัวเองได้นาน ๆ หากคุณจัดการกับปัญหาแบบนี้?!
คำตอบมันควรจะเป็น – ‘คุณควรจะไปพักฟื้นตัวต่อในสำนักฝึกตนแห่งแรก ประตูของสถาบันเปิดต้อนรับคุณเสมอ และเราก็หวังว่าคุณจะหายดีและสามารถกลับไปสอนอีกครั้งได้ภายในภาคการศึกษาหน้า’ สิ!!
ไม่ใช่ว่านั่นคือคำตอบที่เหมาะสมกว่าเหรอ?!
ไม่ใช่ว่าอาจารย์ที่ป่วยหนักควรได้รับโอกาสในการนอนสอนหน้าโพเดียมหรอกหรือ? ผมสัญญาว่าผมจะไม่เรียกร้องขอค่าชดเชยใด ๆ! นอกจากนี้ คุณหมายความว่าอย่างไรให้ผมลาออกจากหน้าที่และสนใจเรื่องการพักฟื้น? คุณไม่รู้หรือไงว่าแม้แต่ผู้ป่วยโรคมะเร็งก็ยังมีระยะการฟักตัว?! คะ คำ…คำสาปของผมเองก็คงไม่ขัดขวางหน้าที่การทำงานของผมในทันทีหรอก!!!
ดวงตาของทั้งสามสบกัน แววตาของฉินเย่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก ในขณะที่แววตาของโจวเซียนหลงและเถาหรานเต็มไปด้วยความกังวลและเป็นห่วง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง โจวเซียนหลงก็ยกมืออีกข้างขึ้นมาและลูบมือของฉินเย่ “วางใจได้ ทางสถาบันจะไม่มีทางทอดทิ้งอาจารย์ผู้สอนอย่างแน่นอน พวกเราจะพยายามเลือกเมืองที่ขาดคนเพื่อที่คุณจะได้อยู่ห่างจากผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ พักผ่อนเถอะ”
จากนั้นชายสูงวัยก็ดึงมือของฉินเย่ออกและเดินออกมาเพื่อให้เด็กหนุ่มได้พัก โดยที่ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมอง ต่างจากเด็กหนุ่ม ในตอนนี้เขากลับเอื้อมมือออกไปเพื่อไขว่คว้าร่างของโจวเซียนหลง ราวกับนางเอกละครน้ำเน่าที่กำลังร้องไห้ตามตัวร้ายของเรื่อง
สุดท้าย หลังจากผ่านไปสามวินาที เขาก็ล้มตัวลงนอนกับเตียงด้วยความสิ้นหวัง “มันเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร…”
ทำไมมันถึงกลายเป็นว่าเขาขุดหลุมฝังตัวเองแบบนี้?
ไม่… นี่เป็นภาพหลอน มันจะต้องเป็นภาพหลอนแน่ ๆ ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องจริง! พวกเขาคงไม่ไร้ความสามารถในการอ่านสถานการณ์ขนาดนี้…ใช่ไหม?
หลังจากนั้นไม่นาน ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง
ครั้งนี้ฉินเย่ไม่แม้แต่จะมองไปที่ประตู ภายในหัวของเขากำลังหมุนติ้ว พยายามยอมรับผลที่จะเกิดขึ้นตามมาจากการกระทำของตัวเอง เขาเพิ่งถูกไล่ออก… ตอนนี้กลายเป็นคนว่างงาน… บุคลิกที่อ่อนแอของเขาใช้ไม่ได้ผล แถมยังทำให้ทุกอย่างแย่ลงกว่าเดิมเสียอีก…
ทันใดนั้น เสียงของหลินฮั่นก็ดังขึ้นตัดผ่านความเงียบภายในห้อง “ดีจริง ๆ ที่คุณยังมีชีวิต” ฉินเย่ตกใจจนเผลอตบเข้าที่หน้าของอีกฝ่าย
หลินฮั่นค่อย ๆ จับมือของอีกฝ่ายออก ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ใช่แล้ว ผมเอง ไม่ใช่ผู้เก็บเกี่ยววิญญาณที่ไหน ~~”
จากนั้น ในเสี้ยววินาทีต่อมา เขาก็อุ้มฉินเย่ขึ้นจากเตียง!
หลังจากที่ดาวหางพุ่งชนโลก ดวงอังคารก็พุ่งชนตามมาติด ๆ! ฉินเย่ตกใจจนแทบจะถีบร่างของอีกฝ่ายออกไปจากห้อง “คุณทำบ้าอะไร?!!!”
วันนี้เขาได้รับการกระตุ้นมากเกินไปแล้ว และจิตใจของเขาก็ใกล้จะแหลกสลายเต็มที
แต่หลินฮั่นนั้นไร้ซึ่งความปรานี ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นกังวลว่าเรื่องที่ผ่านมาอาจจะยังไม่เพียงพอที่จะทำให้จิตใจของฉินเย่พังทลาย เขามองฉินเย่ราวกับต้องการจะหัวเราะออกมา “เราจะไปห้องน้ำกัน คุณควรจะชินได้แล้วไม่ใช่หรือไง? เราทำอย่างนี้มาตั้งแต่ตอนที่คุณยังไม่ได้สติ!”
WTF?!!
ฉินเย่คว้าคออีกฝ่ายและบีบอย่างแรงจนดวงตาของชายหนุ่มแทบจะถลนออกมา “ปล่อยผม! ผมบอกให้ปล่อย!!! ไม่อย่างนั้นในปีหน้า วันนี้จะเป็นวันครบรอบวันตายของคุณ!”
“…แน่นไป แน่นไปแล้ว… จะว่าไป คุณแข็งแกร่งขนาดนี้ทั้ง ๆ ที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาได้ยังไงกัน? แล้วคุณก็ไม่เห็นต้องอายเลย… มันไม่ใช่ว่าผมไม่เคยเห็นมันมาก่อน…” หลินฮั่นวางร่างของฉินเย่ลงบนวีลแชร์และเข็นเด็กหนุ่มไปที่ห้องน้ำ จากนั้น…
ฉินเย่ก็ลุกยืนขึ้น
“เฮ้ย?!” หลินฮั่นเผลอถอยหลังไปด้วยความตกใจ มันน่าตกใจมากที่คนที่เพิ่งฟื้นจากอาการโคม่าลุกยืนขึ้นได้แบบนี้ นี่อีกฝ่ายเพิ่งฟื้นตัวจากการบาดเจ็บสาหัสไม่ใช่เหรอ?
ฉินเย่พยายามข่มจิตสังหารภายในใจของตัวเองและเงยหน้ามองเพดาน “ผม…ไปเองได้” เขาเกรงว่าหากตนมองไปที่หลินฮั่นอีกครั้ง… มันจะเป็นการไปกระตุ้นพฤติกรรมที่ไม่อาจย้อนกลับของตัวเอง…
เสียงที่เอ่ยออกมานั้นนิ่งเรียบที่สุดอย่างที่จะทำได้
“คุณพูดบ้าอะไร? ขาของคุณยังสั่นอยู่เลย…” หลินฮั่นตอบกลับด้วยความเป็นห่วง
“…ผมอยากปรับตัวให้ชินเร็ว ๆ” กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าของเด็กหนุ่มกระตุกอย่างไม่สามารถควบคุมได้ “นอกจากนี้ ผมอยากพักผ่อน ช่วยปิดประตูจากด้านนอกให้ที ขอบคุณ”
หลินฮั่นพยักหน้า
จากนั้น เขาก็ปิดประตูจากด้านใน
นี่คุณฟังคำสั่งง่าย ๆ ไม่รู้เรื่องหรือไง?! นี่ผมพยายามพูดกับคุณด้วยความเมตตาที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วนะ!!!
ภายในใจของฉินเย่เต็มไปด้วยความขุ่นมัว! ความคิดที่ว่าหลินฮั่นได้สัมผัสกับส่วนที่ไม่ควรสัมผัสได้ปลุกปั่นความโกรธภายในใจของเขาจนอยากจะส่งให้อีกฝ่ายไปอยู่ท่ามกลางฝูงแมลงแห่งหายนะเดี๋ยวนี้เลย
อดทน… อดทนไว้… มันต้องมีกล้องวงจรปิดอยู่แถวนี้ เราควรจะเป็นผู้ป่วยที่อาการยังไม่ดีนะ… จะทำอะไรมากไปไม่ได้…
หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที ใบหน้าเยาว์วัยก็ถูกประดับด้วยรอยยิ้มที่งดงามที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่เขาจะกลับไปที่เตียง ล้มตัวลงนอนและเริ่มจับโทรศัพท์ของตนมาเล่นอีกครั้ง หลินฮั่นเองก็ไม่ได้สนใจอีกฝ่ายเช่นกัน นี่ดูเหมือนจะเป็นการประนีประนอมที่หาได้ยากที่ทั้งสองสามารถทำได้
ด้วยเหตุนี้ ทั้งคู่จึงไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของชายผู้อยู่อีกด้านหนึ่งของผนังเลยสักนิด เขาอยู่ในชุดสูทราคาแพง และกำลังเอนหลังพิงผนังโดยคาบบุหรี่ไว้ในปาก
ร่างโปร่งมีความสูงประมาณ 1.8 เมตรและมีใบหน้าที่เยาว์วัย แต่ถึงกระนั้น การเคลื่อนไหวและกิริยาท่าทางของเขากลับสวนทางกับอายุอย่างชัดเจน ชายหนุ่มพ่นควันบุหรี่ออกมาและพยักหน้าให้กับชายที่อยู่อีกฟากหนึ่งของห้องที่เขายืนอยู่ “หากเป็นอย่างนั้นจริง ๆ มันก็สามารถอธิบายการตายที่แปลกประหลาดของอัลบาทรอส 032 ได้”
โจวเซียนหลงคือผู้ที่นั่งอยู่ที่อีกฟากหนึ่งของห้อง เขาถอนหายใจออกมา “ถ้าอย่างนั้นเราก็มาสรุปการสืบสวนกันเถอะ”
เขายกมือขึ้นกุมขมับ “ผมไม่คิดเลยว่านักเรียนหวังเฉิงห่าวจะต้องเสียชีวิตจากการสืบสวนในครั้งนี้ นี่คือความเสียใจที่ผมต้องแบกรับไปตลอดชีวิต จนถึงตอนนี้ มันดูเหมือนจะไม่มีความหมายอะไรเลยที่จะสืบสวนต่อ เพราะท้ายที่สุดแล้ว มันก็ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกจากการปะทุของพลังหยินที่ช่องแคบสึชิมะ”
ชายหนุ่มตรงหน้าเพียงคีบบุหรี่ออกจากปากและเอ่ยว่า “มันเป็นของปลอม”
ชายสูงวัยเงยหน้าขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้ว “หืม?”
“บัตรประจำตัวประชาชนของอาจารย์ฉิน” เขาเคาะบุหรี่ในมือเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ “พวกเราเพิ่งตรวจพบว่าก่อนหน้านี้อัลบาทรอส 032 ได้ทำการตรวจสอบเกี่ยวกับตัวตนของอาจารย์ฉินในฐานข้อมูล และการปลอมแปลงนี้จะสามารถตรวจพบได้หลังจากที่ได้รับอนุญาตจากผู้มีอำนาจระดับสูงเท่านั้น”
ดวงตาของโจวเซียนหลงวาวขึ้น และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจังมากขึ้น แต่ไม่นานเขาก็ส่ายหน้าและคลายความตึงเครียดลง
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าเขาเป็นมนุษย์ ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเราได้ทำการตรวจร่างกายของเขาอย่างละเอียด และยืนยันแล้วว่าไม่มีวิญญาณอาศัยอยู่ในร่างของเขา อาจารย์ฉินคืออาจาร์ของสำนักฝึกตนแห่งแรก และเขาก็พยายามอย่างถึงที่สุดในทุก ๆ ด้าน ความทุ่มเททั้งหมดของเขาไม่สามารถมองข้ามหรือลบล้างได้”
โจวเซียนหลงลุกยืนขึ้น “ผมขอสั่งห้ามคุณไม่ให้ทำการสืบสวนใด ๆ เพิ่มเดิม และผมก็สั่งในฐานะของรองผู้บัญชาการสูงสุดของหน่วยสอบสวนพิเศษ”
อีกฝ่ายเงียบไป
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “อันที่จริง ผมก็มีเจตนาจะทำแบบนั้นเหมือนกัน”
โดยไม่เว้นช่วง เขาเอ่ยต่อ “ข้อเท็จจริงที่ว่าข้อมูลบัตรประชาชนปลอมของอาจารย์ฉินมีปรากฏอยู่ภายในฐานข้อมูลของรัฐนั้นหมายความว่ามีใครบางคนคอยช่วยเขาอยู่ ทางเราระบุตัวตนของชายผู้นี้และได้ถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว แต่เขาก็บอกนัย ๆ ว่าเราควรหยุดสืบสวนเรื่องนี้ เขายังรับปากด้วยว่ามันไม่มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับตัวตนของอาจารย์ฉินอย่างแน่นอน หากพูดกันตามตรง ผู้ที่คอยหนุนหลังอาจารย์ฉินยังบอกเราอีกด้วยว่าสถานะของอาจารย์ฉินนั้นค่อนข้างพิเศษ และเขาก็เป็นคนเตรียมเอกสารระบุตัวตนให้อาจารย์ฉินด้วยตัวเอง”
“เขาเป็นใครกัน?!” โจวเซียนหลงถามกลับ
“ตำแหน่งของเขาสูงกว่าคุณ” คำตอบของอีกฝ่ายทำให้ชายสูงวัยอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
ฉินเย่… รู้จักคนแบบนั้นด้วยหรือ?
โจวเซียนหลงไม่รู้เลยว่าฉินเย่นั้นมีชีวิตอยู่มาเป็นเวลากว่าร้อยปีแล้ว และเด็กหนุ่มก็ย่อมมีไพ่ลับซ่อนอยู่ ซึ่งจางเปากัวแห่งเมืองเป่าอันก็คือหนึ่งในไพ่ลับเหล่านั้น
“นอกจากนี้ จางเปากัวแห่งเมืองเป่าอันก็ดูเหมือนจะรู้อะไรมากกว่าที่เราคิด เขาจึงบอกเป็นนัยว่าเราควรยุติการสืบสวนแต่เพียงเท่านั้น” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา “เพราะฉะนั้น เราจะถือว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นมาก่อน หลังจากนี้เป็นต้นไป เราจะหันเหความสนใจออกจากอาจารย์ฉิน และมุ่งเน้นไปที่การสืบหาสาเหตุที่แท้จริงของการปะทุของพลังหยินที่ช่องแคบสึชิมะแทน”
เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่ในความคิดของเรา เขาไม่ควรได้รับตำแหน่งการสอนใด ๆ อาจารย์ฉินคือชายผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความลึกลับ และผู้ที่คอยให้การสนับสนุนเขาก็ปกปิดความจริงเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของเขาเช่นกัน มัน…ไม่ปลอดภัยที่จะปล่อยให้เขาอยู่ในสำนักฝึกตนแห่งแรกต่อไป”
เมื่อพูดจบ เขาก็เดินออกไปจากห้อง
เมื่อเดินมาถึงชั้นล่าง เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมา “สวัสดี…ผมเอง เตรียมยกเลิกการเฝ้าระวังและการสืบสวนเกี่ยวกับเป้าหมาย S81 ยกเลิกแผนการทั้งหมด… ใช่แล้ว พรุ่งนี้ ทีมปฏิบัติการที่ประจำอยู่ที่สำนักฝึกตนแห่งแรกจะเดินทางกลับไปที่เมืองเยียนจิง และเราจะวางมือจากเรื่องนี้ซะ… ไม่ ไม่มีใครมารับช่วงต่อทั้งนั้น เรื่องนี้จะจบลงที่ตรงนี้”
ในขณะเดียวกัน โจวเซียนหลงก็หยิบโทรศัพท์ในห้องผู้ป่วยขึ้นและกดโทรออก “ศาสตราจารย์เถา… อืม ผมเอง”
เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “เตรียมการทุกอย่างที่จำเป็น ติดต่อพื้นที่โดยรอบและถามดูว่ามีพื้นที่ไหนที่เกิดเหตุเหนือธรรมชาติบ่อยมากกว่าปกติและกำลังมองหาผู้ฝึกตนขั้นนักล่าวิญญาณเพื่อจัดการพื้นที่หรือเปล่า เขากำลังจะบรรลุเป็นขั้นยมทูตขาวดำแล้ว… อืม ผมอยากจะได้คำตอบภายในบ่ายวันนี้เลย”
หลังจากนั้น โจวเซียนหลงก็วางสายโทรศัพท์และมองออกไปนอกหน้าต่าง ถอนหายใจออกมายาวเหยียด “ช่างเป็นปีที่มีแต่เรื่องจริง ๆ…”