ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่ 158 ฉันทำได้
ตอนที่158 ฉันทำได้
เหลียวเซียวหยุนตรงเข้ามาถามทันทีว่า
“พวกนี้ใครกัน?”
“รองผู้จัดการกับเลขาของห้างแห่งนี้”
จ้าวเฉียนเอ่ยตอบไปตามความจริง
“แล้วทำไมจู่ๆนายถึงกลายไปเป็นศัตรูกับพวกนั้นได้?”
เหลียวเซียวหยุนยังคงเอ่ยถามต่อไป
“เรื่องมันยาว ถ้าผมมีเวลาเดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังเอง”
จ้าวเฉียนเอ่ยปากตอบกลับไป
ในเวลานั้นเอง หวันเจียงกับเซียวลี่ก็ตรงเข้ามาหา
หวันเจียงยิ้มเยาะกล่าวขึ้นว่า
“โทรเสร็จแล้วหนิ ทีนี้ไปห้องทำงานฉันได้รึยัง?”
เซียวลี่พูดสบประมาทขึ้นว่า
“อย่างมันจะกล้าเหรอ?”
เหลียวเซียวหยุนไม่สามารถทนฟังต่อได้ไหว เธอชี้หน้าด่าหวันเจียงทันทีด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า
“คิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงกล้าหาเรื่องคนของฉัน!”
เซียวลี่ไม่รู้ว่าเหลียวเซียวหยุนเป็นใคร จึงเอ่ยถามพร้อมสายตาเชิงดูถูกขึ้นทันทีว่า
“เธอนั่นแหละเป็นใคร ถึงกล้าชี้หน้าใส่พวกเรา?”
“ฉันชื่อเหลียวเซียวหยุน พ่อของฉันเป็นประธานบริษัทเกมหัวโหย้ว เหลียวปี้ซ่ง!”
เหลียวเซียวหยุนตอบสวนกลับทันทีด้วยความภาคภูมิใจ
แต่เซียวลี่กับหวันเจียงกลับมองหน้ากันอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนเอ่ยขึ้นว่า
“ไม่เห็นเคยได้ยินเลย”
ปฏิกิริยาของทั้งคู่ทำเอาเหลียวเซียวหยุนเดือดดาลขึ้นเป็นทวี เธอตะคอกด่าว่า
“สมองพวกนายผิดปกติอะไรรึเปล่า? ถึงไม่เคยได้ยินชื่อบริษัทหัวโหย้ว หรือทั้งชีวิตพวกนายไม่เคยเล่นเกมกันเลยห๊ะ?!”
ทั้งคู่ส่ายหัวและตอบกลับไปตามตรงว่า ไม่ชอบเล่นเกม
ซึ่งนี่ก็จะโทษพวกเขาก็ไม่ได้ บริษัทเกมไม่ได้เหมือนกับบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งอุโภคบริโภค จึงมีชื่อเสียงและรู้จักเฉพาะกลุ่มเท่านั้น แต่สำหรับผู้คนทั่วไป ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่จะไม่รู้จัก
หวันเจียงเบนความสนใจไปทางจ้าวเฉียนอีกครั้งและเอ่ยถามว่า
“นี่ถือว่าขอดีๆแล้วนะ กล้าไปห้องทำงานกับฉันไหม!?”
จ้าวเฉียนเอ่ยตอบเสียงเงียบดูท่าทีไม่มีเกรงกลัว
“กล้าอยู่แล้ว ทำไมจะไม่กล้า? อย่าว่าแต่ห้องทำงานคุณเลย ให้บุกไปถึงสำนักงานใหญ่ ฉันยังไม่มีอะไรต้องกลัว”
“ดี! หวังว่าหลังจากนี้ยังจะปากดีได้อยู่! เชิญ!”
เหลียวเซียวหยุนสังหรณ์ใจไม่ดี หากปล่อยให้จ้าวเฉียนเข้าไปยังห้องทำงานของหวันเจียง มันอาจเกิดอันตรายกับเขาก็เป็นได้ ดังนั้นเธอจึงเดินเข้าไปกระซิบจ้าวเฉียนว่า
“จังหวะนี้แหละ นายรีบวิ่งหนีไปเลย ถ้านายเข้าไปถึงห้องทำงานมัน มีหวังต้องเลือดตกยางออกแน่นอน”
แต่หลังจากที่เธอกล่าวออกไปแบบนั้น จ้าวเฉียนกลับทำหูทวนลมและเดินติดตามอีกฝ่ายออกไป
“ผมบอกไปแล้วว่าจะไปห้องทำงานของเขา แล้วจะหนีไปตอนนี้ได้ยังไง? ผมยอมเลือดตกยางออกดีกว่าโดนตราหน้าว่าขี้ขลาด!”
เหลียวเซียวหยุนได้ยินแบบนั้น พลันหมุนคิ้วอย่างช่วยไม่ได้
“นายมันโง่! รีบหนีไปก่อนแล้วค่อยกลับมาแก้แค้นยังไม่สาย! ตอนนนี้นายกำลังไปถิ่นของมัน แล้วมันจะทำอะไรกับนายก็ได้! เดี๋ยวฉันจะรีบโทรหาพ่อกับพี่ชายให้มาช่วยเดี๋ยวนี้แหละ!”
จ้าวเฉียนยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจและกล่าวตอบไปว่า
“ไม่ต้องกังวล พวกมันไม่มีโอกาได้แตะต้องตัวผมด้วยซ้ำ”
“นาย…นายไปเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหน? นี่เป็นถึงรองผู้จัดการห้างตงไห่ เซ็นเตอร์ หนึ่งในสามห้างใหญ่ที่สุดของเมือง แม้แต่พ่อของฉันที่มายังต้องออกหน้าไปทักทายผู้จัดการของที่นี่ แล้วนายอายุเพิ่งจะเท่าไหร่เอง? รีบหนีเร็วเข้าเถอะ ไม่อย่างนั้นนายซวยแน่!”
เหลียวเซียวหยุนพยายามลากจ้าวเฉียนหนีไปหลังจากที่พูดจบ
หวันเจียงกับเซียวลี่ที่หันมาเห็นภาพฉากนี้ พวกเขาถึงกับระเบิดหัวเราะเยาะดังลั่น มีความสุขเหลือเกินที่เห็นสองคนนั้นพยายามจะหนี
“ทำไม? เริ่มกลัวจนอยากหนีแล้วรึไง? แต่น่าเสียดายนะที่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว ถ้าอยากจะหนีหรือขอโทษ ค่อยไปว่ากันในห้องทำงานของรองผู้จัดการก็ได้ ฮ่าฮ่า…”
จ้าวเฉียนไม่อยากให้เหลียวเซียวหยุนเข้ามาพัวพันด้วย ดังนั้นเขาจึงจงใจตะคอกใส่เธอไปว่า
“ออกไป อย่ามาขวางผม!”
จากนั้นจ้าวเฉียนก็สะบัดแขนทิ้งเหลียวเซียวหยุน และเดินติดตามหวันเจียงและเซียวลี่ออกไปอย่างรวดเร็ว
เซียวลี่กหันมาพูดกับเหลียวเซียวหยุนพร้อมใบหน้าแสนเย้ยหยันว่า
“น้องสาว คนไร้ความสามารถแบบนี้ไม่คู่ควรกับเธอหรอกนะ ไปหาผู้ชายคนอื่นควงแขนยังดีสักกว่า”
เหลียวเซียวหยุนโกรธจัดจนน้ำไหลรินไหล แต่เธอหัวรั้นไม่ยอมจากออกไปทั้งแบบนี้แน่นอน เธอจึงรีบวิ่งตามทั้งสามไป
“โอ้! ดื้อไม่ใช่น้อยนะ อยากเห็นแฟนเธอถูกกระทืบติดดินกับตาเลยใช่ไหม!”
เซียวลี่ยังคงกล่าวเย้ยเยาะเหลียวเซียวหยุนอย่างต่อเนื่อง
ไม่นาน พวกเขาทั้งสี่ก็ตรงมาถึงห้องทำงานของหวันเจียง ซึ่งหวังเจียงเองก็ไม่อ้อมค้อมใดๆ และเข้าประเด็นตามตรงไปว่า
“ขอโทษพวกเราพร้อมจ่ายเงินเป็นจำนวน10ล้านหยวนเป็นค่าชดใช้ หลังจากนี้ความแค้นระหว่างพวกเราถือเป็นอันจบสิ้น ในอนาคต หากนายคิดจะมาเดินห้างแห่งนี้ พวกเราเองก็ยินดีต้อนรับ ว่ายังไงล่ะ?”
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะทันทีและตอบกลับไปว่า
“ทันทีที่อ้าปากก็ขอเงิน10ล้านกันเลย? โลภไม่ใช่น้อยเลยนะครับ!”
เซียวลี่กล่าวตอบทันทีว่า
“ถ้าไม่ใช่เพราะแก ร้านค้าหลายแห่งในห้างคงไม่ต้องปิดตัวลง พวกนั้นเป็นแหล่งกำไรให้เราได้หลายสิบล้านต่อปี แต่ตอนนี้พวกเขาขอจากแกแค่10ล้าน แกจะไม่ใจดำไปหน่อยเหรอ?”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและเอ่ยถามต่อว่า
“ถ้าอย่างนั้น ผมก็สามารถแจ้งตำรวจได้สินะครับว่า พวกคุณเรียกเก็บสินบนเพื่อให้ร้านค้าเหล่านั้นหลอกขายของปลอมแก่ลูกค้าในห้าง?”
สีหน้าของเซียวลี่แปรเปลี่ยนไปฉันพลัน เขาสบถด่าขึ้นทันทีว่า
“ได้! ในเมื่อแก่ไม่ยอมย่อมได้! ถ้าฉันโกรธขึ้นมาเมื่อไหร่ จะโทรเรียกลูกน้องจำนวนหลายสิบจากข้างนอกให้มากระทืบนายยังได้ มีลูกพี่ลูกน้องของฉันถูกดำเนิคดีก็เพราะนายทำให้เรื่องนี้มันแดง บางคนถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต! ที่จริง10ล้านยังน้อยไปด้วยซ้ำ! นายทำร้ายชีวิตของพวกเขา ไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลยรึไง?!”
ยิ่งได้ยินแบบนั้น จ้าวเฉียนยิ่งระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น
“ก็พวกนายหลอกขายของปลอม ก็สมควรได้รับโทษแล้วไม่ใช่เหรอครับ? อีกอย่างพูดยังกับลูกพี่ลูกน้องตัวเองยากจนมาก ฉันไม่เชื่อหรอกว่า พวกนั้นจะไม่มีทางทำอะไรแลย ไม่แน่พวกมันอาจจะพ้นคุกก่อนกำหนด แล้วหาทางกลับมาล้างแค้นฉัน?”
เซียวลี่ตะคอกสวนตอบทันทีว่า
“หน้าด้านจริงๆ!!”
จ้าวเฉียนแสยะยิ้มขึ้นบนมุมปากและกล่าวน้ำเสียงเรียบไปว่า
“อันที่จริง ถ้าพวกนายเป็นห่วงลูกพี่ลูกน้องพวกนั้นจริงๆล่ะก็ พวกนายก็ยอมมอบตัวในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด ฉันมั่นใจว่า ลูกพี่ลูกน้องนายทั้งหมดย่อมถูกลดโทษทัณฑ์ลงโดยธรรมชาติ ไม่ก็โดนคดีที่ไม่รุนแรงขนาดนั้น”
สีหน้าทั้งคู่ดูเย็นชาขึ้นทันควัน เผยแสดงรอยยิ้มแสนร้ายกาจออกมา
หวันเจียงขู่ขึ้นว่า
“ฉันจะให้โอกาสคุณ อย่าทำเรื่องโง่ๆจะดีกว่า! ฉันเป็นถึงรองผู้จัดการของห้างแห่งนี้ คิดว่าฉันจะไม่สามารถทำอะไรนายได้จริงๆงั้นเหรอ?”
จ้าวเฉียนดูจริงจังขุ้นถนัดตาเช่นกัน และตอบกลับไปว่า
“ฉันไม่รู้หรอกว่านายจะมีความสามารถขนาดไหน แต่สิ่งที่ฉันรู้คือ วันนี้พวกนายชะตาขาดแน่ ทำตามที่ฉันบอกไปดีกว่า ยอมมอบตัวซะ จากโทษหนักจะได้กลายเป็นเบา”
“ฮ่าฮ่า…ทำไมกูต้องฟังมึงวะ?”
เซียวลี่เริ่มมีน้ำโห แสยะยิ้มเชิงยั่วยุพร้อมเอ่ยถามทันที
“ดื้อจริงๆ! ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมใจชดใช้กับสิ่งที่นายก่อไว้ได้เลย!”
แววตาของหวังเจียงดูชั่วร้ายอย่างมากในขณะนี้ ก่อนจะหยิบมือถือโทรออกหาใครบางคน
เหลียวเซียวหยุนกังวลยิ่งว่า จ้าวเฉียนอาจตกอยู่ในอันตราได้ ขณะที่เธอกำลังจะกดโทรออกไปหาพี่ชายของเธอ เพื่อขอความช่วยเหลือ จู่ๆเธอก็ถูกจ้าวเฉียนห้ามเอาไว้
“ไม่ต้อง ผมจัดการได้”
จ้าวเฉียนกล่าวอย่างใจเย็น
เหลียวเซียวหยุนไม่อาจทำใจสงบได้แม้สักนิด ยิ่งเห็นท่าทีของเขาในตอนนี้เธอเองก็ยิ่งหงุดหงิด
“อย่าทำตัวราวกับจัดการปัญหาได้ทุกอย่างได้ไหม? ฉันจะโทรเรียกพี่ชายให้มาช่วยเอง!”
“ผมบอกไปแล้วนะว่า จัดการได้ก็คือจัดการได้ ไม่เชื่อใจผมแล้วเหรอ?”
พอพูดจบจ้าวเฉียนก็คว้ามือถือของเหลียวเซียวหยุนออกจากมือเธอไปทันที
ในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากภายนอก เซียวลี่รีบวิ่งไปเปิดประตูทันทีพร้อมรอยยิ้ม และปรากฏเป็นรปภ.จำนวนนับสิบที่ตรงเข้ามา
“รองผู้จัดการหวัน มีอะไรให้พวกผมช่วยครับ?”
หัวหน้ารปภ.เอ่ยถามขึ้น
หวันเจีงชี้ไปที่จ้าวเฉียนและแสร้งปั้นสีหน้าจนปัญญา
“หมอนี่จงใจสร้างปัญหาให้ผม พวกคุณช่วยสั่งสอนเขาสักหน่อยได้ไหม แล้วไม่ต้องกังวลถึงผลที่จะตามมา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันจัดการเอง”
พอได้ยินคำยืนยันจากปากของหวันเจียง บรรดารปภ.ต่างก็รู้สึกโล่งใจได้หลายเปาะ พวกเขาหันกลับไปล็อกประตูและหยิบกระบองออกมา ตรงเข้าล้อมกรอบจ้าวเฉียนโดยตรง
เหลียวเซียวหยุนตกใจอย่างมาก และรีบตะคอกใส่หวันเจียงสั่งให้หยุดทุกการกระทำเดี๋ยวนี้
“ฉันบอกให้หยุดไง! รู้ไหมว่าพ่อของฉันรู้จักกับผู้อำนวยการหลี่! ถ้าทำอะไรโง่ๆ พวกนายเตรียมโดนไล่ออกได้เลย!”
“โอ้? รู้สึกกลัวจัง ถ้าอย่างนั้นก็รีบโทรหาพ่อของเธอเร็วๆเลย ฉันจะได้อธิบายเรื่องราวทั้งหมดกับผู้อำนวยการหลี่ทีเดียว”