ฉันนี่แหละจ้าวนรก - บทที่ 367 การเปิดเผยอย่างกะทันหันเกี่ยวกับนิเวศวิทยาของยมโลก(1)
- Home
- ฉันนี่แหละจ้าวนรก
- บทที่ 367 การเปิดเผยอย่างกะทันหันเกี่ยวกับนิเวศวิทยาของยมโลก(1)
บทที่ 367: การเปิดเผยอย่างกะทันหันเกี่ยวกับนิเวศวิทยาของยมโลก(1)
ทันใดนั้น อาร์ทิสก็เอ่ยแทรกขึ้น “ท่านโนบูนางะ”
โนบูนางะเงยหน้ามองฉินเย่เพื่อรอสัญญาณ และเมื่อได้รับการพยักหน้าเป็นการอนุญาต เขาจึงตอบรับคำเรียกของอาร์ทิส “ท่านอรากษส”
ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกนางจะระหองระแหงเพียงใด แต่อาร์ทิสก็มักจะให้ความเคารพในสถานะและตำแหน่งของฉินเย่เสมอ อย่างน้อยก็ในสายตาของสาธารณะ ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าการตัดบทของนางย่อมหมายความว่ามีเรื่องสำคัญบางอย่างที่จะต้องหยิบยกขึ้นมาพิจารณา
“การฝึกฝนของทหารเกณฑ์กลุ่มใหม่เป็นอย่างไรบ้าง?”
“เมื่อไม่นานมานี้ข้าได้ทำการเกณฑ์ทหารมาเพิ่มขึ้น และตอนนี้กองกำลังทหารของเราก็มีจำนวนทหารทั้งสิ้น 8,000 นาย การฝึกฝนของพวกเขาเป็นไปด้วยดี แต่ถึงอย่างนั้น…” โนบูนางะชะงักไปครู่หนึ่ง “ไม่มีผู้ใดมีประสบการณ์เกี่ยวกับการต่อสู้มาก่อน”
นี่เรากำลังจะได้ระดมกองกำลังทหารกันแล้วหรือ? ความคิดเหล่านี้ทำให้ทำให้เลือดภายในกายของคนทั้งหมดสูบฉีดไปหมด
นี่คือเรื่องที่พวกเขาเคยเห็นแต่ในโทรทัศน์เท่านั้น ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะได้มามีส่วนร่วมโดยตรงกับการระดมกองกำลังของยมโลกกัน?
ดวงตาของตนทั้งหมดจับจ้องไปที่อาร์ทิส นางพยักหน้า “มันใกล้จะถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องหลั่งเลือดแล้ว เตรียมการสำหรับการกลับไปสำรวจยมโลกแห่งเก่าภายในหนึ่งสัปดาห์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะต้องให้พวกเขาได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับการต่อสู้จริงก่อนการพัฒนาการขั้นต่อไปของยมโลก”
โนบูนางะขมวดคิ้วเล็กน้อย “ขออภัยในความไม่สุภาพ… แต่ข้าขอทราบเหตุผลได้หรือไม่?”
อาร์ทิสหันไปหาฉินเย่ และก็ได้รับคำอนุญาตให้ทำตามต้องการ ดังนั้นนางจึงสูดหายใจเข้าช้า ๆ และลุกยืนขึ้น ก่อนจะมองไปยังผู้เข้าร่วมการประชุมทั้งหมด “ข้าเชื่อว่าทุกคนคงได้ยินเกี่ยวกับการรายงานจากซูตงเซวี่ยเมื่อไม่กี่วันก่อนแล้ว พวกเรากำลังจะมุ่งความสนใจไปที่การพัฒนาไปสู่ระดับต่อไปของยมโลก! หากเราไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในระยะเวลาสองปีได้ มันก็จะไม่มีผู้ใดต้องการทำการค้าขายกับเราอีกเลย และเพื่อที่จะไปให้ถึงเป้าหมายดังกล่าว ยมโลกแห่งใหม่จะยอมให้เกิดข้อผิดพลาดใด ๆ ในเวลาสุดท้ายไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้น มันถึงเวลาแล้วที่เราจะยกระดับขึ้นไปอีกขั้น!”
“แต่ก่อนหน้านั้น มันมีเรื่องสำคัญที่เราจะต้องรู้เสียก่อนว่าเรากำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่ การจัดตั้งเส้นทางการค้าหมายความว่าเราจะต้องเปิดพรมแดนของตัวเองและสร้างเส้นทางไปยังเมืองท่า นี่เป็นกระบวนการที่อันตรายเป็นอย่างมาก หากโชคไม่เข้าข้าง… เอาเป็นว่าในพงศาวดารของยมโลกเคยระบุเกี่ยวกับการสูญเสียนับหมื่นหรือเหตุร้ายบางอย่างจากมันก็แล้วกัน”
ทุกคนต่างฟังอย่างจริงจัง พวกเขาคุ้นเคยกับดินแดนของยมโลกที่อยู่ใกล้กับประตูนรกและพรมแดนของมันเป็นอย่างดี แต่ข้างนอกเล่า? ไม่มีผู้ใดรู้เกี่ยวกับสิ่งนี้
ดูเหมือนว่าการเดินทางครั้งนี้จะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสียแล้ว
“ข้าได้เตรียมบางอย่างไว้ให้พวกท่านทุกคน” นางลุกขึ้นยืนและสะบัดมือ หน้าจอพลังหยินก็ปรากฏขึ้น
ภาพบนหน้าจอเผยให้เห็นอสูรสามหัวที่คำรามขึ้นฟ้า ปีกขนาดใหญ่ของมันกางออก และเสียงฟ้าร้องกับฟ้าผ่าดังขึ้นให้ได้ยินท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำ พื้นดินด้านล่างอลหม่านไปด้วยการต่อสู้ มนุษย์ที่ดูมีขนาดตัวพอ ๆ กับเมล็ดข้าววิ่งหนีไปมาด้วยความสิ้นหวัง อสูรกายขนาดใหญ่กระพือปีกของมันอย่างบ้าคลั่งไปยังวัตถุที่มันจ้องอยู่
ตรงข้ามกับมันมีอสูรกายขนาดใหญ่พอ ๆ กันซึ่งดูไม่ต่างอะไรกับกิ้งก่าที่มีหนามอยู่เต็มหลังยืนอยู่ หนามบนหลังของมันเปล่งแสงสีฟ้าสดใส พร้อมกับเสียงคำรามที่ดังก้อง อสูรที่เหมือนกิ้งก่าก็พุ่งหน้าไปยังอสูรสามหัวอย่างรวดเร็ว!
ตึง ตึง ตึง! เศษดินและฝุ่นกระจัดกระจายไปทั่วที่อสูรขนาดใหญ่วิ่งผ่าน และพื้นดินก็สั่นสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหว ภายในไม่กี่วินาที อสูรขนาดใหญ่สองตัวปะทะกันอย่างรุนแรง
“นี่มัน…” “นี่มันตัวบ้าอะไร?” “หรือว่า…พวกเราต้องเผชิญหน้ากับตัวอะไรแบบนั้น? มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?”
เกิดความวุ่นวายขึ้นในห้องประชุมทันที ฉินเย่กะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะกระตุกชายเสื้อของอาร์ทิสและกระซิบกับนางเบา ๆ “นี่ท่านหยิบผิดแผ่นหรือเปล่า? นี่มันไม่ใช่เรื่องก็อตซิลล่า: ราชันแห่งมอนสเตอร์หรอกหรือ? มันเพิ่งถูกฉายในโรงภาพยนต์เมื่อไม่กี่วันก่อนไม่ใช่หรืออย่างไร?”
อาร์ทิสชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะหันไปดู จากนั้น นางก็กระแอมออกมาเบา ๆ “ขออภัย… ภาพมันคล้ายกันมาก ข้าเลยเข้าใจผิดไป…”
หน้าจอพลังหยินเปลี่ยนเป็นอีกภาพหนึ่งในทันที ครั้งนี้…ภาพที่ปรากฏขึ้นมามันคืองูยักษ์ตัวหนึ่ง
ลำตัวสีขาวซีด และร่างของมันก็ถูกปกคลุมไปด้วยดินโคลนและป่าไม้สูงใหญ่ เมื่อมองจากไกล ๆ มันดูไม่ต่างอะไรกับภูเขาขนาดเล็กเลยแม้แต่น้อย! เปลวไฟนรกจำนวนนับไม่ถ้วนลุกโชนอยู่ภายใต้เกล็ดของมัน ราวกับว่ามันคือผู้อาศัยในนรก มันดูผอมแห้งอย่างผิดปกติ แต่กลับมีขนาดใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ หากพูดกันตามตรง พวกเขาสามารถมองเห็นเลยว่าเกล็ดของมันติดแน่นอยู่กับกระดูก แทบจะเหมือนกับว่ามันคืองูโครงกระดูกไม่มีผิด!
ฟ่ออ!!! มันส่งเสียงขู่ออกมาอย่างน่ากลัว แม้ว่าจะเป็นจังหวะที่มันกำลังเคลื่อนตัวพุ่งไปหาอสูรตัวใหญ่ตรงหน้าของตัวเอง ในอีกด้านหนึ่ง สุนัขหมาป่าโครงกระดูกที่เพียงแค่ส่วนหัวก็มีขนาดถึง 50 เมตรและร่างกายที่มีขนาดพอ ๆ กันก็คำรามออกมาและพุ่งเข้าหาคู่ต่อสู้!
ครืนนนน… พื้นดินสั่นไหวอย่างรุนแรงจากการปะทะที่ทรงพลัง คลื่นกระแทกของเปลวไฟนรกปะทุขึ้นจากจุดศูนย์กลางของการปะทะ เปลี่ยนให้พื้นที่ในรัศมี 10 ไมล์กลายเป็นอาณาเขตของความตายและการทำลายล้าง
วิดีโอตรงหน้านั้นน่าตกตะลึงจนไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ภาพบนหน้าจอฉายอยู่เป็นเวลาหนึ่งนาทีเต็ม ก่อนที่หน้าจอพลังหยินจะค่อยหายไปในที่สุด
“นี่คือวิดีโอของการทำสงครามอาณาเขตระหว่างราชาอสูรวิญญาณที่อยู่ภายใต้อาณาเขตของข้าในขณะที่ข้ายังทำหน้าที่ตุลาการนรกเมื่อ 300 ปีก่อน ทางฝั่งซ้ายมือคืออสรพิษกลายพันธุ์ ส่วนทางขวาคือหมาป่าแห่งฝันร้าย การต่อสู้ของพวกมันกินเวลากว่าครึ่งเดือน และทั่วทั้งนครก็ถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น”
คนทั้งหมดเข้าใจทันทีว่าอาร์ทิสต้องการจะสื่ออะไร หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง หวังเฉิงห่าวคือคนแรกที่เอ่ยทำลายความเงียบด้วยเสียงที่สั่นเทา “ท่านกำลังจะบอกว่า…เราจะต้องเผชิญหน้ากับอสูรเหล่านี้อย่างนั้นหรือ?”
เป็นไปไม่ได้…
นี่มันเป็นไปไม่ได้! อสูรพวกนี้สูงอย่างน้อย 30-40 เมตร! นี่มันใช่สิ่งที่ทหารวิญญาณของเราจะสามารถก้าวข้ามได้จริง ๆ อย่างนั้นน่ะหรือ?
อาร์ทิสไม่ได้ตอบคำถามของเด็กหนุ่มออกมาโดยตรง กลับกัน นางเพียงมองไปรอบ ๆ ห้องประชุมด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ก่อนที่ข้าจะตอบคำถามนี้ เจ้าควรรู้ถึงองค์ประกอบของแดนมนุษย์และโลกใต้พิภพเสียก่อน พวกมันเป็นเหมือนโลก แดนมนุษย์ก็เหมือนกับพื้นโลก ในขณะที่โลกใต้พิภพเปรียบเสมือนกับแก่นโลก แต่มันก็ยังมีพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ที่กั้นอยู่ระหว่างสองสิ่งนี้อยู่ และมันก็คือแมนเทิล”
“โดยแมนเทิลที่ว่านี้เปรียบเสมือนลิมโบ ท่านฉิน พระองค์ยังทรงจำได้หรือไม่ว่ามันคือสิ่งใด?”
ฉินเย่พยักหน้า ลิมโบคือสถานที่ซึ่งท่านตี้ทิงพักฟื้นตัวอยู่ และมันก็คือสถานที่ซึ่งธูปลบความทรงจำสามารถเก็บเกี่ยวได้
อาร์ทิสพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “แดนมนุษย์ ลิมโบ และโลกใต้พิภพคือสามดินแดนที่แตกต่างกันซึ่งดำรงอยู่คู่ขนานกันไป แต่นั่นก็เป็นแนวคิดที่เรียบง่ายเกินไป”
“เพราะว่า…การมีอยู่ของดินแดนทั้งสามข้ามเกี่ยวกันได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ตอนนี้เรามีท่านตี้ทิงนอนพักฟื้นตัวอยู่ด้านใต้ล่างนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ลิมโบนั้นคือดินแดนที่อยู่เหนือโลกใต้พิภพ… ข้าจะอธิบายอย่างไรดี… คิดเสียว่ามันเป็นชุดของกฎข้อบังคับที่ใช้ในลำดับเฉพาะก็แล้วกัน สำหรับตำแหน่งที่แท้จริงของยมโลก ไม่ว่าจะสูงกว่าหรือต่ำกว่า ด้านข้างหรือแม้กระทั่งภายในลิมโบ ตามหลักความคิดที่ถูกต้องก็คือลิมโบจะอยู่เหนือโลกใต้พิภพเสมอ และมันก็ไม่เกี่ยวข้องกับการรับรู้มองเห็นของมนุษย์อย่างสิ้นเชิง”
เจ้าหน้าที่จดวาระการประชุมจดบันทึกทุกอย่างที่อาร์ทิสพูด มันเป็นแนวคิดที่ยากที่จะเข้าใจ แต่โชคดี หน้าที่ของพวกเขาก็แค่ต้องจดทุกอย่างที่ถูกพูดขึ้นมาในที่ประชุมเท่านั้น
ทั้งหมดที่พวกเขาต้องรู้ก็คือโครงสร้างสามชั้นของพื้นโลก – แมนเทิล – แก่นโลก ตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าไม่ได้ส่งผลกับแนวคิดหลักที่ว่าลิมโบจะต้องตั้งอยู่เหนือโลกใต้พิภพเสมอ มันไม่ต่างอะไรกับชั้นโอโซนที่ปกคลุมอยู่เหนือผิวโลก
อาร์ทิสวาดมือ และหนึ่งในม้วนกระดาษที่นางนำกลับมาจากมรดกของยมโลกแห่งเก่าก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ มันมีความยาวประมาณสองเมตรและกว้างครึ่งเมตร นางวาดมืออีกครั้งและม้วนกระดาษก็ค่อย ๆ คลี่ตัวเอง “และในเมื่อมันมีดินแดนแยกเป็นของตนเอง มันก็ย่อมมีอสูรและสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ภายใน ท่านฉิน พระองค์ทรงจำดอกไม้ที่ปรากฏอยู่ในลิมโบได้หรือไม่? ดอกที่เบ่งบานรอบกายท่านตี้ทิงในตอนแรกที่พวกเราไปถึงที่นั่น?”
ฉินเย่พยักหน้า จากนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้น “เจ้ากำลังจะบอกว่า…มันจะมีพืชอย่างนั้นหรือ?”
อาร์ทิสพยักหน้า
คนทั้งหมดเงียบไป พวกเขาเข้าใจดีว่าอาร์ทิสต้องการจะสื่ออะไร
การมีอยู่ของพืชพวกนี้ย่อมหมายถึงการมีอยู่ของสัตว์และอสูร อีกนัยหนึ่งก็คือ มันก็รวมไปถึงระบบนิเวศทั้งหมด! และการมีอยู่ของระบบนิเวศก็หมายความว่ามันจะต้องมีราชาอสูรวิญญาณที่นั่งอยู่เหนือห่วงโซ่อาหารทั้งหมด ไม่ต่างอะไรจากอสรพิษกลายพันธุ์ และหมาป่าแห่งฝันร้าย!
“นี่ท่านกำลังจะบอกว่า…การเดินทางทั้งหมดจะเต็มไปด้วยเหล่าอสูรที่เราเห็นเมื่อครู่นี้อย่างนั้นหรือ?” รัฐมนตรีเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ”ถ้าเช่นนั้น เหตุใดเราจึงไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลยเล่า?”
“เพราะยมโลก” อาร์มิสชี้นิ้วไปด้านบน “พลังหยินคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในสามดินแดนนี้ ดังนั้นตราบใดที่เรายังไม่ก้าวออกนอกยมโลก มันก็ไม่มีทางที่สิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวด้านนอกจะสามารถก้าวเข้ามาได้ อันที่จริง มันไม่สามารถกำหนดตำแหน่งของยมโลกได้ด้วยซ้ำ แม้ว่าพวกมันจะรู้ที่ตั้งที่แท้จริงของยมโลกตอนนี้ก็ตาม มีเพียงตอนที่ยมโลกขยายจนมีขนาดพอ ๆ กับนครแล้วเท่านั้นที่พวกมันจะปรากฏขึ้นให้เห็น”
ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา
ความหมายแฝงที่อาร์ทิสต้องการจะสื่อนั้นชัดเจน – อาณาเขตภายในยมโลกนั้นปลอดภัย แต่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปทันทีที่พวกเขาก้าวเท้าออกไปด้านนอก!
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงต้องการการป้องกันของทหารวิญญาณ! นี่คือเหตุผลว่าทำไมอาร์ทิสถึงบอกให้โนบูนางะเตรียมฝึกประสบการณ์ต่อสู้จริงให้กับทหารของเขา!
ฉินเย่เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก อาร์ทิสบอกว่าพวกมันน่าสะพรึงกลัว… หากขั้นตุลาการนรกที่ได้อันดับต้น ๆ ของตุลาการนรกทั้งหมดในยมโลกแห่งเก่ายังบอกว่าพวกมันน่าสะพรึงกลัว…
“โอเค” เขาลุกขึ้นยืน “สรุปการประชุม แจ้งกษัตริย์แห่งฮันยางว่าเราขอยกเลิกข้อตกลงทั้งหมด ยมโลกจะสนใจแต่กิจการของตนเอง และพวกเราจะไม่ก้าวเท้าออกนอกจากเขตแดนของยมโลก—…”
ทว่าเม็ดเหงื่อเย็นกลับไหลออกมาจากหน้าผากของเขาก่อนที่เขาจะเอ่ยจบ
ตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ เส้นผมของอาร์ทิสได้ก่อตัวเป็นกรรไกรที่น่ากลัวและพุ่งขึ้นมาจากด้านใต้ร่างของฉินเย่อย่างน่าหวาดเสียว เหนือต้นขา ระหว่างขาทั้งสองข้าง นางจ้องมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาอาฆาต – ลองพูดอีกทีสิ…
“…แน่นอนว่าข้าล้อเล่น!” ฉินเย่เอ่ยต่ออย่างกระตือรือร้น “ในฐานะส่วนหนึ่งของยมโลกแห่งใหม่ พวกเราจะต้องทุ่มเทความพยายามทั้งหมดเพื่อความเจริญเติบโตและความก้าวหน้า พวกเราจะต้องก้าวไปพร้อมกับกาลเวลา ปฏิรูปนโยบายและเปิดพรมแดนเพื่อไขว่คว้าหาโอกาสให้ได้มากที่สุด! ดังนั้น โนบูนางะ ข้ามอบหมายให้เจ้ารับผิดชอบในการปูทางไปสู่ดินแดนใหม่ของเรา และข้าจะรอฟังข่าวดีอย่างใจจดใจจ่อ”
โนบูนางะตกตะลึง “ฝ่าบาท พระองค์จะไม่เสด็จไปด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ? พวกเรากำลังพูดถึงการสร้างเมืองใหม่ หากปราศจากพระองค์อยู่รอบ ๆ พวกเราจะต้องอาศัยนกส่งสารในการส่งข่าวและรับคำสั่งจากพระองค์ มันจะเป็นการยุ่งยากและไร้ซึ่งประสิทธิภาพอย่างมาก”
ฉินเย่ส่งเสียงฮึดฮัด “การดำรงอยู่ของข้านั้นมีความสำคัญต่อความมั่นคงของโลก มันจึงเป็นธรรมดาที่ข้าควรจะอยู่เป็นกองหลัง…และดูแลเกี่ยวกับการสนับสนุนทางการส่งกำลังบำรุงรวมเพื่อรับประกันความสำเร็จของเจ้า!! จากนั้น ข้าจึงจะไปเข้าร่วมสมรภูมิกับเจ้าจนกว่าเราจะสามารถบุกเบิกพื้นที่ใหม่และไปถึงที่จุดหมายปลายทาง!”
ฉับ ฉับ กรรไกรที่จ่ออยู่ด้านใต้ของเขาส่งเสียงคมกริบอย่างน่าหวาดเสียว
ให้ตายเถอะ…
ฉินเย่ปาดเหงื่อบนหน้าผากของตัวเอง ท่านโหดร้ายเกินไปแล้ว… ท่านขู่ข้าด้วยวิธีการที่ไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ได้อย่างไร… เกิดอะไรขึ้นกับความเคารพที่ข้าควรจะได้รับในฐานะของจ้าวนรกแห่งยมโลก…
แถมข้ายังตกลงที่จะเข้าร่วมสมรภูมิกับโนบูนางะแล้ว เหตุใดท่านถึงยังขู่ข้าเช่นนี้อีก?!
และยังข่มขู่ข้าด้วยกรรไกรสองขาพวกนี้อีก?! ไปให้พ้น! ท่านกำลังคุกคามพื้นที่สงวนที่ไม่ควรสัมผัสของข้า! นี่ท่านคิดว่ามันคือจุดที่ท่านได้รับอนุญาตในการเข้าถึงหรืออย่างไร?
ว่ากันว่าบางคนจะเปล่งประกายมากที่สุดในช่วงเวลาวิกฤต ตอนนี้สมองของฉินเย่กำลังประมวลผลอย่างรวดเร็ว และทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “แน่นอน ข้าจะเป็นผู้นำของกองทัพเอง!”
โนบูนางะมองด้วยสีหน้าเป็นกังวลทันที “ฝ่าบาท แค่พระองค์ทรงอยู่กลางกองทัพก็เพียงพอแล้วพ่ะย่ะค่ะ การไปประจำอยู่ด้านหน้านั้นอันตรายเกินไป”
“ไม่! พวกเรากำลังพูดถึงชีวิตของประชากรวิญญาณของยมโลกแห่งใหม่ ข้าเองก็ใกล้จะเลื่อนเป็นขั้นตุลาการนรกแล้ว ดังนั้นข้าจะเอาแต่หลบอยู่เบื้องหลังประชาชนของตัวเองได้อย่างไร?!” ฉินเย่เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่ชอบธรรม
กรรไกรที่อยู่ด้านล่างถอยห่างออกไปในที่สุด และฉินเย่ก็ค่อย ๆ ทรุดตัวนั่งลงกับที่ตามเดิม พระเจ้าช่วย…ให้ตายเถอะ! นี่เขาเพิ่งพูดอะไรออกไป?!
สีหน้าของฉินเย่ซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตระหนักได้ว่าการเอาชีวิตรอดของตัวเองนั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใด เขาพนันด้วยทุกอย่างที่มีเลยว่าเขาจะเป็นคนแรกที่ตัดสินใจทรยศยมโลกหากตัวเองถูกจับกุมโดยกองกำลังของศัตรู…
แต่…การต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดของตัวเองมันผิดอะไรกัน?! ทำไมโลกต้องต่อต้านความปรารถนาที่เรียบง่ายของเขาด้วย?!
อาร์ทิสพยักหน้าในที่สุด “ใช่แล้ว ในฐานะของตุลาการนรก มันถูกต้องแล้วที่พระองค์จะเป็นผู้นำทัพต่อสู้ และในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็ขออนุญาตบอกข่าวที่ทั้งไม่ดีและไม่ร้ายกับพระองค์เลยก็แล้วกัน”
ฉินเย่สัมผัสได้ถึงความอันตรายแฝงจากสิ่งที่อาร์ทิสกำลังจะเอ่ยออกมา และเขาก็รีบแทรกขึ้นทันที “หากเป็นเช่นนั้น เหตุใดเจ้าถึงไม่เก็บมันไว้กับตัวเล่า?”
ได้โปรด หยุดได้แล้ว… ข้าฟังมามากพอแล้ว! ข้าไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถรับมือกับเรื่องที่น่าตกตะลึงพวกนี้ได้อีกแล้ว!